เห็นกี่ครั้ง ก็....ไม่เคยชิน

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กระทู้นี้เราพึ่งตั้งเป็นกระทู้แรกที่เป็นกระทู้สนทนานะคะ .ถ้าการเล่าเรื่องนี้ มีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ......   เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

เริ่มจากตอนที่เราอายุได้ประมาณ 5-6 ขวบค่ะ ตอนนั้นถือว่าจำความได้มากแล้ว และตอนที่เจอ ถือว่าเป็นเรื่องแรก เหตุการณืแรกเลยล่ะค่ะ เรื่องมีอยุว่า เรามีน้า ชื่อว่าน้าพลอย (นามสมมุติ) น้าเราเป็นคนใจดี สวย ชอบแบ่งปัน นิสัยดี มีแต่คนรัก และถือว่าเป็นคนมีฐานะที่ร่ำรวยคนนึงเลยล่ะค่ะ (ถ้าเปรียบในสมัยก่อนนะคะ) ถ้าพลอย มีลูกสาว 2 คนค่ะ ชื่อน้ำเงิน (นามสมมุติ) เป็นรุ่นราวคราวเดียวกับเราค่ะ  และพี่การ์ตูน (นามสมมุติ) เป็นพี่ที่มีอายุห่างจากเราประมาณ 2 ปีได้ค่ะ   #ขอเกิ่นก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้ลำเลียงเหตุการณ์ได้ถูก     อย่างที่บอกค่ะ น้าพลอยแกเป็นคนใจดี ถึงเราเป็นแค่หลาย  แต่..ถ้า น้ำเงิน และพี่การ์ตูนได้ของเล่นอะไร ได้ไปเที่ยวไหน ได้กินของดีๆอะไร  เราก็จะได้เหมือนกันหมด เราจึงรักน้าพลอยเหมือนแม่คนที่ 2 ของเราเองเลยก็ว่าได้ และก็เป็นที่แน่นอนว่า เรา น้ำเงิน และพี่การ์ตูนย์ ก็จะสนิทกันมากๆ  นอนด้วยกัน ไปเรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน แทบจะเป็นแฝด 3 เลยล่ะค่ะ

              เกิ่นนานล่ะ เข้าเรื่องเลยล่ะกันนะคะ คือตอนช่วงอายุ 5-6 ขวบเราอยุประมาณ อนุบาลสองได้ค่ะ  น้าพลอยได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต  ตอนนั้นถือว่าเด็กมากๆ  แต่ความทรงจำตอนนั้นก็ชัดเจนมากเช่นกันค่ะ วันงาน ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย แขกมากันค่อนข้างเยอะ เพราะอย่างที่เกิ่นไป ว่าน้าพลอย ชอบช่วยเหลือญาติพี่น้อง เป็นคนจิตใจดี จึงมีแต่คนรัก งานน้าพลอยจัดได้ 7 วันพอดี   วันเผา ทางญาติๆ ลุงป้า น้า อา ก็ได้ลงความคิดเห็นกันว่า จะให้ เรา น้ำเงิน และพี่การ์ตูนอยุบ้าน เพราะไม่อยากให้ไปเห็นผู้คนร้องไห้ ไม่งั้น เราทั้ง 3 ก็จะกระจองงองแงตาม แบบไม่หยุดนั่นเอง แต่จะว่าไป  ถึง เราทั้งสามไม่ได้ไปร่วมงานที่เมรุ  ก็เหมือนได้ร่วมแหละค่ะ เพราะเมรุ อยุหลังบ้านของพวกเราไม่ถึง 500 เมตรด้วยซ้ำ  เหอะๆ  

