พี่เลี้ยงจำเป็นในโรงเรียนอนุบาลที่ประเทศเยอรมนีในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน

*** สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกของเรานะ ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วย

ตอนนี้เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศเยอรมนี อยู่มาได้เกือบ ๆ จะ 7 เดือนละ เห็นมีเพื่อนเยอะแยะเลยตั้งกระทู้เขียนเรื่องราวแลกเปลี่ยนของตัวเอง เราก็อ่านนะ มีอันไหนมาใหม่ก็คอยอ่านตลอด ตอนนั้นอ่านอย่างเดียว แต่หลังจากที่ได้ไปฝึกงานที่โรงเรียนอนุบาลเป็นเวลา 3 อาทิตย์ใกล้ ๆ บ้าน แล้ววันศุกร์ที่ผ่านมา (7.4) เป็นวันสุดท้าย ถือว่ายังสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ ก็กลับมาคิดว่า เอ เคยมีใครหรือเพื่อนคนไหนมาเขียนสไตล์นี้ดูรึยัง น่าจะยัง ก็เลยตั้งใจว่าจะลองเขียนดู

บางคนอาจจะยังงงอยู่ ว่าเราไปฝึกงานหรือที่ภาษาเยอรมันเขาเรียกกันว่า Praktikum เนี่ยยังไง เกริ่นก่อนว่าโรงเรียนที่เรามาเรียนอยู่เนี่ย ตั้งแต่เกรด 7-11 จะมีช่วงเวลาให้นักเรียนได้ไปฝึกงาน
เกรด 7 จะได้ฝึกงานในป่า "Forstpraktikum" เป็นเวลา 12 วัน
เกรด 9 จะได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยเกี่ยวกับการเกษตรแบบไบโอไดนามิค "Landwirtschaftspraktikum" และปีการศึกษาเดียวกันการฝึกงานในโรงหลอมโลหะ "Schmiedepraktikum"
เกรด 10 จะได้ฝึกงานเกี่ยวกับอาชีพซึ่งมาจากการเลือกเอง "Betriebspraktikum" เป็นเวลา 3 อาทิตย์ และปีการศึกษาเดียวกันการฝึกงานเเกี่ยวกับการวัดการทำแผนที่ "Vermessungspraktikum" เป็นเวลา 1 อาทิตย์
และเกรด 11 เกรดที่เรากำลังเรียนอยู่ จะได้ฝึกงานเกี่ยวกับทางสังคม "Sozialpraktikum" เป็นเวลา 3 อาทิตย์
เราขออธิบายเฉพาะของเกรด 11 ที่เราเรียนละกันเนาะ เพราะเรามีประสบการณ์โดยตรง

เกี่ยวกับทางสังคมมีอะไรบ้าง? ที่เราเห็นเพื่อนเราส่วนใหญ่เลือกไปทำก็มี ทำงานเป็นผู้ช่วยในโรงพยาบาล ที่บ้านพักคนชรา หรือแบบเราที่โรงเรียนอนุบาล ง่าย ๆ เลย คือ งานที่เกี่ยวข้องกับคน ติดต่อกับคน สาเหตุแรกที่เราเลือกทำที่โรงเรียนอนุบาล คือ มันใกล้บ้าน55555 ใช้เวลาเดินไปไม่ถึง 5 นาที เราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนอกเมืองนี่เนาะ มีข้อจำกัดเรื่องบัสของที่นี่ สาเหตุสอง คือ ตั้งแต่ปีที่แล้วที่เราเริ่มมาอยู่ ก็ได้พอรู้จักกับพี่เลี้ยงที่ทำงานอยู่ในนั้นบ้าง วันเซนต์ มาร์ตินหรือวันนักบุญมาร์ตินเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เด็ก ๆ จากโรงเรียนอนุบาลก็มาเดินถือโคมไฟรอบหมู่บ้าน เราก็ได้ไปร่วมเดินและร้องเพลงด้วย ช่วงวันก่อนเข้าฤดูใบไม้ร่วง เราก็ไปร้องเพลงกับโฮสต์มัมที่โรงเรียนอนุบาล วันก่อนขึ้นปีใหม่เราก็ได้ไปร้องเพลงกับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนอนุบาลอึก ถือว่าได้พอคุ้นเคยบ้างแล้ว คุยกับโฮสต์เสร็จอะไรเรียบร้อย โฮสต์บราก็พาไปดูก่อนที่จะส่งใบตอบรับว่าจะฝึกงาน ไปอยู่เฉพาะช่วงเช้า ว่าเด็ก ๆ ทำอะไรกันบ้าง พี่เลี้ยงเขาดูแลกันยังไง หลังจากนั้นเลยตัดสินใจว่าจะฝึกงานที่นี่นี่แหละ

