ม่านเสน่หาภาคพิศดาร ตอน ม่านสลับสี
โดย...ลิเอง
"จะตีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะทนนั่งหลังแข็งรอผัวอยู่ตรงนี้จริง ๆ เหรอ ยัยนิ่ม แกพึ่งหายป่วยนะ"
หญิงสาวร่างบอบบางบนเก้าอี้นวมในห้องรับแขก เงยหน้าขึ้นมองคนทักที่ขึ้นเสียงสูงถามเธอแวบหนึ่ง ก่อนเลื่อนสายตากลับไปจ้องโทรศัพท์อย่างเก่า ทำท่าไม่สนใจเสียงทักแหลมปรี๊ดนั้น ซึ่งที่จริงแล้วมันเข้าไปบาดทั้งหูบาดทั้งใจ แม้ว่าจะเป็นคำถามแฝงความห่วงใยจากพี่สาวคนเดียวที่เธอรักและเคารพก็เถอะ
"ก็รอเหมือนทุกคืนนั่นละ เขาจะกลับบ้านประมาณตีหนึ่ง...แล้วพี่นุ่นป่านนี้ทำไมยังไม่นอน ลุกมาทำไมอีกล่ะ"
ตอบคนทักทั้งสายตาหม่นหมองยังจ้องติดอยู่กับรูปภาพพร้อมข้อความในสื่อออนไลน์ที่ถืออยู่ เลยเที่ยงคืนมานาน...ป่านนี้อาร์ตก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน หน้าไลน์ถึงเธอนิ่งสนิท แต่ในเฟสของเขาโพสต์ว่า เขากำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับบรรดาเพื่อนฝูงและ...ผู้หญิงคนนั้น เจ้าของผับแสนสวยที่ชื่อน้องมิ้นต์
ชายผู้เป็นสามีของเธอกำลังชูแก้วไวน์ในมือให้กล้อง โดยมีใบหน้าของน้องมิ้นต์แนบติดชิดใกล้ สาวคนนั้นอยู่ในชุดวาบหวิว โชว์เนื้อตัวอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย รูปร่างเซ็กซี่ของหล่อนแม้ผู้หญิงด้วยกันยังต้องมอง จึงไม่สงสัยเลยที่สามีของเธอก็ไม่อยู่ในข้อยกเว้น
เมื่อวานซืนเธอเกิดวูบจากสาเหตุเดิม ๆ คือเลือดจางจนอ่อนแอ พี่เขยของเธอใจดี ช่วยพาส่งโรงพยาบาล ในขณะที่คนเป็นสามีตามมาดูอาการตอนเช้าวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตอนบ่ายเขาไม่ว่าง ต้องไปงานเลี้ยงของเพื่อนผู้โชคดี ถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลใหญ่หลังเลี้ยงเลขนี้มานาน พอเธอท้วงว่าต้องออกจากโรงพยาบาลบ่ายนี้ เขาก็วานให้พี่อ้น พี่ชายตัวเองช่วยเป็นธุระจัดการให้ พี่เขยทำให้ทุกอย่างทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับช่วยพามาส่งบ้านเสร็จสรรพ...
เธอแอบเกรงใจ อยากปฏิเสธแต่เห็นประกายยินดีในดวงตาพี่เขยก็ต้องลอบถอนใจ โธ่เอ๋ย...ทำไมฟ้าดินชอบเล่นตลก ให้เธอมาพบรักกับอาร์ต แทนที่จะเป็นพี่อ้น...ส่ายศีรษะไล่ความคิดอุบาทว์นั้นไป เธอไม่ควรคิดอะไรแบบนี้
พยายามเข้าใจในตัวสามี ผู้ชายรูปหล่อปากหวานอย่างเขา ดูไปก็เหมาะกันกับผู้หญิงสวยจัดแบบน้องมิ้นต์คนนั้น เธอเสียอีกที่ทั้งผอมบางทั้งขี้โรค เขาไม่น่ามาแต่งงานกับผู้หญิงน่าเบื่อแบบเธอเลย ก็ในเมื่อมีผู้ชายหล่อรวยอย่างเขาอุตส่าห์มาสนใจ บุญแค่ไหนแล้วที่เขายอมแต่งด้วย พฤติกรรมบางอย่างของสามีเธอจึงต้องอดทน
สองคนแสดงความใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวกันเหมือนเป็นคู่รัก ถึงพยายามจะไม่สนใจแต่ก็อดมองดูไม่ได้ ดูแล้วต้องกัดริมฝีปากล่าง ข่มกลั้นสะอื้นที่กำลังเอ่อล้นหัวอกออกมา ผัวใคร ๆ ก็หวง อยากเอะอะโวยวายเขาดูสักครั้งก็ไม่กล้า เกิดมายังไม่เคยด่าใครสักคน
