สวัสดีครับ เนื่องด้วยช่วงนี้เทศกาลสงกรานต์และจขกท เป็นคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ไปไหนมานานหลายปีเพราะเบื่อรถติด กิจกรรมที่ทำส่วนมากก็ตระเวนกินๆๆๆ ช้อปปิ้งเสื้อผ้าๆ (ขับรถช่วงนี้สบายใจ ไม่มีรถเลย) นอนเปื่อยอยู่ที่บ้าน วนเวียนอยู่แค่นี้ ว่างมากไม่รู้จะทำอะไร
จนแม่ก็บอกให้ไปจัดตู้เสื้อผ้าของตัวเองซะ เพราะรก ขัดลูกหูลูกตาแม่มาก (อ้าวแม่ตู้ก็ตู้ผม แม่ยุ่งไรอะ)
แต่ในเมื่อแม่บอกเรา ก็ย่อมขัดไม่ได้ ในฐานะอภิชาตบุตร 555 แน่นอนว่าพ่อก็ไม่รอดโดนเหมือนกัน 555 แถมเราสองคนยังโดนให้เก็บบ้าน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ ส่วนแม่นั่งคุมเชิงไม่ต้องออกแรง ก็ไม่เป็นไรในเมื่อเขาทำอะไรให้บ้านนี้เยอะแยะก็ต้องช่วยๆกันบ้าง
กระทู้นี้ก็ขอพูดถึงส่วนการจัดตู้เสื้อผ้าของผมคนเดียวละกัน เพราะกว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาไปค่อนวัน แถมอากาศร้อนๆแบบนี้ นี้มันกิจกรรมผลาญเหงื่อนี่หว่า สุดท้ายตัดสินใจเปิดแอร์ในห้อง จะได้มีกะจิตกะใจทำสักหน่อย ก่อนอื่นอยากให้ดูรูปตู้เสื้อผ้าก่อนการจัดสักหน่อย ในพันทิปนี่ส่วนมากถ้ามีรีวิว ก็จะเป็นตู้ของผู้หญิงใช่มะ นี่ก็มาโชว์ว่าตู้ผู้ชายก็รกไม่แพ้กัน (มีสองตู้ด้วย)

อธิบายสักนิดนึงตู้ซ้ายนี่จะเต็มไปด้วยของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ได้อะไรยัดใส่หมดแถมมีเศษเหรียญวางกองไว้มากมาย
เสื้อผ้าในตู้ก็ไม่ได้จัดเป็นประเภทๆ ยัดรวมไว้ด้วยกัน
ส่วนตู้ขวานี่เละเทะกว่า ด้านขวาล่างเต็มไปด้วยกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าออกกำลังกาย
ส่วนที่วางเสื้อผ้าก็เอาไปวางกล้องกับอุปกรณ์ซะงั้น
ขั้นแรกเลย แรกสุดของการจัด สิ่งที่ทุกคนที่ทำแบบเดียวก็ควรระลึกถึงเสมอ คือทำใจให้พร้อม จะทิ้งอะไรห้ามเสียดาย
ไม่งั้นสุดท้ายสิ่งที่ทำจะเสียเปล่า ของผมมีเกณฑ์คืออันไหนไม่ได้ใส่เกิน 1 ปี (ที่ไม่ใช่พวกชุดตามโอกาส) คือทิ้งหมด
ฉะนั้นก่อนจัดเราต้องมาทำข้อตกลงกับตัวเองก่อนหรือจะสร้างเกณฑ์แบบผมขึ้นมาก็ได้
ต่อมาขั้นสอง คือการเอาทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่าง ออกมาจากตู้เสื้อผ้าให้หมด แล้วมาวางกองไว้ โดยแยกว่าอันไหนเอา
อันไหนไม่เอา ขั้นตอนนี้ทำให้หลายๆคนพบว่า นี้เรามีเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้เลยหรอ ก็ไม่แปลกเพราะเราคุ้นชินกับสภาพตู้ของเราไปแล้ว
นี้เป็นกองที่ผมเอาออกมา (ยังไม่ทั้งหมดนะ แค่ ¼ ของตู้เอง)

