คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
ถึงผมจะเห็นใจร้าน เพราะมาเจอลูกค้าไม่โปรแบบนี้ แต่มองอย่างเป็นธรรม ผมว่าลูกค้าควรได้สิทธิ์เปลี่ยนสินค้า หากเปลี่ยนไม่ได้ก็คืนเงิน เพราะร้านไแรับปากไว้ว่เปลี่ยนได้ ในความเป็นจริงร้านทราบดีว่า ลูกค้าไม่จำเป็นและไม่มีความสามารถที่จะรับรู้ว่าร้านบริหารจัดการสินค้ายังไง สินค้าจะเลิกผลิต เปลี่ยนรุ่นมั้ย ลูกค้าย่อมไม่ทราบว่าร้านจะสั่งเตียงรอส่งแบบไม่รู้จะส่งได้วันไหนจนตกรุ่น เขาคิดแค่ว่าสั่งเตียงนี้ไว้ แต่ถ้าไม่เอาก็เปลี่ยนได้เพราะตกลงกันไว้แล้ว หากร้านทราบว่าสินค้าตกรุ่นแล้วลูกค้ายังไม่เคลียร์ก็ควรโทรหาลูกค้าว่า ตกลงคุณเอ็งจะเอาไงวะ แต่ในความเป็นจริงร้านอาจจะหลุดได้เพราะมีหลายสาขา เจ้าของคงไม่ได้ดูหมด คงใช้ลูกน้องคุมสต็อก แล้วลูกน้องก็ทำงานแบบ passive เห็นบิลมันค้างนานๆ สินค้าจะตกรุ่นแล้ว อย่ากระนั้นเลย สั่งเลยดีกว่า พอสั่งมาก็เป็นปัญหาแบบนี้ สมมุติเป็นแบบนี้จริงถามว่าใครผิด?
ผมก็มโนไปไกล การทำงานภายในเป็นอย่างไรก็ไม่ทีทางรู้หรอก รู้แต่ว่าสัญญาคือสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องรักษา ถึงจะต้องกลืนเลือดก็ต้องทำ เวลาจะสัญญาอะไรแปลว่าเรายินดีจะทำ ง่ายๆตรงตัว เคสนี้ก็เช่นกัน ผมก็ค้าขาย ไม่ใช่จะกำไรทุกบิล บางทีมีความผิดพลาด ถ้าพิจารณาว่าต้องรับผิดชอบก็ต้องทำ เราเจอลูกค้าห่วยๆได้ แต่อย่าเป็นคนห่วยเอง ลูกค้าคนนึงเดินเข้ามาแล้วก็ออกไป อาจจะกลับมาหรือไม่ก็ได้ แต่ธุรกิจที่สร้างมามีต้นทุน และเราก็อยากให้มันอยู่ไปนานๆ ชื่อเสียงจึงเป็นเรื่องที่ต้องตระหนักมากๆ
ผมก็มโนไปไกล การทำงานภายในเป็นอย่างไรก็ไม่ทีทางรู้หรอก รู้แต่ว่าสัญญาคือสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องรักษา ถึงจะต้องกลืนเลือดก็ต้องทำ เวลาจะสัญญาอะไรแปลว่าเรายินดีจะทำ ง่ายๆตรงตัว เคสนี้ก็เช่นกัน ผมก็ค้าขาย ไม่ใช่จะกำไรทุกบิล บางทีมีความผิดพลาด ถ้าพิจารณาว่าต้องรับผิดชอบก็ต้องทำ เราเจอลูกค้าห่วยๆได้ แต่อย่าเป็นคนห่วยเอง ลูกค้าคนนึงเดินเข้ามาแล้วก็ออกไป อาจจะกลับมาหรือไม่ก็ได้ แต่ธุรกิจที่สร้างมามีต้นทุน และเราก็อยากให้มันอยู่ไปนานๆ ชื่อเสียงจึงเป็นเรื่องที่ต้องตระหนักมากๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
สวัดดีครับผม ธันวา นะครับ
ผม กะไว้และครับ ว่าเรื่องต้องมาแบบนี้
พี่ครับผมเองขอเรียนพี่ตรงๆ นะครับว่า ผมเองเป็นคนตรง คุยตรงๆ และผมเองก็เป็นคนแบบตรงไปตรงมา
เพราะแบบนี้ รบกวนพี่คุยกับผมแบบตรงๆ นิดนึงครับ
ผมเองไม่มีปัญหานะครับ พี่เองโทรหาผม ผมเองก็รับสาย พี่เองพิมพ์ line คุยกับผม ผมเองก็ตอบทุกอย่าง
แต่พี่ครับ เวลาพี่พิมพ์ขอให้พี่พิมพ์เรื่องราวให้ครบถ้วนด้วยครับ ซึ่งพี่พิมพ์แบบนี้ พี่พิมพ์เรื่องรวมไม่ครบถ้วนนะครับ
ส่วนเรื่องที่พี่บอกว่าโทรหาผมนั้น และผมเองมีข้ออ้างใหม่ๆ แต่คำตอบเดิมพี่ครับ ข้ออ้างผมไม่มีนะครับ
มีแต่ผมคุยกับพี่แบบตรงๆ ผมจะอ้างอะไรอ่ะครับ เมื่อคำตอบเดิม พี่เองต่างหากที่คิดอะไรได้ก็พยายามโทรมาคุย
