ผมดูหนังที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในขอนแก่น เสร็จประมาณเที่ยงคืน ขับรถกลับบ้านทางถนนเลี่ยงเมือง ถนนบางช่วงสว่างดี บางช่วงมืดสนิท เพราะไม่มีไฟถนน
ขับมาด้วยความเร็ว 60 km/hr ขับเลนซ้าย เรื่อยๆมาเรียงๆ
ขับผ่านแนวถนนช่วงแรก ไฟถนนสว่างดี ปริมาณรถไม่มาก แต่ก็มากกว่าช่วงปกติตามประสาสงกรานต์
ขับมาเรื่อยๆ เริ่มพ้นช่วงที่มีไฟถนน เข้าสู่ช่วงมืดสนิท....
ตามปกติที่ขับคือ จะเปิดระบบไฟสูงอัตโนมัติไว้ทุกครั้งที่วิ่งในถนนมืด (ระบบนี้จะเปิดไฟสูงส่องทาง ในช่วงถนนที่มืดมากและไม่มีไฟข้างทางโดยอัตโนมัติ และในกรณีที่มีรถสวนทางมา ไฟสูงจะแยกออกเป็นช่วงที่พอดี เพื่อไม่ส่องเข้าไปที่รถคันหน้า หรือรถที่สวนมา โดยที่ยังเปิดไฟสูงอยู่ตลอด ทำให้เห็นทางได้ไกล และไม่รบกวนรถคันอื่นๆ)
ในช่วงจังหวะนั้นเอง...(ขณะกำลังจะเข้าสู่ชวงถนนที่ไม่มีไฟข้างทาง)
มีสัญญาณไฟสีแดงโชว์ขึ้นที่บริเวณกระจกหน้ารถ เป็นไฟกระพริบ(ปกติสัญญาณนี้จะแสดงขึ้นเมื่อเราขับรถเร็วกว่ารถคันที่อยู่ด้านหน้าและใกล้มากกว่าที่จะเบรคได้ทันถ้ารถคันหน้าหยุดกระทันหัน หรือมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้ารถ ขณะที่รถวิ่งอยู่)...
แต่เราก็แปลกใจนิดนึง เพราะปกติจะเป็นไฟสีแดงติดค้างไว้ ไม่ใช่ไฟแดงกระพริบรัวๆแบบนี้...
มีเวลาแปลกใจแค่ 0.0001 วินาที(คิดว่า..ความคิด...ของคนเราน่าจะเร็วกว่าแสงนะ)
รถเริ่มเข้าช่วงถนนมืดสนิทแล้ว...
ระบบไฟสูงอัติโนมัติก็ทำงานของมัน มันทำงานได้ดีเสมอมา...
ไฟสูงเปิดขึ้น ส่องสว่างแสดงภาพพถนนที่อยู่ด้านหน้า ไกลออกไปเกินกว่าแนวไฟส่องสว่างปกติของรถ...เห็นรถกระบะหนึ่งคันจอดอยู่ข้างทาง แต่ไหล่ทางตรงนั้นไม่กว้างพอที่จะให้รถทั้งคันไปอิงแอบอยู่ได้จนหมด ทำให้มีบางส่วนของตัวรถ ยื่นเข้ามาในถนนเลนซ้าย...รถกระบะคันนี้ไม่มีไฟท้าย และไม่ได้เปิดไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อแสดงตัวแต่อย่างใด
วิทยุที่เปิดเพลงไว้ ตัดเสียงเพลงออกไป แทนที่ด้วยเสียงสัญญาณเเตือน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ๆๆๆๆๆๆ รัวๆดังขึ้นอย่างเมามันภายในรถ...คงเป็นจังหวะเบรคแด๊นซ์กระมัง
ถามว่านี่ทำอะไรตอนนั้น...
ตกใจสิเมิง อีห่านน!!!!!!! ใกล้ขนาดนี้ อย่าว่าแต่เหยียบเบรค ยกเท้าออกจากคันเร่งแม่ งยังไม่ทัน!!!!!!!
สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนั้น กรี๊ดสิเมิงงงงงงงง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด พร้อมพยายามยกเท้าออกจากคันเร่ง (คิดว่าเสียงกรี๊ดดังพอๆกับสัญญาณเตือน ติ๊ดๆๆๆๆ เพราะนี้ก็เสียงกรี๊ดของ ตุ๊ดๆๆๆๆๆๆ)
หลังจากนั้น เป็นหน้าที่ของระบบช่วยชีวิตของรถทำงาน...
คิดว่าตอนนั้น คันเร่งรถมีแรงต้านเท้าเราขึ้นมาทันที พร้อมกับการเบรคของรถที่เบรคแบบเอาเป็นเอาตาย เบรคแบบ เบรคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค อีห่ ากรูจะเบรคคคคคคคคคคค ต้องยอมให้กรูเบรคคคคคคคคคคคคค ปล่อยกรูเบรคคคคคคคค...พร้อมกันนั้นไฟฉุกเฉินของรถก็ถูกเปิดให้กระพริบขึ้นเอง เหมือนผีหลอก คงเพื่อเตือนรถคันหลัง ว่ารถกะเทยคันนี้กำลังเบรคอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ และกรุณาชะลอรถของท่านด้วยค่ะ...ประมาณนี้
พร้อมกันนั้น เข็มขัดนิรภัยก็ทำหน้าที่ของมันไปพร้อมกัน คือดึงตัวเรากลับไปเพื่อล๊อคติดไว้กับเบาะรถ ไม่ให้หัวกระแทก แรงดึงนี่คือหนักเอาเรื่องอยู่นะ แบบขึงพืดเลย(นึกถึง fetish style)
สองมือนี่ยกขึ้นมาไขว้กันเป็นกากบาทอยู่ด้านหน้าคล้ายท่าปล่อยพลังอุลตร้าแมน คิดแค่ว่า อย่างน้อยหน้าชั้นต้องไม่มีรอย ถ้าชนจริงๆๆๆๆ ห่วงมากกกก
ตอนนั้น นี่ก็ลุ้นอย่างเดียว ว่าเบรคให้ทันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนั้นเกือบอ้าปากขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่า ถ้าเบรคทัน ลูกช้างจะกลับมาเป็นผู้ชายทั้งแท่งหนึ่งเดือน...แต่พอดีเหตุการณ์มันเร็วมาก อีนี่ขอพรไม่ทัน เลยอดเป็นผู้ชายทั้งแท่งไปซะนี่...
สรุป....คุณพระ!!!!!!!
ทันค่ะ อรี__ด__อกกกกกกกกกกกก!!!!!
แม่กรี๊ดลั่นกว่าตอนเห็นกระบะขวางทางข้างหน้าอีกค่ะะะะะะะะะ
จบการรีวิวระบบความปลอดภัยของรถ Volvo
รีวิวเองจากผู้ใช้จริง ลองเองจริง เหมือนทำอาชีพสตั้นท์แมน
เล่ามาได้ยาวเหยียด จริงๆแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นในชั่วพริบตานะ นับ 1 ถึง 3 จบปิ๊ง~~~
นี่ขอบคุณรถคันนี้มากกกก พรุ่งนี้จะพาไปเลี้ยง buffet
นึกถึงคำคุณพ่อบอกเลย ตั้งแต่ก่อนซื้อ
"รถจะแพงแค่ไหนก็ช่างมัน ชีวิตเราแพงกว่า เอาที่มันปลอดภัย ดูแลลูกได้"
มาถึงตรงนี้ คงมีคนถาม แล้วคนขับรถคันนั้นล่ะ เค้าทำไงเหรอ???
อ๋อออออ..........
เดี๋ยวเราบอกกกกกก..........
คุณลุงที่ก้าวลงมากจากรถคันนั้น หันมามองนี่แบบงงๆ ประมาณว่ามาจอดชิดรถนางทำไม แล้วก็เดินลงไปฉี่ข้างทางค่ะเมิงงงงงงงงงงงงงงง
พีคสึดดดดดดดด
ขอพลังจงสถิตอยุ่กับท่าน
-จบบริบูรณ์-
ต้องขออภัยล่วงหน้าสำหรับคำพูดบางคำที่ใช้ อาจจะไม่สุภาพ ไม่ใช่ภาษาเขียนที่ถูกต้อง หรือบางคำอาจจะทะลึ่งไปบ้าง แต่ขออนุญาตคงไว้ เพื่ออรรถรสของผู้อ่านครับ
[CR] รีวิวความปลอดภัยวอลโว่ ระทึกทุกเม็ดเหมือนนั่งรถกับพี่วินดีเซลใน fast 8
ขับมาด้วยความเร็ว 60 km/hr ขับเลนซ้าย เรื่อยๆมาเรียงๆ
ขับผ่านแนวถนนช่วงแรก ไฟถนนสว่างดี ปริมาณรถไม่มาก แต่ก็มากกว่าช่วงปกติตามประสาสงกรานต์
ขับมาเรื่อยๆ เริ่มพ้นช่วงที่มีไฟถนน เข้าสู่ช่วงมืดสนิท....