             เราทั้งสามก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี อยุบ้าน นั่งเล่นแต่งหน้าทำผม จากของเล่นที่น้าพลอยซื้อให้ก่อนประสบอุบัติเหตุ  ในระหว่างที่เรากำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยที่ในหัว ไ่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้เลย ใจจดใจจ่ออยุกับของเล่นตรงหน้า  จู่ๆ เราก็รุสึก เย็นมาจากด้านหลัง ซึ่ง บริเสวณด้านกหลังที่เราหันให้นั้น เป็น ห้องนอนของน้าพลอย และน้าทิม (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นสามีของน้าพลอย และเป็นพ่อของน้ำเงินกับพี่การ์ตูนนั่นเอง    (ลืมบอกว่าตอนที่หันหลังนั้น เรากำลังแต่งหน้ากับพี่การ์ตูนอยุ) และพอเวลาผ่านไปสักพัก พี่การ์ตูน ก็บอกเราว่า เสร็จล่ะ ไปส่องกระจกป่ะ  ตอนนั้น เป็นความรุสึกที่ไม่มีวันลืมเลยค่ะ  เรารุสึกลุกไม่ขึ้น รุสึกไม่อยากเดินไปที่กระจกเลย ทั้งๆที่กระจกอยุตรงหน้าประตูบ้านห่างจากเราแค่ ไม่ถึง 3 ก้าวด้วยซ้ำ แต่เพราะความเป้นเด็ก เก็บอาการไม่ค่อยอยุค่ะ เราร้องไห้ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมา จนพี่การ์ตูน ต้องเอ็ดเราว่า เป็นไร ยังไม่ไปส่องกระจกอีก หยุดร้องเดี๋ยวนี้  และเพราะความที่กลัวพี่จะเอ็ดรอบ 2 เราจึงตัดสินใจเดินไปส่องกระจก  และวินาทีนั้น วินาทีที่เราเดินไปถึงหน้ากระจก เราไม่หันซ้ายหันขวาเลยค่ะ เรามองตรงไปที่กระจก แล้วจู่ๆ ภาพใบหน้าของเราก็ถูกแทนด้วยใบหน้าที่คุ้นเคย   *น้าพลอย  เราตะดกนออกมาสุดเสียง พร้อมกับยืนร้องไห้ สะอึกสะอื้น ปล่อยโฮออกมา แบบไม่รุตัว ไม่มีสติเลย  ภาพตรงหน้าเป็นภาพใบหน้าของน้าพลอย ที่ทางด้านขวา เละไปทั้งแถบ เป็นบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุนั่นเอง หลังจากที่เรายืนร้องไห้อยุได้สักพัก เหมือนพี่การ์ตูนและน้ำเงิน ก็เสียสติ ไปชั่วครู่ และเดินมาจับไหล่เรา ไม่มีคำพูดใดๆเลย นอกจาก เสียงสะอื้นของเราทั้งสาม และพากันเดินออกมาจากบ้าน มานั่งกอดกันร้องไห้ เป็นชั่วโมง กว่าญาติๆ จะกลับมาบ้าน   ..........  

          นี่เป็นประสบการณ์แรก ที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวด เมื่อเราได้เห็น ใบหน้าของคนที่เรารัก ไม่เหมือนเดิม เพราะมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เราไม่เคยลืมเหตุการณ์นี้เลย แม้มันจะผ่านมากว่า 10 ปี และต้องขออโหสิแก่ดวงวิญญาณของน้าพลอยด้วยนะคะ ที่หนุได้น้ำเรื่องนี้มาแชร์ ให้ใครหลายๆคนได้อ่าน เพื่อความละลึกถึงน้าพลอยตลอดไปค่ะ