เก็บมือถือให้พ้นสายตาคนที่ถือวิสาสะชะโงกหน้ามาดู แต่ไม่ทัน
"ดึกดื่นยังเที่ยวผับเที่ยวบาร์ แถมโพสต์โชว์หรา จะเกรงใจเมียสักนิดก็ไม่มี เมียนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่เคยดูดำดูดี พี่เขยเสียอีกกุลีกุจอ นั่น...นังมิ้นต์กิ๊กเค้านี่ ใช่ไหม ดูดู๊ เห็นตำหูตำตาแบบนี้ทุกวัน ชั้นไม่เข้าใจแกเลยจริง ๆ ว่าแกทนอยู่กับผัวคนนี้ได้ยังไง"
เพราะพี่สาวเห็นเข้าเสียก่อน หล่อนจึงตอกย้ำด้วยเสียงแหลม ๆ ให้เจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก เหลือบมองร่างในชุดเสื้อนอนตัวยาวแค่ครึ่งน่องผ่าหน้าติดกระดุมลายหมีสีชมพูเช่นเดียวกับของเธออย่างไม่พอใจ ก่อนปิดโทรศัพท์ลง ถึงจะห่วง แต่ไม่มีเสียละที่พี่สาวจะพูดจาปลอบโยน แสดงความเห็นใจ มีแต่ซ้ำเติมและยุให้เธอเลิกกับสามีเจ้าชู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
"หลงอะไรกับเจ้าอาร์ตมันนักหนา หน้าตาดีอยู่หรอก สะโอดสะองเหมือนพระเอกลิเก ไม่หล่อล่ำสูงสง่าแบบคุณรามของไอรีน หล่อจืด ๆ แบบนี้แกชอบเข้าไปได้ยังไง ทีแรกฉันนึกว่าแกจะลงเอยกับหล่อลูกครึ่งแบบเอริคเสียอีก เห็นตามเป็น FC เขาต้อย ๆ"
"ฮื้อ อย่าบ่นนักเลยน่า ที่พี่บอกนั่นมันพระเอกในนิยาย...นี่พี่นุ่น นิ่มขอให้มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้ให้มาบ่นนะ อาร์ตเค้าไปฉลองกับเพื่อนเค้าหรอก เห็นว่าถูกหวยรางวัลใหญ่ เลยพากันไปเลี้ยงเหล้า"
"จ้า...แม่นางเอกหนังไทย แม่คนใจบุญ เที่ยวบริจาคสามีให้ชาวบ้าน แล้วก็มานั่งตากยุงรอผัวทุกคืน เมื่อวานฉลองวันเกิดแมว วันนี้ฉลองถูกหวย พรุ่งนี้คงฉลองเมียใหม่เสียล่ะมั้ง"
"ไปนอนเหอะพี่นุ่น ขอนิ่มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ได้ไหม"
เจ็บปวดกับคำพูดพี่สาวเสียจนน้ำตาคลอ เลยออกปากบอกแล้วแลมองอย่างลืมเกรงใจ ไม่บ่อยครั้งที่ตนเองจะพูดตัดบทหล่อน เพราะมีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านี้ แม้พี่จะจู้จี้ขี้บ่นตามประสาสาวแก่ แต่ก็รู้ดีว่าเพราะรักน้องนักหนา
"ที่งี้ล่ะไล่ แกเป็นคนชวนฉันให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะเว้ย ฉันไม่ได้มาเอง ผัวประเภทไหนกัน ทิ้งเมียให้เฝ้าบ้านอยู่คนเดียวทุกคืนในบ้านกลางซอยเปลี่ยว ไม่ห่วงเมียสักนิด ฉันไม่อยากมาหรอก ขวางหูขวางตาไอ้น้องเขยเฮงซวย แต่อดห่วงแกไม่ได้นั่นแหละ พึ่งหายป่วย แล้วนี่ไง...เหมือนทำคุณบูชาโทษ วันหลังแกอยู่คนเดียวเลยนะ ฉันไม่มาแล้ว"
ต้องถอนใจยาวให้กับความเจ้าอารมณ์ของพี่สาว บทจะงอนขึ้นมาก็เอาเรื่อง วีนเหวี่ยงคนเป็นที่หนึ่ง เพราะอย่างนี้ถึงต้องครองตัวเป็นโสดมาตลอด แอบค่อนหล่อนในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมาหรอก เธอยอมพี่สาวเหมือนยอมสามีมาแต่ไหนแต่ไรและนี่พี่คงโกรธจัดถึงกับบอกว่าจะทิ้งเธอ ซึ่งต่อให้โกรธขนาดไหนก็ไม่เคยออกปากว่าจะทิ้งกันมาก่อน เรื่องมันก็น่าโมโหจริง ๆ พี่เธอเองไม่ได้พูดอะไรผิดสักคำ เป็นความจริงทุกอย่าง เพียงแต่เจ้าความจริงนั้นมันทำร้ายจิตใจน้องสาวตัวเองโดยที่คนพูดไม่รู้สึกตัว
