วันที่: 11 เม.ย. 60 เวลา: 17:55 น.
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) พร้อมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ได้รับแจ้งจากกลุ่มบริษัท แอสเสท เวิร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทีซีซี กรุ๊ป (ทีซีซี กรุ๊ป หรือกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่นก่อตั้งโดยนายเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้างและอสังหาริมทรัพย์) ว่า บริษัท แอสเสท เวิร์ด มีความประสงค์ขอซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ ซึ่งมีทรัพย์สินในกองเช่น อาคารแอทธินี อาคาร 208 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ในราคาเสนอซื้อ 29,000 ล้านบาท เสนอซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นท์ มีสินทรัพย์ในกองเช่น พันทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน เชียงใหม่ ประตูน้ำ บางกะปิ ตะวันนาในราคาเสนอซื้อที่ 21,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเสนอซื้อทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยโฮเทลอินเวสเม้นต์ซึ่งมีสินทรัพย์ เช่น โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพ อโรยัล เมอริเดียน ถนนวิทยุ โรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ ถนนวิทยุ โรงแรมเชอราตัน สมุย บีช รีสอร์ท เกาะสมุย เป็นต้น ในราคาเสนอซื้อที่ 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัท แอสเสทเวิร์ด ได้ถือหุ้นอยู่ใน 3 กองทุนข้างต้นในสัดส่วน 33% 30.9% และ 33% จึงใช้สิทธิ์ถือหน่วยลงทุนเกิน 10% ร้องขอให้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนให้ขายสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของบริษัทในฐานะผู้บริหารจัดการกองทุนมีความเห็นว่าผู้ถือหน่วยควรปฏิเสธการขายทรัพย์สินทั้งหมดของกองทุนรวมทั้ง 3 กองทุน เพราะ การขายทรัพย์สินทั้งหมดจะนำไปสู่การเลิกกองทุนส่งผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ได้รับผลตอบแทนจากการถือหน่วยลงทุนแต่จะได้รับเงินคืนทุนจากการขายทรัพย์สิน และส่วนเกินทุนในคราวเดียว ราคาเสนอซื้อไม่คุ้มค่าต่อผู้ถือหน่วยเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนผู้ถือหน่วยลงทุนในจะได้รับในระยะยาว อีกทั้ง ทรัพย์สินหลายชิ้นของกองอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ การประชุมผู้ถือหน่วยจะมีขึ้นภายในวันที่ 19 พฤษภาคม
นางชวินดาระบุว่า ราคาเสนอซื้อของทั้งสามกองทุนในครั้งนี้ มีราคาต่ำกว่าราคาการซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกองคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์เสนอซื้อที่ 13.10 บาท ราคาซื้อขายในตลาดอยู่ที่ 14.13 บาท กองไทยรีเทลเสนอซื้อที่ 13.22 บาท ราคาในตลาดอยุ่ที่ 16.38 บาท กองไทยโฮเทลอินเวสเม้นต์เสนอซื้อที่ 11.45 บาท ราคาตลาดอยู่ที่ 11.98 บาท และต่ำกว่าราคาประเมินตามมูลค่าทรัพย์สินที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้เลือกใช้ผู้ประเมินราคาทรัพย์สินชั้นนำของประเทศและเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จำนวน 4 ราย และนักกฎหมายซึ่งจะให้ความเห็นกับผู้ลงทุนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
http://www.matichon.co.th/news/526523
“เจ้าสัวเจริญ”ทุ่ม8 หมื่นล.ซื้อทรัพย์3กองทุนอสังหาฯคืน-บลจ.กรุงไทยชี้ราคาต่ำกว่าตลาดแนะผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ควรขาย
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) พร้อมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ได้รับแจ้งจากกลุ่มบริษัท แอสเสท เวิร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทีซีซี กรุ๊ป (ทีซีซี กรุ๊ป หรือกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่นก่อตั้งโดยนายเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้างและอสังหาริมทรัพย์) ว่า บริษัท แอสเสท เวิร์ด มีความประสงค์ขอซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ ซึ่งมีทรัพย์สินในกองเช่น อาคารแอทธินี อาคาร 208 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ในราคาเสนอซื้อ 29,000 ล้านบาท เสนอซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นท์ มีสินทรัพย์ในกองเช่น พันทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน เชียงใหม่ ประตูน้ำ บางกะปิ ตะวันนาในราคาเสนอซื้อที่ 21,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเสนอซื้อทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยโฮเทลอินเวสเม้นต์ซึ่งมีสินทรัพย์ เช่น โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพ อโรยัล เมอริเดียน ถนนวิทยุ โรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ ถนนวิทยุ โรงแรมเชอราตัน สมุย บีช รีสอร์ท เกาะสมุย เป็นต้น ในราคาเสนอซื้อที่ 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัท แอสเสทเวิร์ด ได้ถือหุ้นอยู่ใน 3 กองทุนข้างต้นในสัดส่วน 33% 30.9% และ 33% จึงใช้สิทธิ์ถือหน่วยลงทุนเกิน 10% ร้องขอให้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนให้ขายสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของบริษัทในฐานะผู้บริหารจัดการกองทุนมีความเห็นว่าผู้ถือหน่วยควรปฏิเสธการขายทรัพย์สินทั้งหมดของกองทุนรวมทั้ง 3 กองทุน เพราะ การขายทรัพย์สินทั้งหมดจะนำไปสู่การเลิกกองทุนส่งผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ได้รับผลตอบแทนจากการถือหน่วยลงทุนแต่จะได้รับเงินคืนทุนจากการขายทรัพย์สิน และส่วนเกินทุนในคราวเดียว ราคาเสนอซื้อไม่คุ้มค่าต่อผู้ถือหน่วยเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนผู้ถือหน่วยลงทุนในจะได้รับในระยะยาว อีกทั้ง ทรัพย์สินหลายชิ้นของกองอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ การประชุมผู้ถือหน่วยจะมีขึ้นภายในวันที่ 19 พฤษภาคม
นางชวินดาระบุว่า ราคาเสนอซื้อของทั้งสามกองทุนในครั้งนี้ มีราคาต่ำกว่าราคาการซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกองคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์เสนอซื้อที่ 13.10 บาท ราคาซื้อขายในตลาดอยู่ที่ 14.13 บาท กองไทยรีเทลเสนอซื้อที่ 13.22 บาท ราคาในตลาดอยุ่ที่ 16.38 บาท กองไทยโฮเทลอินเวสเม้นต์เสนอซื้อที่ 11.45 บาท ราคาตลาดอยู่ที่ 11.98 บาท และต่ำกว่าราคาประเมินตามมูลค่าทรัพย์สินที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้เลือกใช้ผู้ประเมินราคาทรัพย์สินชั้นนำของประเทศและเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จำนวน 4 ราย และนักกฎหมายซึ่งจะให้ความเห็นกับผู้ลงทุนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
http://www.matichon.co.th/news/526523