รีวิวทริปอลังการงานกิ่งไม้แห้ง โซนคันไซ โอซาก้า ช่วงฤดูหนาว
Osaka • Kinosaki Onsen • Kyoto • Himeji • Nara
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกคน วันนี้เป็นโอกาสดีที่ผมจะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นโซนคันไซ โอซาก้า ยาวไปถึงเมือง Kinosaki Onsen บ้างครับ ซึ่งผมเดินทางในช่วงวันคริสมาสต์ - วันปีใหม่ ถึงแม้ว่าช่วงนี้ จะไม่มีใบไม้เปลี่ยนสี ไม่มีซากุระ ไม่มีหิมะ แต่ก็ยังคงเป็นทริปที่น่าประทับใจเช่นเคย เพราะผมมองว่า "ความสวยงามไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป" บรรดากิ่งไม้แห้งๆที่เราเห็น อากาศเย็นๆที่เราได้สัมผัส feeling แบบเหงาๆ ความรู้สึกแบบเทาๆ สิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นกันครับ และที่ผมประทับใจที่สุดของทริปนี้คือ การได้ใส่ชุดยูกาตะ เดินรอบเมือง Kinosaki Onsen เพื่อตระเวนแช่บ่อน้ำพุร้อนทั้ง 7 ครับ บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคา จนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้เลยยยยย !!!
ข้อมูลทั่วไปสำหรับทั่วไปสำหรับทริปนี้
การเดินทาง / สายการบิน
• ขาไป
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 602
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 320
• ขากลับ
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 331
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 613
โรงแรม / ที่พัก
• โรงแรม Best western fino osaka shinsaibashi
• โรงแรม kawaguchiya kinosaki riverside
•โรงแรม onyado nono namba natural hot spring ( มีราเมงฟรีและมีออนเซ็นฟรีครับ )
แผนการท่องเที่ยวสำหรับทริปนี้
Day 1 สนามบินคันไซ --> Osaka
Day 2 เมือง Kinosaki Onsen
Day 3 เมือง Kinosaki Onsen --> Himeji
Day 4 เมือง Kyoto
Day 5 เมือง Kyoto
Day 6 เมือง Nara
Day 7 เมือง Osaka - สนามบินคันไซ
Pass / Ticket สำหรับเดินทางของทริปนี้
• JR Kansai WIDE area pass ราคา 8500¥ (5 วัน)
• บัตร ICOCA & HARUKA ราคา 4000¥
การติดต่อสื่อสาร / อินเตอร์เน็ต
• SIM2Fly 4G
ประกันการเดินทาง
Smart Traveller Plus ( Gold Package ) ของ AXA
Day 1 สนามบินคันไซ --> Osaka
วันแรกไฟท์แลนดิ้งที่สนามบินคันไซประมาณ 07.00 น. กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ออกมาข้างนอก ก็เวลาประมาณ 08.00 น. แล้วครับ จากนั้นผมก็เดินมาที่ JR Ticket office ภายในสนามบินคันไซ เพื่อแลกตั๋ว JR Kansai WIDE area pass ที่ซื้อมาจากประเทศไทย (ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง) และซื้อบัตร ICOCA&HARUKA เพิ่ม สำหรับใช้นั่งรถไฟขบวน HARUKA ไป-กลับ สนามบินคันไซครับ
ผมนั่ง HARUKA มาลงที่สถานี Tennoji จากนั้นต่อ subway จาก Tennoji มาลงที่สถานี Shinsabashi เพราะโรงแรมที่ผมพักอยู่ในย่านนี้ครับ

ถึงโรงแรม Best western fino osaka shinsaibashi ผมฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วออกไปเที่ยวข้างนอก เนื่องจากโรงแรมนี้ให้เช๊คอินได้หลังบ่าย 3 ครับ
จากนั้นผมออกเดินทางต่อไปยังปราสาทโอซาก้า โดยขึ้น subway จากสถานี Shinsaibashi ไปยังสถานี morinomiya แล้วเดินต่อไปอีกหน่อยครับ
ประสาทโอซาก้า หรือ Osaka Castle ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มารคที่สำคัญของเมืองโอซาก้า ปราสาทหลังคาสีเขียว 8 ชั้นแห่งนี้ คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผมไม่ได้เข้าไปภายในตัวปราสาทนะครับ แค่เดินชมบรรยากาศด้านนอก

ช่วงที่ผมไปนั้น รอบๆปราสาทโอซาก้า ยังพอมีใบไม้เปลี่ยนสีเหลืออยู่บ้างครับ

นอกจากตัวปราสาทที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายของฝากจำนวนมากมายหลายร้าน ให้เลือกชม เลือกชิม ได้อย่างจุใจ สำหรับผมไม่พลาดแน่นอนครับ เพราะถือคติ "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง"


ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมืดเร็วมาก ประมาณ 5โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว ผมจึงกลับไปยังสถานี Shinsaibashi เพื่อไปเดินซื้อของและหาข้าวเย็นกินครับ
ย่าน Shinsaibashi ย่าน Dotonbori และย่าน Minami อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ถือเป็นแหล่งช๊อปปิ้งและแหล่งของกินยอดนิยมของเมืองโอซาก้ามานับ 100 ปี ย่านนี้จึงหนาแน่นไปด้วยผู้คนมากมายมหาศาลล้านแปด ไฮไลท์เด่นๆของที่นี่ก็คือ ร้านขาปูยักษ์และป้ายโกลิโกะ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีผู้คนนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก


Hozenji Yokocho Alley เป็นตรอกญี่ปุ่นโบราณ ที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตรอกนี้เป็นตรอกเล็กๆอยู่ในย่าน Minami แต่คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันครับ นอกจากนี้ยังมีวัด Hozenji ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาอธิฐานขอพรโชคลาภและตักน้ำราดองค์พระ เพื่อขอความเป็นศิริมงคลให้กับชีวิต


วันนี้ที่วัด Hozenji เหมือนมีนักบวชมาทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างครับ

เดินได้ซักพัก ท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหาร เมื่ออยู่ในดงอาหารขนาดนี้แล้ว ดังนั้นวันนี้ผมขอจัดหนัก จัดเต็มเลยแล้วกันครับ ร้านที่ผมจะประเดิมเป็นร้านแรกก็คือ ร้านซูชิหน้าล้น นั่นเอง ซึ่งเป็นร้านซูชิแบบนั่งกินชื่อดัง ทำกันสดๆตามออเดอร์เลยครับ ซูชิชิ้นใหญ่จนล้นปาก วัตถุดิบก็สดและคุณภาพดี อร่อยจนลืมราคาไปเลยครับ


เสร็จจากซูชิหน้าล้น ผมก็เดินย่อยต่อซักพัก มองหาขนมอร่อยๆล้างคาวซูชิซักหน่อย และขนมล้างปากที่ผมเลือกในวันนี่ก็คือ เจ้า PABLO ชีททาร์ตที่แสนอร่อยและนุ่มละมุนลิ้นนั่นเองครับ
ตามด้วยชีทเค๊กฮอดไกโดอีก 1 ชิ้น เบาๆ ครับ บอกเลยว่า จุกมากกก
พอหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อม ถึงเวลาต้องกลับไปที่โรงแรม เพื่อนอนพักผ่อนเติมพลังไว้สู้ศึกอันใหญ่หลวงในวันพรุ่งนี้ เพราะต้องไปตะลุยเมือง Kinosaki Onsen ครับ งั้นคืนนี้ขอลาด้วยภาพสองสองข้างทางขณะเดินกลับไปยังโรงแรม