ตามปกติที่ขับคือ จะเปิดระบบไฟสูงอัตโนมัติไว้ทุกครั้งที่วิ่งในถนนมืด (ระบบนี้จะเปิดไฟสูงส่องทาง ในช่วงถนนที่มืดมากและไม่มีไฟข้างทางโดยอัตโนมัติ และในกรณีที่มีรถสวนทางมา ไฟสูงจะแยกออกเป็นช่วงที่พอดี เพื่อไม่ส่องเข้าไปที่รถคันหน้า หรือรถที่สวนมา โดยที่ยังเปิดไฟสูงอยู่ตลอด ทำให้เห็นทางได้ไกล และไม่รบกวนรถคันอื่นๆ)
ในช่วงจังหวะนั้นเอง...(ขณะกำลังจะเข้าสู่ชวงถนนที่ไม่มีไฟข้างทาง)
มีสัญญาณไฟสีแดงโชว์ขึ้นที่บริเวณกระจกหน้ารถ เป็นไฟกระพริบ(ปกติสัญญาณนี้จะแสดงขึ้นเมื่อเราขับรถเร็วกว่ารถคันที่อยู่ด้านหน้าและใกล้มากกว่าที่จะเบรคได้ทันถ้ารถคันหน้าหยุดกระทันหัน หรือมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้ารถ ขณะที่รถวิ่งอยู่)...
แต่เราก็แปลกใจนิดนึง เพราะปกติจะเป็นไฟสีแดงติดค้างไว้ ไม่ใช่ไฟแดงกระพริบรัวๆแบบนี้...
มีเวลาแปลกใจแค่ 0.0001 วินาที(คิดว่า..ความคิด...ของคนเราน่าจะเร็วกว่าแสงนะ)
รถเริ่มเข้าช่วงถนนมืดสนิทแล้ว...
ระบบไฟสูงอัติโนมัติก็ทำงานของมัน มันทำงานได้ดีเสมอมา...
ไฟสูงเปิดขึ้น ส่องสว่างแสดงภาพพถนนที่อยู่ด้านหน้า ไกลออกไปเกินกว่าแนวไฟส่องสว่างปกติของรถ...เห็นรถกระบะหนึ่งคันจอดอยู่ข้างทาง แต่ไหล่ทางตรงนั้นไม่กว้างพอที่จะให้รถทั้งคันไปอิงแอบอยู่ได้จนหมด ทำให้มีบางส่วนของตัวรถ ยื่นเข้ามาในถนนเลนซ้าย...รถกระบะคันนี้ไม่มีไฟท้าย และไม่ได้เปิดไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อแสดงตัวแต่อย่างใด
วิทยุที่เปิดเพลงไว้ ตัดเสียงเพลงออกไป แทนที่ด้วยเสียงสัญญาณเเตือน ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ๆๆๆๆๆๆ รัวๆดังขึ้นอย่างเมามันภายในรถ...คงเป็นจังหวะเบรคแด๊นซ์กระมัง
ถามว่านี่ทำอะไรตอนนั้น...
ตกใจสิเมิง อีห่านน!!!!!!! ใกล้ขนาดนี้ อย่าว่าแต่เหยียบเบรค ยกเท้าออกจากคันเร่งแม่ งยังไม่ทัน!!!!!!!
สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนั้น กรี๊ดสิเมิงงงงงงงง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด พร้อมพยายามยกเท้าออกจากคันเร่ง (คิดว่าเสียงกรี๊ดดังพอๆกับสัญญาณเตือน ติ๊ดๆๆๆๆ เพราะนี้ก็เสียงกรี๊ดของ ตุ๊ดๆๆๆๆๆๆ)
หลังจากนั้น เป็นหน้าที่ของระบบช่วยชีวิตของรถทำงาน...
