สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เพราะมีเรือกลไฟวิ่งตรงระหว่าง กรุงเทพฯ - ซัวเถาค่ะ
ทั้งเรือของบริษัทเยอรมันนอเดนท์เชอร์ลอยด์ บริษัทเรือเมล์จีนสยาม (ตอนหลังเจ๊ง ซัวเถาเซ้งไปทำต่อ) และเจ้าอื่นๆ
ช่วงที่มีการแข่งขันหนักๆ บริษัทเยอรมันนอเดนท์เชอร์ลอยด์ลดค่าโดยสารจาก 20-25 บาท เหลือแค่ 5 บาท เพื่อตัดราคาบริษัทเรือเมล์จีนสยามที่คิดค่าตั๋ว 10 บาท
คนแต้จิ๋วมีเงินไม่กี่เหรียญ ก็ซื้อตั๋วเรือที่ซัวเถามาเที่ยวเมืองเท้าเปล่า (กรุงเทพฯ) ได้แล้ว
ไม่ต้องคิดไรมาก ทำงานรับจ้างเดี๋ยวเดียวก็มีตังก์พอซื้อตั๋วกลับบ้าน ชิวๆ
บวกกับช่วง ร.๕ มีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ต้องการแรงงานโยธาจำนวนมหาศาล จึงมีนายหน้าไปจัดหาแรงงานตรงถึงท่าเรือซัวเถา เมืองแต้จิ๋วเลยค่ะ
สัญญาจ้างก็จะเป็นแบบบริษัทนายหน้าออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน แล้วค่อยหักเงินจากค่าจ้างทีหลัง ชาวแต้จิ๋วก็แค่ฉวยเสื่อและหมอนเดินล้วงกระเป๋าลงเรือ ชิวๆ
นี่แหละค่ะ เสือผืนหมอนใบส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ยากจนสิ้นไร้ มีแต่เสือผืนหมอนใบอย่างที่คนรุ่นปัจจุบันเข้าใจกัน
ทั้งเรือของบริษัทเยอรมันนอเดนท์เชอร์ลอยด์ บริษัทเรือเมล์จีนสยาม (ตอนหลังเจ๊ง ซัวเถาเซ้งไปทำต่อ) และเจ้าอื่นๆ
ช่วงที่มีการแข่งขันหนักๆ บริษัทเยอรมันนอเดนท์เชอร์ลอยด์ลดค่าโดยสารจาก 20-25 บาท เหลือแค่ 5 บาท เพื่อตัดราคาบริษัทเรือเมล์จีนสยามที่คิดค่าตั๋ว 10 บาท
คนแต้จิ๋วมีเงินไม่กี่เหรียญ ก็ซื้อตั๋วเรือที่ซัวเถามาเที่ยวเมืองเท้าเปล่า (กรุงเทพฯ) ได้แล้ว
ไม่ต้องคิดไรมาก ทำงานรับจ้างเดี๋ยวเดียวก็มีตังก์พอซื้อตั๋วกลับบ้าน ชิวๆ
บวกกับช่วง ร.๕ มีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ต้องการแรงงานโยธาจำนวนมหาศาล จึงมีนายหน้าไปจัดหาแรงงานตรงถึงท่าเรือซัวเถา เมืองแต้จิ๋วเลยค่ะ
สัญญาจ้างก็จะเป็นแบบบริษัทนายหน้าออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน แล้วค่อยหักเงินจากค่าจ้างทีหลัง ชาวแต้จิ๋วก็แค่ฉวยเสื่อและหมอนเดินล้วงกระเป๋าลงเรือ ชิวๆ
นี่แหละค่ะ เสือผืนหมอนใบส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ยากจนสิ้นไร้ มีแต่เสือผืนหมอนใบอย่างที่คนรุ่นปัจจุบันเข้าใจกัน
ความคิดเห็นที่ 15
สมัยโบราณ
ท่าเรือของเมืองแต้จิ๋วอยู่ที่อ่าวจังหลินปากแม่น้ำหานเจียง สำเภาที่ออกจากท่าเรือจังหลินมาสยามจะเรียก เรือหัวแดง แต่ที่นั่นไม่มีอู่ต่อเรือเป็นของตัวเอง สำเภาที่สยามส่งไปค้าขายส่วนใหญ่จะต่อในสยาม
ท่าเรือเอ้หของฮกเกี้ยนสำคัญกว่า สำเภาฮกเกี้ยนเรียกว่า เรือหัวเขียว มีขนาดใหญ่ จุคนและสินค้าได้เยอะ ที่สำคัญคือมีอู่ต่อเรือเอง ระยะแรก (ต้นรัตนโกสินทร์) จึงมีคนฮกเกี้ยนมาอยู่สยามเยอะ
ช่วงหลังสงครามฝิ่นครั้งที่ 2
