ในที่สุดประชาชนก็เข้าใจดีเรื่องนั่งท้ายรถกระบะ
ผลการจองรถปิคอัพก็ยังเพิ่มขึ้น
ประชาชนคิดแล้วว่า...อย่างไรเสียรัฐบาลก็ฟังเสียงประชาชน
และจะใช้มาตรการที่เหมาะสมในเรื่องนี้อย่างดีที่สุด
กลับกลายเป็นเรื่องดีๆที่ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจกันแล้วค่ะ
ติดตามข่าวกันนะคะ..
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รองประธานจัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 38 ที่ เมืองทองธานี เปิดเผยว่า งานปีนี้มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานมากกว่า 30 แบรนด์ และรถจักรยานยนต์กว่า 12 แบรนด์ดัง รวมถึงบูธจัดแสดงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ เครื่องเสียงรถยนต์ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายงาน คาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานรวม 14 วัน (27 มี.ค.-9 เม.ย.) คาดจะมียอดจองรถภายในงานมากกว่า 30,000 คันในจำนวนนี้เป็นรถยุโรปมากกว่า 30% โดยราคารถเฉลี่ยในงานคันละประมาณ 1 ล้านบาท ทางด้านผู้เข้าชมงานจะไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านคน
“ตัวเลขยอดจองรถดังกล่าว ได้ประมาณการณ์ก่อนที่จะปิดงานในวันที่ 9 เม.ย. นี้ ยอดขายยังไปได้ โดยเฉพาะรถยุโรป เพราะคนที่มีเงินในกระเป๋า ก็พร้อมที่จะจ่าย หรือซื้อตามอารมณ์อยากได้เป็นเจ้าของอยู่แล้ว ส่วนยอดขายรถกระบะนั้น ขายได้เรื่อยๆ ไม่ได้ลดลง เพราะคนที่เข้ามาดูรถ ก็คือคนที่จะซื้อไปใช้งานขนของ ส่งสินค้า ไม่ได้ซื้อไปเพื่อบรรทุกคน และที่สำคัญงานมอเตอร์โชว์คนส่วนใหญ่ที่เข้ามานั้นเป็นผู้อาศัยในเขตกทม.และปริมณฑล ซึ่งใช้รถยนต์นั่งเป็นหลัก และ ส่วนกฎหมายห้ามนั่งกระบะ หรือนั่งแคป ต้องรัดเข็มขัด หากจะประกาศใช้ทันที ก็คงต้องให้โอกาส ประชาชนผู้ใช้รถปรับตัวบ้าง”
รายงานข่าว จากค่ายรถยนต์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กรณีที่มีกฎหมายการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ หรือแคปหลังต้องคาดเข็มขัดนิรภัยนั้น มีผู้ที่สนใจได้สอบถาม หรือเป็นการพูดคุยธรรมดาเท่านั้น ไม่มีผลต่อการเข้ามาจอง หรือซื้อรถ เพราะตลอดระยะเวลา 13 วันที่อยู่ในงานมอเตอร์โชว์ ยอดขายของฟอร์ดยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง อีกทั้งลูกค้าที่เข้ามาซื้อรถ เลือกซื้อรถที่ตรงกับความต้องการใช้ หากจะซื้อไปบรรทุกสินค้า ก็จะเลือกรถกระบะตอนเดียว หรือตอนครึ่ง หากจะใช้โดยสาร หรือบรรทุกของไม่มาก ก็จะเลือกแบบกระบะ 4 ประตูอย่างนี้เป็นต้น และอีกปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้าเลือกซื้อ เพราะแคมเปญการตลาด
... อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/economic/567167 
((มาลาริน)) ^_^ ปิดฉาก"มอเตอร์โชว์" ยอดจองทะลุ 30,000 คัน 👍กฎหมายห้ามนั่งกระบะไม่มีผล ยอดจองปิคอัพยังโตต่อเนื่อง
ผลการจองรถปิคอัพก็ยังเพิ่มขึ้น
ประชาชนคิดแล้วว่า...อย่างไรเสียรัฐบาลก็ฟังเสียงประชาชน
และจะใช้มาตรการที่เหมาะสมในเรื่องนี้อย่างดีที่สุด
กลับกลายเป็นเรื่องดีๆที่ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจกันแล้วค่ะ
ติดตามข่าวกันนะคะ..
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รองประธานจัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 38 ที่ เมืองทองธานี เปิดเผยว่า งานปีนี้มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานมากกว่า 30 แบรนด์ และรถจักรยานยนต์กว่า 12 แบรนด์ดัง รวมถึงบูธจัดแสดงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ เครื่องเสียงรถยนต์ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายงาน คาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานรวม 14 วัน (27 มี.ค.-9 เม.ย.) คาดจะมียอดจองรถภายในงานมากกว่า 30,000 คันในจำนวนนี้เป็นรถยุโรปมากกว่า 30% โดยราคารถเฉลี่ยในงานคันละประมาณ 1 ล้านบาท ทางด้านผู้เข้าชมงานจะไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านคน
“ตัวเลขยอดจองรถดังกล่าว ได้ประมาณการณ์ก่อนที่จะปิดงานในวันที่ 9 เม.ย. นี้ ยอดขายยังไปได้ โดยเฉพาะรถยุโรป เพราะคนที่มีเงินในกระเป๋า ก็พร้อมที่จะจ่าย หรือซื้อตามอารมณ์อยากได้เป็นเจ้าของอยู่แล้ว ส่วนยอดขายรถกระบะนั้น ขายได้เรื่อยๆ ไม่ได้ลดลง เพราะคนที่เข้ามาดูรถ ก็คือคนที่จะซื้อไปใช้งานขนของ ส่งสินค้า ไม่ได้ซื้อไปเพื่อบรรทุกคน และที่สำคัญงานมอเตอร์โชว์คนส่วนใหญ่ที่เข้ามานั้นเป็นผู้อาศัยในเขตกทม.และปริมณฑล ซึ่งใช้รถยนต์นั่งเป็นหลัก และ ส่วนกฎหมายห้ามนั่งกระบะ หรือนั่งแคป ต้องรัดเข็มขัด หากจะประกาศใช้ทันที ก็คงต้องให้โอกาส ประชาชนผู้ใช้รถปรับตัวบ้าง”
รายงานข่าว จากค่ายรถยนต์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กรณีที่มีกฎหมายการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ หรือแคปหลังต้องคาดเข็มขัดนิรภัยนั้น มีผู้ที่สนใจได้สอบถาม หรือเป็นการพูดคุยธรรมดาเท่านั้น ไม่มีผลต่อการเข้ามาจอง หรือซื้อรถ เพราะตลอดระยะเวลา 13 วันที่อยู่ในงานมอเตอร์โชว์ ยอดขายของฟอร์ดยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง อีกทั้งลูกค้าที่เข้ามาซื้อรถ เลือกซื้อรถที่ตรงกับความต้องการใช้ หากจะซื้อไปบรรทุกสินค้า ก็จะเลือกรถกระบะตอนเดียว หรือตอนครึ่ง หากจะใช้โดยสาร หรือบรรทุกของไม่มาก ก็จะเลือกแบบกระบะ 4 ประตูอย่างนี้เป็นต้น และอีกปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้าเลือกซื้อ เพราะแคมเปญการตลาด
... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/567167