ซึ่งผมเองก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้นะครับ และก็ช่วยอย่างเต็มที่และสุดความสามารถด้วยครับ
แต่พอพี่ไม่พอใจ พี่กลับมาพิมพ์แบบนี้เพื่อมาดิสเครดิตผม และหาว่าผมเอาเปรียบพี่ พี่พิมพ์แบบนี้จะดีหรอครับ
ผมเองเป็นคนประสานงานให้พี่ ช่วยพี่ แต่พี่กลับมาว่าผมแบบนี้ บอกตรง ๆ เสียใจเลยครับ
พี่ครับ ภาษาจีนแต๋จิ๋ว เค้าว่าไว้ ก่งยิป บ่อก่งฉุก ครับ
พี่ลองหาคำแปลดูนะครับ
ผมขอชี้แจ้ง เรื่องราว ในมุมที่ผมเจอบ้าง นะครับ
เรื่องราว มีอยู่ว่า พี่มาซื้อที่นอน วันที่ 13/3/59 และพี่นัดส่งของ ปลายเดือน พ.ค 59 ซึ่งตามมาตรฐานแล้ว สินค้าฝากได้ 45 - 60 วัน แต่เนื่องจากบ้านพี่ไม่เสร็จ ผมเองก็ให้ฝากของต่อ โดยที่ผมเองก็ไม่ได้เรียกเก็บค่าอะไรเพิ่ม ก็ถือว่าช่วยๆกัน เพราะพี่เองก็ทำบ้านและต่อเติมบ้านผมเองก็เข้าใจ ก็เลยอ่ะไม่เป็นอะไร ออฟฟิศที่บ้านต่อว่าผมว่าให้ไปตามเงิน ผมเองยังบอกกับที่บ้านเลยว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าจะใช้ ก็เดี๋ยวพี่เค้าบอกเอง ลูกค้าผม ผมดูแลเอง ผมเองบอกที่บ้านไปแบบนั้น จนมาซักพักใหญ่ๆเลย ทางโรงงานเห็นว่าถึงกำหนดและเลยไปนานหลายเดือนแล้ว ทางโกดังผมเองก็มีโทรหาพี่ ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่าบ้านยังไม่เสร็จ และพอไปอีกระยะนึงประจวบเหมาะกับที่นอนตัว Sealy Hybrid รุ่น Excellence นั้นมีการเปลี่ยนปลับโฉมเป็นรุ่นใหม่ แน่นอนครับ โดยพื้นฐานแล้ว เรามี ออเดอร์ในมือก็ต้องสั่งขอมารอให้ลูกค้าแบบตามปกติ ซึ่งพาร์ท ตรงนี้ พี่ลูกค้าไม่ได้คุยกับผมเลยนะครับ เป็นการคุยและตกลงกับพี่ที่ชื่อไกรกมล ซึ่งพี่ไกรกมลเค้าก็เป็นคนที่ดูแลโกดังและเป็นหัวหน้าจัดส่งครับ ซึ่งคุยกันผมเองก็ไม่ทราบเรื่องนะครับ และเรื่องนี้ก็เงียบไป ... เป็นเดือนอ่ะครับ อยู่ๆ ก็มี แฟนพี่ลูกค้าท่านนี้ก็โทรมาหาผม ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบเรื่องอะไรก็ได้แต่รับเรื่อง และก็ทำตามที่คุยกับแฟนพี่เค้าครับ คือ แฟนพี่เค้าขอเปลี่ยนรุ่น ซึ่งผมเองไม่ทราบเรื่องผมเองก็บอกว่าได้ แต่พี่ครับระบบงานก็คือระบบงาน ผมเองก็ไปหา บิลก็ไม่เจอ พอถามไปถามมา สรุปได้ความว่าตามนี้ครับ
พี่ไกลกลมโทรตาม ถามว่าพี่ลูกค้าจะให้ส่งของเมื่อไหร่ ... เพราะของมาแล้ว พูดง่าย ๆ ก็ตามให้ลูกค้ารับของครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่พี่ลูกค้ากลับบอกมาว่าไม่สะดวกรับของ และขอยกเลิก เอาดือ ๆ ซึ่ง พี่ไกลกลมก็แจ้งไปตามเรื่องว่า พี่ครับ ยกเลิกแบบนี้นั้น ทางบริษัทไม่คืนเงินมัดจำนะครับ ซึ่งพี่ผู้ชายที่เป็นลูกค้าก็ ok ก็ไม่มีตอบโต้อะไรนะครับ และ บิลนี้ก็เลยถูกยกเลิกไปครับ และก็เรื่องก็หายไปอีกหลายเดือนเลยครับ
และอยู่ ๆ ก็โทรมาบอกเปลี่ยนรุ่น อย่างที่ผมบอกขั้นต้นครับ
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้นะครับ ว่าพี่ลูกค้าทั้งพี่ผู้ ญ และพี่ผู้ ช สื่อสารกันอย่างไร แต่ผมทรายอย่างเดียวครับ คือ พูดเข้าพูดออก เดี๋ยวเอาเดียวไม่เอา
