
หลายๆคนอาจจะสงสัยการจั่วหัวว่าทำไมถึงไปเที่ยว 14 วัน 13 คืนแล้วที่บวกอีก 1 คืน นั้นมันมาจากไหน ก็ไม่ได้มีอารายยยมากเราแค่จองตั๋วขากลับ กทม พลาดไปแค่เดือนเดียวเอ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เนอะๆๆๆ ไม่เป็นไรหรอก(555 ปลอบใจตัวเอง)

คือเหตุการมันมีอยู่ว่า จิวได้จองตั๋วไป ญป โดนสายการบินนกสกูท แต่ดั๊นสับสนวันกลับกับทริปของอีกเดือนนึง เลยลงวันขากลับผิดเดือนเราก็เชคหลายๆรอบละก็นึกว่าถูก โอ๊ยยยยยย สติๆ!!!!!! แล้วที่เด็ดคือความเชื่อเรื่องตั้งแต่สมัย พ่อ แม่ ปู่ ยา ตา ทวด ว่าถ้าตาขวากระตุกรัวๆๆๆๆเนี่ย มันจะมีเรื่อง!!! ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะตอนอยู่ที่นู่นเราก็งง ว่าทำไมตาขวามันกระตุกบ่อยจังวะ สงสัยจะนอนน้อย แล้วยิ่งวันก่อนขากลับเนี่ยคือกระตุกแบบบรัวๆๆๆๆเลยอะ ผับๆๆๆๆๆๆๆเลย
พอถึงวันกลับนี่ก็นั่งรถไฟไปถึงสนามบินโดยไม่ได้ตะขิดตะขวงใจใดๆ เราก็เดินจะไปเชคอิน ด้วยความที่เราโชคดีจอง สกูทบิสมา แถวมันเลยสั้นมาก(ราคาดีเวอร์ 13xxx ฟูลเซอร์วิส แต่ที่นั่งก็จะเป็นแบบพรีเมี่ยมอีโคโนมี่)แลัวพอถึงเค้าท์เตอร์ ก็ยื่นพาสสปอร์ท พนักงานนางก็ คีย์ๆดูข้อมูลไป แล้วทีนี่ก็รู้เรื่อง!!!!! 5555

สถาณะการณ์จำลอง หลังจากยื่นพาสปอร์ทไปให้
พนง : คุณพอจะมีเลขใบจองของคุณมั้ยคะ
จิว : มีครับ (แล้วก็ยื่นใบให้นางอย่างน่าตาเฉย(ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองสะแล้ว มึ๊งงงงง))
พนง : รอสักครู่นะคะเดี๋ยวขอไปเชคข้อมูลก่อน แล้วนางก็เดินไปเคาท์เตอร์ด้านข้าง
สักพักนางกลับมาพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
พนง : คือตั๋วของคุณจองมากลับเดือนหน้าค่ะ เดี๋ยวคุณไปที่เค้าเตอร์ด้านข้างก่อนนะคะเดี๋ยวให้พนักงานอีกท่านดูแลให้
อะที่นี่พอไปคุยกลับพนักงานอีกคน นางก็บอกว่า "คุณต้องโทรไปคอลเซนเตอร์ของที่นี่เพื่อทำการเปลี่ยนวันขากลับของคุณพร้อมยื่นเบอร์โทรให้แล้วบอกว่ามีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ตรงนู้นคะ" ตอนนั้นโคตรกังวลใจเลยว่ามันจะเป็นไงวะเราไม่อยากติดแบลคลิสอะ เพราะรักที่นี่มาก จะมีที่นั่งมั้ยเพราะมันตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ด้วย ตอนนั้นเหรียญกำลังจะหมด ยังไม่มีคนรับสาย หลายเรื่องวนไปในหัว อยากจะร้องไห้ ในที่สุดเลยตัดสินใจวางสาย แล้วรวบรวมสติที่มีอยู่ เอาว๊ะ!!!!! เดี๋ยวลองไปคุยกับพนักงานที่เค้าท์เตอร์อีกทีเผื่อพวกนางจะช่วยอะไรได้บ้าง เราก็เดินไปพร้อมสีหน้าที่คงจะกังวลจนเขาสังเกตุได้ แล้วบอกพวกนางว่า "ผมโทรไปแล้ว ไม่มีคนรับสายเลยครับ วีซ่าก็จะหมดภายในอีกสองวันครับ" พวกเจ้าหน้าที่ก็ช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ สรุปว่าวันถัดไปมีที่นั่งเหลืออีกสองที่นั่ง ต้องขอบคุณพวกนางจริงๆ กราบบบบบบบบบบบบบ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเปลี่ยนวันกลับ ไม่มีครับ เพราะผมจองแบบสกูทบิส ทางพนักงานเขาบอกว่ามีสิทธิ์เปลี่ยนได้ 1 ครั้ง นอกนั้นก็เสียแค่ค่า รร กับค่ากิน พอดีมี TOKYO WIDE PASS อยู่เลยนั่งรถไฟจาก สนามบินไป สถานี Narita โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม

ด้วยความที่ได้ตั๋วแล้ว ความสลดหดหู่ก็จางหายไปในทันที เราก็มองหน้าเพื่อนแล้วถามว่า ไปนอนไหนดีวะ ก็ได้คำตอบว่า "Narita" เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถเข้าเมืองอีก หลังจากนั้นเราก็รีบเปิดแอพจอง รร สรุปก็จองไปที่ โรงแรม APA Hotel Narita เราแนะนำให้จองเตียงคู่นะ เตียงเดี่ยวมันเล็กมากชริงๆแพงกว่ากันไม่มาก(นี่คิดว่าเตียงใหญ่แล้วก็อยากประหยัดไง) ที่นี่ดีมีบริการรถส่งถึงสนามบินแบบฟรีๆแต่ต้องจองก่อนล่วงหน้า คุณพนง จะถามตอนเราเชคอิน นอกจากนั้นยังมีออนเซนให้แช่กันด้วยนะ หลังจากที่พวกเราฝากกระเป๋าเรียบร้อย ก็ถึงเวลาสำรวจโลกแล้ว 555(พูดเหมือนไปบุกป่าฝ่าดง)


สถานีก็เล็กๆน่ารักๆ ไม่ไกลจากถนนเส้นที่จะเดินไปวัดนาริตะ

ถ้าออกมาจากสถานีเราจะเห็นภาพแบบในรูป เส้นทางที่เดินไปวัดนาริตะซันจะอยู่ด้านซ้ายมือ เดินตามลูกศรไปได้เลยครับ

ระหว่างสองข้างทางก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของฝากเยอะแยะมากมาย นี่ก็หันไปพูดกับเพื่อนว่า "ที่นี่มันน่ารักดีเนอะ ไม่เคยมีแพลนว่าจะมาที่นี่อยู่ในหัวเลย โชคดีจังที่ได้มา" เห็นมั้ยว่าในฟามโชคร้ายก็ยังมีฟามโชคชัยอยู่ แฮะ โชคดีอยู่บ้าง เนอะๆๆๆ(เกลียดมุกตัวเองจัง555)


เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอทางแยก ด้านซ้ายจะมีศาลเจ้าแบบในรูป ถนนด้านขวาจะเป็นถนน OMOTESANDO เส้นทางสำหรับเดินไปวัด นาริตะซัน เส้นนี้น่ารักมากๆ เป็นถนนเส้นเล็กๆยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ที่อัดแน่นไปด้วยตึกรูปทรงโบราณ ร้านค้า และร้านอาหาร ที่ปังสุดๆก็คงไม่พ้นข้าวหน้าปลาไหล อร่อยนุ่ม หอมกรุ่นจริงๆ คิดแล้วน้ำลายไหล


เห็นเล็กๆอย่างงี้คนก็แห่กันมาแน่นนะจะ 55

ตึกนี้สวยมากกกกก ถ่ายเก็บไว้หลายมุมเบย


ในที่สุด เราก็ถึงวัด Naritasan Shinshoji แล้ววววววว ตามกันเข้ามาเลย

วัดนาริตะซัง ชินโชจิ(Naritasan Shinshoji Temple) เป็นวัดพุทธเก่าแก่ ขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนาริตะ สร้างขึ้นในปี 940 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาตินาริตะ ภายในวัดมีอาคารที่หลากหลายตั้งอยู่ในบริเวณที่กว้างขวาง เช่น ห้องโถงหลัก เจดีย์ 3 ชั้นสไตล์ Tahoto มีชื่อว่า Great Pagoda of Peace นอกจากนี้ยังมีสวนญี่ปุ่น และสวนยุโรปอีกด้วย (ข้อมูลจาก talonjapan.com)