ขั้นที่สามคือ การพับกลับใส่เข้าตู้โดยแยกตามหมวดหมู่และลิ้นชัก โดยจขทกมีหนึ่งชั้นวางกับอีก 3 ลิ้นชัก

ชั้น accessory ก็หากล่องอะไรก็ได้ (เห็นกล่องเครื่องดื่มกล่องนั้นไหม 555 ) มาใส่ของหยุบหยิบให้เรียบร้อย
ส่วนเนคไทและเข็มขัดก็ม้วนแล้ววางไว้ให้เรียบร้อย ส่วนลิ้นชักอื่นๆก็จัดตามภาพต่อไป

ส่วนตัวที่แขวนก็เรียงสีสันให้สวยงามสักหน่อยโดยเฉพาะเสื้อ (ทำให้พบว่า จขกท ชอบเสื้อผ้าโทนน้ำเงิน)

มาถึงตรงนี้ ผ่านไปหลายชั่วโมง ก็เริ่มหน้ามืด เพราะก้มๆเงยๆ เหนื่อยแตกพลั่ก ก็เริ่มทำช้าลง จัดอีกตู้หนึ่งเอากระเป๋าที่ดองไว้
ไปเก็บที่อื่น + ทิ้งบ้าง จนออกมาเสร็จเป็นดังรูป

พอเสร็จกับทั้งสองตู้แล้วก็ต้องมาจัดการกับเสื้อผ้าที่ทิ้งต่อ อันนี้ต้องคัดแยกเกรดนิดนึง เพราะคิดว่าจะเอาไปบริจาคให้กับหลายๆที่ (บางที่ก็รับหมด บางที่ก็รับเฉพาะอย่าง) บางชุดก็คิดว่าจะเอาไปให้ญาติใส่ต่อ วิธีแยก จขทก ก็แยกตามนี้
1. เสื้อผ้าทั้งหมดที่มีแบรนด์ ซื้อมาราคาเกิน 200 บาทขึ้นไป สภาพยังดีอยู่ ไม่มีรอยหรือคราบอะไร ง่ายๆคือเอาไปขายต่อได้ ก็แยกไว้อันกองหนึ่ง อันนี้จะเอาไปให้โครงการร้านปันกันไปปันต่อให้คนอื่น รายได้ก็เป็นทุนให้น้องๆไป
2. เสื้อผ้าที่ทั้งมีแบรนด์และไม่มีแบรนด์ แต่เก่าเก็บเกิน 5 ปี ไม่มีคราบหรือรอยอะไรแต่เก่ามาก ก็เอาไปให้มูลนิธิกระจกเงาให้เขาไปจัดการต่อ
3. เสื้อผ้าที่เก่าเก็บเช่นกัน และไซส์เดียวกับญาติ ที่สภาพประมาณ 70% มีร่องรอยการใช้งาน ก็แยกไว้เอาไปให้ญาติ
4.เสื้อผ้าที่ใส่แล้วใส่อีก ขาดก็ยังใส่ ย้วยก็ยังใส่ อันนี้ต้องยอมทิ้งจริงๆ ด้วยสภาพ

จบจากทั้งหมดนี้ก็เสร็จแล้วใช้เวลาไปประมาณครึ่งวัน นานตรงที่คุณนายที่นั่งคุมเชิง ชอบทักว่าเสื้อตัวนี้ตัวไหนไปใส่มาให้ดูสิ
(ดูเฉยๆก็ได้ จะให้ใส่ให้ดูทำไม 555) เสียเวลาตรงนี้ไปเยอะอยู่เหมือนกัน
แล้วก็ จขทก อยากโชว์ของที่เป็นที่สุดของการจัดตู้เสื้อผ้าครั้งนี้สักหน่อย
ที่สุดของสิ่งของที่ใช้คุ้มค่าที่สุด คือเข็มขัดนักเรียน ใช้ตั้งแต่ ประถมยันเรียนจบ ม ปลาย จนตอนนี้ทำงานละไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม 555
สังเกตได้ว่าหัวเข็มขัดเล็กมาก

