คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
ขจกท พูดได้เนอะ จากกท ล้าน คือลองต้องเช่าบ้านดุสิค่ะ
จะมีความสามารถเก็บมั้ยค่ะ
แล้วคนที่เต้าซื้อบ้านเพาะเค้ามองว่า เช่าไม่ได้อะไรค่ะ อดอีดนิด ผ่อนบ้านได้เลยค่ะ
แล้วถ้าต้องเช่าบ้าน เพื่อเก็บเงิน หรือจะได้ซื้อบเานเงินสด
กว่าจะเกบได้ 3 ล้าน บ้านหลังที่อยากได้ อาจกลายเป็น 10 ล้านนะคะ
ส่วนถามว่สทำไมไม่เก็บ คือดอกเบี้ยไงค่ะ
เก็บได้กี่ % ค่ะ แต่ดอกบ้านกี่ % ค่ะ
อันนี้พุดถึงคนพอหาได้ มีเครดิตซื้อบ้าน
ลองดุคนบางกลุ่มมั้ย หาเช้ากินค่ำ อ่ะคะ
บางทีพุดมันง่ายนะ แต่ทำมันยากค่ะ สถานะคนเรามันต่างกันค่ะ
ส่วนตัวเรา ส่งตัวเองเรียน ป ตรี
ผ่อนบ้านด้วน เลี้ยงแม่ด้วย (แม่ไม่มีรายได้)
แต่เราก็มีเงินเก็บนะ
แต่ที่กล้าพูดแบบนี้ เพราะเรามองคนทุกกลุ่มค่ะ
จนมาก่อน และตอนนี้ก็แค่พอมีใช้ค่ะ หนี้ยังมีค่ะ
จะมีความสามารถเก็บมั้ยค่ะ
แล้วคนที่เต้าซื้อบ้านเพาะเค้ามองว่า เช่าไม่ได้อะไรค่ะ อดอีดนิด ผ่อนบ้านได้เลยค่ะ
แล้วถ้าต้องเช่าบ้าน เพื่อเก็บเงิน หรือจะได้ซื้อบเานเงินสด
กว่าจะเกบได้ 3 ล้าน บ้านหลังที่อยากได้ อาจกลายเป็น 10 ล้านนะคะ
ส่วนถามว่สทำไมไม่เก็บ คือดอกเบี้ยไงค่ะ
เก็บได้กี่ % ค่ะ แต่ดอกบ้านกี่ % ค่ะ
อันนี้พุดถึงคนพอหาได้ มีเครดิตซื้อบ้าน
ลองดุคนบางกลุ่มมั้ย หาเช้ากินค่ำ อ่ะคะ
บางทีพุดมันง่ายนะ แต่ทำมันยากค่ะ สถานะคนเรามันต่างกันค่ะ
ส่วนตัวเรา ส่งตัวเองเรียน ป ตรี
ผ่อนบ้านด้วน เลี้ยงแม่ด้วย (แม่ไม่มีรายได้)
แต่เราก็มีเงินเก็บนะ
แต่ที่กล้าพูดแบบนี้ เพราะเรามองคนทุกกลุ่มค่ะ
จนมาก่อน และตอนนี้ก็แค่พอมีใช้ค่ะ หนี้ยังมีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 12
เห็นด้วยกับ จขกท. ส่วนนึงนะ แต่ไม่อยากให้เหมาว่าทุกคนที่มีภาระ เอาภาระมาอ้างถึงเก็บเงินไม่ได้ คือพวกที่ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนมือถือจนไม่เหลือเก็บ กลุ่มนี้ก็เห็นด้วยว่าไม่มีเก็บเพราะทำตัวเอง แต่บางคนเค้าขัดสนจริงๆ เคยเจอแบบผู้หญิงคนเดียว จบแค่ ป.4 แต่ต้องหาเงินเลี้ยงลูกวัยเรียน 2 คน บ้านก็ต้องเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟก็ต้องเสีย แบบนี้เค้าคงยากที่เก็บเงินได้ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากเก็บ แต่เค้าไม่พร้อมจะเก็บ ถ้าตัดเงินบางส่วนแบบที่ จขกท. ว่ามาเก็บไว้ก่อนเลย ลูกเค้าก็ต้องอด ลองมองในมุมที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสดูด้วยนะ
ความคิดเห็นที่ 21
ไม่มีใครหรอกไม่อยากมีเงินเก็บ แต่ "ดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม ร้อยละ 28 ต่อปี" กับ "ดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละไม่เกิน 6 ต่อปี" ถ้าเอาเงินมาเก็บแค่ดือนละ 1,000฿ กับเอาเงินไปชำระหนี้เพื่อลดต้นลดดอกให้หมดเร็วที่สุดอย่างไหนคุ้มค่ากว่ากันครับ?