[CR] [ Mid - Review ] รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ทริปอลังการงานกิ่งไม้แห้ง โซนคันไซ โอซาก้า ช่วงฤดูหนาว 7 วัน 6 คืน
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกคน วันนี้เป็นโอกาสดีที่ผมจะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นโซนคันไซ โอซาก้า ยาวไปถึงเมือง Kinosaki Onsen บ้างครับ ซึ่งผมเดินทางในช่วงวันคริสมาสต์ - วันปีใหม่ ถึงแม้ว่าช่วงนี้ จะไม่มีใบไม้เปลี่ยนสี ไม่มีซากุระ ไม่มีหิมะ แต่ก็ยังคงเป็นทริปที่น่าประทับใจเช่นเคย เพราะผมมองว่า "ความสวยงามไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป" บรรดากิ่งไม้แห้งๆที่เราเห็น อากาศเย็นๆที่เราได้สัมผัส feeling แบบเหงาๆ ความรู้สึกแบบเทาๆ สิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นกันครับ และที่ผมประทับใจที่สุดของทริปนี้คือ การได้ใส่ชุดยูกาตะ เดินรอบเมือง Kinosaki Onsen เพื่อตระเวนแช่บ่อน้ำพุร้อนทั้ง 7 ครับ บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคา จนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้เลยยยยย !!!
การเดินทาง / สายการบิน
• ขาไป
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 602
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 320
• ขากลับ
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 331
เวียดนามแอร์ไลน์ VN 613
โรงแรม / ที่พัก
• โรงแรม Best western fino osaka shinsaibashi
• โรงแรม kawaguchiya kinosaki riverside
•โรงแรม onyado nono namba natural hot spring ( มีราเมงฟรีและมีออนเซ็นฟรีครับ )
แผนการท่องเที่ยวสำหรับทริปนี้
Day 1 สนามบินคันไซ --> Osaka
Day 2 เมือง Kinosaki Onsen
Day 3 เมือง Kinosaki Onsen --> Himeji
Day 4 เมือง Kyoto
Day 5 เมือง Kyoto
Day 6 เมือง Nara
Day 7 เมือง Osaka - สนามบินคันไซ
Pass / Ticket สำหรับเดินทางของทริปนี้
• JR Kansai WIDE area pass ราคา 8500¥ (5 วัน)
• บัตร ICOCA & HARUKA ราคา 4000¥
การติดต่อสื่อสาร / อินเตอร์เน็ต
• SIM2Fly 4G
ประกันการเดินทาง
Smart Traveller Plus ( Gold Package ) ของ AXA
วันแรกไฟท์แลนดิ้งที่สนามบินคันไซประมาณ 07.00 น. กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ออกมาข้างนอก ก็เวลาประมาณ 08.00 น. แล้วครับ จากนั้นผมก็เดินมาที่ JR Ticket office ภายในสนามบินคันไซ เพื่อแลกตั๋ว JR Kansai WIDE area pass ที่ซื้อมาจากประเทศไทย (ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง) และซื้อบัตร ICOCA&HARUKA เพิ่ม สำหรับใช้นั่งรถไฟขบวน HARUKA ไป-กลับ สนามบินคันไซครับ
ผมนั่ง HARUKA มาลงที่สถานี Tennoji จากนั้นต่อ subway จาก Tennoji มาลงที่สถานี Shinsabashi เพราะโรงแรมที่ผมพักอยู่ในย่านนี้ครับ
ถึงโรงแรม Best western fino osaka shinsaibashi ผมฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วออกไปเที่ยวข้างนอก เนื่องจากโรงแรมนี้ให้เช๊คอินได้หลังบ่าย 3 ครับ
จากนั้นผมออกเดินทางต่อไปยังปราสาทโอซาก้า โดยขึ้น subway จากสถานี Shinsaibashi ไปยังสถานี morinomiya แล้วเดินต่อไปอีกหน่อยครับ
ประสาทโอซาก้า หรือ Osaka Castle ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มารคที่สำคัญของเมืองโอซาก้า ปราสาทหลังคาสีเขียว 8 ชั้นแห่งนี้ คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผมไม่ได้เข้าไปภายในตัวปราสาทนะครับ แค่เดินชมบรรยากาศด้านนอก
ช่วงที่ผมไปนั้น รอบๆปราสาทโอซาก้า ยังพอมีใบไม้เปลี่ยนสีเหลืออยู่บ้างครับ
นอกจากตัวปราสาทที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายของฝากจำนวนมากมายหลายร้าน ให้เลือกชม เลือกชิม ได้อย่างจุใจ สำหรับผมไม่พลาดแน่นอนครับ เพราะถือคติ "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง"
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมืดเร็วมาก ประมาณ 5โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว ผมจึงกลับไปยังสถานี Shinsaibashi เพื่อไปเดินซื้อของและหาข้าวเย็นกินครับ
ย่าน Shinsaibashi ย่าน Dotonbori และย่าน Minami อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ถือเป็นแหล่งช๊อปปิ้งและแหล่งของกินยอดนิยมของเมืองโอซาก้ามานับ 100 ปี ย่านนี้จึงหนาแน่นไปด้วยผู้คนมากมายมหาศาลล้านแปด ไฮไลท์เด่นๆของที่นี่ก็คือ ร้านขาปูยักษ์และป้ายโกลิโกะ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีผู้คนนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก
Hozenji Yokocho Alley เป็นตรอกญี่ปุ่นโบราณ ที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตรอกนี้เป็นตรอกเล็กๆอยู่ในย่าน Minami แต่คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันครับ นอกจากนี้ยังมีวัด Hozenji ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาอธิฐานขอพรโชคลาภและตักน้ำราดองค์พระ เพื่อขอความเป็นศิริมงคลให้กับชีวิต
วันนี้ที่วัด Hozenji เหมือนมีนักบวชมาทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างครับ
เดินได้ซักพัก ท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหาร เมื่ออยู่ในดงอาหารขนาดนี้แล้ว ดังนั้นวันนี้ผมขอจัดหนัก จัดเต็มเลยแล้วกันครับ ร้านที่ผมจะประเดิมเป็นร้านแรกก็คือ ร้านซูชิหน้าล้น นั่นเอง ซึ่งเป็นร้านซูชิแบบนั่งกินชื่อดัง ทำกันสดๆตามออเดอร์เลยครับ ซูชิชิ้นใหญ่จนล้นปาก วัตถุดิบก็สดและคุณภาพดี อร่อยจนลืมราคาไปเลยครับ
เสร็จจากซูชิหน้าล้น ผมก็เดินย่อยต่อซักพัก มองหาขนมอร่อยๆล้างคาวซูชิซักหน่อย และขนมล้างปากที่ผมเลือกในวันนี่ก็คือ เจ้า PABLO ชีททาร์ตที่แสนอร่อยและนุ่มละมุนลิ้นนั่นเองครับ
ตามด้วยชีทเค๊กฮอดไกโดอีก 1 ชิ้น เบาๆ ครับ บอกเลยว่า จุกมากกก
พอหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อม ถึงเวลาต้องกลับไปที่โรงแรม เพื่อนอนพักผ่อนเติมพลังไว้สู้ศึกอันใหญ่หลวงในวันพรุ่งนี้ เพราะต้องไปตะลุยเมือง Kinosaki Onsen ครับ งั้นคืนนี้ขอลาด้วยภาพสองสองข้างทางขณะเดินกลับไปยังโรงแรม