และพี่ครับ ทุกครั้งที่ฝ่านบัญชีจะทำกินอันได้ที่เกี่ยวกับลูกค้า ผมเองก็จะต้องมีถามลูกค้าก่อนนะครับ ผมเองไม่เคยยกเลิกบิลพี่ลูกค้าโดยพลการครับ
ผมจะให้ดูอะไร ผมธันวา ตรง ๆ และซื้อสัตว์ ต่ออาชีพของผมมากนะครับ ถ้าพี่ลูกค้า ไม่บอกยกเลิกผมเองก็ไม่กล้ายกเลิกบิลนะครับ
พี่ดูนี่ครับ บิลตั้งแต่ ปี 52-50 กว่า ผมเองยังไม่ยกเลิกเลยครับ ยังเก็บรอพี่ลูกค้าอยู่เลยครับ

ผมธันวา ผมพูดและทำ ตรงจริง ๆ นะครับ ว่าแต่ผมขอความ การุณา พี่ตรง ๆ กับผมหน่อนนะครับ
ซึ่งพอมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็เอ๋อ เลยครับ เพราะเรื่องทั้งหมดนั้น จบและสรุปกันลงไปแล้ว ว่าพี่ยกเลิกบิล ซึ่งผมเองก็งงครับ ว่าทำมัยตอนนั้นที่พี่บอกยกเลิกบิล พี่ไม่ทักท้วงแต่อย่างไร กลับปล่อยเรื่องเงียบไปและค่อยมาคุยใหม่ ซึ่งผมเอง ก็บอกตรง ๆ ครับ ทำมันตอนที่คุณไกลกมลโทรตามพี่ พี่ไม่บอกอ่าครับว่า พี่อยากเปลี่ยนรุ่น ซึ่ง ณ ตอนนั้น สินค้ามาแต่ผมเองก็ยังเปลี่ยนทางโรงงาน sealy ได้ เพราะอยู่ในช่วง กำลังจะหยุดผลิตตัว แต่พี่เล่นยกเลิกบิล และพี่ก็หายไปเป็นเดือน ผมเองจะช่วยพี่อย่างไรอ่าครับ และอยู่ ๆ ก็จบอกว่ามาเปลี่ยน รุ่น
ผมเองใช้กำลังภายในเต็มที่แล้วนะครับ ในการทำบิลที่ยกเลิก กลับมาให้ไม่ยกเลิก ซึ่ง เงิน 15000 พี่เองก็ไม่ได้ 0 นะครับ ซึ่งถ้าเป็นที่อื่น พี่ครับ ผมถามว่ามีที่ไหนทำแบบผมบ้าง พี่ไปซื้อห้างหรือ บริษัทนั้น เค้าไม่มาใส่ใจแบบนี้นะครับ เอาบิลที่ยกเลิกแล้ว กลับมาให้พี่ใหม่ ซึ่งผมเองก็ช่วยพี่เต็มที่แล้ว แต่พี่เองก็ต้องเห็นใจผมบ้างครับ สินค้าตัว 75000 นั้น พี่ครับ พี่คิดว่าผมอยากได้เงินมันจำพี่ 15000 หรือครับ ป่าวเลย ผมอยากให้สินค้าตัวไหนปล่อยไปจบกว่าครับ พี่มัดจำ 15000 ผมซิครับ สตอกของให้พี่ ลงไปกับตัวสินค้ามากกว่า 15000 มากกว่าเงินมันจำพี่อีกครับ ใช่ว่าพี่เครียดคนเดียว ผมเองก็เครียดครับ เงินทุนหมุนจมในของ และที่สำคัญเงินผมลงไปมากกว่า 15000 อีกครับ
พี่ครับ พี่บอกว่า โทรมาคุยหลายครั้งแล้ว แต่ได้แต่ข้ออ้างใหม่ ๆ แต่คำตอบเดิม ๆ พี่อย่าบอกแบบนี้เลยครับ
ผมบอกตรง ๆ ที่คำตอบเดิม ๆ มันก็มาจากสิ่งที่เป็นจริงครับ นี่มาหลัง ๆ ตอนโทรคุย พี่กลับมาบอกผมว่า พี่ไม่ได้พูดเรื่องการยกเลิกบิล
พี่เล่นแบบนี้ผมเองก็ตายซิครับ พี่เล่นพูดเข้าพูดออกตลอดเลย
ผมไม่คิดจะโกง และผมก็ขายจิงอย่าง สุจริตชน และเงินของพี่ 15000 ก็ไม่ทำให้ผมมี ฐานะการเงิน ที่ดีขึ้นด้วย
แต่ในเคสพี่ มันเป็นอะไรที่ พี่ไม่ตรงอ่าครับ พี่คิดทุกอย่างเฉียงเข้าตัวเองตลอดเลย
ผมเอง ธันวา อยู่ตรงนี้ไม่หนีไม่หาย เบอร์ผม ก็เบอร์เดิม พี่ครับ
อยากฟ้อง ฟ้องมาเลย ผมรออยู่ตรงนี้ นะครับ
เพราะผมเองก็เรียนพี่ตรง ๆ ผมเองก็บริสุทใจ ครับ
นี่เป็น รายที่ผมคุยกับพี่ลูกค้าเมื่อ วานครับ พี่อ่านและก็ไม่ตอบ

ผมเองก็ได้อธิบายทั้งหมด ในมุมที่ผมเจอไปแล้วนะครับ
กับเรื่องนี้ผมเองก็ขอจบที่ตรงนี้ครับ ผมเองก็จะไม่ต่อความยาวไปมากกว่านี้ครับ
สุดท้ายก็ขอให้ พี่พี่ หลาย ๆ ท่าน อ่านลองใช้ ดุลพินิจ และ พิจารณา ดูนะครับ
ปล. พูดตรง ๆ นะครับ ผมเองไปเอาเปรียบพี่ตรงไหรครับ !!!!