คิดว่าตอนนั้น คันเร่งรถมีแรงต้านเท้าเราขึ้นมาทันที พร้อมกับการเบรคของรถที่เบรคแบบเอาเป็นเอาตาย เบรคแบบ เบรคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค อีห่ ากรูจะเบรคคคคคคคคคคค ต้องยอมให้กรูเบรคคคคคคคคคคคคค ปล่อยกรูเบรคคคคคคคค...พร้อมกันนั้นไฟฉุกเฉินของรถก็ถูกเปิดให้กระพริบขึ้นเอง เหมือนผีหลอก คงเพื่อเตือนรถคันหลัง ว่ารถกะเทยคันนี้กำลังเบรคอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ และกรุณาชะลอรถของท่านด้วยค่ะ...ประมาณนี้
พร้อมกันนั้น เข็มขัดนิรภัยก็ทำหน้าที่ของมันไปพร้อมกัน คือดึงตัวเรากลับไปเพื่อล๊อคติดไว้กับเบาะรถ ไม่ให้หัวกระแทก แรงดึงนี่คือหนักเอาเรื่องอยู่นะ แบบขึงพืดเลย(นึกถึง fetish style)
สองมือนี่ยกขึ้นมาไขว้กันเป็นกากบาทอยู่ด้านหน้าคล้ายท่าปล่อยพลังอุลตร้าแมน คิดแค่ว่า อย่างน้อยหน้าชั้นต้องไม่มีรอย ถ้าชนจริงๆๆๆๆ ห่วงมากกกก
ตอนนั้น นี่ก็ลุ้นอย่างเดียว ว่าเบรคให้ทันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนั้นเกือบอ้าปากขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่า ถ้าเบรคทัน ลูกช้างจะกลับมาเป็นผู้ชายทั้งแท่งหนึ่งเดือน...แต่พอดีเหตุการณ์มันเร็วมาก อีนี่ขอพรไม่ทัน เลยอดเป็นผู้ชายทั้งแท่งไปซะนี่...
สรุป....คุณพระ!!!!!!!
ทันค่ะ อรี__ด__อกกกกกกกกกกกก!!!!!
แม่กรี๊ดลั่นกว่าตอนเห็นกระบะขวางทางข้างหน้าอีกค่ะะะะะะะะะ
จบการรีวิวระบบความปลอดภัยของรถ Volvo
รีวิวเองจากผู้ใช้จริง ลองเองจริง เหมือนทำอาชีพสตั้นท์แมน
เล่ามาได้ยาวเหยียด จริงๆแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นในชั่วพริบตานะ นับ 1 ถึง 3 จบปิ๊ง~~~
นี่ขอบคุณรถคันนี้มากกกก พรุ่งนี้จะพาไปเลี้ยง buffet
นึกถึงคำคุณพ่อบอกเลย ตั้งแต่ก่อนซื้อ
"รถจะแพงแค่ไหนก็ช่างมัน ชีวิตเราแพงกว่า เอาที่มันปลอดภัย ดูแลลูกได้"
มาถึงตรงนี้ คงมีคนถาม แล้วคนขับรถคันนั้นล่ะ เค้าทำไงเหรอ???
อ๋อออออ..........
เดี๋ยวเราบอกกกกกก..........
คุณลุงที่ก้าวลงมากจากรถคันนั้น หันมามองนี่แบบงงๆ ประมาณว่ามาจอดชิดรถนางทำไม แล้วก็เดินลงไปฉี่ข้างทางค่ะเมิงงงงงงงงงงงงงงง
พีคสึดดดดดดดด
ขอพลังจงสถิตอยุ่กับท่าน
-จบบริบูรณ์-
ต้องขออภัยล่วงหน้าสำหรับคำพูดบางคำที่ใช้ อาจจะไม่สุภาพ ไม่ใช่ภาษาเขียนที่ถูกต้อง หรือบางคำอาจจะทะลึ่งไปบ้าง แต่ขออนุญาตคงไว้ เพื่ออรรถรสของผู้อ่านครับ