กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน เรียกได้ว่ากว่า 2 ปีค่ะ
หลังจากที่ลงกระทู้รีวิวแรกที่ญี่ปุ่นไป ระหว่างนี้คือตามจริงก็มีไปเที่ยวหลากหลายที่ในเอเชีย แต่!!!
ความขี้เกียจจริงๆค่ะ ที่ทำให้ไม่ได้เขียนรีวิวเลย จนกระทั่งเมื่อกลางมีนาที่ผ่านมา ได้มีโอกาส
ไปไต้หวัน เพื่อนๆหลายคนที่ไปมา มีการสครีมมากๆว่า "มันดีมากจริงๆอะแก" "มันคือญี่ปุ่นเว่อร์ชั่นประหยัด"
อีกมากมายหลายความคิดเห็นที่ออกไปในทางที่ชื่นชม ผนวกกับมันถึงช่วงเวลาอันดีที่เพื่อนอีก 1 สาว
อยากจะไปพอดี เอาวะ! ทริปไต้หวันคงต้องเกิดขึ้นแล้ว เติมเต็มความฝันวัยเด็กในการไปตามรอย
พี่ๆ เต้าหมิงซื่อ F4 วัยเด็กหน่อย (มัดแกละให้ได้ฟีลดั่งซันไช่แล้วก็ไปตะลุยไต้หวันกันเลย เย่!)
DAY1

(ในทริปนี้ใช้บริการของสายการบิน EVA Air คือดีมากๆคะ สุดประทับใจ แอร์สาวคนไทยบนเครื่องใจดี
ที่นั่งกว้าง หนังใหม่อัพเดท 3 ชั่วโมงบนเครื่องก็อยู่ได้อย่างเพลินๆจริงๆ)
เนื่องจากเดินทางออกจากไทยราวๆ 14:30 พอไปถึงไทเปก็ฟ้ามืดกันไปแล้ว ส่วนตัวก็หาข้อมูลจากในกระทู้ Pantip เช่นกัน
ได้ข่าวมาว่าไทเปมีการเปิดรถไฟ Express ที่เดินทางจาก Taoyuan ตรงไปถึง Taipei Station
ด้วยราคาลด 50% (มีถึงแค่มีนาเท่านั้นค่ะ)
จึงเลือกใช้บริการนี้เข้าไปในตัวเมืองค่ะ ใช้เวลาราวๆ 40 นาทีกว่าๆก็มาถึงตัวเมืองแล้ว
เรากับเพื่อนเลือกพัก Guest House แถวๆนั้นค่ะ ชื่อว่า
"Flip Flop in Garden"

>>
http://flipflophostel.com/garden/accomodation.html
ส่วนตัวทำเล การบริการและห้องดีมากๆค่ะ แต่ราคาก็แอบสูงนิดนึง นอนกับเพื่อนห้อง Private ก็ตกต่อคน คืน 1,000 นิดๆ
เขาบวกอาหารเช้าให้เรานะ แต่! "อาหารเช้าเขาคือ ไข่ มันหวาน ขนมปังแห้งๆ แบบแห้งมากๆ" แนะนำให้สาวกชาวไทย
ที่ชื่นชอบอาหารรสจัด พกซอสมะเขือเทศ พริกไทย เครื่องปรุงส่วนตัวติดไปก็จะดีมากค่ะ คือคนไต้หวันดูไม่กินรสจัดมาก
ไปขอซอสมีแค่เกลือกับพริกไทยแค่นั้นเองค่ะ (เสียใจ T^T)
สำหรับ Night แรกของเราก็ชิลๆ เดินเล่นรอบๆ Guesthouse คือ Guesthouse เราอยู่ฝั่งตรงข้าม MOCA Taipei เลย
อากาศช่วงที่ไปเย็นสบาย ออกหนาวนิดๆตอนกลางคืน เราก็จัดเครื่องดื่มเบาๆ Honey Beer ของไต้หวันหน่อยค่ะ