ผม กะไว้และครับ ว่าเรื่องต้องมาแบบนี้
พี่ครับผมเองขอเรียนพี่ตรงๆ นะครับว่า ผมเองเป็นคนตรง คุยตรงๆ และผมเองก็เป็นคนแบบตรงไปตรงมา
เพราะแบบนี้ รบกวนพี่คุยกับผมแบบตรงๆ นิดนึงครับ
ผมเองไม่มีปัญหานะครับ พี่เองโทรหาผม ผมเองก็รับสาย พี่เองพิมพ์ line คุยกับผม ผมเองก็ตอบทุกอย่าง
แต่พี่ครับ เวลาพี่พิมพ์ขอให้พี่พิมพ์เรื่องราวให้ครบถ้วนด้วยครับ ซึ่งพี่พิมพ์แบบนี้ พี่พิมพ์เรื่องรวมไม่ครบถ้วนนะครับ
ส่วนเรื่องที่พี่บอกว่าโทรหาผมนั้น และผมเองมีข้ออ้างใหม่ๆ แต่คำตอบเดิมพี่ครับ ข้ออ้างผมไม่มีนะครับ
มีแต่ผมคุยกับพี่แบบตรงๆ ผมจะอ้างอะไรอ่ะครับ เมื่อคำตอบเดิม พี่เองต่างหากที่คิดอะไรได้ก็พยายามโทรมาคุย
ซึ่งผมเองก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้นะครับ และก็ช่วยอย่างเต็มที่และสุดความสามารถด้วยครับ
แต่พอพี่ไม่พอใจ พี่กลับมาพิมพ์แบบนี้เพื่อมาดิสเครดิตผม และหาว่าผมเอาเปรียบพี่ พี่พิมพ์แบบนี้จะดีหรอครับ
ผมเองเป็นคนประสานงานให้พี่ ช่วยพี่ แต่พี่กลับมาว่าผมแบบนี้ บอกตรง ๆ เสียใจเลยครับ
พี่ครับ ภาษาจีนแต๋จิ๋ว เค้าว่าไว้ ก่งยิป บ่อก่งฉุก ครับ
พี่ลองหาคำแปลดูนะครับ
ผมขอชี้แจ้ง เรื่องราว ในมุมที่ผมเจอบ้าง นะครับ
เรื่องราว มีอยู่ว่า พี่มาซื้อที่นอน วันที่ 13/3/59 และพี่นัดส่งของ ปลายเดือน พ.ค 59 ซึ่งตามมาตรฐานแล้ว สินค้าฝากได้ 45 - 60 วัน แต่เนื่องจากบ้านพี่ไม่เสร็จ ผมเองก็ให้ฝากของต่อ โดยที่ผมเองก็ไม่ได้เรียกเก็บค่าอะไรเพิ่ม ก็ถือว่าช่วยๆกัน เพราะพี่เองก็ทำบ้านและต่อเติมบ้านผมเองก็เข้าใจ ก็เลยอ่ะไม่เป็นอะไร ออฟฟิศที่บ้านต่อว่าผมว่าให้ไปตามเงิน ผมเองยังบอกกับที่บ้านเลยว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าจะใช้ ก็เดี๋ยวพี่เค้าบอกเอง ลูกค้าผม ผมดูแลเอง ผมเองบอกที่บ้านไปแบบนั้น จนมาซักพักใหญ่ๆเลย ทางโรงงานเห็นว่าถึงกำหนดและเลยไปนานหลายเดือนแล้ว ทางโกดังผมเองก็มีโทรหาพี่ ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่าบ้านยังไม่เสร็จ และพอไปอีกระยะนึงประจวบเหมาะกับที่นอนตัว Sealy Hybrid รุ่น Excellence นั้นมีการเปลี่ยนปลับโฉมเป็นรุ่นใหม่ แน่นอนครับ โดยพื้นฐานแล้ว เรามี ออเดอร์ในมือก็ต้องสั่งขอมารอให้ลูกค้าแบบตามปกติ ซึ่งพาร์ท ตรงนี้ พี่ลูกค้าไม่ได้คุยกับผมเลยนะครับ เป็นการคุยและตกลงกับพี่ที่ชื่อไกรกมล ซึ่งพี่ไกรกมลเค้าก็เป็นคนที่ดูแลโกดังและเป็นหัวหน้าจัดส่งครับ ซึ่งคุยกันผมเองก็ไม่ทราบเรื่องนะครับ และเรื่องนี้ก็เงียบไป ... เป็นเดือนอ่ะครับ อยู่ๆ ก็มี แฟนพี่ลูกค้าท่านนี้ก็โทรมาหาผม ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบเรื่องอะไรก็ได้แต่รับเรื่อง และก็ทำตามที่คุยกับแฟนพี่เค้าครับ คือ แฟนพี่เค้าขอเปลี่ยนรุ่น ซึ่งผมเองไม่ทราบเรื่องผมเองก็บอกว่าได้ แต่พี่ครับระบบงานก็คือระบบงาน ผมเองก็ไปหา บิลก็ไม่เจอ พอถามไปถามมา สรุปได้ความว่าตามนี้ครับ
พี่ไกลกลมโทรตาม ถามว่าพี่ลูกค้าจะให้ส่งของเมื่อไหร่ ... เพราะของมาแล้ว พูดง่าย ๆ ก็ตามให้ลูกค้ารับของครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่พี่ลูกค้ากลับบอกมาว่าไม่สะดวกรับของ และขอยกเลิก เอาดือ ๆ ซึ่ง พี่ไกลกลมก็แจ้งไปตามเรื่องว่า พี่ครับ ยกเลิกแบบนี้นั้น ทางบริษัทไม่คืนเงินมัดจำนะครับ ซึ่งพี่ผู้ชายที่เป็นลูกค้าก็ ok ก็ไม่มีตอบโต้อะไรนะครับ และ บิลนี้ก็เลยถูกยกเลิกไปครับ และก็เรื่องก็หายไปอีกหลายเดือนเลยครับ