"อย่าโกรธนิ่มเลย ขอโทษนะพี่ ไม่รักน้องแล้วเหรอคะถึงพูดแบบนี้ พี่ไม่อยู่เสียคน นิ่มก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจากใครนะ"
จึงเอ่ยขอโทษออกมาอย่างยอมจำนน ซึ่งพอเจอลูกอ้อนพี่สาวของเธอก็คลายสีหน้าลง แต่ยังมองค้อน
"เอาล่ะ ๆ เชิญแกนั่งรอผัวตัวดีของแกต่อไปเถอะ พอป่วยก็ฉันอีกแหละหอบหิ้วไปโรงพยาบาล ผัวแกตาซ้ายเขาก็ไม่แล"
แม้อ่อนลงแต่ยังไม่วายทิ้งท้ายให้เจ็บใจอยู่อีก
"นั่น...คงกลับมาแล้ว ฉันไปนอนล่ะ ไม่อยากเห็นหน้าคน... อ้อ น้ำส้มคั้นของแกกับเจ้าอาร์ตฉันจะเอามาวางไว้ให้ แกไปเปิดประตูรับผัวแกเถอะ"
เสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน นิ่มชะเง้อมอง อีกฝ่ายลุกขึ้นทันที บอกเร็ว ๆ ถึงสิ่งที่น้องสาวขอร้องให้ช่วยทำเพื่อเอาใจสามี นี่คือความใจกว้างใจดีของพี่สาว ต่อให้ปากร้ายยังไง ในใจก็หวังดีและคอยช่วยเหลือเธออยู่เสมอ เธอพยักหน้าให้ มองตามหลังพี่สาวที่เดินหายไปทางในครัว ก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูรับสามี
เมื่อเปิดประตูให้ก็เห็นสามียืนโงนเงนอยู่ข้างรถในโรงรถหน้าบ้าน พอเห็นเธอออกมายืนรอ เขาก็สาวเท้าโซเซมาหา ก้าวถึงตัวก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแล้วทำตาวาว กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง
"รอพี่เหรอจ๊ะเมียจ๋า"
นึกแปลกใจที่คืนนี้สามีทำตัวประหลาด เขาเรียกเธอเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ฟังแล้วทะแมง ๆ
"ไปงานเลี้ยงมาสนุกไหม" กลั้นใจถามเรียบ ๆ
"สนุก...แต่คิดถึงเมียคนดี...ที่พี่ชายฉันแอบชอบ" ถึงสะดุ้งกับคำพูดของเขา ความเมาหรือเปล่าที่พลั้งปากออกมา
"เมามากสิเนี่ย เข้าบ้านอาบน้ำแล้วเข้านอนกันเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีกนะ ไม่ใช่วันหยุด"
"แน่น๊อน...." เขาตอบเสียงดัง คว้าเอวเธอดึงเข้ามากอด...อ้อมกอดที่รัดอยู่แน่นเสียจนรู้สึกเจ็บ
"อย่าน่า ตรงนี้ประเจิดประเจ้อ รีบเข้าบ้านนะ เมามากจริง ๆ"
แม้นึกน้อยใจที่เขาไม่ถามถึงอาการเธอสักคำ ไม่คำนึงว่าเธอพึ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ประคองตัวเขาพาเข้าในบ้าน
เขามีท่าทางผิดปกติ นอกจากคำพูดเหมือนหาเรื่อง มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบเอวเธอ อีกข้างเริ่มลูบไล้ไปตามแก้มคาง ระเรื่อยมาถึงซอกคอ ก่อนล้วงควักเข้าไปภายใต้คอเสื้อ
"อย่าน่า..."
มันผิดปกติจริงด้วยที่เขาทำเหมือนพิศวาสเธอในคืนนี้ เพราะก่อนหน้าก็เห็นทอดทิ้งเป็นเดือน ๆ หันไปหลงใหลกับบทรักของสาวอื่น น้ำพริกถ้วยเก่าจึงถูกปล่อยทิ้งคาถ้วย ไม่เหลียวแลมากินเหมือนเก่านานแล้ว
"อายอะไร อยู่กันสองคนในบ้าน ใครจะมาเห็น อย่าทำสะดีดสะดิ้งหน่อยเลยน่า เดี๋ยวได้หมดอารมณ์ อดกันพอดี ฉันจะรักกับเมียมันตรงนี้แหละ ใครจะมาสอดรู้สอดเห็นก็ช่างหัวมัน..."