(หอมหวาน เอร็ดอร่อย อยากให้ชิมกันเหลือเกินค่ะ)
พร้อมกับมื้อ Dinner แรกอย่าง
Mala Yuanyang Hotpot
มันจะมีช่วงเวลากำหนดและราคามื้อกลางวันและกลางคืนจะต่างกันค่ะ
อย่าง Dinner ก็จะแพงหน่อย ตกแล้วก็คนละ 700 กว่า TWD ได้ คือน้ำซุปดังๆของเขาส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอร่อยอะไรขนาดนั้น
แต่ว่า เนื้อวัว ที่เขามีให้เราเลือกมากกว่า 8 ชนิดอะไรนั้นคือฟินลืมค่ะ นี้กินจนล้มวัวตายไปหลายตัวจริงๆอันนี้สุดค่ะ คุ้มมาก
กลัวร้านเขาปิดกิจการมากๆ
พิกัดสาขาที่ไปโดนมาค่ะ >>
(ใกล้ๆกับใต้ดิน ZhongShan Station)
และแล้วเราก็จบทริปวันแรกไปแบบชิลๆ
ปล.สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างสำหรับวันแรกคือ 7/11 ของไต้หวันค่ะ คือเขามีของญี่ปุ่นเกาหลี
ขนมอะไรที่เราติดใจมาจาก 2 ประเทศนี้มีที่นี้หมดเลยและที่เด็ดคือ ของเหล่านั้นสามารถซื้อได้ในราคาที่ใกล้เคียงกับราคา
ในประเทศนั้นๆ พูดเลยว่าไม่ได้ไปช็อปไหนเลยค่ะ จัดแต่ขนมคบเคี้ยวจาก 7/11 อย่างเดียวเลยค่ะ
DAY 2
ตื่นเช้าต้อนรับวันศุกร์ วันนี้แพลนค่อนข้างแน่น เริ่มกันที่ช่วงเช้ากับการไหว้พระขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกับ
วัดหลงซาน (Longshan Temple)

(ข้างนอกมองเข้าไปว่าสวยแล้ว บริเวณด้านในตัววัดก็สวยเช่นกัน)
วัดนี้ไปขอธูปได้ฟรีนะคะ แต่ถ้าอยากไหว้เพิ่ม ของไหว้อื่นๆก็จ่ายเพิ่มเติมเอา
คิดว่าวัดนี้อาจจะดังเรื่องความรักนะคะ ได้ยินคนญี่ปุ่นพูดกันหลายคน เลยจัดเครื่องรางความรักมาให้ตัวเอง 1 อัน
และสำหรับรุ่นน้องที่กำลังตามหาความรักกันอยู่ค่ะ (ถ้าได้คู่จริงจะรีบมาบอกเลยค่ะ 555)
จากวัดเราก็นั่งรถไฟกันต่อมาที่
ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market 台北漁市)
จำได้ว่าจากสถานีรถไฟเดินเรื่อยๆค่ะ ตัดสวนสาธารณะ ถ้าไม่รีบแล้วอากาศไม่ร้อนมาก ไม่นานเลยค่ะ
แล้วระหว่างก็ได้เห็นภาพครอบครัวชาวไต้หวัน คุณแม่พาลูกๆมาเดินเล่นวิ่งเล่นกัน น่ารักมากๆ มองดูก็เพลินดีค่ะ
ก่อนไปถึงตลาด เราจะผ่านตลาดสดสไตล์ Local ไปก่อน คือชอบมาก มันดูหลุดมาจากอีกสถานที่นิ่งเงียบๆของไทเป
ซึ่งเพียงแค่เลี้ยวเข้าซอยมาจะพบเจอกับความความวุ่นวายขั้นสุด แต่ก็มีสีสันในแบบของมัน รู้สึกเอนจอยมากๆ

(สบตาพ่อค้า แม่ค้า แถวนั้นไม่ได้นะคะ โดนเรียกไปซื้อของตลอดเลย 555)
พอเดินเข้ามาเรื่อยๆก็ถึงตลาดปลา ใครคออาหารทะเลสดๆ งานนี้ฟินลืมกันไปเลยค่ะ
ส่วนทางนี้ก็ขอแค่ฝากมื้ออาหารกลางวันราคาไม่แรงมากไว้ที่นี้แล้วกัน ซื้อข้าวกล่องหน้าปลาดิบมา
โดนไป 320 TWD ใครมีงบหนาที่นั้นก็มีให้เลือกทานหลากหลายราคามากๆคะ ระดับกลางๆไปจนถึงพรีเมี่ยม
จะกล้องจะนั่งร้าน หลากหลายมากๆ