คนจนรายได้ค่าแรงขั้นต่ำ 9,000฿ ทำโอที ก็ได้ประมาณไม่เกิน 15,000฿ หักประกันสังคม&กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฯลฯ เหลืออยู่เท่าไร ค่าข้าว มื้อละ 50฿ - 70฿ ค่ารถไปทำงาน, ค่าไปโรงเรียนลูกอีก, ค่าผ่อนบ้าน, ค่าน้ำ, ค่าไฟ ถ้าพ่อแม่หรือใครในครอบครัวไม่สบายอีกล่ะ จะให้เขาเอาที่ไหนมาเก็บครับ
ป.ล.ถึงท่านเจ้าของกระทู้ที่คิดว่าตัวเองเจริญลบกระทูนี้เถอะครับจะได้ไม่เป็นการล่อเป้าให้คนเขาเข้ามาด่า แล้วไปศึกษาเรื่องจิตวิทยาการสอนคนมาใหม่ครับเพราะถึงจะสอนด้วยเจตนาดี แต่คุณมองด้านเดียวไม่ได้มองเลยว่ามันจะกระทบความรู้สึกคนอื่นอย่างไร?
คนจนรายได้ค่าแรงขั้นต่ำ 9,000฿ ทำโอที ก็ได้ประมาณไม่เกิน 15,000฿ หักประกันสังคม&กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฯลฯ เหลืออยู่เท่าไร ค่าข้าว มื้อละ 50฿ - 70฿ ค่ารถไปทำงาน, ค่าไปโรงเรียนลูกอีก, ค่าผ่อนบ้าน, ค่าน้ำ, ค่าไฟ ถ้าพ่อแม่หรือใครในครอบครัวไม่สบายอีกล่ะ จะให้เขาเอาที่ไหนมาเก็บครับ
ป.ล.ถึงท่านเจ้าของกระทู้ที่คิดว่าตัวเองเจริญลบกระทูนี้เถอะครับจะได้ไม่เป็นการล่อเป้าให้คนเขาเข้ามาด่า แล้วไปศึกษาเรื่องจิตวิทยาการสอนคนมาใหม่ครับเพราะถึงจะสอนด้วยเจตนาดี แต่คุณมองด้านเดียวไม่ได้มองเลยว่ามันจะกระทบความรู้สึกคนอื่นอย่างไร?
ความคิดเห็นที่ 18
คนมีกับคนไม่มี มักมีมุมมองที่ไม่ค่อยจะเหมิอนกัน จขกท.อยากแนะนำวิธีออมเงิน แต่บางทีก็กล่าวหาคนที่ไม่มีเงินเก็บ(เหมือนตัวเอง) ว่าเป็นคนใช้จ่ายเกินตัวหรือไม่รู้จักตัวเอง คุณมองโลกไม่รอบด้าน เพราะทุกคนอยากมีเงินเก็บในบัญชีกันทั้งนั้น แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างของแต่ละคนมีต่างๆกันไป คุณไม่อยู่ในสภาพการณ์แบบเขาเหล่านั้น คุณไม่มีวันเข้าใจ คุณกล้าที่จะมาลองนับ=00กับเขาเหล่านั้นไหม คุณแนะนำเป็นเรื่องที่ดี แต่-ดันไม่ควร โอกาสของแต่ละคนในการสร้างฐานะก้อแตกต่าง กัน
แสดงความคิดเห็น
** ทำไมคนที่มีภาระ มักจะคิดว่าตัวเองเก็บเงินไม่ได้ **
ส่วนคนที่มีภาระที่ตัวเองไม่ได้ก่อ หรือเพราะความจำเป็นบางประการ .. ก็โปรดพิจารณาตามความเป็นไปได้ หรือตามความเหมาะสม นะคะ**
คนที่มีภาระ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ หรือครอบครัว
ทำไมจึงคิดกันแต่ว่า ก็มีภาระเยอะ จะเอาที่ไหนมาเก็บ หรือ แค่จะกินก็ยังจะไม่พอ แล้วยังจะให้เก็บอีก
หรือบางคนคิดว่า ให้หมดหนี้ก่อน แล้วจึงเริ่มเก็บ (อย่างนี้ถ้าผ่อนบ้าน 30 ปี .. อีก 30 ปี ค่อยเริ่มเก็บเงินหรือ?)