และอยู่ ๆ ก็โทรมาบอกเปลี่ยนรุ่น อย่างที่ผมบอกขั้นต้นครับ
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้นะครับ ว่าพี่ลูกค้าทั้งพี่ผู้ ญ และพี่ผู้ ช สื่อสารกันอย่างไร แต่ผมทรายอย่างเดียวครับ คือ พูดเข้าพูดออก เดี๋ยวเอาเดียวไม่เอา
และพี่ครับ ทุกครั้งที่ฝ่านบัญชีจะทำกินอันได้ที่เกี่ยวกับลูกค้า ผมเองก็จะต้องมีถามลูกค้าก่อนนะครับ ผมเองไม่เคยยกเลิกบิลพี่ลูกค้าโดยพลการครับ
ผมจะให้ดูอะไร ผมธันวา ตรง ๆ และซื้อสัตว์ ต่ออาชีพของผมมากนะครับ ถ้าพี่ลูกค้า ไม่บอกยกเลิกผมเองก็ไม่กล้ายกเลิกบิลนะครับ
พี่ดูนี่ครับ บิลตั้งแต่ ปี 52-50 กว่า ผมเองยังไม่ยกเลิกเลยครับ ยังเก็บรอพี่ลูกค้าอยู่เลยครับ

ผมธันวา ผมพูดและทำ ตรงจริง ๆ นะครับ ว่าแต่ผมขอความ การุณา พี่ตรง ๆ กับผมหน่อนนะครับ
ซึ่งพอมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็เอ๋อ เลยครับ เพราะเรื่องทั้งหมดนั้น จบและสรุปกันลงไปแล้ว ว่าพี่ยกเลิกบิล ซึ่งผมเองก็งงครับ ว่าทำมัยตอนนั้นที่พี่บอกยกเลิกบิล พี่ไม่ทักท้วงแต่อย่างไร กลับปล่อยเรื่องเงียบไปและค่อยมาคุยใหม่ ซึ่งผมเอง ก็บอกตรง ๆ ครับ ทำมันตอนที่คุณไกลกมลโทรตามพี่ พี่ไม่บอกอ่าครับว่า พี่อยากเปลี่ยนรุ่น ซึ่ง ณ ตอนนั้น สินค้ามาแต่ผมเองก็ยังเปลี่ยนทางโรงงาน sealy ได้ เพราะอยู่ในช่วง กำลังจะหยุดผลิตตัว แต่พี่เล่นยกเลิกบิล และพี่ก็หายไปเป็นเดือน ผมเองจะช่วยพี่อย่างไรอ่าครับ และอยู่ ๆ ก็จบอกว่ามาเปลี่ยน รุ่น
ผมเองใช้กำลังภายในเต็มที่แล้วนะครับ ในการทำบิลที่ยกเลิก กลับมาให้ไม่ยกเลิก ซึ่ง เงิน 15000 พี่เองก็ไม่ได้ 0 นะครับ ซึ่งถ้าเป็นที่อื่น พี่ครับ ผมถามว่ามีที่ไหนทำแบบผมบ้าง พี่ไปซื้อห้างหรือ บริษัทนั้น เค้าไม่มาใส่ใจแบบนี้นะครับ เอาบิลที่ยกเลิกแล้ว กลับมาให้พี่ใหม่ ซึ่งผมเองก็ช่วยพี่เต็มที่แล้ว แต่พี่เองก็ต้องเห็นใจผมบ้างครับ สินค้าตัว 75000 นั้น พี่ครับ พี่คิดว่าผมอยากได้เงินมันจำพี่ 15000 หรือครับ ป่าวเลย ผมอยากให้สินค้าตัวไหนปล่อยไปจบกว่าครับ พี่มัดจำ 15000 ผมซิครับ สตอกของให้พี่ ลงไปกับตัวสินค้ามากกว่า 15000 มากกว่าเงินมันจำพี่อีกครับ ใช่ว่าพี่เครียดคนเดียว ผมเองก็เครียดครับ เงินทุนหมุนจมในของ และที่สำคัญเงินผมลงไปมากกว่า 15000 อีกครับ
พี่ครับ พี่บอกว่า โทรมาคุยหลายครั้งแล้ว แต่ได้แต่ข้ออ้างใหม่ ๆ แต่คำตอบเดิม ๆ พี่อย่าบอกแบบนี้เลยครับ
ผมบอกตรง ๆ ที่คำตอบเดิม ๆ มันก็มาจากสิ่งที่เป็นจริงครับ นี่มาหลัง ๆ ตอนโทรคุย พี่กลับมาบอกผมว่า พี่ไม่ได้พูดเรื่องการยกเลิกบิล
พี่เล่นแบบนี้ผมเองก็ตายซิครับ พี่เล่นพูดเข้าพูดออกตลอดเลย
ผมไม่คิดจะโกง และผมก็ขายจิงอย่าง สุจริตชน และเงินของพี่ 15000 ก็ไม่ทำให้ผมมี ฐานะการเงิน ที่ดีขึ้นด้วย
แต่ในเคสพี่ มันเป็นอะไรที่ พี่ไม่ตรงอ่าครับ พี่คิดทุกอย่างเฉียงเข้าตัวเองตลอดเลย
ผมเอง ธันวา อยู่ตรงนี้ไม่หนีไม่หาย เบอร์ผม ก็เบอร์เดิม พี่ครับ
อยากฟ้อง ฟ้องมาเลย ผมรออยู่ตรงนี้ นะครับ
เพราะผมเองก็เรียนพี่ตรง ๆ ผมเองก็บริสุทใจ ครับ
นี่เป็น รายที่ผมคุยกับพี่ลูกค้าเมื่อ วานครับ พี่อ่านและก็ไม่ตอบ

ผมเองก็ได้อธิบายทั้งหมด ในมุมที่ผมเจอไปแล้วนะครับ
กับเรื่องนี้ผมเองก็ขอจบที่ตรงนี้ครับ ผมเองก็จะไม่ต่อความยาวไปมากกว่านี้ครับ
สุดท้ายก็ขอให้ พี่พี่ หลาย ๆ ท่าน อ่านลองใช้ ดุลพินิจ และ พิจารณา ดูนะครับ
ปล. พูดตรง ๆ นะครับ ผมเองไปเอาเปรียบพี่ตรงไหรครับ !!!!