ตอนที่เราไปมันมีพิธีสวดมนต์อะไรสักอย่างในโบสถ์ ไม่ได้เก็บรูปมาเพราะเขาไม่อนุญาติ ตอนเส็จพิธีคนญี่ปุ่นเขาจะเอากระเป๋าไปให้พระทำพิธีอะไรไม่รู้ เราก็ต่อแถวเข้าไปทำบ้าง555 มีผู้รู้คนไหนฝากบอกผมด้วยนะครับ



เป็นอีกวัดนึงที่ใหญ่มากกกกก ข้างในมีอุทยานด้วย ตอนนั้นดอกบ๊วยกำลังบานสะพรั่งเลย เห็นแล้วก็ชื่นตาชื่นใจ มาทริปนี้รู้สึกโชคดีมาก ได้เจอทั้งหิมะ ซากุระ และก็ดอกบ๊วยยย คุ้มจริงๆๆๆๆๆๆๆ

เดินเล่นในวัดได้สักพักใหญ่ๆ ท้องก็เริ่มร้องละ อิอิ พวกเราก็เดินกลับไปถนนเส้นเดิมเพราะจะกลับไปกินข้าวหน้าปลาาาาาไหล ร้านที่เราปักหมุดไว้ในใจตั้งแต่แรก ร้านนี้มีชื่อว่า KAWATOYO เป็น Unagi restaurant ที่ได้รับความนิยมมาก ดูจากคิวแล้วววววก็ยาวพอสมควร แต่เขารันคิวเร็วดี รอไม่กี่นาทีก็ได้กินแว้ว ที่ด้านหน้าร้าน เขาก็จะขึงด้วยพลาสติคใสให้เราได้เห็นการแร่ การย่างน้องๆปลาไหล

บรรยากาศภายในร้านก็จะเป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่น นั่งพื้น โต๊ะเรียงๆกัน บนเสื่อทาทามิ

ออร์เดอร์ไปสักพัก ในที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ข้าวหน้าปลาไหลก็มาเสริฟแว้ววววว ส่วนราคานี่ก็เลือกแบบถูกๆเลย เพราะเดี๋ยวงบมันจะบานปลาย ถ้าจำไม่ผิด จานนี้ประมาณ 2500 เยน มื้อนี้เป็นอีกมื้อที่อิ่มท้องอิ่มใจมากๆ บรรยากาศน่ารัก อาหารก็ฟินๆๆๆๆๆๆๆๆ