เป็นไปได้ไหมที่จะ ผ่อนบ้านไปด้วยและเก็บเงินไปด้วย(นิดหน่อยก็ยังดี เผื่อเหลือเผื่อขาด)
เราอยากให้คนที่ ไม่ว่าเงินเดือนน้อย หรือคนที่มีภาระ ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ค่ะ
อยากให้แยกให้ออกระหว่าง "หนี้ หรือ ภาระ" กับ "เงินเก็บ"
"หนี้" ยังไงก็ต้องใช้เขา ตามที่ตกลงกัน
ส่วน "เงินเก็บ" เราสามารถเจียดมาจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ หลังจากหักค่าใช้จ่ายคงที่ แล้ว
เช่น เจียดมาสัก วันละ 10 บาท 20 บาท หรือเดือนละ 100 200 (แล้วแต่กำลัง) มันคงไม่ทำให้เราลำบากมากขึ้นสักเท่าไหร่(เพราะทุกวันนี้ก็ลำบากอยู่แล้ว..มั้ย)
ความสามารถพิเศษของคนเรา อย่างหนึ่งก็คือ สามารถเขยิบรายจ่าย ให้เทียบเท่าหรือมากกว่ารายได้ที่มี ได้เสมอ
ฉะนั้นวิธีใช้ความสามารถนี้ให้เป็นประโชน์แก่ตัวเรา ก็คือ
ทำให้สมองรับรู้ถึงเงินที่มี(ให้น้อยกว่าความเป็นจริง) แล้วเราก็จะใช้จ่ายเท่าที่เราคิดว่ามี (ที่เรามองเห็นเป็นตัวเงินหรือตัวเลข)
เช่น เงินในเอทีเอ็ม เดือนนี้ มี 5000 เราก็สามารถใช้ให้พอได้ ใน 5000
แต่ถ้าเราเหลือติดไว้ 4000 เราก็สามารถจะใช้ให้พอได้ใน 4000 เช่นกัน(อาจจะบ่นนิด ๆ หน่อย ๆ )
ถ้าถามว่า มันลำบากไปมั้ย เงินแค่ 20 50 100 เดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่ได้มาก
ก็ถ้ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราสบายไปกว่าทุกวันนี้ จะมีหรือไม่มี ก็คงไม่เป็นไรมั้ง
ก็อาจจะลำบากในช่วงแรก ๆ แต่สักระยะหนึ่งเราก็จะชินกับการเก็บเงิน
แล้วถ้าเราเห็นยอดเงินเพิ่มขึ้น เราก็จะค่อยอุ่นใจหน่อยว่าพอมีเงินเก็บบ้าง
ไม่แน่ คุณอาจจะชักสนุกกับการเก็บเงินขึ้นมาก็ได้
หลักการของ "เงินที่มองไม่เห็น คือ เงินที่ไม่ได้ใช้ " ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราเห็นเงินในมือให้น้อยกว่าความเป็นจริง
แยกมันออกมา แล้วสมองจะจดจำเงินที่เราเห็นเท่านั้น
เมื่อเราเห็นเงินเท่าที่มี สมองจะจัดการบริหารเงินที่มีอยู่ให้เอง คุณก็จะพยายามใช้เท่าที่มี
ส่วนเงินที่มองไม่เห็น ก็คือเงินที่คุณเก็บเอาไว้ แล้วทำเป็นลืมไปซะ คิดเสียว่าเป็นการใช้หนี้ตัวเองก็ได้
ขอให้สังเกตว่า ทำไมเวลาคนที่เงินเดือนเพิ่มขึ้น รายจ่ายมากจะมากขึ้นตามเงินที่เพิ่ม เผลอๆ มากกว่าเสียอีก
นั่นก็เพราะเราเห็นเงินมากขึ้นนั่นเอง ..
ตอนทำงานใหม่ ๆ เงินเดือน 10000 เราสามารถใช้ได้เพียงพอ พอเงินเดือนขึ้นเป็น 15000 เราก็ใช้เพียงพอ
แต่ถ้าให้กลับมาเหลือ 10000 หรือให้ใช้แค่ 10000 ทำไมมันถึงใช้ไม่พอ .. น่าคิดนะคะ
ฝากไว้เท่านี้ค่ะ
ขอให้โชคดีมีเงินเก็บทุกท่านนะคะ
ป.ล.1 การมีภาระ นั้น ไม่ผิด แต่การที่เอาการมีภาระมาเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่มีเงินเก็บ .. เราว่าไม่ใช่แล้วล่ะ (คหสต)
ป.ล.2 จขกท ก็มีหนี้สินพอประมาณ แต่ถ้าเรามีการประมาณตน เราก็จะไม่ก่อหนี้สินล้นพ้นตัว
ป.ล.3 หลักการ "เงินที่มองไม่เห็น คือเงินที่ไม่ได้ใช้" นี้ จขกท ทำมาแล้ว และเห็นว่ามันทำได้จริง จึงนำมาบอกเล่า เผื่อใครคิดอยากจะลองทำบ้าง เพราะถ้าทำได้ก็ดีกับบุคคลนั้น แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย อาจจะเสียเวลาไปบ้างเท่านั้นเอง