สวัสดีค่ะ
ขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะคะ จขกท. ตอนนี้อายุ 18 กำลังจะ 19 คนนึงค่ะ เพิ่งจบม.6 และกำลังจะขึ้นมหาลัยค่ะ
สิ่งที่แชร์ประสบการณ์คือเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองในเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้มีแฟนค่ะ
เรื่องของเรื่องก็คือตัว จขกท. เองมีเพื่อนซึ่งเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ค่ะ ในกลุ่มมีผู้ชายแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิงหมดค่ะ และช่วง ม.5 จขกท. กับเพื่อนผู้ชายคนนึงในกลุ่มก็มาสนิทกันเป็นพิเศษค่ะเพราะต้องทำงานที่ รร ด้วยกันบ่อย ปรึกษางานกิจกรรมกันเยอะค่ะ จนในที่สุดก็เกิดเป็นความรู้สึกดีขึ้นมาและเราสองคนก็ได้บอกชอบกันในที่สุดค่ะ ตัวเราเองเรารู้สึกว่าเราค่อนข้างจริงจังและจริงใจกับคนนี้มากๆค่ะ(จริงจังในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าวางแผนว่าอนาคตเราจะต้องแต่งงานกับคนนี้แน่ๆนะคะ แค่อยากทำให้ช่วงเวลาที่เราคบกันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดค่ะ ส่วนอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นนั่นเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้) เลยตัดสินใจบอกคุณพ่อคุณแม่ วันนั้นเขียนสคริปยาวเหยียดเลยค่ะ ก่อนจะไปพูดกับท่าน ตื่นเต้นมากๆ สิ่งที่ จขกท.พูดไป จบด้วยการขออนุญาตว่าเราสองคนขอคบบกันได้มั้ย
สิ่งที่คุณแม่ตอบกลับมาคือ "ก็เป็นเพื่อนกันไปก่อนแล้วกัน แม่ไม่ให้มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ"
ตอนนั้นเราใจแป้วเลยค่ะ ตัว จขกท.เองมีพี่สาวคนนึง อายุห่างกันค่อนข้างมาก ตัวพี่เรามีแฟนตั้งแต่ประมาณ ม.2-3 ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ทราบ วันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่ก็จะพาแฟนมาบ้านบ่อยๆ มาทำอาหารกับครอบครัวเราบ้างอะไรประมาณนี้ค่ะ เราเลยเสียใจว่าทำไมคุณแม่ไม่ถึงอนุญาตเรา ซึ่งตัวเราเองนั้นก็ถือว่าเรียนดีมาตลอดค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็ภูมิใจเราเรื่องเรียน ตั้งแต่เด็กๆอยากสอบเข้า รร ไหนติดก็จะติดเสมอค่ะ จะบอกว่าห่วงเรื่องเรียนหรอ จขกท.ก็แอบคิดบ้างบางที (แอบบอกนิดนึงว่า หลังจากคบกับแฟนคนนี้ เราสองคนช่วยเรื่องเรียนกันมากค่ะ คอยกระตุ้นกันทั้งคู่ ยิ่งช่วงใกล้สอบเข้ามหาลัย เราติวด้วยกันเยอะมากๆค่ะ จนในที่สุดเราทั้งสองคนก็สอบเข้ามหาลัยรอบรับตรง ในคณะและมหาลัยที่เราหวังไว้ได้ทั้งคู่ค่ะ)
หลังจากวันนั้นเราสองคนก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ ก็เลยสรุปว่าคบกันค่ะ เพราะในความเห็นของเราถ้าเราสองคนมีความรู้สึกดีๆให้กัน คอยเป็นห่วงเป็นใย คอยดูแลกันและกัน จะตกลงคบหรือไม่คบนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนนั้นเราก็คบกันประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว บอกตรงๆว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากค่ะ เราสองคนไม่ใช่เป็นแค่แฟนกัน แต่เป็นทั้งเพื่อนสนิท ทั้งหัวหน้าลูกน้อง(ด้วยความที่เราสองคนเป็นเด็กกิจกรรม มักจะมี project ใหญ่ๆมาให้คุมเสมอ เราสองคนจึงผลัดกันช่วยอีกคนทำงาน) เราสองคนคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระมากๆจนไปถึงเรื่องที่ deep ที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