ทีนี้ก็ได้เวลากลับไปพักแล้วเพราะเมื่อคืนเก๊านอนดึกมากกกกกกกกกก มีความเพลียเล็กน้อย กะว่าจะกลับไปอาบน้ำ แช่ออนเซนสักพักก่อนงีบ แต่ระหว่างขากลับก็เหลือบไปเห็นร้านซอฟครีม เราก็ไม่พลาดที่จะสั่ง สั่งรสนมไปคนละหนึ่งอัน พอเลียปุ๊บ โอ๊ยยยยยยยยย หอมกลิ่มนมสดมากกกกก อร่อย หอมมมม หวานนนนนนน ฮือออออ อยากกลับไปกินอีก
จอบอ
สรุป
การได้มา NARITA ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมาก ถึงแม้มันมาจากความสะเพร่าของเรา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับหาทางออกแล้วใช้ชีวิตต่อให้มันเต็มที่ 5555 อีกอย่างที่นี่ทำให้เราไม่อยากมองข้ามเมืองเล็กๆเมืองอื่นเลย เพราะมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เราคิดแล้วจินตนาการไว้ เราแนะนำเลยนะเป็นเมืองเล็กๆอีกเมืองนึงที่ควรมา ไปเช้าเย็นกลับ ใช้เวลาไม่มาก หรือจะเดินเล่นเก็บภาพแบบชิวๆทั้งวันก็ดีไม่น้อย
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
จิว
ฝากไลค์ฝากแชร์กด+เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
IG : nattapolchiu
ยังมีจวที่ต้องรีวิวอีกคือ YAMAGATA SENDAI IWATE and FUKUSHIMA
ฝากรอติดตามกันด้วยนะครับ
เที่ยวญี่ปุ่น 14 วัน 13+1คืน 7 จว : ตอน : กรี๊ดดดดดดดด "จองตั๋วขากลับผิดเดือน" แต่นาริตะก็โคตรจะน่ารัก by CHIU CHIU
พอถึงวันกลับนี่ก็นั่งรถไฟไปถึงสนามบินโดยไม่ได้ตะขิดตะขวงใจใดๆ เราก็เดินจะไปเชคอิน ด้วยความที่เราโชคดีจอง สกูทบิสมา แถวมันเลยสั้นมาก(ราคาดีเวอร์ 13xxx ฟูลเซอร์วิส แต่ที่นั่งก็จะเป็นแบบพรีเมี่ยมอีโคโนมี่)แลัวพอถึงเค้าท์เตอร์ ก็ยื่นพาสสปอร์ท พนักงานนางก็ คีย์ๆดูข้อมูลไป แล้วทีนี่ก็รู้เรื่อง!!!!! 5555
สถาณะการณ์จำลอง หลังจากยื่นพาสปอร์ทไปให้
พนง : คุณพอจะมีเลขใบจองของคุณมั้ยคะ
จิว : มีครับ (แล้วก็ยื่นใบให้นางอย่างน่าตาเฉย(ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองสะแล้ว มึ๊งงงงง))
พนง : รอสักครู่นะคะเดี๋ยวขอไปเชคข้อมูลก่อน แล้วนางก็เดินไปเคาท์เตอร์ด้านข้าง
สักพักนางกลับมาพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
พนง : คือตั๋วของคุณจองมากลับเดือนหน้าค่ะ เดี๋ยวคุณไปที่เค้าเตอร์ด้านข้างก่อนนะคะเดี๋ยวให้พนักงานอีกท่านดูแลให้
อะที่นี่พอไปคุยกลับพนักงานอีกคน นางก็บอกว่า "คุณต้องโทรไปคอลเซนเตอร์ของที่นี่เพื่อทำการเปลี่ยนวันขากลับของคุณพร้อมยื่นเบอร์โทรให้แล้วบอกว่ามีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ตรงนู้นคะ" ตอนนั้นโคตรกังวลใจเลยว่ามันจะเป็นไงวะเราไม่อยากติดแบลคลิสอะ เพราะรักที่นี่มาก จะมีที่นั่งมั้ยเพราะมันตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ด้วย ตอนนั้นเหรียญกำลังจะหมด ยังไม่มีคนรับสาย หลายเรื่องวนไปในหัว อยากจะร้องไห้ ในที่สุดเลยตัดสินใจวางสาย แล้วรวบรวมสติที่มีอยู่ เอาว๊ะ!!!!! เดี๋ยวลองไปคุยกับพนักงานที่เค้าท์เตอร์อีกทีเผื่อพวกนางจะช่วยอะไรได้บ้าง เราก็เดินไปพร้อมสีหน้าที่คงจะกังวลจนเขาสังเกตุได้ แล้วบอกพวกนางว่า "ผมโทรไปแล้ว ไม่มีคนรับสายเลยครับ วีซ่าก็จะหมดภายในอีกสองวันครับ" พวกเจ้าหน้าที่ก็ช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ สรุปว่าวันถัดไปมีที่นั่งเหลืออีกสองที่นั่ง ต้องขอบคุณพวกนางจริงๆ กราบบบบบบบบบบบบบ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเปลี่ยนวันกลับ ไม่มีครับ เพราะผมจองแบบสกูทบิส ทางพนักงานเขาบอกว่ามีสิทธิ์เปลี่ยนได้ 1 ครั้ง นอกนั้นก็เสียแค่ค่า รร กับค่ากิน พอดีมี TOKYO WIDE PASS อยู่เลยนั่งรถไฟจาก สนามบินไป สถานี Narita โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม
จอบอ
สรุป
การได้มา NARITA ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมาก ถึงแม้มันมาจากความสะเพร่าของเรา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับหาทางออกแล้วใช้ชีวิตต่อให้มันเต็มที่ 5555 อีกอย่างที่นี่ทำให้เราไม่อยากมองข้ามเมืองเล็กๆเมืองอื่นเลย เพราะมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เราคิดแล้วจินตนาการไว้ เราแนะนำเลยนะเป็นเมืองเล็กๆอีกเมืองนึงที่ควรมา ไปเช้าเย็นกลับ ใช้เวลาไม่มาก หรือจะเดินเล่นเก็บภาพแบบชิวๆทั้งวันก็ดีไม่น้อย
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
จิว
ฝากไลค์ฝากแชร์กด+เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
IG : nattapolchiu
ยังมีจวที่ต้องรีวิวอีกคือ YAMAGATA SENDAI IWATE and FUKUSHIMA
ฝากรอติดตามกันด้วยนะครับ