วันแรกที่ฝึกงาน พี่เลี้ยงก็พาดูห้องแต่ละห้องว่าอยู่ตรงไหนบ้าง ห้องน้ำสำหรับเด็ก (ซึ่งเล็กมาก ๆ 555555 ทั้งโถส้วมและอ่างล้างมือ) ห้องน้ำสำหรับผู้ใหญ่ และห้องสมุด แล้วพี่เลี้ยงก็พาเราไปแนะนำตัวให้เด็ก ๆ ทุกคนได้รู้จัก วันนึงจะมีเด็กมาประมาณ 20 คน เด็กตั้งแต่อายุ 2-6 ปี
เราเริ่มทำงานตั้งแต่ 7.30-14.00 น. ยกเว้นวันพุธจะมีประชุมพวกพี่เลี้ยงจะยาวจนถึง 15.30 น. เด็ก ๆ จะมากินข้าวเช้ากันที่นี่ วันพฤหัสจะพิเศษ คือ จะได้ร่วมกินข้าวเช้าแบบโต๊ะยาวด้วยกัน

ตารางเวลา


7.30-8.00 น.     วันนี้เด็กคนไหนที่ป่วยหรือไม่สามารถมาได้เพราะมีธุระอย่างอื่นก็ต้องโทรศัพท์มาแจ้งที่โรงเรียนอนุบาล อย่างช้าสุด คือ 8.00 น.

8.00-9.00 น.     พ่อแม่พาเด็กมาส่ง

8.00-10.30 น.   เด็ก ๆ สามารถกินข้าวเช้า เล่นตามอิสระ หรือทำอย่างอื่นบริเวณในโรงเรียนอนุบาล

10.30 น.          จะมีเด็กตัวแทนแต่ละวันถือกระดิ่งเดินไปทั่วทุกห้อง ถือว่าหมดเวลาเล่นแล้ว

11.00-11.50 น. เด็กทุกคนจะรับผิดชอบคนละเก้าอี้ไปเรียงเป็นวงกลม หลังจากนั้นอาจจะมีร้องเพลง เล่นเกมส์ พูดถึงหัวข้อต่าง ๆ ในแต่ละวัน อ่านนิทานให้ฟัง เป็นต้น
แทรกนิดนึง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็สังเกตได้ว่า คนเยอรมันจะเป็นชนชาติที่ชอบคิด ชอบตอบ เป็นอย่างมาก มาฝึกงานที่โรงเรียนอนุบาลนี่รู้เลยว่า ตั้งแต่เด็กเขาก็ถูกสอนให้เป็นคนช่างคิด ช่างตอบแล้ว เพื่อนรับฟังเพื่อน ให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นและพูด แต่ไม่ใช้ว่าพูดหยาบโลนเพ้อเจ้อก็ได้นะ พี่เลี้ยงจะอบรมทันที ง่าย ๆ คือ สอนให้เด็กมีเหตุมีผลตั้งแต่เด็ก ๆ

11.50-13.00 น. เด็กจะถูกใส่แจ็คเก็ต ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม ร้องเท้าสำหรับข้างนอก แล้วถูกอนุญาตให้ไปเล่นข้างนอกได้