(ถ้าซื้อแบบกล่องมา มันไม่มีที่นั่งนะคะ แต่ว่ายืนกินได้ ก็ได้อีกฟิลเหมือนกันค่ะ)
หลังจากท้องอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราตัดสินใจเดินค่ะ จากตลาดปลาไป Fine Art Museum Taipei
เราใช้แอพคู่ใจอย่าง Google Map ค่อยคลำทางกันไป
ก็ใช้เวลาราวๆ 40 นาทีด้วยการเดินเท้าค่ะ
ระหว่างทาง เราก็เดินกลิ่น ลมชมวิวไปเรื่อย แต่เอาจริงนะคะ ปวดเท้าในระดับนึงเลย
เรามีแวะนั่งตามสวนบ้าง ข้างทางบ้างเรื่อยๆ
แล้วก็ตอนมาไต้หวัน มีความฝันค่ะ คือชื่นชอบ F4 มากมายตอนเด็กๆเลยคิดว่า ถ้ามาถึงไต้หวันแล้ว
อย่างนึงที่เราอยากทำเลยคือ ร้องเพลง Meter Garden (หลิว ซิง หยี่) พอหาทำเลที่พอจะไม่ทำให้คนรอบข้าง
รำคาญได้แล้ว ก็รบกวนเพื่อนอัดคลิปพร้อมร้องเป็นที่ระลึกเอาไว้ 555 (ฟินมากจริงๆค่ะ)
Fine Art Museum Taipei

(มาถึงแล้วค่ะ)

(ราคาค่าตั๋วเข้าแค่ 30 TWD เองค่ะ)
สำหรับใครที่เอากระเป๋ามาสามารถ ฝากได้ 2 แบบนะคะ คือฝากไว้กับเคาเตอร์ข้างๆที่ขายตั๋วแล้วรับบัตรเลขฝาก
หรือลงไปชั้นใต้ดิน ใส่ตู่ล็อคเกอร์ก็ได้ตามสะดวกค่ะ

ตอนช่วงเราไป มีนิทรรศการ Faint Light Dark Shadow มีความดาร์ก มีความอินมากๆ
เราไม่ได้ไปเจอช่วงจัดนิทรรศการเยอะ แต่แค่อันนี้อันเดียวก็รู้สึกคุ้มค่าที่ได้มาค่ะ สถานที่ Fine Art เขามี Space และ แสง
ที่จัดได้ดีมาก แต่ละงานที่เราเดินดูมันดูดเราให้ไปจดจ่อกับตัวงานชิ้นนั้นมากๆ รู้สึกประทับใจจริงๆ

พอจบการเสพงานศิลป์เรียบร้อย เราตัดสินใจจะไปเดินเล่นตลาดกลางคืน ที่โด่งดังของไต้หวันกัน
แต่เนื่องจากเราเลือกที่จะเดินกันมาทั้งวันแล้ว เราเลยตัดสินใจจะไปนั่งพักผ่อน หย่อนขากันที่ คาเฟ่แห่งหนึ่ง
ใกล้ตลาดกลางคืนที่เราจะไปกัน ซึ่งคาเฟ่ที่พวกเราเลือกจะไปนั้นมีชื่อว่า
Good Studio Cafe
คาเฟ่แห่งนี้ภายในตกแต่งด้วยงานเพ้นท์ที่ออกแนวป่า มีภาพวาดตามกำแพงที่มีเอกลักษณ์โด่ดเด่น ด้วยภาพวาดของใบไม้ หรือสัตว์นกฟามิงโก ถือว่าเข้าไปแล้วได้ฟิลที่แตกต่างจากคาเฟ่สไตล์ loft หรือ industrial ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน

(มีงานเครื่องประทับและของเล็กๆน่ารักที่เป็นงานดีไซน์ของทางร้านด้วยค่ะ อยากได้นะ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงนิดนึงค่ะ)
ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมทริปก็ได้บอกไว้แล้วค่ะว่า พวกกาแฟและขนมตามคาเฟ่ที่ไต้หวันราคาค่อนข้างสูง