มีการเปิดท่าเรือกลไฟขนคนและสินค้าที่ซัวเถา ปิดฉากการค้าเรือสำเภา ทำให้ท่าเรือเก่าที่อ่าวจังหลินหมดความสำคัญไป นับแต่นั้นคนแต้จิ๋วก็ไหลมาเทมายังสยาม เพราะการเดินทางด้วยเรือกลไฟนั้นง่ายแสนง่าย
เรื่องมาสยามแล้วดี แล้วเลยชวนๆ กันมาดิฉันว่าเป็นแค่ 'ความเชื่อ' ของคนรุ่นหลังค่ะ
จริงๆ ชาวจีนอพยพออกมาช่วงนั้นไม่ว่าไปทางไหน ก็ดีทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ว่าฟิลิปปินส์ ชวาของฮอลันดา อินโดจีนของเวียดนาม มลายูของอังกฤษ พวกเขาสามารถตั้งรกราก ทำงานจ่ายภาษี มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม
การเดินทางไปไหนนั้นอยู่ที่เส้นทางเดินเรือของเมืองท่าแต่ละแห่งมากกว่า
เมืองแต้จิ๋วนั้นมีการเดินเรือตรงถึงสยาม และบริษัทเดินเรือก็แข่งกันหั่นราคา จึงไม่แปลกที่ชาวแต้จิ๋วจะหลั่งไหลมาไทยกันมาก
เรื่องการศึกษา
สมัย ร.๕ คนจีนที่มาอยู่สยาม ถ้ามีฐานะหน่อยจะส่งลูกไปเรียนที่ฮ่องกง กว่างโจว สิงคโปร์ หรืออย่างแย่ก็ซัวเถา แต้จิ๋วบ้านเกิดค่ะ
มีเศรษฐีจีนสยามบางคนบริจาคเงินสร้างโรงเรียน สร้างสถานพยาบาล ฯลฯ ในแต้จิ๋วด้วย วัฒนธรรมสยามหลายอย่างก็แพร่เข้าไปในแต้จิ๋ว
การแลกเปลี่ยนนั้นแน่นแฟ้นกว่าที่เราคิดค่ะ
ท่าเรือของเมืองแต้จิ๋วอยู่ที่อ่าวจังหลินปากแม่น้ำหานเจียง สำเภาที่ออกจากท่าเรือจังหลินมาสยามจะเรียก เรือหัวแดง แต่ที่นั่นไม่มีอู่ต่อเรือเป็นของตัวเอง สำเภาที่สยามส่งไปค้าขายส่วนใหญ่จะต่อในสยาม
ท่าเรือเอ้หของฮกเกี้ยนสำคัญกว่า สำเภาฮกเกี้ยนเรียกว่า เรือหัวเขียว มีขนาดใหญ่ จุคนและสินค้าได้เยอะ ที่สำคัญคือมีอู่ต่อเรือเอง ระยะแรก (ต้นรัตนโกสินทร์) จึงมีคนฮกเกี้ยนมาอยู่สยามเยอะ
ช่วงหลังสงครามฝิ่นครั้งที่ 2
มีการเปิดท่าเรือกลไฟขนคนและสินค้าที่ซัวเถา ปิดฉากการค้าเรือสำเภา ทำให้ท่าเรือเก่าที่อ่าวจังหลินหมดความสำคัญไป นับแต่นั้นคนแต้จิ๋วก็ไหลมาเทมายังสยาม เพราะการเดินทางด้วยเรือกลไฟนั้นง่ายแสนง่าย
เรื่องมาสยามแล้วดี แล้วเลยชวนๆ กันมาดิฉันว่าเป็นแค่ 'ความเชื่อ' ของคนรุ่นหลังค่ะ
จริงๆ ชาวจีนอพยพออกมาช่วงนั้นไม่ว่าไปทางไหน ก็ดีทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ว่าฟิลิปปินส์ ชวาของฮอลันดา อินโดจีนของเวียดนาม มลายูของอังกฤษ พวกเขาสามารถตั้งรกราก ทำงานจ่ายภาษี มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม
การเดินทางไปไหนนั้นอยู่ที่เส้นทางเดินเรือของเมืองท่าแต่ละแห่งมากกว่า
เมืองแต้จิ๋วนั้นมีการเดินเรือตรงถึงสยาม และบริษัทเดินเรือก็แข่งกันหั่นราคา จึงไม่แปลกที่ชาวแต้จิ๋วจะหลั่งไหลมาไทยกันมาก
เรื่องการศึกษา
สมัย ร.๕ คนจีนที่มาอยู่สยาม ถ้ามีฐานะหน่อยจะส่งลูกไปเรียนที่ฮ่องกง กว่างโจว สิงคโปร์ หรืออย่างแย่ก็ซัวเถา แต้จิ๋วบ้านเกิดค่ะ
มีเศรษฐีจีนสยามบางคนบริจาคเงินสร้างโรงเรียน สร้างสถานพยาบาล ฯลฯ ในแต้จิ๋วด้วย วัฒนธรรมสยามหลายอย่างก็แพร่เข้าไปในแต้จิ๋ว
การแลกเปลี่ยนนั้นแน่นแฟ้นกว่าที่เราคิดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมในเมืองไทยถึงมีคนจีนแต้จิ๋วมากที่สุดครับ????