พอพากันเดินมาถึงเก้าอี้นวมตัวยาวในห้องรับแขก เขาก็บอกเสียงดังพร้อมกดตัวเธอให้นอนลง นิ่มตกใจ ขืนตัวเองเอาไว้ นึกอยากต่อต้านเขาขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เพราะอาร์ตไม่รู้ว่าพี่นุ่นมาอยู่เป็นเพื่อน ถึงได้รุ่มร่ามเอาแบบนี้
"เดี๋ยว...ดื่มน้ำส้มคั้นเย็น ๆ ให้หายเมาก่อนดีไหม จะได้สดชื่นขึ้น"
พยายามหน่วงเหนี่ยวเวลา เพื่อหาทางชวนเขาให้เข้าห้องนอน แม้คืนนี้จะยอมตามใจ แต่ต้องไม่ใช่ตรงนี้...บนเก้าอี้นวมในห้องรับแขกนี่...
ตาเข้มคมคายที่เธอเคยหลงใหลตอนนี้หรี่ปรือ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเสียจนเวียนหัว รอยยิ้มแสยะติดตรงมุมปากพาให้ใจแป้ว...นี่เขาต้องการเธอเพราะรักหรือเพราะอยากจะสนองอารมณ์หวงก้างของตัวเองกันแน่ เขาส่งเสียง หึ ในลำคอ ทรุดลงนั่งเคียงก่อนคว้าแก้วน้ำส้มมาดื่มอั้ก ๆ รวดเดียวหมดแก้ว
"เอาล่ะ ฉันดื่มแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาสนุกกันเสียทีนะจ๊ะเมียจ๋า...."
หันไปคว้าตัวเธอมากอดก่อนซุกไซ้ซอกคอ วกกลับขึ้นมาถึงสองแก้ม ระดมจูบไปทั่วใบหน้าก่อนประกบปากบดขยี้ ไม่มีความอ่อนหวานนุ่มนวลอย่างคนมีความรัก ที่รับรู้มีเพียงความเจ็บปวดจากการบดเบียดริมฝีปากและเรียวฟันกัดขบ อีกแรงบีบเคล้นใต้ร่มผ้าที่เขาสอดมือซุก อยากขัดขืนทว่าไร้เรี่ยวแรงต่อต้านจากอาการเจ็บป่วยที่หลงเหลืออยู่ ได้แต่ครางอืออาอย่างหมดทาง...
ฉับพลัน! ราวหุ่นยนต์ถูกกดปิดสวิทซ์ ร่างสูงหยุดการเคลื่อนไหว ศีรษะเขาตกพับอยู่กับซอกคอเธอ มือเหมือนหนวดปลาหมึกหยุดซุกซน หล่นร่วงผล็อยตกลงข้างตัว...เกิดอะไรขึ้น
"ฟาดมาจนเปรอะที่ข้างนอกนั่น อย่าฝันว่าจะกลับมากินของตายในรังได้อีก"
เสียงแหลมของพี่นุ่นดังขึ้น นิ่มยันร่างสูงที่ซบอยู่กับตัวออกแล้วดันให้ล้มลงนอนยาวบนเก้าอี้ สายตามองพี่สาวอย่างนึกขอบใจ
"พี่ใส่อะไรลงในน้ำส้มใช่ไหม"
"เออ...ยานอนหลับชนิดสุดแรงของฉันเอง ทุกครั้งที่รู้สึกว่าเจ้าอาร์ตมันจะยุ่งกับเธอ ฉันจะจัดการมัน...ถ้าหิวนักก็ให้ออกไปหากินข้างนอก เรื่องอะไรจะมีผัวร่วมกันกับนังมิ้นต์ แกทนได้ยังไง ฉันจะทำแบบนี้จนกว่ามันจะคิดได้แล้วเลิกหาเศษหาเลย"
หญิงสาวบนเก้าอี้ยาวพูดเสียแหลมสลับกับเสียงแผ่วอ่อย ๆ อยู่เพียงลำพัง ในขณะที่ฝ่ายชายนอนสลบไสลอยู่ข้าง ๆ
"ส่วนนังนั่นถ้าไม่เลิกยุ่งกับผัวแก เดี๋ยวฉันจัดการมันเอง...แกไปนอนซะ ทิ้งมันให้นอนตากยุงอยู่ที่นี่แหละ"
ร่างบอบบางลุกขึ้นยืน พูดเสียงแหลมกับตัวเอง ท่าทางอ่อนแรงดูเปลี่ยนไปเหมือนแข็งแรงขึ้น เธอทำท่าเหมือนกำลังกอดคอใครอีกคนทั้งที่ข้างตัวว่างเปล่า ก่อนก้าวเท้าออกเดินผละจากร่างไร้สติของสามีไปอย่างไม่ใยดี
จบ
#ขอบคุณนิยายม่านเสน่หาของคุณเปรียว sixty one ซึ่งเป็นต้นเรื่องค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ่านบทก่อนหน้านั้นแล้วอินค่ะ ขอเขียนนิ่มตามแบบลินิดนุงนะคะ อิอิ#
ม่านเสน่หาภาคพิศดาร ตอน ม่านสลับสี
โดย...ลิเอง
"จะตีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะทนนั่งหลังแข็งรอผัวอยู่ตรงนี้จริง ๆ เหรอ ยัยนิ่ม แกพึ่งหายป่วยนะ"
หญิงสาวร่างบอบบางบนเก้าอี้นวมในห้องรับแขก เงยหน้าขึ้นมองคนทักที่ขึ้นเสียงสูงถามเธอแวบหนึ่ง ก่อนเลื่อนสายตากลับไปจ้องโทรศัพท์อย่างเก่า ทำท่าไม่สนใจเสียงทักแหลมปรี๊ดนั้น ซึ่งที่จริงแล้วมันเข้าไปบาดทั้งหูบาดทั้งใจ แม้ว่าจะเป็นคำถามแฝงความห่วงใยจากพี่สาวคนเดียวที่เธอรักและเคารพก็เถอะ
"ก็รอเหมือนทุกคืนนั่นละ เขาจะกลับบ้านประมาณตีหนึ่ง...แล้วพี่นุ่นป่านนี้ทำไมยังไม่นอน ลุกมาทำไมอีกล่ะ"
ตอบคนทักทั้งสายตาหม่นหมองยังจ้องติดอยู่กับรูปภาพพร้อมข้อความในสื่อออนไลน์ที่ถืออยู่ เลยเที่ยงคืนมานาน...ป่านนี้อาร์ตก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน หน้าไลน์ถึงเธอนิ่งสนิท แต่ในเฟสของเขาโพสต์ว่า เขากำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับบรรดาเพื่อนฝูงและ...ผู้หญิงคนนั้น เจ้าของผับแสนสวยที่ชื่อน้องมิ้นต์
ชายผู้เป็นสามีของเธอกำลังชูแก้วไวน์ในมือให้กล้อง โดยมีใบหน้าของน้องมิ้นต์แนบติดชิดใกล้ สาวคนนั้นอยู่ในชุดวาบหวิว โชว์เนื้อตัวอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย รูปร่างเซ็กซี่ของหล่อนแม้ผู้หญิงด้วยกันยังต้องมอง จึงไม่สงสัยเลยที่สามีของเธอก็ไม่อยู่ในข้อยกเว้น
เมื่อวานซืนเธอเกิดวูบจากสาเหตุเดิม ๆ คือเลือดจางจนอ่อนแอ พี่เขยของเธอใจดี ช่วยพาส่งโรงพยาบาล ในขณะที่คนเป็นสามีตามมาดูอาการตอนเช้าวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตอนบ่ายเขาไม่ว่าง ต้องไปงานเลี้ยงของเพื่อนผู้โชคดี ถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลใหญ่หลังเลี้ยงเลขนี้มานาน พอเธอท้วงว่าต้องออกจากโรงพยาบาลบ่ายนี้ เขาก็วานให้พี่อ้น พี่ชายตัวเองช่วยเป็นธุระจัดการให้ พี่เขยทำให้ทุกอย่างทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับช่วยพามาส่งบ้านเสร็จสรรพ...
เธอแอบเกรงใจ อยากปฏิเสธแต่เห็นประกายยินดีในดวงตาพี่เขยก็ต้องลอบถอนใจ โธ่เอ๋ย...ทำไมฟ้าดินชอบเล่นตลก ให้เธอมาพบรักกับอาร์ต แทนที่จะเป็นพี่อ้น...ส่ายศีรษะไล่ความคิดอุบาทว์นั้นไป เธอไม่ควรคิดอะไรแบบนี้
พยายามเข้าใจในตัวสามี ผู้ชายรูปหล่อปากหวานอย่างเขา ดูไปก็เหมาะกันกับผู้หญิงสวยจัดแบบน้องมิ้นต์คนนั้น เธอเสียอีกที่ทั้งผอมบางทั้งขี้โรค เขาไม่น่ามาแต่งงานกับผู้หญิงน่าเบื่อแบบเธอเลย ก็ในเมื่อมีผู้ชายหล่อรวยอย่างเขาอุตส่าห์มาสนใจ บุญแค่ไหนแล้วที่เขายอมแต่งด้วย พฤติกรรมบางอย่างของสามีเธอจึงต้องอดทน
สองคนแสดงความใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวกันเหมือนเป็นคู่รัก ถึงพยายามจะไม่สนใจแต่ก็อดมองดูไม่ได้ ดูแล้วต้องกัดริมฝีปากล่าง ข่มกลั้นสะอื้นที่กำลังเอ่อล้นหัวอกออกมา ผัวใคร ๆ ก็หวง อยากเอะอะโวยวายเขาดูสักครั้งก็ไม่กล้า เกิดมายังไม่เคยด่าใครสักคน