ความคิดเห็นที่ 22
ถ้าตัดเรื่องร้านเอกลักษณ์ออกไปก่อนนะครับ
คุณซื้อของราคา 75,000 จ่ายมัดจำ 15,000 ฝากของไว้เป็นปี สุดท้ายยกเลิก <<<< ไม่มีร้านไหนเขาให้คุณหรอกครับ เอาแค่ฝากไว้เป็นปีนี่ก็ไม่มีแล้ว ตอนผมสร้างบ้าน ผมซื้อสุขภัณท์ กระเบื้อง จากบุญถาวร สี่แสนกว่าบาท รูดหมด ฝากไว้ที่โกดังเขาได้ 3 เดือนก็นานแล้วครับ ผมยื้อจนเซลเขาโดน ผจก.ด่าแล้ว สุดท้ายก็ต้องขนมาเก็บไว้ที่บ้านอีกเกือบปีกว่าจะได้ใช้ นี่ขนาดผมจ่ายเต็มสี่แสน
แต่นี่คุณมัดจำแค่ 15,000 ที่เหลือร้านเขาต้องจ่าเงินซื้อมาดองไว้ให้คุณอีกหลายหมื่น เกินมัดจำแน่นอน แต่สุดท้ายคุณกลับไม่เอาซะงั้น แบบนี้ร้านยึดมัดจำก็ถูกแล้วครับ คิดง่ายๆ เพื่อนฝากคุณซื้อของราคาเจ็ดหมื่นห้า โดยให้เงินคุณไปหมื่นห้า บอกว่าซื้อมาแล้วจะจ่ายที่เหลือ พอคุณซื้อมาแล้ว เพื่อนคนนั้นบอกไม่เอาละ กุเปลี่ยนใจยกเลิก คุณจะรู้สึกไงครับ ของก็ซื้อมาแล้ว คุรก็ใช้ประโยชนืไม่ได้ แต่จะยกเลิกและให้คืนหมื่นห้ากุมาด้วย ตลกแล้วแบบนั้น
คุณจะฟ้องเขาได้ กรณีเดียวคือ คุณซื้อ จ่ายมัดจำ วันรับของไปรับ แล้วไม่มีของให้คุณ นั่นแหล่ะ แจ้งความได้ครับ แต่ถ้าเรื่องตามที่คุณ จขกท.เล่านั้น คุณทำอะไรไม่ได้จริงๆ มีทางเลือกสองทาง ยอมให้ริบมัดจำ กับจ่ายที่เหลือเอาเตียงมานอนครับ
คุณซื้อของราคา 75,000 จ่ายมัดจำ 15,000 ฝากของไว้เป็นปี สุดท้ายยกเลิก <<<< ไม่มีร้านไหนเขาให้คุณหรอกครับ เอาแค่ฝากไว้เป็นปีนี่ก็ไม่มีแล้ว ตอนผมสร้างบ้าน ผมซื้อสุขภัณท์ กระเบื้อง จากบุญถาวร สี่แสนกว่าบาท รูดหมด ฝากไว้ที่โกดังเขาได้ 3 เดือนก็นานแล้วครับ ผมยื้อจนเซลเขาโดน ผจก.ด่าแล้ว สุดท้ายก็ต้องขนมาเก็บไว้ที่บ้านอีกเกือบปีกว่าจะได้ใช้ นี่ขนาดผมจ่ายเต็มสี่แสน
แต่นี่คุณมัดจำแค่ 15,000 ที่เหลือร้านเขาต้องจ่าเงินซื้อมาดองไว้ให้คุณอีกหลายหมื่น เกินมัดจำแน่นอน แต่สุดท้ายคุณกลับไม่เอาซะงั้น แบบนี้ร้านยึดมัดจำก็ถูกแล้วครับ คิดง่ายๆ เพื่อนฝากคุณซื้อของราคาเจ็ดหมื่นห้า โดยให้เงินคุณไปหมื่นห้า บอกว่าซื้อมาแล้วจะจ่ายที่เหลือ พอคุณซื้อมาแล้ว เพื่อนคนนั้นบอกไม่เอาละ กุเปลี่ยนใจยกเลิก คุณจะรู้สึกไงครับ ของก็ซื้อมาแล้ว คุรก็ใช้ประโยชนืไม่ได้ แต่จะยกเลิกและให้คืนหมื่นห้ากุมาด้วย ตลกแล้วแบบนั้น
คุณจะฟ้องเขาได้ กรณีเดียวคือ คุณซื้อ จ่ายมัดจำ วันรับของไปรับ แล้วไม่มีของให้คุณ นั่นแหล่ะ แจ้งความได้ครับ แต่ถ้าเรื่องตามที่คุณ จขกท.เล่านั้น คุณทำอะไรไม่ได้จริงๆ มีทางเลือกสองทาง ยอมให้ริบมัดจำ กับจ่ายที่เหลือเอาเตียงมานอนครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ใจเย็นๆครับ
เตียงมันไม่หนีไปไหน ยังไงก็หาได้ ไม่น่าจะรีบวางมัดจำไว้ก่อนเลยครับ เข้าใจว่าอารมณ์ตอนนั้นอยากได้และก็ตกเป็นเหยื่อโปรโมชั่นก็เลยลืมคิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายพอบ้านเสร็จงบไม่ถึงแต่คุณแหย่ขาเข้าไปแล้ว
คือคิดให้เป็นกลาง ลองสมมติให้ตัวเองเป็นฝั่งเจ้าของร้าน
เงินที่คุณมัดจำไปก็คือทางร้านเค้าก็สั่งสินค้าจากต่างประเทศมา1หลังเพื่อให้คุณคนเดียว ทีนี้จะบอกว่าไม่เอา จะเอา15000คืนแล้วให้ทางร้านแบกรับความเสี่ยงเงินจม75000ถ้าขายเตียงคุณไม่ได้ แบบนี้ร้านซวยหรือคุณซวยครับ คิดให้ดีๆ ขายของอยู่ดีๆมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาให้จองสินค้า สั่งมาสต๊อกแล้วจะไม่เอา??!! ร้านเสียเงินสินค้าสั่งจำนวนเงินเต็มมาแล้วนะครับ ใครควรหัวเสีย??