13.00 น.          เด็กบางส่วนจะถูกรับกลับไป

13.00-14.00 น. เด็กที่เหลือจะมากินข้าวเที่ยงร่วมกัน

14.00 น.          เด็กที่เหลือจะถูกรับกลับ //จบหนึ่งวัน เย้ กลับบ้านได้ 5555


หน้าที่ที่เราทำมีอะไรบ้าง?
1. ก็มีเล่นกับเด็ก ๆ แรก ๆ เราก็ยังไม่ค่อยกล้าเล่น หลัง ๆ นี่ เล่นหมด ทั้งเลโก้ รถโมเดลจิ๋ว ตุ๊กตาสิ่งสาราสัตว์ วิ่งไล่จับ และที่เด็ด คือ สงครามหมอน 555555
ในโรงเรียนอนุบาลมีมุมหลายมุมที่น่าสนใจมาก ทั้งมุมโต๊ะระบายสีเอย มุมบ้านจำลองเอย มุมหนังสือเอย มุมของเล่นเอย ข้างนอกก็เป็นสนามเด็กเล่น มีกล่องไว้ใส่อุปกรณ์ทั้งหม้อ แก้ว จาน ชาม ที่ขุด มุมชิงช้า มุมทรายไว้ขุด 2 ที่หรือไว้สมมุติว่าเป็นอาหาร เค้ก หรืออะไรก็ตามแต่ เด็กก็จะทำแล้วก็จะเรียกเรา ว่าเค้กเสร็จแล้ว เครื่องดื่มเสร็จแล้ว ใช้ใบไม้ใบหญ้าเป็นเงิน มุมสไลด์เดอร์ มุมต้นไม้ไว้ปีนป่าย มุมไว้จอดพวกพาหนะ ทั้งจักรยาน รถแทร็กเตอร์ รถแข่ง   
2. พอเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือมีเด็กร้องไห้ก็ต้องเข้าไปช่วยแก้ไข บอกเตือนหรือช่วยดู เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับเรา บ้านที่เราอยู่มีโฮสต์ซิส 2 คนที่ตอนนี้เรียนมหาลัยทั้งคู่แล้ว โฮสต์บรา 1 คนเรียนเกรด 10 แบบต้องเปลี่ยนลักษณะภาษาจากที่เคยคุยกับคนวัยเดียวกันหรือสูงกว่า มาคุยกับเด็กที่อายุไม่ถึง 6-7 ขวบ ภาษาไทยนับว่ายากแล้วนี่เป็นภาษาเยอรมันอีก เด็กบางทีก็พูดไม่ชัด เราต้องถามอยู่หลายรอบ บางทีก็เราจ้องตากลับไปพร้อมกับความว่างเปล่า บางทีเราถึงต้องรอพี่เลี้ยงมาคุยแทนถามแทน บอกเลยตามตรงว่าตอนแรกเครียดอยู่เหมือนกัน จะให้อยู่ดี ๆ เด็กแย่งของเล่นกัน เถียงกันว่าฉันเล่นอันนี้ก่อน ฉันได้มาก่อน แล้วเราอยู่แถวนั้นพอดี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมันก็เกินไป แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
เออ จะบอกว่าการสอนเด็กที่นี่ไม่มีการตีนะ มีแค่บอกเตือน หนักสุดก็ให้ออกไปนั่งไกล ๆ คนเดียว จนกว่าจะสำนึกในสิ่งที่ทำลงไปแค่นั้น
3. ช่วยเรื่องการเอาจานและแก้วกินน้ำของเด็ก ๆ และพี่เลี้ยงไปเรียงตรงโต๊ะให้ถูกวิธี ตอนแรกเราถูกติเรื่องนี้ เพราะจะต้องเอาชื่อที่ติดบนจานและแก้วหันออกให้เห็นชื่อและจะต้องเรียงตามอายุของเด็ก เด็กอายุไม่เยอะตัวน้อย ๆ ก็ต้องวางไว้หน้า ๆ จะได้แค่เขย่งเท้า เห็นชื่อตัวเองแล้วหยิบได้เลย เด็กอายุเยอะหน่อยไม่ต้องเขย่งเท้ามากก็วางอยู่หลัง ๆ
4. ช่วยใส่แจ็คเก็ต ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม ร้องเท้า ให้กับเด็ก ๆ ตอนที่ได้รับอนุญาตให้ไปเล่นข้างนอก เด็กที่อายุน้อยหน่อยก็ต้องเข้าไปช่วยทุกครั้ง เด็กที่อายุเยอะก็จะบอกเราเลยว่า ฉันทำเองได้ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
5. ช่วยเรื่องอาหารเครื่องดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น ทำน้ำแอปเปิ้ล ชา ใส่เหยือกเอาไว้ ช่วยตักอาหารเที่ยงให้เด็ก ๆ ตักของว่างให้เด็ก ๆ