เราสั่ง Coffee Au Lait Brown Sugar Flavor (เพื่อนแนะนำว่าเมนูนี้ค่อนข้างดังค่ะ) ราคาสำหรับ Iced ก็ตั้ง 200 TWD เลยค่ะ
(ส่วนตัวเราว่าก็ราคาสูงกว่าพวกกาแฟทั่วไปนะ 555 รสชาติกลางๆ ไม่อร่อยมาก แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้นค่ะ)
เพื่อนสั่งของหวานมาด้วยกัน รสชาติกลางๆ คิดว่าน่าจะขายบรรยากาศนะ
แต่คือแค่มาที่คาเฟ่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วคะ คือแค่นั่งในร้านก็ได้ฟีลที่ดีมาก บาทิสต้า น่ารัก
พูดคุยและบริการอย่างเป็นกันเอง คือเราต้องการจะเข้าห้องน้ำแต่พอเปิดประตูทางไปห้องน้ำหาห้องน้ำไม่เจอ
เจอออฟฟิตคนนั่งเต็มเลย บาทิสต้าหนุ่มที่ร้านเห็นชะนีเด๋อๆอย่างเรา ยืนๆงงๆ หมุนไปมาอยู่ตรงนั้น
เขาก็เข้ามาถามว่าหาห้องน้ำใช่ไหม? คือมันอยู่ตรงซ้ายมือแบบต้องชะโงกไปดูครับ
(รู้สึกประทับใจและขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่น้องบาทิสต้ามาช่วยชะนีเด๋อจากการไม่ต้องอั๋นฉี่กลางร้าน 555)
พอเราได้พัก อัพรูป แรงขากลับมามีแรงอีกครั้งเราก็พร้อมที่จะตะลุยยามค่ำคืนกันต่อกับ ตลาดกลางคืนที่มีชื่อว่า
Shida Night Market