ต่อมาคือเสื้อผ้าตกทอดมา ตั้งแต่ยุคของแม่ ใส่แล้วใส่อีก ชอบใส่เพราะผ้ามันใส่สบาย
แต่ต้องทิ้งแหละ 555 สภาพแบบนี้ อันนี้เป็นที่สุดของความเก่าเก็บมาก

ต่อมาคือที่ชุดของความไม่คุ้มค่า คือกางเกงตั้งแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย
ที่ซื้อมาไม่ได้ใส่สักครั้งเพราะทรงใส่แล้วไม่สวย เนื้อผ้าก็แปลกๆ (แต่แพงอะ) ไปคืนร้านก็ไม่รับคืน ทำได้แค่ให้คนอื่นต่อไป

และสุดท้ายคือที่สุดของความไม่กล้าใส่ เพราะตัวนี้แม่ซื้อมาให้ แม่บอกสวยน่าจะเหมาะกับลูก (ตรงไหน)
สรุปคือก็ยังคงดองไว้ในตู้รอโอกาสใส่ เพราะแม่บอกแพงห้ามทิ้ง 5555

พอเสร็จจากท้งหมดนี้แล้ว หนทางทำความสะอาดบ้านยังอีกยาวไกล ตอน จขกท จัดตู้ตัวเองเสร็จแล้ว พ่อ จขทก ยังไม่เสร็จ
(และคงไม่เสร็จเร็วๆนี้) จนแม่บอกไปช่วยเขาหน่อย 555 วันหยุดยาวนี้สองชายต้องยังต่อสู้กับงานบ้านอีก
(ส่วนคุณนายเป็นForemanคุมอย่างเดียว) ขอกำลังใจด้วยนะครับ 555+
มาจัดตู้เสื้อผ้า (+ ทิ้ง) รับสงกรานต์ ให้พร้อมซื้อตัวใหม่กัน
จนแม่ก็บอกให้ไปจัดตู้เสื้อผ้าของตัวเองซะ เพราะรก ขัดลูกหูลูกตาแม่มาก (อ้าวแม่ตู้ก็ตู้ผม แม่ยุ่งไรอะ)
แต่ในเมื่อแม่บอกเรา ก็ย่อมขัดไม่ได้ ในฐานะอภิชาตบุตร 555 แน่นอนว่าพ่อก็ไม่รอดโดนเหมือนกัน 555 แถมเราสองคนยังโดนให้เก็บบ้าน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ ส่วนแม่นั่งคุมเชิงไม่ต้องออกแรง ก็ไม่เป็นไรในเมื่อเขาทำอะไรให้บ้านนี้เยอะแยะก็ต้องช่วยๆกันบ้าง
กระทู้นี้ก็ขอพูดถึงส่วนการจัดตู้เสื้อผ้าของผมคนเดียวละกัน เพราะกว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาไปค่อนวัน แถมอากาศร้อนๆแบบนี้ นี้มันกิจกรรมผลาญเหงื่อนี่หว่า สุดท้ายตัดสินใจเปิดแอร์ในห้อง จะได้มีกะจิตกะใจทำสักหน่อย ก่อนอื่นอยากให้ดูรูปตู้เสื้อผ้าก่อนการจัดสักหน่อย ในพันทิปนี่ส่วนมากถ้ามีรีวิว ก็จะเป็นตู้ของผู้หญิงใช่มะ นี่ก็มาโชว์ว่าตู้ผู้ชายก็รกไม่แพ้กัน (มีสองตู้ด้วย)
อธิบายสักนิดนึงตู้ซ้ายนี่จะเต็มไปด้วยของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ได้อะไรยัดใส่หมดแถมมีเศษเหรียญวางกองไว้มากมาย
