ขออนุญาติเล่าถึง พี่ตุ้ม ผุสชา โทณะวนิค ที่ผู้เขียนรู้จักมายาวนานหลายปี
กับเรื่อง หนังสือของคุณพ่อ ประทัง คุณพ่อของ พี่ตุ้มที่เสียชีวิตในวัย 90 กว่าปี
พี่ตุ้มเป็นผู้หญิงอารมณ์ละเอียด บวกความเป็นนักจัดการ เป็นนักเก็บข้อมูลและเป็นนักเล่าเรื่อง
เหมือนตอนน้องพายยังเด็ก พี่ตุ้มก็หยิบเรีองน่ารักๆของลูกมา'นินทาด้วยความรัก' เป็น พ๊อตเก๊ตบุ๊ค
พอเฟสบุ๊คเริ่มดัง พี่ตุ้ม ก็จัดการ
'ตามหาญาติ' ตระกูล โทณะวนิค โดยเธอจัดเป็น family tree สาวไปได้ถึงต้นตระกูล และไก้เกิดการรวมญาติและสายสกุลได้เป็นร้อยคน สะสมจากการทักผ่านเฟสบุ๊ค อะไรต่อมิอะไรไปบ้าง
จนมาหลายปีก่อน พี่ตุ้มเล่าว่า จะทำหนังสือให้คุณพ่อของเธอ
พี่ตุ้มบอกว่า ใช้วิธีคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วบันทึกเสียงของคุณพ่อไว้ แล้วเธอก็มาแกะ มาเรียบเรียง ร้อยเรื่องเป็นเรื่องสั้นแต่ละช่วงตอนของชีวิต ช่วยกันหาภาพให้ตรงกับเรีองแต่ละช่วง จัดรูปเล่ม ทำกับพี่น้องและพีอ๊อด จนออกมาเป็น หนังสือพ๊อกเกตบุ๊คเล่มสวยให้ไปเซอร์ไพรซ์คุณพ่อ
'คุณพ่อดีใจ น้ำตาไหลเลย' พี่ตุ้มบอก แล้วก็หยิบหนังสือเล่มนี้มาให้เพื่อนๆดู ในเล่ม ยังมีรอยมือของคุณพ่อประทัง เขียนแก้หรือเติมคำเอาไว้ด้วย
เพีอนถามว่าจะพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงไหม พี่ตุ้มยังลังเล แต่คิดว่าคงไม่ เพราะได้พิมพ์ในคราวที่แล้วให้พี่ๆน้องๆ ไปแล้ว สามสิบกว่าล่ม
และที่สำคัญ คุณพ่อ เจ้าของชีวิตที่ถูกถ่ายทอดออกมานี้ ท่านได้อ่าน ได้ชื่นชมแล้วด้วยตัวเอง


หนังสือแจกงานศพ ทำเมื่อผู้ตายไม่ได้อ่าน ทำเพีอเป็นมรณานุสติสำหรับคนที่ยังอยู่
แต่มีหลายครั้ง เชื่อว่า หลายคนรับหนังสือแจกมาแล้วไปทิ้งขว้างไม่ได้อ่าน และไม่รู้จะเก็บไว้ไหน
ของแจกงานศพ จึงกลายเป็นหนังสือสวดมนต์ ยาหอมยาหม่องแก้ว เพราะจะได้ประโยชน์กว่า
และไม่ต้องห่วง ว่ารูปคนที่เรารักบนหนังสือนี้ จะไปตกในถังขยะที่ไหน
ทำให้คิดไปถึง เพือนของคุณแม่ผู้เขียนเอง ที่ท่านตามเราไปหาตอนท่านอยู่โรงพยาบาลปลายปีก่อน บอกว่า อยากสร้างละครสั้นประวัติชีวิตท่านเองไว้ให้ลูกหลานดู และไว้ฉายในงานศพท่าน
'อา อยากเห็นก่อนตาย อาอยากเล่าอะไรไว้ให้รุ่นลูกหลานรู้ อาจะทำไว้'
คุณอา เล่าเรื่องชีวิตไว้เพียง สองวัน จากนั้นอาการทรุด และจากไปในที่สุด...โดยไม่ได้เห็น สิ่งที่ตั้งใจ
เราเอง เสียดายมาก ที่คุณพ่อคุณแม่ชิงหนีไปสวรรค์ ก่อนที่เราจะรู้คิดในชีวิต จึงขาดโอกาส