Shida Night Market เป็นตลาดกลางคืนย่านเด็กมหาลัยค่ะ (เพื่อนอยากมาเพราะอยากส่องเด็กหนุ่ม)
บริเวณตลาดก็จะมีร้านเสื้อผ้า ร้านรวง แฟชั่นที่อินเทรนด์มากๆ ออกแนวไปทางเกาหลีซะส่วนใหญ่
เนื่องจากทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมเงินมาเพื่อการช็อป ถึงกับประกาศกร้าวกับเพื่อนสาวเลยค่ะว่า
ครั้งหน้าเราจะกลับมาใหม่ เพื่อการช็อปปิ้งโดยเฉพาะ บอกเลยค่ะ ว่า 100 หมด 100 มี 1,000 หมด 1,000 จริงๆ
ย่านนี้สาวๆ ยากที่จะห้ามใจค่ะขอเตือน
[CR] พักนี้ที่ไต้หวัน Taipei,Taiwan (โบกมือลางาน สานฝันติ่งวัยเด็ก หลบร้อนขอหนาว)
กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน เรียกได้ว่ากว่า 2 ปีค่ะ
หลังจากที่ลงกระทู้รีวิวแรกที่ญี่ปุ่นไป ระหว่างนี้คือตามจริงก็มีไปเที่ยวหลากหลายที่ในเอเชีย แต่!!!
ความขี้เกียจจริงๆค่ะ ที่ทำให้ไม่ได้เขียนรีวิวเลย จนกระทั่งเมื่อกลางมีนาที่ผ่านมา ได้มีโอกาส
ไปไต้หวัน เพื่อนๆหลายคนที่ไปมา มีการสครีมมากๆว่า "มันดีมากจริงๆอะแก" "มันคือญี่ปุ่นเว่อร์ชั่นประหยัด"
อีกมากมายหลายความคิดเห็นที่ออกไปในทางที่ชื่นชม ผนวกกับมันถึงช่วงเวลาอันดีที่เพื่อนอีก 1 สาว
อยากจะไปพอดี เอาวะ! ทริปไต้หวันคงต้องเกิดขึ้นแล้ว เติมเต็มความฝันวัยเด็กในการไปตามรอย
พี่ๆ เต้าหมิงซื่อ F4 วัยเด็กหน่อย (มัดแกละให้ได้ฟีลดั่งซันไช่แล้วก็ไปตะลุยไต้หวันกันเลย เย่!)
ที่นั่งกว้าง หนังใหม่อัพเดท 3 ชั่วโมงบนเครื่องก็อยู่ได้อย่างเพลินๆจริงๆ)
เนื่องจากเดินทางออกจากไทยราวๆ 14:30 พอไปถึงไทเปก็ฟ้ามืดกันไปแล้ว ส่วนตัวก็หาข้อมูลจากในกระทู้ Pantip เช่นกัน
ได้ข่าวมาว่าไทเปมีการเปิดรถไฟ Express ที่เดินทางจาก Taoyuan ตรงไปถึง Taipei Station
ด้วยราคาลด 50% (มีถึงแค่มีนาเท่านั้นค่ะ)
จึงเลือกใช้บริการนี้เข้าไปในตัวเมืองค่ะ ใช้เวลาราวๆ 40 นาทีกว่าๆก็มาถึงตัวเมืองแล้ว
เรากับเพื่อนเลือกพัก Guest House แถวๆนั้นค่ะ ชื่อว่า
"Flip Flop in Garden"
ส่วนตัวทำเล การบริการและห้องดีมากๆค่ะ แต่ราคาก็แอบสูงนิดนึง นอนกับเพื่อนห้อง Private ก็ตกต่อคน คืน 1,000 นิดๆ
เขาบวกอาหารเช้าให้เรานะ แต่! "อาหารเช้าเขาคือ ไข่ มันหวาน ขนมปังแห้งๆ แบบแห้งมากๆ" แนะนำให้สาวกชาวไทย
ที่ชื่นชอบอาหารรสจัด พกซอสมะเขือเทศ พริกไทย เครื่องปรุงส่วนตัวติดไปก็จะดีมากค่ะ คือคนไต้หวันดูไม่กินรสจัดมาก
ไปขอซอสมีแค่เกลือกับพริกไทยแค่นั้นเองค่ะ (เสียใจ T^T)
สำหรับ Night แรกของเราก็ชิลๆ เดินเล่นรอบๆ Guesthouse คือ Guesthouse เราอยู่ฝั่งตรงข้าม MOCA Taipei เลย
อากาศช่วงที่ไปเย็นสบาย ออกหนาวนิดๆตอนกลางคืน เราก็จัดเครื่องดื่มเบาๆ Honey Beer ของไต้หวันหน่อยค่ะ
(หอมหวาน เอร็ดอร่อย อยากให้ชิมกันเหลือเกินค่ะ)
พร้อมกับมื้อ Dinner แรกอย่าง
Mala Yuanyang Hotpot
มันจะมีช่วงเวลากำหนดและราคามื้อกลางวันและกลางคืนจะต่างกันค่ะ
อย่าง Dinner ก็จะแพงหน่อย ตกแล้วก็คนละ 700 กว่า TWD ได้ คือน้ำซุปดังๆของเขาส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอร่อยอะไรขนาดนั้น
แต่ว่า เนื้อวัว ที่เขามีให้เราเลือกมากกว่า 8 ชนิดอะไรนั้นคือฟินลืมค่ะ นี้กินจนล้มวัวตายไปหลายตัวจริงๆอันนี้สุดค่ะ คุ้มมาก
กลัวร้านเขาปิดกิจการมากๆ
พิกัดสาขาที่ไปโดนมาค่ะ >>
(ใกล้ๆกับใต้ดิน ZhongShan Station)
และแล้วเราก็จบทริปวันแรกไปแบบชิลๆ
ปล.สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างสำหรับวันแรกคือ 7/11 ของไต้หวันค่ะ คือเขามีของญี่ปุ่นเกาหลี
ขนมอะไรที่เราติดใจมาจาก 2 ประเทศนี้มีที่นี้หมดเลยและที่เด็ดคือ ของเหล่านั้นสามารถซื้อได้ในราคาที่ใกล้เคียงกับราคา
ในประเทศนั้นๆ พูดเลยว่าไม่ได้ไปช็อปไหนเลยค่ะ จัดแต่ขนมคบเคี้ยวจาก 7/11 อย่างเดียวเลยค่ะ
ตื่นเช้าต้อนรับวันศุกร์ วันนี้แพลนค่อนข้างแน่น เริ่มกันที่ช่วงเช้ากับการไหว้พระขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกับ
วัดหลงซาน (Longshan Temple)
(ข้างนอกมองเข้าไปว่าสวยแล้ว บริเวณด้านในตัววัดก็สวยเช่นกัน)
วัดนี้ไปขอธูปได้ฟรีนะคะ แต่ถ้าอยากไหว้เพิ่ม ของไหว้อื่นๆก็จ่ายเพิ่มเติมเอา
คิดว่าวัดนี้อาจจะดังเรื่องความรักนะคะ ได้ยินคนญี่ปุ่นพูดกันหลายคน เลยจัดเครื่องรางความรักมาให้ตัวเอง 1 อัน
และสำหรับรุ่นน้องที่กำลังตามหาความรักกันอยู่ค่ะ (ถ้าได้คู่จริงจะรีบมาบอกเลยค่ะ 555)
จากวัดเราก็นั่งรถไฟกันต่อมาที่
ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market 台北漁市)
จำได้ว่าจากสถานีรถไฟเดินเรื่อยๆค่ะ ตัดสวนสาธารณะ ถ้าไม่รีบแล้วอากาศไม่ร้อนมาก ไม่นานเลยค่ะ
แล้วระหว่างก็ได้เห็นภาพครอบครัวชาวไต้หวัน คุณแม่พาลูกๆมาเดินเล่นวิ่งเล่นกัน น่ารักมากๆ มองดูก็เพลินดีค่ะ
ก่อนไปถึงตลาด เราจะผ่านตลาดสดสไตล์ Local ไปก่อน คือชอบมาก มันดูหลุดมาจากอีกสถานที่นิ่งเงียบๆของไทเป
ซึ่งเพียงแค่เลี้ยวเข้าซอยมาจะพบเจอกับความความวุ่นวายขั้นสุด แต่ก็มีสีสันในแบบของมัน รู้สึกเอนจอยมากๆ
(สบตาพ่อค้า แม่ค้า แถวนั้นไม่ได้นะคะ โดนเรียกไปซื้อของตลอดเลย 555)
พอเดินเข้ามาเรื่อยๆก็ถึงตลาดปลา ใครคออาหารทะเลสดๆ งานนี้ฟินลืมกันไปเลยค่ะ
ส่วนทางนี้ก็ขอแค่ฝากมื้ออาหารกลางวันราคาไม่แรงมากไว้ที่นี้แล้วกัน ซื้อข้าวกล่องหน้าปลาดิบมา
โดนไป 320 TWD ใครมีงบหนาที่นั้นก็มีให้เลือกทานหลากหลายราคามากๆคะ ระดับกลางๆไปจนถึงพรีเมี่ยม
จะกล้องจะนั่งร้าน หลากหลายมากๆ
(ถ้าซื้อแบบกล่องมา มันไม่มีที่นั่งนะคะ แต่ว่ายืนกินได้ ก็ได้อีกฟิลเหมือนกันค่ะ)
หลังจากท้องอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราตัดสินใจเดินค่ะ จากตลาดปลาไป Fine Art Museum Taipei
เราใช้แอพคู่ใจอย่าง Google Map ค่อยคลำทางกันไป
ก็ใช้เวลาราวๆ 40 นาทีด้วยการเดินเท้าค่ะ
ระหว่างทาง เราก็เดินกลิ่น ลมชมวิวไปเรื่อย แต่เอาจริงนะคะ ปวดเท้าในระดับนึงเลย
เรามีแวะนั่งตามสวนบ้าง ข้างทางบ้างเรื่อยๆ
แล้วก็ตอนมาไต้หวัน มีความฝันค่ะ คือชื่นชอบ F4 มากมายตอนเด็กๆเลยคิดว่า ถ้ามาถึงไต้หวันแล้ว
อย่างนึงที่เราอยากทำเลยคือ ร้องเพลง Meter Garden (หลิว ซิง หยี่) พอหาทำเลที่พอจะไม่ทำให้คนรอบข้าง
รำคาญได้แล้ว ก็รบกวนเพื่อนอัดคลิปพร้อมร้องเป็นที่ระลึกเอาไว้ 555 (ฟินมากจริงๆค่ะ)
Fine Art Museum Taipei
(มาถึงแล้วค่ะ)
(ราคาค่าตั๋วเข้าแค่ 30 TWD เองค่ะ)