เก็บมือถือให้พ้นสายตาคนที่ถือวิสาสะชะโงกหน้ามาดู แต่ไม่ทัน
"ดึกดื่นยังเที่ยวผับเที่ยวบาร์ แถมโพสต์โชว์หรา จะเกรงใจเมียสักนิดก็ไม่มี เมียนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่เคยดูดำดูดี พี่เขยเสียอีกกุลีกุจอ นั่น...นังมิ้นต์กิ๊กเค้านี่ ใช่ไหม ดูดู๊ เห็นตำหูตำตาแบบนี้ทุกวัน ชั้นไม่เข้าใจแกเลยจริง ๆ ว่าแกทนอยู่กับผัวคนนี้ได้ยังไง"
เพราะพี่สาวเห็นเข้าเสียก่อน หล่อนจึงตอกย้ำด้วยเสียงแหลม ๆ ให้เจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก เหลือบมองร่างในชุดเสื้อนอนตัวยาวแค่ครึ่งน่องผ่าหน้าติดกระดุมลายหมีสีชมพูเช่นเดียวกับของเธออย่างไม่พอใจ ก่อนปิดโทรศัพท์ลง ถึงจะห่วง แต่ไม่มีเสียละที่พี่สาวจะพูดจาปลอบโยน แสดงความเห็นใจ มีแต่ซ้ำเติมและยุให้เธอเลิกกับสามีเจ้าชู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
"หลงอะไรกับเจ้าอาร์ตมันนักหนา หน้าตาดีอยู่หรอก สะโอดสะองเหมือนพระเอกลิเก ไม่หล่อล่ำสูงสง่าแบบคุณรามของไอรีน หล่อจืด ๆ แบบนี้แกชอบเข้าไปได้ยังไง ทีแรกฉันนึกว่าแกจะลงเอยกับหล่อลูกครึ่งแบบเอริคเสียอีก เห็นตามเป็น FC เขาต้อย ๆ"
"ฮื้อ อย่าบ่นนักเลยน่า ที่พี่บอกนั่นมันพระเอกในนิยาย...นี่พี่นุ่น นิ่มขอให้มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้ให้มาบ่นนะ อาร์ตเค้าไปฉลองกับเพื่อนเค้าหรอก เห็นว่าถูกหวยรางวัลใหญ่ เลยพากันไปเลี้ยงเหล้า"
"จ้า...แม่นางเอกหนังไทย แม่คนใจบุญ เที่ยวบริจาคสามีให้ชาวบ้าน แล้วก็มานั่งตากยุงรอผัวทุกคืน เมื่อวานฉลองวันเกิดแมว วันนี้ฉลองถูกหวย พรุ่งนี้คงฉลองเมียใหม่เสียล่ะมั้ง"
"ไปนอนเหอะพี่นุ่น ขอนิ่มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ได้ไหม"
เจ็บปวดกับคำพูดพี่สาวเสียจนน้ำตาคลอ เลยออกปากบอกแล้วแลมองอย่างลืมเกรงใจ ไม่บ่อยครั้งที่ตนเองจะพูดตัดบทหล่อน เพราะมีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านี้ แม้พี่จะจู้จี้ขี้บ่นตามประสาสาวแก่ แต่ก็รู้ดีว่าเพราะรักน้องนักหนา
"ที่งี้ล่ะไล่ แกเป็นคนชวนฉันให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะเว้ย ฉันไม่ได้มาเอง ผัวประเภทไหนกัน ทิ้งเมียให้เฝ้าบ้านอยู่คนเดียวทุกคืนในบ้านกลางซอยเปลี่ยว ไม่ห่วงเมียสักนิด ฉันไม่อยากมาหรอก ขวางหูขวางตาไอ้น้องเขยเฮงซวย แต่อดห่วงแกไม่ได้นั่นแหละ พึ่งหายป่วย แล้วนี่ไง...เหมือนทำคุณบูชาโทษ วันหลังแกอยู่คนเดียวเลยนะ ฉันไม่มาแล้ว"
ต้องถอนใจยาวให้กับความเจ้าอารมณ์ของพี่สาว บทจะงอนขึ้นมาก็เอาเรื่อง วีนเหวี่ยงคนเป็นที่หนึ่ง เพราะอย่างนี้ถึงต้องครองตัวเป็นโสดมาตลอด แอบค่อนหล่อนในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมาหรอก เธอยอมพี่สาวเหมือนยอมสามีมาแต่ไหนแต่ไรและนี่พี่คงโกรธจัดถึงกับบอกว่าจะทิ้งเธอ ซึ่งต่อให้โกรธขนาดไหนก็ไม่เคยออกปากว่าจะทิ้งกันมาก่อน เรื่องมันก็น่าโมโหจริง ๆ พี่เธอเองไม่ได้พูดอะไรผิดสักคำ เป็นความจริงทุกอย่าง เพียงแต่เจ้าความจริงนั้นมันทำร้ายจิตใจน้องสาวตัวเองโดยที่คนพูดไม่รู้สึกตัว