และกลับมาที่เรื่องทางบ้าน จขกท. จะชอบหาโอกาสชมแฟนของตัวเองให้คุณแม่ฟัง แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก จะหาโอกาสอ้อมๆ อย่างเช่นตอนที่เค้าสอบติดเป็นต้น แต่คุณแม่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร เวลา จขกท. จะนัดเจอกันที ก็จะต้องเป็นเวลานัดมารวมกับเพื่อนๆหลายคน แต่ถ้า special จขกท. ก็จำเป็นต้องพูดไม่จริง(หรือถ้ายอมรับจริงๆก็คือโกหกนั่นแหละค่ะ

) เพื่อหาเหตุผลให้ออกมาเจอกันได้ ใจจริงๆแล้วไม่เคยอยากทำแบบนี้เลยค่ะ แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ รู้สึกผิดรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ตัวเองต้องทำแบบนี้ ตัว จขกท. อยากลงรูปคู่กับแฟนบ้าง ก็ลงไม่ได้ หรือบางทีในเฟสบุ๊คจะแชร์อะไรก็จะตั้งให้คนในครอบครัวเราไม่เห็น
เพื่อนของเราแต่ละคน รุ่นน้อง รุ่นพี่ก็ทยอยมีแฟนกันทีละคนสองคน เห็นรูปพวกเค้าไปเที่ยว ตจว กันกับที่บ้านของอีกฝ่าย เราบอกตรงๆว่าอิจฉา น้อยใจมากๆ เพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันหลายคน พ่อแม่เค้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่พ่อแม่จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ เราชอบไปปรึกษาเพื่อน แต่ท้ายที่สุดเค้าก็ไม่สามารถช่วยอะไร ได้เพียงปลอบใจให้กำลังใจเรา
และล่าสุดหลังจากสอบเข้ามหาลัยติด คุณแม่ย้ำเราอีกรอบว่ะ "ไม่ใช่ว่าขึ้นมหาลัยแล้วจะมีเพื่อนชงเพื่อนชายได้นะ มีแค่เพื่อนผู้ชายพอ" วันนั้นคุณแม่พูดเสียงเข้มมากๆ เรานอยด์จนแอบไปร้องไห้เลยค่ะ
ณ ปัจจุบันนี้คือ จขกท. อึดอัดมาก คิดเรื่องนี้ทุกวัน รู้สึกอิจฉารู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่เห็นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเรามีแฟนแล้วที่บ้านเค้าไม่ห้าม รู้สึกกดดัน ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้จริงๆ ตอนนี้ถ้าขออะไรได้หนึ่งอย่างจะไม่ขออะไรเลยนอกจากให้คุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้เรามีแฟนได้ ให้ยอมรับในตัวแฟนเรา คอยดูแลให้คำปรึกษาเราเรื่องความรัก วันหยุดก็อยากให้แฟนมาที่บ้านได้ มานอนดูทีวี ทำอาหาร ดีกว่าที่ต้องแอบๆไปเจอกันข้างนอกบ้าน
และตามที่ได้ตั้งหัวข้อกระทู้เอาไว้คือเราไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ที่ว่าจะห้ามให้ลูกตัวเองมีแฟน ทำไมถึงไม่ลองคิดกันว่าถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม ก็ควรจะอนุญาต และตนเองคอยดูแลอยู่ห่างๆให้อยู่ในสายตาให้คำปรึกษา แนะนำนู่น แนะนำนี่จะไม่ดีกว่าหรอ? ไม่ลองคิดดูหรอว่าถ้าเกิดเราห้ามเค้า และเค้าไปแอบคบกัน จะทำอะไรก็แอบๆจนในที่สุดเกิดเป็นสิ่งที่ผิดพลาดขึ้นมา สิ่งนั้นจะยิ่งเสียหายไปกว่า
จขกท.เอง ตอนนี้สัญญากับตัวเองไว้เลยค่ะ ว่าถ้าตนเองมีลูกเมื่อไหร่ จะอนุญาตให้ลูกมีแฟนแน่ๆ จะคอยดูแลและแนะนำเค้า เค้ามีอะไรจะได้มาบอกเรา ไม่ปิดเรา ไม่อยากให้เค้าต้องมีความรู้สึกแบบเราในตอนนี้
ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าความคิดของ จขกท. ไม่ตรงกับใคร ยอมรับว่าตนเองความคิดค่อนข้างหัวสมัยใหม่ แต่นี่เป็นสิ่งในใจของ จขกท. จริงๆค่ะ
ใครมีความคิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะคะ หรือจะมาแชร์ประสบการณ์กันก็ได้ค่ะ ขออภัยถ้าหากเขียนวกไปวนมานะคะ
ปล. ขอฝากถึงผู้ใหญ่ที่ห้ามให้ลูกตัวเองมีแฟนแล้วผ่านเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ นี่คือความรู้สึกของลูกคุณที่เค้าอยากจะบอกคุณจริงๆค่ะ ให้โอกาสลูกคุณได้พิสูจน์ตัวเองเถอะค่ะ เค้าไม่เคยอยากต้องปิดบังคุณนะคะ ถ้าเลือกได้เค้าอยากจะบอกทุกๆสิ่งทุกๆอยากให้พ่อแม่ของเค้ารู้ค่ะ