ช่วงเวลาที่มีความสุข ที่ได้นั่งพูดคุย รับฟัง เรืองราวชีวิตของคุณพ่อคุณแม่อย่างละเอียด และบันทึกเป็นความทรงจำ อย่างที่พี่ตุ้มทำ
ที่สำคัญ คือโอกาสการมอบความสุขให้คุณพ่อคุณแม่ ได้คุยกับท่าน ให้ท่านได้อ่าน ได้เห็น ได้รำลึกถึงชีวิตที่ผ่านเรืรองราวมากมายของท่าน สิ่งที่ท่านอยากบอกต่อ เรื่องราวที่กลายเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานรู้
ขออนุญาติเล่าเรืองของพี่ตุ้ม
เพือเชียร์ให้คนที่ยังมีพ่อมีแม่ ได้นั่งคุย ฟังเรืองราวชีวิตของท่าน เก็บวินาทีที่มีความสุขที่นั่งคุยกัน
หรือบางท่าน อาจจะเกิดแรงใจเขียนบันทึกเรื่องเล่าให้ลูกหลานไว้
เพือ..ทำเองไว้เลย
ได้เห็น ได้อ่าน พิสูจน์อักษร หารูปไว้เองเลย
.... ก่อนจากไป

พี่ตุ้มกรุณามาเขียนเล่าต่อว่า..
เหตุมันเกิดจากครั้งที่คุณแม่ของพีตุ้มเสียเมื่อหลายปีก่อน วันนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจที่สูญเสียคุณแม่ และเมื่อจะทำหนังสือเล่าประวัติคุณแม่แจกในงาน ก็ยิ่งเสียใจที่ตัวเองไม่เคยจด ไม่เคยจำ ไม่เคยรู้ประวัติ หรือ รู้เรื่องราวของแม่ตัวเองอย่างจริงๆจังเลย แม้จะเข็นหนังสือออกมาจนได้ แต่ความเจ็บใจตัวเองก็ยังคงมีอยู่.
ดังนั้น จึงคิดว่า หนังสืองานศพ คนจากไปก็ไม่เคยได้อ่าน ข้อมูลอาจจะผิด แต่ใครจะรู้ ใครจะมาแก้ให้.
จึงมาแก้ตัว งั้นฉันจะทำหนังสือให้คุณพ่อได้อ่าน ให้ท่านได้เห็น ได้ชื่นใจที่รู้ว่าลูกสนใจเรื่องราวของพ่อ
พี่ตุ้มจึงแอบอัดเทป ชวนพ่อเล่าโน่นนี่ ทำอยู่หลายเดือน แล้วมาแกะเทป นำเรื่องมาปะติดปะต่อ แล้วก็หารูปเก่าๆมาประกอบ จัดทำอาร์ตเวอร์ค่ะง่ายๆ แล้วก็จ้างน้องคนหนึ่งช่วยจัดอีกทีให้สวยงาม เสร็จแล้วก็เอาไปพิมพ์ดิจิตัล
เป็นหนังสือพิมพ์สีสวยงามที่มีเพียงไม่กี่เล่ม

พี่เอาหน้งสือใส่กล่องผูกโบว์มอบให้พ่อเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อท่านอายุ 85 ปี
เมื่อเห็นหนังสือ พ่อถึงกับน้ำตาไหล พ่อดีใจมาก อ่านหนังสือเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า อ่านอย่างมีความสุข ตรงไหนผิดพ่อก็แก้ไข
คุณพ่อเพิ่งจากไปด้วยอายุ 94 ปี หลังจากที่พี่ทำหนังสือให้ท่านถึง 9 ปี
พี่คงไม่ได้พิมพ์หนังสือของพ่อเพื่อแจกในงานพระราชทานเพลิงศพคุณพ่อค่ะ
แต่พี่ก็ดีใจแล้ว ที่พี่ได้ทำสิ่งที่ลูกควรทำค่ะ
หนังสืองานศพ ..สำหรับใคร..เมื่อวันที่เจ้าตัวจากไป..