"อย่าโกรธนิ่มเลย ขอโทษนะพี่ ไม่รักน้องแล้วเหรอคะถึงพูดแบบนี้ พี่ไม่อยู่เสียคน นิ่มก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจากใครนะ"
จึงเอ่ยขอโทษออกมาอย่างยอมจำนน ซึ่งพอเจอลูกอ้อนพี่สาวของเธอก็คลายสีหน้าลง แต่ยังมองค้อน
"เอาล่ะ ๆ เชิญแกนั่งรอผัวตัวดีของแกต่อไปเถอะ พอป่วยก็ฉันอีกแหละหอบหิ้วไปโรงพยาบาล ผัวแกตาซ้ายเขาก็ไม่แล"
แม้อ่อนลงแต่ยังไม่วายทิ้งท้ายให้เจ็บใจอยู่อีก
"นั่น...คงกลับมาแล้ว ฉันไปนอนล่ะ ไม่อยากเห็นหน้าคน... อ้อ น้ำส้มคั้นของแกกับเจ้าอาร์ตฉันจะเอามาวางไว้ให้ แกไปเปิดประตูรับผัวแกเถอะ"
เสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน นิ่มชะเง้อมอง อีกฝ่ายลุกขึ้นทันที บอกเร็ว ๆ ถึงสิ่งที่น้องสาวขอร้องให้ช่วยทำเพื่อเอาใจสามี นี่คือความใจกว้างใจดีของพี่สาว ต่อให้ปากร้ายยังไง ในใจก็หวังดีและคอยช่วยเหลือเธออยู่เสมอ เธอพยักหน้าให้ มองตามหลังพี่สาวที่เดินหายไปทางในครัว ก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูรับสามี
เมื่อเปิดประตูให้ก็เห็นสามียืนโงนเงนอยู่ข้างรถในโรงรถหน้าบ้าน พอเห็นเธอออกมายืนรอ เขาก็สาวเท้าโซเซมาหา ก้าวถึงตัวก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแล้วทำตาวาว กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง
"รอพี่เหรอจ๊ะเมียจ๋า"
นึกแปลกใจที่คืนนี้สามีทำตัวประหลาด เขาเรียกเธอเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ฟังแล้วทะแมง ๆ
"ไปงานเลี้ยงมาสนุกไหม" กลั้นใจถามเรียบ ๆ
"สนุก...แต่คิดถึงเมียคนดี...ที่พี่ชายฉันแอบชอบ" ถึงสะดุ้งกับคำพูดของเขา ความเมาหรือเปล่าที่พลั้งปากออกมา
"เมามากสิเนี่ย เข้าบ้านอาบน้ำแล้วเข้านอนกันเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีกนะ ไม่ใช่วันหยุด"
"แน่น๊อน...." เขาตอบเสียงดัง คว้าเอวเธอดึงเข้ามากอด...อ้อมกอดที่รัดอยู่แน่นเสียจนรู้สึกเจ็บ
"อย่าน่า ตรงนี้ประเจิดประเจ้อ รีบเข้าบ้านนะ เมามากจริง ๆ"
แม้นึกน้อยใจที่เขาไม่ถามถึงอาการเธอสักคำ ไม่คำนึงว่าเธอพึ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ประคองตัวเขาพาเข้าในบ้าน
เขามีท่าทางผิดปกติ นอกจากคำพูดเหมือนหาเรื่อง มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบเอวเธอ อีกข้างเริ่มลูบไล้ไปตามแก้มคาง ระเรื่อยมาถึงซอกคอ ก่อนล้วงควักเข้าไปภายใต้คอเสื้อ
"อย่าน่า..."
มันผิดปกติจริงด้วยที่เขาทำเหมือนพิศวาสเธอในคืนนี้ เพราะก่อนหน้าก็เห็นทอดทิ้งเป็นเดือน ๆ หันไปหลงใหลกับบทรักของสาวอื่น น้ำพริกถ้วยเก่าจึงถูกปล่อยทิ้งคาถ้วย ไม่เหลียวแลมากินเหมือนเก่านานแล้ว
"อายอะไร อยู่กันสองคนในบ้าน ใครจะมาเห็น อย่าทำสะดีดสะดิ้งหน่อยเลยน่า เดี๋ยวได้หมดอารมณ์ อดกันพอดี ฉันจะรักกับเมียมันตรงนี้แหละ ใครจะมาสอดรู้สอดเห็นก็ช่างหัวมัน..."