เสื้อผ้าในตู้ก็ไม่ได้จัดเป็นประเภทๆ ยัดรวมไว้ด้วยกัน
ส่วนตู้ขวานี่เละเทะกว่า ด้านขวาล่างเต็มไปด้วยกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าออกกำลังกาย
ส่วนที่วางเสื้อผ้าก็เอาไปวางกล้องกับอุปกรณ์ซะงั้น
ขั้นแรกเลย แรกสุดของการจัด สิ่งที่ทุกคนที่ทำแบบเดียวก็ควรระลึกถึงเสมอ คือทำใจให้พร้อม จะทิ้งอะไรห้ามเสียดาย
ไม่งั้นสุดท้ายสิ่งที่ทำจะเสียเปล่า ของผมมีเกณฑ์คืออันไหนไม่ได้ใส่เกิน 1 ปี (ที่ไม่ใช่พวกชุดตามโอกาส) คือทิ้งหมด
ฉะนั้นก่อนจัดเราต้องมาทำข้อตกลงกับตัวเองก่อนหรือจะสร้างเกณฑ์แบบผมขึ้นมาก็ได้
ต่อมาขั้นสอง คือการเอาทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่าง ออกมาจากตู้เสื้อผ้าให้หมด แล้วมาวางกองไว้ โดยแยกว่าอันไหนเอา
อันไหนไม่เอา ขั้นตอนนี้ทำให้หลายๆคนพบว่า นี้เรามีเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้เลยหรอ ก็ไม่แปลกเพราะเราคุ้นชินกับสภาพตู้ของเราไปแล้ว
นี้เป็นกองที่ผมเอาออกมา (ยังไม่ทั้งหมดนะ แค่ ¼ ของตู้เอง)
ขั้นที่สามคือ การพับกลับใส่เข้าตู้โดยแยกตามหมวดหมู่และลิ้นชัก โดยจขทกมีหนึ่งชั้นวางกับอีก 3 ลิ้นชัก
ชั้น accessory ก็หากล่องอะไรก็ได้ (เห็นกล่องเครื่องดื่มกล่องนั้นไหม 555 ) มาใส่ของหยุบหยิบให้เรียบร้อย
ส่วนเนคไทและเข็มขัดก็ม้วนแล้ววางไว้ให้เรียบร้อย ส่วนลิ้นชักอื่นๆก็จัดตามภาพต่อไป
ส่วนตัวที่แขวนก็เรียงสีสันให้สวยงามสักหน่อยโดยเฉพาะเสื้อ (ทำให้พบว่า จขกท ชอบเสื้อผ้าโทนน้ำเงิน)
มาถึงตรงนี้ ผ่านไปหลายชั่วโมง ก็เริ่มหน้ามืด เพราะก้มๆเงยๆ เหนื่อยแตกพลั่ก ก็เริ่มทำช้าลง จัดอีกตู้หนึ่งเอากระเป๋าที่ดองไว้
ไปเก็บที่อื่น + ทิ้งบ้าง จนออกมาเสร็จเป็นดังรูป
พอเสร็จกับทั้งสองตู้แล้วก็ต้องมาจัดการกับเสื้อผ้าที่ทิ้งต่อ อันนี้ต้องคัดแยกเกรดนิดนึง เพราะคิดว่าจะเอาไปบริจาคให้กับหลายๆที่ (บางที่ก็รับหมด บางที่ก็รับเฉพาะอย่าง) บางชุดก็คิดว่าจะเอาไปให้ญาติใส่ต่อ วิธีแยก จขทก ก็แยกตามนี้
1. เสื้อผ้าทั้งหมดที่มีแบรนด์ ซื้อมาราคาเกิน 200 บาทขึ้นไป สภาพยังดีอยู่ ไม่มีรอยหรือคราบอะไร ง่ายๆคือเอาไปขายต่อได้ ก็แยกไว้อันกองหนึ่ง อันนี้จะเอาไปให้โครงการร้านปันกันไปปันต่อให้คนอื่น รายได้ก็เป็นทุนให้น้องๆไป
2. เสื้อผ้าที่ทั้งมีแบรนด์และไม่มีแบรนด์ แต่เก่าเก็บเกิน 5 ปี ไม่มีคราบหรือรอยอะไรแต่เก่ามาก ก็เอาไปให้มูลนิธิกระจกเงาให้เขาไปจัดการต่อ
3. เสื้อผ้าที่เก่าเก็บเช่นกัน และไซส์เดียวกับญาติ ที่สภาพประมาณ 70% มีร่องรอยการใช้งาน ก็แยกไว้เอาไปให้ญาติ
4.เสื้อผ้าที่ใส่แล้วใส่อีก ขาดก็ยังใส่ ย้วยก็ยังใส่ อันนี้ต้องยอมทิ้งจริงๆ ด้วยสภาพ
จบจากทั้งหมดนี้ก็เสร็จแล้วใช้เวลาไปประมาณครึ่งวัน นานตรงที่คุณนายที่นั่งคุมเชิง ชอบทักว่าเสื้อตัวนี้ตัวไหนไปใส่มาให้ดูสิ
(ดูเฉยๆก็ได้ จะให้ใส่ให้ดูทำไม 555) เสียเวลาตรงนี้ไปเยอะอยู่เหมือนกัน
แล้วก็ จขทก อยากโชว์ของที่เป็นที่สุดของการจัดตู้เสื้อผ้าครั้งนี้สักหน่อย
ที่สุดของสิ่งของที่ใช้คุ้มค่าที่สุด คือเข็มขัดนักเรียน ใช้ตั้งแต่ ประถมยันเรียนจบ ม ปลาย จนตอนนี้ทำงานละไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม 555
สังเกตได้ว่าหัวเข็มขัดเล็กมาก
ต่อมาคือเสื้อผ้าตกทอดมา ตั้งแต่ยุคของแม่ ใส่แล้วใส่อีก ชอบใส่เพราะผ้ามันใส่สบาย
แต่ต้องทิ้งแหละ 555 สภาพแบบนี้ อันนี้เป็นที่สุดของความเก่าเก็บมาก
ต่อมาคือที่ชุดของความไม่คุ้มค่า คือกางเกงตั้งแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย
ที่ซื้อมาไม่ได้ใส่สักครั้งเพราะทรงใส่แล้วไม่สวย เนื้อผ้าก็แปลกๆ (แต่แพงอะ) ไปคืนร้านก็ไม่รับคืน ทำได้แค่ให้คนอื่นต่อไป
และสุดท้ายคือที่สุดของความไม่กล้าใส่ เพราะตัวนี้แม่ซื้อมาให้ แม่บอกสวยน่าจะเหมาะกับลูก (ตรงไหน)
สรุปคือก็ยังคงดองไว้ในตู้รอโอกาสใส่ เพราะแม่บอกแพงห้ามทิ้ง 5555
พอเสร็จจากท้งหมดนี้แล้ว หนทางทำความสะอาดบ้านยังอีกยาวไกล ตอน จขกท จัดตู้ตัวเองเสร็จแล้ว พ่อ จขทก ยังไม่เสร็จ
(และคงไม่เสร็จเร็วๆนี้) จนแม่บอกไปช่วยเขาหน่อย 555 วันหยุดยาวนี้สองชายต้องยังต่อสู้กับงานบ้านอีก
(ส่วนคุณนายเป็นForemanคุมอย่างเดียว) ขอกำลังใจด้วยนะครับ 555+