สำหรับใครที่เอากระเป๋ามาสามารถ ฝากได้ 2 แบบนะคะ คือฝากไว้กับเคาเตอร์ข้างๆที่ขายตั๋วแล้วรับบัตรเลขฝาก
หรือลงไปชั้นใต้ดิน ใส่ตู่ล็อคเกอร์ก็ได้ตามสะดวกค่ะ
ตอนช่วงเราไป มีนิทรรศการ Faint Light Dark Shadow มีความดาร์ก มีความอินมากๆ
เราไม่ได้ไปเจอช่วงจัดนิทรรศการเยอะ แต่แค่อันนี้อันเดียวก็รู้สึกคุ้มค่าที่ได้มาค่ะ สถานที่ Fine Art เขามี Space และ แสง
ที่จัดได้ดีมาก แต่ละงานที่เราเดินดูมันดูดเราให้ไปจดจ่อกับตัวงานชิ้นนั้นมากๆ รู้สึกประทับใจจริงๆ
พอจบการเสพงานศิลป์เรียบร้อย เราตัดสินใจจะไปเดินเล่นตลาดกลางคืน ที่โด่งดังของไต้หวันกัน
แต่เนื่องจากเราเลือกที่จะเดินกันมาทั้งวันแล้ว เราเลยตัดสินใจจะไปนั่งพักผ่อน หย่อนขากันที่ คาเฟ่แห่งหนึ่ง
ใกล้ตลาดกลางคืนที่เราจะไปกัน ซึ่งคาเฟ่ที่พวกเราเลือกจะไปนั้นมีชื่อว่า
Good Studio Cafe
คาเฟ่แห่งนี้ภายในตกแต่งด้วยงานเพ้นท์ที่ออกแนวป่า มีภาพวาดตามกำแพงที่มีเอกลักษณ์โด่ดเด่น ด้วยภาพวาดของใบไม้ หรือสัตว์นกฟามิงโก ถือว่าเข้าไปแล้วได้ฟิลที่แตกต่างจากคาเฟ่สไตล์ loft หรือ industrial ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
(มีงานเครื่องประทับและของเล็กๆน่ารักที่เป็นงานดีไซน์ของทางร้านด้วยค่ะ อยากได้นะ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงนิดนึงค่ะ)
ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมทริปก็ได้บอกไว้แล้วค่ะว่า พวกกาแฟและขนมตามคาเฟ่ที่ไต้หวันราคาค่อนข้างสูง
เราสั่ง Coffee Au Lait Brown Sugar Flavor (เพื่อนแนะนำว่าเมนูนี้ค่อนข้างดังค่ะ) ราคาสำหรับ Iced ก็ตั้ง 200 TWD เลยค่ะ
(ส่วนตัวเราว่าก็ราคาสูงกว่าพวกกาแฟทั่วไปนะ 555 รสชาติกลางๆ ไม่อร่อยมาก แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้นค่ะ)
เพื่อนสั่งของหวานมาด้วยกัน รสชาติกลางๆ คิดว่าน่าจะขายบรรยากาศนะ
แต่คือแค่มาที่คาเฟ่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วคะ คือแค่นั่งในร้านก็ได้ฟีลที่ดีมาก บาทิสต้า น่ารัก
พูดคุยและบริการอย่างเป็นกันเอง คือเราต้องการจะเข้าห้องน้ำแต่พอเปิดประตูทางไปห้องน้ำหาห้องน้ำไม่เจอ
เจอออฟฟิตคนนั่งเต็มเลย บาทิสต้าหนุ่มที่ร้านเห็นชะนีเด๋อๆอย่างเรา ยืนๆงงๆ หมุนไปมาอยู่ตรงนั้น
เขาก็เข้ามาถามว่าหาห้องน้ำใช่ไหม? คือมันอยู่ตรงซ้ายมือแบบต้องชะโงกไปดูครับ
(รู้สึกประทับใจและขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่น้องบาทิสต้ามาช่วยชะนีเด๋อจากการไม่ต้องอั๋นฉี่กลางร้าน 555)
พอเราได้พัก อัพรูป แรงขากลับมามีแรงอีกครั้งเราก็พร้อมที่จะตะลุยยามค่ำคืนกันต่อกับ ตลาดกลางคืนที่มีชื่อว่า
Shida Night Market
Shida Night Market เป็นตลาดกลางคืนย่านเด็กมหาลัยค่ะ (เพื่อนอยากมาเพราะอยากส่องเด็กหนุ่ม)
บริเวณตลาดก็จะมีร้านเสื้อผ้า ร้านรวง แฟชั่นที่อินเทรนด์มากๆ ออกแนวไปทางเกาหลีซะส่วนใหญ่
เนื่องจากทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมเงินมาเพื่อการช็อป ถึงกับประกาศกร้าวกับเพื่อนสาวเลยค่ะว่า
ครั้งหน้าเราจะกลับมาใหม่ เพื่อการช็อปปิ้งโดยเฉพาะ บอกเลยค่ะ ว่า 100 หมด 100 มี 1,000 หมด 1,000 จริงๆ
ย่านนี้สาวๆ ยากที่จะห้ามใจค่ะขอเตือน