พอพากันเดินมาถึงเก้าอี้นวมตัวยาวในห้องรับแขก เขาก็บอกเสียงดังพร้อมกดตัวเธอให้นอนลง นิ่มตกใจ ขืนตัวเองเอาไว้ นึกอยากต่อต้านเขาขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เพราะอาร์ตไม่รู้ว่าพี่นุ่นมาอยู่เป็นเพื่อน ถึงได้รุ่มร่ามเอาแบบนี้
"เดี๋ยว...ดื่มน้ำส้มคั้นเย็น ๆ ให้หายเมาก่อนดีไหม จะได้สดชื่นขึ้น"
พยายามหน่วงเหนี่ยวเวลา เพื่อหาทางชวนเขาให้เข้าห้องนอน แม้คืนนี้จะยอมตามใจ แต่ต้องไม่ใช่ตรงนี้...บนเก้าอี้นวมในห้องรับแขกนี่...
ตาเข้มคมคายที่เธอเคยหลงใหลตอนนี้หรี่ปรือ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเสียจนเวียนหัว รอยยิ้มแสยะติดตรงมุมปากพาให้ใจแป้ว...นี่เขาต้องการเธอเพราะรักหรือเพราะอยากจะสนองอารมณ์หวงก้างของตัวเองกันแน่ เขาส่งเสียง หึ ในลำคอ ทรุดลงนั่งเคียงก่อนคว้าแก้วน้ำส้มมาดื่มอั้ก ๆ รวดเดียวหมดแก้ว
"เอาล่ะ ฉันดื่มแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาสนุกกันเสียทีนะจ๊ะเมียจ๋า...."
หันไปคว้าตัวเธอมากอดก่อนซุกไซ้ซอกคอ วกกลับขึ้นมาถึงสองแก้ม ระดมจูบไปทั่วใบหน้าก่อนประกบปากบดขยี้ ไม่มีความอ่อนหวานนุ่มนวลอย่างคนมีความรัก ที่รับรู้มีเพียงความเจ็บปวดจากการบดเบียดริมฝีปากและเรียวฟันกัดขบ อีกแรงบีบเคล้นใต้ร่มผ้าที่เขาสอดมือซุก อยากขัดขืนทว่าไร้เรี่ยวแรงต่อต้านจากอาการเจ็บป่วยที่หลงเหลืออยู่ ได้แต่ครางอืออาอย่างหมดทาง...
ฉับพลัน! ราวหุ่นยนต์ถูกกดปิดสวิทซ์ ร่างสูงหยุดการเคลื่อนไหว ศีรษะเขาตกพับอยู่กับซอกคอเธอ มือเหมือนหนวดปลาหมึกหยุดซุกซน หล่นร่วงผล็อยตกลงข้างตัว...เกิดอะไรขึ้น
"ฟาดมาจนเปรอะที่ข้างนอกนั่น อย่าฝันว่าจะกลับมากินของตายในรังได้อีก"
เสียงแหลมของพี่นุ่นดังขึ้น นิ่มยันร่างสูงที่ซบอยู่กับตัวออกแล้วดันให้ล้มลงนอนยาวบนเก้าอี้ สายตามองพี่สาวอย่างนึกขอบใจ
"พี่ใส่อะไรลงในน้ำส้มใช่ไหม"
"เออ...ยานอนหลับชนิดสุดแรงของฉันเอง ทุกครั้งที่รู้สึกว่าเจ้าอาร์ตมันจะยุ่งกับเธอ ฉันจะจัดการมัน...ถ้าหิวนักก็ให้ออกไปหากินข้างนอก เรื่องอะไรจะมีผัวร่วมกันกับนังมิ้นต์ แกทนได้ยังไง ฉันจะทำแบบนี้จนกว่ามันจะคิดได้แล้วเลิกหาเศษหาเลย"
หญิงสาวบนเก้าอี้ยาวพูดเสียแหลมสลับกับเสียงแผ่วอ่อย ๆ อยู่เพียงลำพัง ในขณะที่ฝ่ายชายนอนสลบไสลอยู่ข้าง ๆ
"ส่วนนังนั่นถ้าไม่เลิกยุ่งกับผัวแก เดี๋ยวฉันจัดการมันเอง...แกไปนอนซะ ทิ้งมันให้นอนตากยุงอยู่ที่นี่แหละ"
ร่างบอบบางลุกขึ้นยืน พูดเสียงแหลมกับตัวเอง ท่าทางอ่อนแรงดูเปลี่ยนไปเหมือนแข็งแรงขึ้น เธอทำท่าเหมือนกำลังกอดคอใครอีกคนทั้งที่ข้างตัวว่างเปล่า ก่อนก้าวเท้าออกเดินผละจากร่างไร้สติของสามีไปอย่างไม่ใยดี
#ขอบคุณนิยายม่านเสน่หาของคุณเปรียว sixty one ซึ่งเป็นต้นเรื่องค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ #