He was born to be Suptar !
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้credit to: fb Soonthareeya Senaveenin
เมื่อตอนที่เปิดหน้ากากทุเรียน..
เราไม่ได้ดูเพราะตอนนั้นไม่อยู่เมืองไทย
ถึงแม้ไม่ได้ดู..แต่ก็มั่นใจมากว่าภายใต้หน้ากากทุเรียนนั้นต้องใช่ ทอม แน่นอน...
กลับมา..เพิ่งได้มีโอกาสนั่งดูจริงจังก็เมื่อวานนี้
เราอาจจะต่างจากคนอื่นๆก็ตรงที่....
ไม่ได้กรี๊ดเพราะเห่อดาราที่กำลังดัง
แต่ดูแล้ว..ความรู้สึกมัน flash back..ไป..
สมัยที่ทอมยังอายุแค่ 6 ขวบ..
ตอนนั้นเรายังเป็น V.P. ดู Marketing & Communication อยู่ Nation Multimedia Group มีProject หนึ่งที่จัดประกวด Dancer เท้าไฟวัยเด็ก พอถึงรอบ Final ที่ The Mall งามวงศ์วาน มีทีมงานมาตามขอให้ไปหน้าเวทีด้วยมีปัญหาให้ตัดสินใจ พอไปถึงเจอ ทีมงานบอกว่ามีคุณพ่อคนหนึ่งพาลูกอายุ 6 ขวบมาขอประกวดด้วย เราเห็นเด็กตัวกระเปี๊ยกคนหนึ่งใส่ชุด Michael Jackson หมวก แว่นดำ จัดเต็มมาก แรกที่เห็นถึงกับอึ้งไป 5 วิ แต่ต้องบอกไปว่า รอบนี้เป็นรอบสุดท้ายแล้วและน้องไม่ได้สมัครมาก่อน คงให้เข้าประกวดไม่ได้ คุณพ่อบอกว่าผมทราบครับ ถ้างั้นขอให้ลูกชายได้แค่ขึ้นไปแสดงด้วยจะได้หรือไม่ เราเลยบอกว่าให้แสดงคนแรกเลยค่ะ เด็กคนนั้นแม้จะแต่งตัวจัดเต็มแต่ก็แต่นิ่งมาก ไม่ดุ๊กดิ๊กสุงสิงกับใคร...แต่พระเจ้า...พอเพลงขึ้นเท่านั้นแหล่ะเหมือนวิญญาณ Michael เข้าสิง กลายเป็นคนละคนราวกับพี่ Michael มาเอง ตอนนั้นบอกตัวเองว่าถ้าให้ประกวดคงได้ที่ 1 แน่
หลังจากนั้นเราขอเบอร์ติดต่อกลับเพื่อที่เวลามีงานจะติดต่อกลับไป พอมีงานRoad Show เข้าโรงเรียนเพื่อ Promoteหนังสือการ์ตูนและการเรียนภาษาอังกฤษก็เอาทอมไปด้วย แต่เนื่องจากมันเป็นงานลากยาวมาก หลายสิบโรงเรียน หลังจากผ่านไป สามครั้ง เราก็บอกทีมงานว่า ไม่ต้องให้ทอมมาแล้ว เพราะกลัวว่าทอมต้องขาดเรียนในช่วงที่มาร่วมงาน ทางบ้านทอมยังยืนยันขอให้ทอมได้มาร่วมงาน คุณแม่โทรมาบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะทอมเป็นเด็กเรียนดีมากและคุณครูกับเพื่อนๆจะเก็บรายละเอียดการเรียนและการบ้านไว้ให้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน
ช่วงนั้นเราเลยได้เจอกับทอมบ่อยๆและทึ่งในความสามารถของเด็กคนนี้มาก พอต้องทำหนังโฆษณาเพื่อโปรโมทหนังสือการ์ตูน Boom Comics ทางAgency ทำ casting ตัวแสดงเด็กมาให้เลือก เลยขอให้ทอมมา Casting ด้วย แต่ก็แล้วแต่ผู้กำกับว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ผลก็คือยิ่งกว่าผ่าน เวลาอยู่กองถ่ายทอมจะอยู่เงียบๆคนเดียวไม่ดื้อไม่ซน เรากลัวเหงาเลยเอาหนังสือการ์ตูนตั้งเบ่อเริ่มไปให้ บอกว่ามันเป็นภาษาอังกฤษนะ ทอมบอกไม่เป็นไรครับทอมชอบ เผลอแป๊บเดียวก็อ่านหมดแล้ว เวลาถึงคิวถ่ายทุกคนก็อึ้งและฮากับทอมมาก เวลารอคิวก็จะอยู่นิ่งๆ ท่าเหมือนทุเรียนเวลายืนนิ่งๆบนเวทีไม่มีผิด แต่พอสั่ง Action ไม่รู้ว่าเด็กคนเดิมหายไปไหนกลายเป็นอีกคนที่ติด spring พร้อม energyสูงส่งมากๆ. ผู้กำกับสั่ง Take ไป 5-6 take จนเราถามว่าทำไมยังใช้ไม่ได้อีกหรือ เราก็ว่า โอเคแล้วนะ เค้าบอกว่า จริงๆมันผ่านตั้งแต่ Take แรกแล้วล่ะครับแต่ผมชอบดู เด็กคนนี้..มันเก่งจริงๆ อ้าว..เป็นงั้นไป
