"ดราม่าห้ามนั่งท้ายกระบะ" เมื่อกฎหมายไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต

เมื่อการบังคับใช้กฎหมายให้รัดเข็มขัดนิรภัยเริ่มต้นขึ้นวันแรก กลับเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะการห้ามนั่งแคปหลังกระบะ ด้วยเหตุผลว่ามีไว้สำหรับวางของไม่ใช้สำหรับโดยสาร รวมทั้งการห้ามนั่งกระบะท้ายด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่เสียงสะท้อนของชาวบ้านแม้ยอมรับในเรื่องความปลอดภัยแต่นั่นกลับไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต
หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถ โดยกำหนดให้คนขับและผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยทุกที่นั่ง เริ่มวันแรก 5 เมษายน 2560 โดยเฉพาะการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ จนเกิดความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายทันที
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้เหตุผลถึงความจำเป็นในการประกอบอาชีพ เช่นผู้รับเหมาในจังหวัดพิษณุโลกรายหนึ่งที่ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากมาตรการนี้ เนื่องจากแต่ละวัน ต้องนำคนงานจากต่างอำเภอ เข้ามาทำงานใเมืองพิษณุโลก และรถที่ใช้สำหรับขนส่งเป็นหลัก คือรถกระบะ เนื่องจากสะดวกและสามารถบรรทุกเครื่องมือในการทำงานได้ด้วย แต่เมื่อกฎหมายบังคับใช้ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
เช่นเดียวกับสมาชิกเฟซบุ๊ก โก๋ แม่แจ่ม ซึ่งได้สัมภาษณ์ชาวเขาบ้านเฮาะ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยระบุไม่เห็นด้วยเพราะ คนออกกฎหมายหนึ่งคนสามารถออกรถคนเดียวได้หลายคัน แต่คนบนดอยบางหมู่บ้านสามารถมีรถได้เพียงคันเดียว รถประจำทางก็ไม่มี หากไม่ขึ้นรถไปด้วยกันก็คงต้องเดินไปเท่านั้น
แม้เสียงสนับสนุนที่เห็นด้วยกับมาตรการนี้จะมีเพียงน้อยนิด แต่ก็ระบุว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถและผู้โดยสารเอง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ประชาชนจะนั่งอัดแน่นท้ายรถกระบะ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรง
ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 7 วันอันตราย จากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ปี 2556 มีอุบัติเหตุ 2,828 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 321 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,040 คน / ปี 2557 มีอุบัติเหตุ 2,992 มีผู้เสียชีวิต 326 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,225 คน / ปี 2558 มีอุบัติเหตุ 3,373 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 364 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,559 คน และปี 2559 มีอุบัติเหตุ 3,447 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 442 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,656 คน
สุดท้ายเมื่อมีแรงเสียดทานจากสังคมอย่างหนาแน่น ตำรวจและกรมการขนส่งทางบกจึง ยินยอมอนุโลมผ่อนผันมาตรการดังกล่าว ออกไปหลังสงกรานต์ ส่วนการคาดเข็มขัดนิรภัยยังคงบังคับใช้เช่นเดิม
หลังสงกรานต์นี้ตำรวจจะร่วมกับกรมการขนส่งทางบก รวบรวมข้อมูล จุดอ่อน จุดแข็ง ของกฎหมายและหามาตราการที่ดีที่สุดแก่ประชาชน คงต้องจับตากันดูอีกครั้งว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมเช่นเดิมอีกหรือไม่
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/749061
'ดราม่า ห้ามนั่งท้ายกระบะ' เมื่อกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต
เมื่อการบังคับใช้กฎหมายให้รัดเข็มขัดนิรภัยเริ่มต้นขึ้นวันแรก กลับเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะการห้ามนั่งแคปหลังกระบะ ด้วยเหตุผลว่ามีไว้สำหรับวางของไม่ใช้สำหรับโดยสาร รวมทั้งการห้ามนั่งกระบะท้ายด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่เสียงสะท้อนของชาวบ้านแม้ยอมรับในเรื่องความปลอดภัยแต่นั่นกลับไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต
หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถ โดยกำหนดให้คนขับและผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยทุกที่นั่ง เริ่มวันแรก 5 เมษายน 2560 โดยเฉพาะการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ จนเกิดความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายทันที
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้เหตุผลถึงความจำเป็นในการประกอบอาชีพ เช่นผู้รับเหมาในจังหวัดพิษณุโลกรายหนึ่งที่ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากมาตรการนี้ เนื่องจากแต่ละวัน ต้องนำคนงานจากต่างอำเภอ เข้ามาทำงานใเมืองพิษณุโลก และรถที่ใช้สำหรับขนส่งเป็นหลัก คือรถกระบะ เนื่องจากสะดวกและสามารถบรรทุกเครื่องมือในการทำงานได้ด้วย แต่เมื่อกฎหมายบังคับใช้ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
เช่นเดียวกับสมาชิกเฟซบุ๊ก โก๋ แม่แจ่ม ซึ่งได้สัมภาษณ์ชาวเขาบ้านเฮาะ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยระบุไม่เห็นด้วยเพราะ คนออกกฎหมายหนึ่งคนสามารถออกรถคนเดียวได้หลายคัน แต่คนบนดอยบางหมู่บ้านสามารถมีรถได้เพียงคันเดียว รถประจำทางก็ไม่มี หากไม่ขึ้นรถไปด้วยกันก็คงต้องเดินไปเท่านั้น
แม้เสียงสนับสนุนที่เห็นด้วยกับมาตรการนี้จะมีเพียงน้อยนิด แต่ก็ระบุว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถและผู้โดยสารเอง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ประชาชนจะนั่งอัดแน่นท้ายรถกระบะ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรง
ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 7 วันอันตราย จากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ปี 2556 มีอุบัติเหตุ 2,828 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 321 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,040 คน / ปี 2557 มีอุบัติเหตุ 2,992 มีผู้เสียชีวิต 326 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,225 คน / ปี 2558 มีอุบัติเหตุ 3,373 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 364 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,559 คน และปี 2559 มีอุบัติเหตุ 3,447 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 442 คน มีผู้บาดเจ็บ 3,656 คน
สุดท้ายเมื่อมีแรงเสียดทานจากสังคมอย่างหนาแน่น ตำรวจและกรมการขนส่งทางบกจึง ยินยอมอนุโลมผ่อนผันมาตรการดังกล่าว ออกไปหลังสงกรานต์ ส่วนการคาดเข็มขัดนิรภัยยังคงบังคับใช้เช่นเดิม
หลังสงกรานต์นี้ตำรวจจะร่วมกับกรมการขนส่งทางบก รวบรวมข้อมูล จุดอ่อน จุดแข็ง ของกฎหมายและหามาตราการที่ดีที่สุดแก่ประชาชน คงต้องจับตากันดูอีกครั้งว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมเช่นเดิมอีกหรือไม่
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/749061