ถ้าถามเราเรื่องความรู้สึกหลังจากการฝึกงานว่าเป็นยังไง? บอกเลยว่าที่โคตรจะแตกต่างจากที่เราเคยเรียนโรงเรียนอนุบาลที่ไทย ที่นี่ได้เล่นได้ทำนู่นนี่มากกว่า อาทิตย์ที่แล้วตกใจมาก พี่เลี้ยงให้เด็กใช้เลื่อยตัดไม้ แล้วเอาไม้ที่ตัดเสร็จมาติดกันโดยใช้ค้อนกับตะปู คล้าย ๆ งานฝีมือเล็ก ๆ จากไม้ ตอนอายุเท่านั้นเราไม่เคยทำไง แค่ตัดกระดาษได้โดยใช้กรรไกรก็ถือว่ายากละ มีสอนเด็กปลูกมันฝรั่ง ปลูกต้นไม้แล้วให้ตัวแทนแต่ละวันมาคอยรถน้ำให้ของเพื่อนคนอื่น ช่วงนี้กำลังจะเข้าอีสเตอร์ ก็มีให้เด็กทำกระต่ายจากกระดาษ เป่าไข่เอาส่วนข้างในออก แล้วเอาไข่มาตกแต่ง ส่วนข้างในก็เอามาทำกินกันเป็นอาหารเช้า
จำได้ว่าตอนนั้นเราได้เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนอนุบาลที่ไทยด้วย ไม่ใช่อะไรครูอยากหารายได้เพิ่ม แต่ถามว่ารู้เรื่องมั้ย เปล่าเลย ไม่รู้สึกเหมือนเรียนด้วยซ้ำ แล้วก็สิ่งที่เด็กไทยเกือบทุกคนต้องทำ คือ นั่งคัดพยัญชนะไทย สระไทย เลขไทย เด็กที่นี่เขาเริ่มจากการพูด การฟังก่อน พอเขียนชื่อตัวเองได้ ชื่อคนในครอบครัวได้ เห็นปุ๊บก็รู้ว่า เออ นั่นชื่อเรานะ ชื่อคนนี้นะ ง่าย ๆ เลย คือ การอ่านนั่นเอง แล้วถึงจะเป็นการเขียนในภายหลัง เรียนรู้การเข้าสังคม เกิดปัญหานี้ขึ้นจะทำอย่างไร มารยาทพื้นฐาน
รู้สึกว่าที่นี่ถ้าเด็กจะเข้าโรงเรียนประถมจะไม่มีการสอบเข้านะ จะใช้ผลการประเมินจากโรงเรียนอนุบาลนี่แหละเป็นตัวที่ใช้ยื่นเข้า เราได้เห็นใบประเมินและได้ฟังในวันพุธที่มีการประชุมถึง 15.30 น. แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ดูแบบละเอียด เพราะมันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเด็ก ของผู้ปกครองเด็ก และพี่เลี้ยงที่นี่ เราเลยแต่ได้ถามเฉย ๆ ใบที่เราเห็นเป็นใบเช็คสุขภาพร่างกาย เรื่องการฟัง การได้ยิน การเห็น อะไรประมาณนี้ เช่น มีเด็กคนนึงต้องใช้เครื่องช่วยฟัง อีกคนตาบอดสี เด็กที่นี่ทุกคนจะมีแฟ้มเก็บผลงานเป็นของตัวเอง มีรูปตัวเอง รูปครอบครัว พวกภาพระบายสี รูปภาพอื่น ๆ ที่พี่เลี้ยงเป็นคนถ่ายให้ แต่ถ้าเป็นใบประเมินแบบอื่นอันนี้เราไม่รู้จริง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง

ทุกวันอังคารเด็ก ๆ ที่นี่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยืมหนังสือที่ห้องสมุด เอาหนังสือครั้งที่แล้วที่ยืมไปไปคืน แล้วก็เลือกเล่มใหม่ออกมา ไม่จำกัดว่าจะกี่เล่ม แต่วันอังคารของอาทิตย์ต่อไปก็ต้องเอามาคืน หนังสือเยอะมากจริง ๆ หลากหลายมากด้วย หนังสือพวกวรรณกรรมเยาวชนก็มีนะ เราเข้าไปแอบอ่านมา5555555 ถือว่าดีมาก ส่งเสริมให้รักการอ่านตั้งแต่ยังเด็ก ๆ

ทุกวันพุธที่ประชุมกัน ก็จะประเมินนู่นนี่ มีเอกสารหรือจดหมายอะไรส่งมาบ้าง หนังสือที่ส่งมาให้ห้องสมุด เตรียมงานต่าง ๆ เช่น วันอีสเตอร์ที่จะถึง คุยกับบาทหลวงเรื่องที่จะให้เด็ก ๆ ไปโบสถ์ พี่เลี้ยงจะมีหยุดงานวันไหนบ้าง เด็กปีนี้ที่จะอายุ 7 ปีต้องมีมานอนหนึ่งคืนที่โรงเรียนอนุบาลทำกิจกรรมร่วมกันเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าโรงเรียนประถม บางเรื่องแพลนกันข้าม ๆ เดือนเลยก็มี

ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของการมาแลกเปลี่ยนเลยทีเดียว ได้มาฝึกงานอย่างนี้เป็นครั้งแรก เห็นอะไรหลากหลาย ถือว่าคุ้มที่ได้ลองทำซักครั้งในชีวิตม.ปลายดู โรงเรียนเกือบทุกโรงเรียนที่นี่ก็จะมีให้เด็กแต่ละเกรดได้ลองฝึกงานดู ได้ลองอะไรใหม่ ๆ แล้วมันตื่นเต้นดีนะ ผิดหรือถูกก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ประเทศเยอรมนีก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเหมือนกันถ้าจะมาแลกเปลี่ยน (เริ่มโปรโมท55555555) บ้านเมืองดี ค่อนข้างสะอาด จะเดินทางไปไหนก็ค่อนข้างสะดวก แต่ขอเพิ่มเวลาบัสหรือเอาเป็นเพิ่มบัสหมายเลขอื่น มาวิ่งผ่านหมู่บ้านที่อยู่หน่อยได้มั้ย5555555 โฮสต์มัมบอกว่าจะเกือบอีก 10 ปี ถึงจะมา โหหหหห ระบบไปรษณีย์ที่นี่ดี๊ดี สั่งของใน amazon ช้าสุดวันสองวันก็ได้แล้ว แถมห่อดีด้วย อินเตอร์เน็ตที่นี่ก็ถือว่าโออยู่นะแต่รู้สึกของไทยจะเร็วกว่า ขึ้นอยู่กับเครือข่ายด้วยมั้งนะ บ้านเราใช้ของ Telekom ภาษาเยอรมันแอบยากจริง มีรายละเอียดปลีกย่อยเต็มไปหมด แต่มันส์เวลาพูดนะ ศัพท์บางศัพท์คนที่เขาคิดขึ้นมาก็มีคำที่แบบมันแปลตรงตัวเอานู่นเอานี่มาเรียงกันจนได้ความหมาย เออ ดูน่าสนใจไปอีกแบบ ไม่ยากเกินความสามารถหรอก และที่สำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลย!! ที่นี่ผู้ดี55555555555555555555555 แต่หาแบบโสด ๆ ค่อนข้างยาก แถมสมัยนี้มีปะปนไปหมด ทั้งเมกาใต้ ตุรกี โปแลนด์ หัวทอง ๆ นี่หายาก ผู้หญิงที่นี่ดีงามเหมือนกัน แต่เช่นเคย ส่วนใหญ่ก็ไม่โสดกันแล้วและส่วนใหญ่ก็คู่กับผู้หัวทองนี่แหละ นกซิครับรออะไรรรรร

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่