ต่อมาก็ถ่ายทำ VDO Presentation ที่มีบทพูดเยอะมากกก ถามทอมว่าทำได้มั้ย น้องบอกสบายมากครับ ก็จริงอย่างว่า เค้าสามารถแสดงได้เป็นธรรมชาติมากโดยไม่ต้องดูบทเลย ช่วงที่ถ่ายทำฝนตก ทอมซ้อนมอเตอร์ไซค์มาถึงแต่เช้าทุกวัน เราให้ค่ารถไปอีกและบอกว่าพรุ่งนี้อย่าซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาอีกนะ มันอันตรายและจะเป็นหวัด ทอมรับปากครับๆ วันรุ่งขึ้นถามทีมงาน ทอมก็ยังมามอไซค์อยู่ดี ถามว่าทำไมล่ะ ทอมตอบว่า มันประหยัดกว่าและก็ถึงเหมือนกันแถมเร็วกว่าด้วย ค่าแท็กซี่ทอมจะได้เอาไว้เรียนหนังสือ...อืม...
เคยถามทอมว่า เต้นเก่ง แสดงเก่ง แล้วทำอะไรได้อีกบ้าง ทอมบอกว่า ทอมก็ร้องเพลงได้นะแต่น้าไม่เคยให้ทอมร้องเองแหล่ะ เราบอกว่า..งั้นเดี๋ยวต้องหางานที่ให้ทอมร้องเพลงให้ฟังนะ
หลังจากนั้นไม่นาน...ได้เห็นทอมอีกทีเป็น ส้มฉุน ในละครทีวีเรื่องเรือนมยุรา ตอนนั้นดีใจกับทอมมาก แต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากทอมอีก หลายปีผ่านไปเราจะเปิดตัว คมชัดลึก ให้คนติดต่อหาทอม ก็ติดต่อไม่ได้ ต่อมารู้ข่าวจากญาติๆว่า ทอมกับครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองนอกแล้ว ตอนนั้นนึกเสียดายแต่รู้ดีว่า เด็กคนนี้มี Charisma ในตัวมากและวันหนึ่งต้องได้ดีแน่นอน
ผ่านไปอีกหลายปี มีโอกาสได้เห็น VDO clip ใน internet ของเพื่อน 3 คน ที่อัดคลิปกันเองในอพารท์เม้นท์ของเพื่อน Room39 แรกๆก็คุ้นหน้านักร้องนำมาก จนมีคลิปหนึ่งที่เค้าแนะนำตัวเอง พระเจ้า.....ดีใจมากที่ได้เห็นทอมอีก โตเป็นหนุ่มแล้ว แถมเสียงดีอีกต่างหาก เพิ่งจะได้ฟังทอมร้องเพลงก็ตอนโตนี่ล่ะ ก็เก่งจริงตามที่เจ้าตัวเคยบอกไว้
ต้องขอบคุณคุณบอย Boyd Kosiyabong และ คุณไก่ Sutee Kai Sangsareechon มากๆที่มองเห็นความสามารถนี้ และทำให้เราใด้ฟังเพลงดีๆจาก Room 39 ตอนที่ดู The Mask Singers มั่นใจมากว่าหน้ากากทุเรียนต้องเป็นทอม เวลาทุเรียนยืนนิ่งๆบนเวทีทำให้เรานึกถึงทอมตัวเล็กๆไม่มีผิด เค้าเหมือนตะเกียงที่รอคนมากดปุ่ม แล้วจะเปล่งแสงสว่างไสวไปทั้งห้อง แต่สำหรับเรา เค้าเหมือนเป็นยิ่งกว่านั้น น่าจะเป็นเหมือน ตะเกียงของอาละดิน ที่พอถูแล้ว สิ่งที่ปรากฏไม่ใช่เพียงแค่แสงสว่าง แต่เป็น จินนี่ที่มีมนต์วิเศษ สามารถเนรมิตรความสุขให้ผู้คนได้
ที่เขียนทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการอะไร ไม่โหนกระแสบ้าดารา เพราะละครอะไรก็ไม่ดูกับเค้า แค่อยากจะบอกว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เพิ่งมาดีแต่เค้ามีดีมาแต่เด็ก
He was born to be Suptar !
เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ...
แต่เขามีความมานะพยายาม..และไม่เคยหยุด...
ที่จะตามหาความฝันของตัวเอง
ดีใจด้วยจริงๆนะทอม...
เป็นการบอกเล่าความในใจและความประทับใจตลอดเกือบสามสิบปีของการเฝ้ามองเส้นทางและการเติบโตของศิลปินตัวน้อยน้องทอม ทุเรียนที่เรียลมากจริงๆค่ะ ขอบคุณพี่เจ้าของเรื่องมากๆเลยนะคะ
ป.ล. แท็คห้องบางขุนพรหมเนื่องจากเนื้อหากล่าวถึงความสามารถและผลงานการเป็นนักแสดง เนื้อหาการทำหนังโฆษณา และ multimedia หากไม่เหมาะสมยินดีแก้ไขค่ะ
เด็กแบบนี้ เกิดมาเพื่อเป็นซุปตาร์ เรื่องเล่าจากคนทำสื่อ กับเด็กน้อยที่โตมาเป็นศิลปินคุณภาพคนนึงของไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อตอนที่เปิดหน้ากากทุเรียน..
เราไม่ได้ดูเพราะตอนนั้นไม่อยู่เมืองไทย
ถึงแม้ไม่ได้ดู..แต่ก็มั่นใจมากว่าภายใต้หน้ากากทุเรียนนั้นต้องใช่ ทอม แน่นอน...
กลับมา..เพิ่งได้มีโอกาสนั่งดูจริงจังก็เมื่อวานนี้
เราอาจจะต่างจากคนอื่นๆก็ตรงที่....
ไม่ได้กรี๊ดเพราะเห่อดาราที่กำลังดัง
แต่ดูแล้ว..ความรู้สึกมัน flash back..ไป..
สมัยที่ทอมยังอายุแค่ 6 ขวบ..