กับเรื่อง หนังสือของคุณพ่อ ประทัง คุณพ่อของ พี่ตุ้มที่เสียชีวิตในวัย 90 กว่าปี
พี่ตุ้มเป็นผู้หญิงอารมณ์ละเอียด บวกความเป็นนักจัดการ เป็นนักเก็บข้อมูลและเป็นนักเล่าเรื่อง
เหมือนตอนน้องพายยังเด็ก พี่ตุ้มก็หยิบเรีองน่ารักๆของลูกมา'นินทาด้วยความรัก' เป็น พ๊อตเก๊ตบุ๊ค
พอเฟสบุ๊คเริ่มดัง พี่ตุ้ม ก็จัดการ
'ตามหาญาติ' ตระกูล โทณะวนิค โดยเธอจัดเป็น family tree สาวไปได้ถึงต้นตระกูล และไก้เกิดการรวมญาติและสายสกุลได้เป็นร้อยคน สะสมจากการทักผ่านเฟสบุ๊ค อะไรต่อมิอะไรไปบ้าง
จนมาหลายปีก่อน พี่ตุ้มเล่าว่า จะทำหนังสือให้คุณพ่อของเธอ
พี่ตุ้มบอกว่า ใช้วิธีคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วบันทึกเสียงของคุณพ่อไว้ แล้วเธอก็มาแกะ มาเรียบเรียง ร้อยเรื่องเป็นเรื่องสั้นแต่ละช่วงตอนของชีวิต ช่วยกันหาภาพให้ตรงกับเรีองแต่ละช่วง จัดรูปเล่ม ทำกับพี่น้องและพีอ๊อด จนออกมาเป็น หนังสือพ๊อกเกตบุ๊คเล่มสวยให้ไปเซอร์ไพรซ์คุณพ่อ
'คุณพ่อดีใจ น้ำตาไหลเลย' พี่ตุ้มบอก แล้วก็หยิบหนังสือเล่มนี้มาให้เพื่อนๆดู ในเล่ม ยังมีรอยมือของคุณพ่อประทัง เขียนแก้หรือเติมคำเอาไว้ด้วย
เพีอนถามว่าจะพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงไหม พี่ตุ้มยังลังเล แต่คิดว่าคงไม่ เพราะได้พิมพ์ในคราวที่แล้วให้พี่ๆน้องๆ ไปแล้ว สามสิบกว่าล่ม
และที่สำคัญ คุณพ่อ เจ้าของชีวิตที่ถูกถ่ายทอดออกมานี้ ท่านได้อ่าน ได้ชื่นชมแล้วด้วยตัวเอง
หนังสือแจกงานศพ ทำเมื่อผู้ตายไม่ได้อ่าน ทำเพีอเป็นมรณานุสติสำหรับคนที่ยังอยู่
แต่มีหลายครั้ง เชื่อว่า หลายคนรับหนังสือแจกมาแล้วไปทิ้งขว้างไม่ได้อ่าน และไม่รู้จะเก็บไว้ไหน
ของแจกงานศพ จึงกลายเป็นหนังสือสวดมนต์ ยาหอมยาหม่องแก้ว เพราะจะได้ประโยชน์กว่า
และไม่ต้องห่วง ว่ารูปคนที่เรารักบนหนังสือนี้ จะไปตกในถังขยะที่ไหน
ทำให้คิดไปถึง เพือนของคุณแม่ผู้เขียนเอง ที่ท่านตามเราไปหาตอนท่านอยู่โรงพยาบาลปลายปีก่อน บอกว่า อยากสร้างละครสั้นประวัติชีวิตท่านเองไว้ให้ลูกหลานดู และไว้ฉายในงานศพท่าน
'อา อยากเห็นก่อนตาย อาอยากเล่าอะไรไว้ให้รุ่นลูกหลานรู้ อาจะทำไว้'
คุณอา เล่าเรื่องชีวิตไว้เพียง สองวัน จากนั้นอาการทรุด และจากไปในที่สุด...โดยไม่ได้เห็น สิ่งที่ตั้งใจ