หลังจาก เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เราเห็นสิ่งที่เรียกว่า วิญญาณ มากขึ้น มาขึ้นทุกวัน แต่เพราะความเป็นเด็กจึงทำให้เราังแยกไปออกว่า สิ่งนั้นใช่ หรือไม่ มีหลายครั้งที่เราเผลอทัก เผลอพูดอะไรออกมาโดยไม่รุตัว จึงทำให้เราไม่สบายบ่อยๆ ไม่สบายโดยไม่รุสาเหตุ  ต่อมา ช่วงสมัยประถม เราเริ่มโต เริ่มรุประสีประสามากขึ้น ทำให้เราเริ่มแยกแยะ ออกว่าอะไรใช่ ไม่ใช่   และมันทำให้เรารุจักหลีก รุจักหลบมากขึ้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนที่เราอยุชั้น ป. 4 วันนั้น เราเป็นเวรทำความสะอาดห้อง เรามีหน้าที่ไปทิ้งขยะกะเพื่อนอีกคน   ในระหว่างทางที่เราเดินเอาขยะไปทิ้งนั้น เพื่อนเราทักว่า เทอเชื่อเรื่องเมืองลับแลมั๊ย   คือตอนนั้น เรื่องเมืองลับแล ถือเป็น อาถรรพ์ ที่พึ่งเกิดขึ้นกับหมู่บ้านเรา เนื่องจากเราอยุบ้านนอก บ้าน และโรงเรียนของเรานั้น ก็จะล้อมรอบไปด้วยป่าเขา  จึงค่อนข้างมีเรื่องลี้ลับ พวกนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ   บ้างก็เป็นเรื่องเล่าขาน บ้าง ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้   แต่ตอนนั้น ที่เพื่อนถาม เราก้ตอบแบบขำๆ แบบเด็กน้อยที่ไม่ได้คิดไรมากมาย   เราบอกเราเชื่อ แต่ ไม่เคยเจอ  ก็อยากเจอนะ  อยากเจอเมืองลับแล เมืองที่มีแต่ผู้คนสวยๆ   เมืองสวยน่าอยุ   และเราก็เพ้อเจ้อ กับเพื่อนไปเรื่อย จนเดินมาถึงหลุมขยะ   ในระหว่างที่เรากำลังจะคว่ำตะกร้าเพื่อเอาขยะทิ้ง เพื่อนเรา    ด้วยความทะเล้นทะลึ่งของมัน มันดันเหวี่ยงตะกร้าขึ้นฟ้า เพื่อที่จะวิ่งไปเก็บตะกร้ากลางหลุม  และเพื่อความสนุกสนาน 5555    และตาของเราก็มองตามตะกร้านั้นไป  แต่ดัน หางตาดันไปเหลือบเห็น ธง   ธง  ค่ะ ธงที่ปักอยุยอดภูเข้าหลังโรงเรียน   ซึ่งตามโบราณเค้าถือว่า ถ้ามีธงปักอยุตามยอดเขา แสดงว่า ตรงนั้นเป็นสำนักสงฆ์  แต่ตอนนั้น วินาทีนั้น เราดันเกิดความรุสึกเกิดอาการ เหมือนวูบไป และมีภาพๆนึงเข้ามาในหัว เป็นภาพที่มีคนเป็นจำนวนมาก   เดินเบียดเสียดกัน  เหมือนอยุในตลาด แต่หน้าตาผู้คนเหล่านั้น ดันเหมือนกันหมด ผู้หญิง สวยขาว ผู้ชายก็หล่อ รุปร่างแบบชายไทยสมัยก่อน กำยำ บึกบึน   ภาพนั้นเข้ามาได้ชั่วไม่กี่วินาทีที่ ตะกร้าจะตกไปยังกลางของหลุมขยะ     และพอเราได้สติ เท่านั้นล่ะค่ะ ชวนเพื่อนวิ่งเราเลย   


พอกลับมาถึงบ้านเราก็เล่าเรื่องนี้ให้ยายฟัง   ยายหัวเราดังลั่น ว่าเราคิดไปเอง จินตนาการณ์เก่ง บลาๆๆๆ   และไล่ไปหุงข้าว 5555   แต่....หลังจากวันนั้น ตกกลางคืน  เราฝัน  คือ ฝันแบบ เหมือนจริงทุกอย่าง ในฝัน เราใส่ ผ้าซิ่น เหมือนคนเหนือแต่งตัวสวย รุปร่างหน้าตาเราผิดไปจากเดิมมาก แต่รุว่าเป็นตัวเราเอง   เมืองเป็นประสาทอิฐ  คืออออ  ดีงามมากค่ะ  ความรุสึกตอนที่อยุในฝัน มันมีความสุขมาก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆ มีแต่รอยยิ่ม เสียงหัวเราะ มันเป็นความรุสึกที่สุขแบบอธิบายไม่ออก   พอตื่นเช้ามา  ยายไล่ให้เราไปล้างหน้า และรีบขึ้นบ้านมาหายาย  มีเรื่องจะคุยด้วย

>> พักไว้ก่อนนะคะ  พอดี เลิกงานแล้ว เดี๋ยวมีเวลา จะมาต่อนะคะ  เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนที่เจอกับตัวเอง จะเข้าใจสิ่งที่เราพิมมาทั้งหมด ชนิดที่เราอธิบายไม่ถูกก็สามารถเข้าใจเราได้ค่ะ เรื่องมีอีกเยอะ กว่าจะมาถึงปัจจุบัน  อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ  <<
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่