**ทำไมผู้ใหญ่ไม่อนุญาตให้ลูกมีแฟน แทนที่จะอนุญาตแล้วตนเองคอยดูแลควบคุม แนะนำสิ่งต่างๆให้อยู่ในสายตา**
ขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะคะ จขกท. ตอนนี้อายุ 18 กำลังจะ 19 คนนึงค่ะ เพิ่งจบม.6 และกำลังจะขึ้นมหาลัยค่ะ
สิ่งที่แชร์ประสบการณ์คือเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองในเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้มีแฟนค่ะ
เรื่องของเรื่องก็คือตัว จขกท. เองมีเพื่อนซึ่งเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ค่ะ ในกลุ่มมีผู้ชายแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิงหมดค่ะ และช่วง ม.5 จขกท. กับเพื่อนผู้ชายคนนึงในกลุ่มก็มาสนิทกันเป็นพิเศษค่ะเพราะต้องทำงานที่ รร ด้วยกันบ่อย ปรึกษางานกิจกรรมกันเยอะค่ะ จนในที่สุดก็เกิดเป็นความรู้สึกดีขึ้นมาและเราสองคนก็ได้บอกชอบกันในที่สุดค่ะ ตัวเราเองเรารู้สึกว่าเราค่อนข้างจริงจังและจริงใจกับคนนี้มากๆค่ะ(จริงจังในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าวางแผนว่าอนาคตเราจะต้องแต่งงานกับคนนี้แน่ๆนะคะ แค่อยากทำให้ช่วงเวลาที่เราคบกันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดค่ะ ส่วนอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นนั่นเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้) เลยตัดสินใจบอกคุณพ่อคุณแม่ วันนั้นเขียนสคริปยาวเหยียดเลยค่ะ ก่อนจะไปพูดกับท่าน ตื่นเต้นมากๆ สิ่งที่ จขกท.พูดไป จบด้วยการขออนุญาตว่าเราสองคนขอคบบกันได้มั้ย
สิ่งที่คุณแม่ตอบกลับมาคือ "ก็เป็นเพื่อนกันไปก่อนแล้วกัน แม่ไม่ให้มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ"
ตอนนั้นเราใจแป้วเลยค่ะ ตัว จขกท.เองมีพี่สาวคนนึง อายุห่างกันค่อนข้างมาก ตัวพี่เรามีแฟนตั้งแต่ประมาณ ม.2-3 ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ทราบ วันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่ก็จะพาแฟนมาบ้านบ่อยๆ มาทำอาหารกับครอบครัวเราบ้างอะไรประมาณนี้ค่ะ เราเลยเสียใจว่าทำไมคุณแม่ไม่ถึงอนุญาตเรา ซึ่งตัวเราเองนั้นก็ถือว่าเรียนดีมาตลอดค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็ภูมิใจเราเรื่องเรียน ตั้งแต่เด็กๆอยากสอบเข้า รร ไหนติดก็จะติดเสมอค่ะ จะบอกว่าห่วงเรื่องเรียนหรอ จขกท.ก็แอบคิดบ้างบางที (แอบบอกนิดนึงว่า หลังจากคบกับแฟนคนนี้ เราสองคนช่วยเรื่องเรียนกันมากค่ะ คอยกระตุ้นกันทั้งคู่ ยิ่งช่วงใกล้สอบเข้ามหาลัย เราติวด้วยกันเยอะมากๆค่ะ จนในที่สุดเราทั้งสองคนก็สอบเข้ามหาลัยรอบรับตรง ในคณะและมหาลัยที่เราหวังไว้ได้ทั้งคู่ค่ะ)
หลังจากวันนั้นเราสองคนก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ ก็เลยสรุปว่าคบกันค่ะ เพราะในความเห็นของเราถ้าเราสองคนมีความรู้สึกดีๆให้กัน คอยเป็นห่วงเป็นใย คอยดูแลกันและกัน จะตกลงคบหรือไม่คบนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนนั้นเราก็คบกันประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว บอกตรงๆว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากค่ะ เราสองคนไม่ใช่เป็นแค่แฟนกัน แต่เป็นทั้งเพื่อนสนิท ทั้งหัวหน้าลูกน้อง(ด้วยความที่เราสองคนเป็นเด็กกิจกรรม มักจะมี project ใหญ่ๆมาให้คุมเสมอ เราสองคนจึงผลัดกันช่วยอีกคนทำงาน) เราสองคนคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระมากๆจนไปถึงเรื่องที่ deep ที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