ตอนนั้นเรายังเป็น V.P. ดู Marketing & Communication อยู่ Nation Multimedia Group มีProject หนึ่งที่จัดประกวด Dancer เท้าไฟวัยเด็ก พอถึงรอบ Final ที่ The Mall งามวงศ์วาน มีทีมงานมาตามขอให้ไปหน้าเวทีด้วยมีปัญหาให้ตัดสินใจ พอไปถึงเจอ ทีมงานบอกว่ามีคุณพ่อคนหนึ่งพาลูกอายุ 6 ขวบมาขอประกวดด้วย เราเห็นเด็กตัวกระเปี๊ยกคนหนึ่งใส่ชุด Michael Jackson หมวก แว่นดำ จัดเต็มมาก แรกที่เห็นถึงกับอึ้งไป 5 วิ แต่ต้องบอกไปว่า รอบนี้เป็นรอบสุดท้ายแล้วและน้องไม่ได้สมัครมาก่อน คงให้เข้าประกวดไม่ได้ คุณพ่อบอกว่าผมทราบครับ ถ้างั้นขอให้ลูกชายได้แค่ขึ้นไปแสดงด้วยจะได้หรือไม่ เราเลยบอกว่าให้แสดงคนแรกเลยค่ะ เด็กคนนั้นแม้จะแต่งตัวจัดเต็มแต่ก็แต่นิ่งมาก ไม่ดุ๊กดิ๊กสุงสิงกับใคร...แต่พระเจ้า...พอเพลงขึ้นเท่านั้นแหล่ะเหมือนวิญญาณ Michael เข้าสิง กลายเป็นคนละคนราวกับพี่ Michael มาเอง ตอนนั้นบอกตัวเองว่าถ้าให้ประกวดคงได้ที่ 1 แน่
หลังจากนั้นเราขอเบอร์ติดต่อกลับเพื่อที่เวลามีงานจะติดต่อกลับไป พอมีงานRoad Show เข้าโรงเรียนเพื่อ Promoteหนังสือการ์ตูนและการเรียนภาษาอังกฤษก็เอาทอมไปด้วย แต่เนื่องจากมันเป็นงานลากยาวมาก หลายสิบโรงเรียน หลังจากผ่านไป สามครั้ง เราก็บอกทีมงานว่า ไม่ต้องให้ทอมมาแล้ว เพราะกลัวว่าทอมต้องขาดเรียนในช่วงที่มาร่วมงาน ทางบ้านทอมยังยืนยันขอให้ทอมได้มาร่วมงาน คุณแม่โทรมาบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะทอมเป็นเด็กเรียนดีมากและคุณครูกับเพื่อนๆจะเก็บรายละเอียดการเรียนและการบ้านไว้ให้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน
ช่วงนั้นเราเลยได้เจอกับทอมบ่อยๆและทึ่งในความสามารถของเด็กคนนี้มาก พอต้องทำหนังโฆษณาเพื่อโปรโมทหนังสือการ์ตูน Boom Comics ทางAgency ทำ casting ตัวแสดงเด็กมาให้เลือก เลยขอให้ทอมมา Casting ด้วย แต่ก็แล้วแต่ผู้กำกับว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ผลก็คือยิ่งกว่าผ่าน เวลาอยู่กองถ่ายทอมจะอยู่เงียบๆคนเดียวไม่ดื้อไม่ซน เรากลัวเหงาเลยเอาหนังสือการ์ตูนตั้งเบ่อเริ่มไปให้ บอกว่ามันเป็นภาษาอังกฤษนะ ทอมบอกไม่เป็นไรครับทอมชอบ เผลอแป๊บเดียวก็อ่านหมดแล้ว เวลาถึงคิวถ่ายทุกคนก็อึ้งและฮากับทอมมาก เวลารอคิวก็จะอยู่นิ่งๆ ท่าเหมือนทุเรียนเวลายืนนิ่งๆบนเวทีไม่มีผิด แต่พอสั่ง Action ไม่รู้ว่าเด็กคนเดิมหายไปไหนกลายเป็นอีกคนที่ติด spring พร้อม energyสูงส่งมากๆ. ผู้กำกับสั่ง Take ไป 5-6 take จนเราถามว่าทำไมยังใช้ไม่ได้อีกหรือ เราก็ว่า โอเคแล้วนะ เค้าบอกว่า จริงๆมันผ่านตั้งแต่ Take แรกแล้วล่ะครับแต่ผมชอบดู เด็กคนนี้..มันเก่งจริงๆ อ้าว..เป็นงั้นไป
ต่อมาก็ถ่ายทำ VDO Presentation ที่มีบทพูดเยอะมากกก ถามทอมว่าทำได้มั้ย น้องบอกสบายมากครับ ก็จริงอย่างว่า เค้าสามารถแสดงได้เป็นธรรมชาติมากโดยไม่ต้องดูบทเลย ช่วงที่ถ่ายทำฝนตก ทอมซ้อนมอเตอร์ไซค์มาถึงแต่เช้าทุกวัน เราให้ค่ารถไปอีกและบอกว่าพรุ่งนี้อย่าซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาอีกนะ มันอันตรายและจะเป็นหวัด ทอมรับปากครับๆ วันรุ่งขึ้นถามทีมงาน ทอมก็ยังมามอไซค์อยู่ดี ถามว่าทำไมล่ะ ทอมตอบว่า มันประหยัดกว่าและก็ถึงเหมือนกันแถมเร็วกว่าด้วย ค่าแท็กซี่ทอมจะได้เอาไว้เรียนหนังสือ...อืม...