ทีนี้ทางออกที่ดีที่สุดคุณก็ไปขอผ่อนจ่ายเป็นกี่งวดก็ว่าไป แต่ก็เอาไอ้ตัวที่ชอบนั่นแหละ จะไปเปลี่ยนทำไมก็เราลองนอนตัวนี้แล้วมันสบาย จะไปเปลี่ยนเอาตัว3หมื่น-4หมื่นเอามาแล้วนอนปวดหลังเดี๋ยวก็ซื้อใหม่
ถ้าร้านยอมคืนเงินให้คุณแล้วแบกภาระขายเตียงนี่คนเดียวก็พ่อพระแล้วคุณ เผลอๆไม่มีคนซื้อถึงเค้าได้มัดจำคุณ15000ไปเค้าก็ขาดทุนยังต้องมานั่งดูแลรักษาเตียงที่ไม่ได้นอนอีก
ที่สำคัญคือ เมียนี่แหละ อย่าให้เค้าไม่สบายใจกับปัญหาที่เราก่อ
ขอแซวนิดนึง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใจเย็นๆครับ ก่อนที่เค้าจะเอาเรื่องคุณที่ไปหาว่าเค้าเอาเปรียบ เพราะว่าการที่คุณถือใบมัดจำสินค้าอยู่ processต่อไปเหมือนกันทุกที่บนโลกก็คือ คุณไปที่ร้าน ยื่นใบมัดจำ แล้วบอกว่า มารับของที่จองไว้ ของอยู่ไหน? เว้นแต่ว่าเค้าไม่มีของให้คุณ คุณโวยได้ ...แต่นี่ของคุณมาแล้ว
เตียงมันไม่หนีไปไหน ยังไงก็หาได้ ไม่น่าจะรีบวางมัดจำไว้ก่อนเลยครับ เข้าใจว่าอารมณ์ตอนนั้นอยากได้และก็ตกเป็นเหยื่อโปรโมชั่นก็เลยลืมคิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายพอบ้านเสร็จงบไม่ถึงแต่คุณแหย่ขาเข้าไปแล้ว
คือคิดให้เป็นกลาง ลองสมมติให้ตัวเองเป็นฝั่งเจ้าของร้าน
เงินที่คุณมัดจำไปก็คือทางร้านเค้าก็สั่งสินค้าจากต่างประเทศมา1หลังเพื่อให้คุณคนเดียว ทีนี้จะบอกว่าไม่เอา จะเอา15000คืนแล้วให้ทางร้านแบกรับความเสี่ยงเงินจม75000ถ้าขายเตียงคุณไม่ได้ แบบนี้ร้านซวยหรือคุณซวยครับ คิดให้ดีๆ ขายของอยู่ดีๆมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาให้จองสินค้า สั่งมาสต๊อกแล้วจะไม่เอา??!! ร้านเสียเงินสินค้าสั่งจำนวนเงินเต็มมาแล้วนะครับ ใครควรหัวเสีย??
ทีนี้ทางออกที่ดีที่สุดคุณก็ไปขอผ่อนจ่ายเป็นกี่งวดก็ว่าไป แต่ก็เอาไอ้ตัวที่ชอบนั่นแหละ จะไปเปลี่ยนทำไมก็เราลองนอนตัวนี้แล้วมันสบาย จะไปเปลี่ยนเอาตัว3หมื่น-4หมื่นเอามาแล้วนอนปวดหลังเดี๋ยวก็ซื้อใหม่
ถ้าร้านยอมคืนเงินให้คุณแล้วแบกภาระขายเตียงนี่คนเดียวก็พ่อพระแล้วคุณ เผลอๆไม่มีคนซื้อถึงเค้าได้มัดจำคุณ15000ไปเค้าก็ขาดทุนยังต้องมานั่งดูแลรักษาเตียงที่ไม่ได้นอนอีก
ที่สำคัญคือ เมียนี่แหละ อย่าให้เค้าไม่สบายใจกับปัญหาที่เราก่อ
ขอแซวนิดนึง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใจเย็นๆครับ ก่อนที่เค้าจะเอาเรื่องคุณที่ไปหาว่าเค้าเอาเปรียบ เพราะว่าการที่คุณถือใบมัดจำสินค้าอยู่ processต่อไปเหมือนกันทุกที่บนโลกก็คือ คุณไปที่ร้าน ยื่นใบมัดจำ แล้วบอกว่า มารับของที่จองไว้ ของอยู่ไหน? เว้นแต่ว่าเค้าไม่มีของให้คุณ คุณโวยได้ ...แต่นี่ของคุณมาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
อยากขอคำแนะนำ ในการแก้ปัญหาถูกเอาเปรียบการซื้อที่นอน "ร้านที่นอนเอกลักษณ์"
เรื่องคือเมื่อเดือน มค. 59 ผมได้ซื้อบ้านใหม่หลังเล็กๆ ในโครงการที่เชียงใหม่ โดยวางแผนว่าจะย้ายมาอยู่กับภรรยา (ผมเป็นคนเชียงใหม่อยู่แล้วแต่ไปทำงานที่ต่างจังหวัด และแต่งงานที่นั่นช่วงต้นปี 58) ซึ่งผมเป็นคนที่เรื่องมากในระดับนึง จึงขอ(จ้าง)ให้น้องที่รู้จักกันให้ออกแบบตกแต่งภายในให้ โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องเวลา (คิดว่าค่อยๆ ทำไป เพราะยังไม่รู้จะได้ย้ายทีทำงานกลับไปอยู่เมื่อไหร่)
พอตัดสินใจซื้อบ้านจะอยู่ด้วยกัน ด้วยความเห่อ ผมกับภรรยาก็เดินสายดูของใช้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของแต่งบ้านตามงานต่างๆ จนได้ไปเดินในงานของ homepro (ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่น่าจะใช้) ที่จัดที่เมืองทองฯ ด้วยความที่ตัวผมเองมีปัญหาเรื่องการนอนพอสมควร (ลงพุง ปวดหลัง) จึงไปลองนอนที่นอนในงาน จนไปลองที่นอนชื่อ Sealy Hybrid รุ่น Excellence ชอบมาก นอนสบายจริงๆ แต่ก็ต้องช็อคกับราคา ราคาตั้งไว้สองแสน ในงานลดเหลือแสนนึดๆ แต่พอคุยกับเซลล์ เซลล์ก็เสนอลดนั่นลดนี่ ลดไปลดมาเหลือประมาณ 83,000 บาท จนผมเริ่มสนใจขึ้นมา แต่ในขณะเดียวก็โดนภรรยาเบรคไว้ "จะบ้าเหรอที่นอนหลังเป็นแสน ที่บ้านสองหมื่นก็นอนสบายละ" ก็เดินกลับไปด้วยประโยคนี้