และกลับมาที่เรื่องทางบ้าน จขกท. จะชอบหาโอกาสชมแฟนของตัวเองให้คุณแม่ฟัง แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก จะหาโอกาสอ้อมๆ อย่างเช่นตอนที่เค้าสอบติดเป็นต้น แต่คุณแม่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร เวลา จขกท. จะนัดเจอกันที ก็จะต้องเป็นเวลานัดมารวมกับเพื่อนๆหลายคน แต่ถ้า special จขกท. ก็จำเป็นต้องพูดไม่จริง(หรือถ้ายอมรับจริงๆก็คือโกหกนั่นแหละค่ะ
เพื่อนของเราแต่ละคน รุ่นน้อง รุ่นพี่ก็ทยอยมีแฟนกันทีละคนสองคน เห็นรูปพวกเค้าไปเที่ยว ตจว กันกับที่บ้านของอีกฝ่าย เราบอกตรงๆว่าอิจฉา น้อยใจมากๆ เพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันหลายคน พ่อแม่เค้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่พ่อแม่จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ เราชอบไปปรึกษาเพื่อน แต่ท้ายที่สุดเค้าก็ไม่สามารถช่วยอะไร ได้เพียงปลอบใจให้กำลังใจเรา
และล่าสุดหลังจากสอบเข้ามหาลัยติด คุณแม่ย้ำเราอีกรอบว่ะ "ไม่ใช่ว่าขึ้นมหาลัยแล้วจะมีเพื่อนชงเพื่อนชายได้นะ มีแค่เพื่อนผู้ชายพอ" วันนั้นคุณแม่พูดเสียงเข้มมากๆ เรานอยด์จนแอบไปร้องไห้เลยค่ะ
ณ ปัจจุบันนี้คือ จขกท. อึดอัดมาก คิดเรื่องนี้ทุกวัน รู้สึกอิจฉารู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่เห็นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเรามีแฟนแล้วที่บ้านเค้าไม่ห้าม รู้สึกกดดัน ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้จริงๆ ตอนนี้ถ้าขออะไรได้หนึ่งอย่างจะไม่ขออะไรเลยนอกจากให้คุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้เรามีแฟนได้ ให้ยอมรับในตัวแฟนเรา คอยดูแลให้คำปรึกษาเราเรื่องความรัก วันหยุดก็อยากให้แฟนมาที่บ้านได้ มานอนดูทีวี ทำอาหาร ดีกว่าที่ต้องแอบๆไปเจอกันข้างนอกบ้าน
และตามที่ได้ตั้งหัวข้อกระทู้เอาไว้คือเราไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ที่ว่าจะห้ามให้ลูกตัวเองมีแฟน ทำไมถึงไม่ลองคิดกันว่าถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม ก็ควรจะอนุญาต และตนเองคอยดูแลอยู่ห่างๆให้อยู่ในสายตาให้คำปรึกษา แนะนำนู่น แนะนำนี่จะไม่ดีกว่าหรอ? ไม่ลองคิดดูหรอว่าถ้าเกิดเราห้ามเค้า และเค้าไปแอบคบกัน จะทำอะไรก็แอบๆจนในที่สุดเกิดเป็นสิ่งที่ผิดพลาดขึ้นมา สิ่งนั้นจะยิ่งเสียหายไปกว่า
จขกท.เอง ตอนนี้สัญญากับตัวเองไว้เลยค่ะ ว่าถ้าตนเองมีลูกเมื่อไหร่ จะอนุญาตให้ลูกมีแฟนแน่ๆ จะคอยดูแลและแนะนำเค้า เค้ามีอะไรจะได้มาบอกเรา ไม่ปิดเรา ไม่อยากให้เค้าต้องมีความรู้สึกแบบเราในตอนนี้
ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าความคิดของ จขกท. ไม่ตรงกับใคร ยอมรับว่าตนเองความคิดค่อนข้างหัวสมัยใหม่ แต่นี่เป็นสิ่งในใจของ จขกท. จริงๆค่ะ
ใครมีความคิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะคะ หรือจะมาแชร์ประสบการณ์กันก็ได้ค่ะ ขออภัยถ้าหากเขียนวกไปวนมานะคะ
ปล. ขอฝากถึงผู้ใหญ่ที่ห้ามให้ลูกตัวเองมีแฟนแล้วผ่านเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ นี่คือความรู้สึกของลูกคุณที่เค้าอยากจะบอกคุณจริงๆค่ะ ให้โอกาสลูกคุณได้พิสูจน์ตัวเองเถอะค่ะ เค้าไม่เคยอยากต้องปิดบังคุณนะคะ ถ้าเลือกได้เค้าอยากจะบอกทุกๆสิ่งทุกๆอยากให้พ่อแม่ของเค้ารู้ค่ะ