เราเอง เสียดายมาก ที่คุณพ่อคุณแม่ชิงหนีไปสวรรค์ ก่อนที่เราจะรู้คิดในชีวิต จึงขาดโอกาส
ช่วงเวลาที่มีความสุข ที่ได้นั่งพูดคุย รับฟัง เรืองราวชีวิตของคุณพ่อคุณแม่อย่างละเอียด และบันทึกเป็นความทรงจำ อย่างที่พี่ตุ้มทำ
ที่สำคัญ คือโอกาสการมอบความสุขให้คุณพ่อคุณแม่ ได้คุยกับท่าน ให้ท่านได้อ่าน ได้เห็น ได้รำลึกถึงชีวิตที่ผ่านเรืรองราวมากมายของท่าน สิ่งที่ท่านอยากบอกต่อ เรื่องราวที่กลายเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานรู้
ขออนุญาติเล่าเรืองของพี่ตุ้ม
เพือเชียร์ให้คนที่ยังมีพ่อมีแม่ ได้นั่งคุย ฟังเรืองราวชีวิตของท่าน เก็บวินาทีที่มีความสุขที่นั่งคุยกัน
หรือบางท่าน อาจจะเกิดแรงใจเขียนบันทึกเรื่องเล่าให้ลูกหลานไว้
เพือ..ทำเองไว้เลย
ได้เห็น ได้อ่าน พิสูจน์อักษร หารูปไว้เองเลย
.... ก่อนจากไป
พี่ตุ้มกรุณามาเขียนเล่าต่อว่า..
เหตุมันเกิดจากครั้งที่คุณแม่ของพีตุ้มเสียเมื่อหลายปีก่อน วันนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจที่สูญเสียคุณแม่ และเมื่อจะทำหนังสือเล่าประวัติคุณแม่แจกในงาน ก็ยิ่งเสียใจที่ตัวเองไม่เคยจด ไม่เคยจำ ไม่เคยรู้ประวัติ หรือ รู้เรื่องราวของแม่ตัวเองอย่างจริงๆจังเลย แม้จะเข็นหนังสือออกมาจนได้ แต่ความเจ็บใจตัวเองก็ยังคงมีอยู่.
ดังนั้น จึงคิดว่า หนังสืองานศพ คนจากไปก็ไม่เคยได้อ่าน ข้อมูลอาจจะผิด แต่ใครจะรู้ ใครจะมาแก้ให้.
จึงมาแก้ตัว งั้นฉันจะทำหนังสือให้คุณพ่อได้อ่าน ให้ท่านได้เห็น ได้ชื่นใจที่รู้ว่าลูกสนใจเรื่องราวของพ่อ
พี่ตุ้มจึงแอบอัดเทป ชวนพ่อเล่าโน่นนี่ ทำอยู่หลายเดือน แล้วมาแกะเทป นำเรื่องมาปะติดปะต่อ แล้วก็หารูปเก่าๆมาประกอบ จัดทำอาร์ตเวอร์ค่ะง่ายๆ แล้วก็จ้างน้องคนหนึ่งช่วยจัดอีกทีให้สวยงาม เสร็จแล้วก็เอาไปพิมพ์ดิจิตัล
เป็นหนังสือพิมพ์สีสวยงามที่มีเพียงไม่กี่เล่ม
เมื่อเห็นหนังสือ พ่อถึงกับน้ำตาไหล พ่อดีใจมาก อ่านหนังสือเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า อ่านอย่างมีความสุข ตรงไหนผิดพ่อก็แก้ไข
คุณพ่อเพิ่งจากไปด้วยอายุ 94 ปี หลังจากที่พี่ทำหนังสือให้ท่านถึง 9 ปี
พี่คงไม่ได้พิมพ์หนังสือของพ่อเพื่อแจกในงานพระราชทานเพลิงศพคุณพ่อค่ะ
แต่พี่ก็ดีใจแล้ว ที่พี่ได้ทำสิ่งที่ลูกควรทำค่ะ