เคยถามทอมว่า เต้นเก่ง แสดงเก่ง แล้วทำอะไรได้อีกบ้าง ทอมบอกว่า ทอมก็ร้องเพลงได้นะแต่น้าไม่เคยให้ทอมร้องเองแหล่ะ เราบอกว่า..งั้นเดี๋ยวต้องหางานที่ให้ทอมร้องเพลงให้ฟังนะ
หลังจากนั้นไม่นาน...ได้เห็นทอมอีกทีเป็น ส้มฉุน ในละครทีวีเรื่องเรือนมยุรา ตอนนั้นดีใจกับทอมมาก แต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากทอมอีก หลายปีผ่านไปเราจะเปิดตัว คมชัดลึก ให้คนติดต่อหาทอม ก็ติดต่อไม่ได้ ต่อมารู้ข่าวจากญาติๆว่า ทอมกับครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองนอกแล้ว ตอนนั้นนึกเสียดายแต่รู้ดีว่า เด็กคนนี้มี Charisma ในตัวมากและวันหนึ่งต้องได้ดีแน่นอน
ผ่านไปอีกหลายปี มีโอกาสได้เห็น VDO clip ใน internet ของเพื่อน 3 คน ที่อัดคลิปกันเองในอพารท์เม้นท์ของเพื่อน Room39 แรกๆก็คุ้นหน้านักร้องนำมาก จนมีคลิปหนึ่งที่เค้าแนะนำตัวเอง พระเจ้า.....ดีใจมากที่ได้เห็นทอมอีก โตเป็นหนุ่มแล้ว แถมเสียงดีอีกต่างหาก เพิ่งจะได้ฟังทอมร้องเพลงก็ตอนโตนี่ล่ะ ก็เก่งจริงตามที่เจ้าตัวเคยบอกไว้
ต้องขอบคุณคุณบอย Boyd Kosiyabong และ คุณไก่ Sutee Kai Sangsareechon มากๆที่มองเห็นความสามารถนี้ และทำให้เราใด้ฟังเพลงดีๆจาก Room 39 ตอนที่ดู The Mask Singers มั่นใจมากว่าหน้ากากทุเรียนต้องเป็นทอม เวลาทุเรียนยืนนิ่งๆบนเวทีทำให้เรานึกถึงทอมตัวเล็กๆไม่มีผิด เค้าเหมือนตะเกียงที่รอคนมากดปุ่ม แล้วจะเปล่งแสงสว่างไสวไปทั้งห้อง แต่สำหรับเรา เค้าเหมือนเป็นยิ่งกว่านั้น น่าจะเป็นเหมือน ตะเกียงของอาละดิน ที่พอถูแล้ว สิ่งที่ปรากฏไม่ใช่เพียงแค่แสงสว่าง แต่เป็น จินนี่ที่มีมนต์วิเศษ สามารถเนรมิตรความสุขให้ผู้คนได้
ที่เขียนทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการอะไร ไม่โหนกระแสบ้าดารา เพราะละครอะไรก็ไม่ดูกับเค้า แค่อยากจะบอกว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เพิ่งมาดีแต่เค้ามีดีมาแต่เด็ก
He was born to be Suptar !
เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ...
แต่เขามีความมานะพยายาม..และไม่เคยหยุด...
ที่จะตามหาความฝันของตัวเอง
ดีใจด้วยจริงๆนะทอม...
เป็นการบอกเล่าความในใจและความประทับใจตลอดเกือบสามสิบปีของการเฝ้ามองเส้นทางและการเติบโตของศิลปินตัวน้อยน้องทอม ทุเรียนที่เรียลมากจริงๆค่ะ ขอบคุณพี่เจ้าของเรื่องมากๆเลยนะคะ
ป.ล. แท็คห้องบางขุนพรหมเนื่องจากเนื้อหากล่าวถึงความสามารถและผลงานการเป็นนักแสดง เนื้อหาการทำหนังโฆษณา และ multimedia หากไม่เหมาะสมยินดีแก้ไขค่ะ