ด้วยความติดใจ ในหัวฝันถึงแต่การได้นอนบ้านใหม่ กับที่นอนหลังนี้ มือก็หาข้อมูลเพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเองในการที่จะซื้อที่นอนหลังนี้ โดยก็มาเจอกระทู้นึงในพันทิพนี่แหละครับ (https://pantip.com/topic/33656834) อ่านๆ ไป โอ้โหเชียร์รุ่นนี้ใหญ่เลยนั่นนี่ ยิ่งทำให้อยากได้แบบจริงๆ จังๆ ขึ้นมา เลยลองโทรถามราคาดูเผื่อว่าราคาพอจะเอื้อมถึง ลองโทรไปที่คุณธันวา คุยกันเค้าบอกให้ผมไปคุยเรื่องราคากับพี่สาวเค้าที่ร้าน ด้วยความอยากได้จึงไป
พอไปถึงร้านคนที่เค้าบอกว่าเป็นพี่สาว ก็ส่งโทรศัพท์ให้ผมคุยเรื่องราคา คุณธันวาถามผมว่าดูราคามาเท่าไหร่ ผมบอกว่า แปดหมื่นนิดๆ แกเลยบอกว่าให้ 75,000 บาท ได้ยินแบบนั้นผมตาลุกวาวเลย คิดในใจถ้าซื้อที่นี่ประหยัดได้ตั้ง 8000 บาท ผมจึงถามต่อว่าถ้าจองไว้ก่อนได้มั้ย พอดีบ้านบังไม่เสร็จ (ตอนนั้นกะว่าบ้านเสร็จประมาณ พค. ) คุณธันวาก็แจ้งว่าได้ โดยให้จ่ายเงินมัดจำไว้ก่อน 15,000 บาท พอบ้านเสร็จให้จ่ายส่วนที่เหลือ ละจะไปส่งของให้ ด้วยความที่ว่าก่อนมาที่นี่ผมได้คุยกับภรรยาว่าแค่มาถามราคาคงไม่ซื้อ ผมจึงถามว่าถ้าเปลี่ยนใจได้มั้ย ถ้าสุดท้ายแล้วไม่เอา (เพราะราคาค่อนข้างสูง อีกใจนึงก็กลังว่างบสำหรับตกแต่งภายในที่ตั้งไว้จะบานปลาย) แกบอกว่าเปลี่ยนได้ เปลี่ยนเป็นรุ่นไหนก็ได้ก็จ่ายเงินส่วนเพิ่มไป ในใจผมพลางคิดว่ายังไงที่นอนก็ต้องซื้อ ก็คิดซะว่าจ่ายเงินจองเอาราคานี้ไว้ก่อน ถ้าหลังจากนี้ไม่เอาก็ไม่เสียหายอะไร ก็ตกลงจ่ายเงินจองไป (ตอนตกลงเรื่องของแถมก็ถามย้ำว่าเปลี่ยนได้นะ ชัวนะ)
ผ่านไปหลายเดือน ระหว่างนั้นเดือน ตค. ทางร้านโทรมาถามว่าจะให้ไปส่งรึยัง ผมก็แจ้งไปว่ายัง เพราะบ้านยังไม่เสร็จ จนกระทั่งปลายเดือน กพ. 60 บ้านของผมพร้อมที่จะอยู่แล้ว (ผ่านมานานเนื่องจากน้องที่ออกแบบให้งานรัดตัวมาก) ซึ่งงบที่ตั้งไว้บานปลายไปมากจริงๆ จึงตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนรุ่นที่นอน โดยเปลี่ยนรุ่นที่จ่ายเพิ่มไม่มาก ผมก็ได้แจ้งคุณธันวาไป ตอนแรกก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จนผ่านไป 3-4 วัน คุณธันวาก็แจ้งมาว่าให้ผมโทรไปคุยกับคนดูแลจัดส่ง ผมโทรไปคุยกับคุณไกรกมล แกแจ้งว่าที่นอนรุ่นที่ผมสั่ง เปลี่ยนไม่ได้เพราะที่นอนรุ่นนี้เลิกผลิต เปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่ไปแล้ว ทางร้านได้สั่งมาสต๊อกไว้แล้ว (โดยไม่ได้โทรมาคอนเฟิร์มหรือแจ้งอะไรผมเลย) พอผมบอกไปว่าไม่มีเงินจ่ายค่าที่นอนที่เหลือแล้ว คุณไกรกมลก็บอกว่างั้นก็จะยกเลิกใช่มั้ย (คือยึดเงิน 15,000) ผมบอกว่าไม่ ผมจะเปลี่ยน แกก็เลยก็ยื่นคำขาดว่างั้นก็ต้องรอแกขายรุ่นนี้ได้ก่อน ผมถึงจะเปลี่ยนได้
ซึ่งหมายความว่าผมกับภรรยาต้องนอนพื้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนโทรมาบอกว่าเปลี่ยนที่นอนได้แล้วนะ?
หลังจากนั้นผมกับภรรยา ได้โทรไปคุยตกลงอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะมีข้ออ้างใหม่ๆ แต่คำตอบเดิม ผมกับภรรยา หัวเสียกับเรื่องนี้มากทีเดียว รู้สึกจิตตกกันไปเลยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ณ วันนี้ผ่านมาเกือบสองเดือน ผมโทรไปก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม คือยอมรับผิดที่ไม่โทรมาถามผมก่อน แต่ไม่รับผิดชอบใดๆ ให้ผมรอไปอย่างเดียว ผมยอมรับว่าโมโหมาก จึงอยากจะขอคำแนะนำว่า ผมสามารถฟ้องร้องหรือร้องเรียนใดๆ ได้หรือไม่ครับ ถ้าไม่ได้จะได้ทำใจคิดซะว่าเป็นค่าโง่ จะได้ไปซื้อที่นอนซะที
ขอบคุณครับ