สวัสดีค่ะ มาเจอกันในกระทู้ใหม่แล้วนะคะ เห็นว่าเยอะแล้วจนขึ้นหน้า 2 ก็เลยตั้งกะทู้ใหม่เลยละกันเพราะจะอัพเป็นของปี 2015 แล้วค่ะ

กระทู้เก่า
https://pantip.com/topic/36156491 The Shock Story 2013 หลายเรื่อง สำหรับอ่าน
.
1. ไม่มีชื่อเรื่อง ไม่ทราบชื่อผู้ส่ง
เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมานี้เอง คือวันที่ 31 ธันวาคมเนี่ยเป็นวันเกิดของแฟนผม ซึ่งเรายังเพิ่งคบกันได้ไม่ถึงปี
วันเกิดปีนี้จะเป็นวันเกิดแรกที่เราคบกัน ผมก็ต้องการทำเซอร์ไพรส์เธอด้วยการไปจองห้องพักที่โรงแรมโรงแรมหนึ่ง ซึ่งห้องที่ผมจอง
เอาไว้เป็นห้องสแตนดาร์ดครับ ห้องธรรมดาที่ถูกที่สุดของโรงแรม โดยจองทางอินเตอร์เน็ต ราคาค่าห้องแค่พันต้นๆ พอถึงเวลาผมก็พา
แฟนผมเข้าไปเช็คอิน ผมก็ไปติดต่อที่โต๊ะรีเซฟชั่นรับกุญแจห้องมา พอผมดูเบอร์ห้องก็รู้สึกแปลกๆ เพราะห้องที่ผมได้เป็นแบบ 813 ครับ
ซึ่งโดยทั่วไปโรงแรมที่เป็นอินเตอร์หน่อยจะไม่มีห้องเบอร์ 13 ผมจึงได้เอ่ยปากถามพนักงานว่า "ปกติโรงแรมเขาจะไม่มีเบอร์ 13 ไม่ใช่เหรอ"
พนักงานผู้หญิงก็ตอบมาห้วนๆว่า "แต่ที่นี่มี" ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรครับ ก็พาแฟนขึ้นลิฟท์ขึ้นไปที่ห้อง 813 ที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด
และเป็นห้องมุมสุด
พอไปถึงหน้าห้องก็เปิดประตูเข้าไป มันมีความรู้สึกอับครับ อย่างเห็นได้ชัดเลยแหละ ในห้องแบ่งเป็นส่วน เปิดประตูเข้าไปจะเจอ
ห้องรับแขกก่อน เตียงนอนจะอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งดูจากการจัดห้องแล้วเนี่ยมันเหมือนกับห้องสูท เพราะมีห้องรับแขก มีห้องนอนแยกกัน
ห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ผมยังพูดกับแฟนว่า "อืม โรงแรมนี้ห้องเขาใหญ่ดีนะ นี่ขนาดห้องเล็กที่สุดค่าห้องพักแค่คืนละพันกว่าบาทเอง"
จากนั้นผมก็เลยเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตา พอเปิดน้ำใส่อ่างล้างหน้าปรากฏว่าน้ำออกมาเป็นสีน้ำตาลเข้มเลยครับ แล้วก็ค่อยใสขึ้น
ซึ่งเหมือนกับว่าห้องนี้ไม่ได้ใช้มานานจนน้ำตกตะกอนจนเป็นสีสีน้ำตาล แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยครับ ก็อาบน้ำไป ท่อในห้องน้ำ
ดันตันซะอีก พอออกจากห้องน้ำผมเลยแจ้งให้ช่างมาดูแลหน่อย แล้วก็แต่งตัวออกไปกินข้าวกับแฟน
ช่วงที่ผมยืนรอลิฟท์อยู่ หน้าลิฟท์นี้จะมีป้ายบอกทางหนีไฟขึ้น ในป้ายก็จะมีแผนผังห้องต่างๆในชั้นนั้นๆ ซึ่งพอผมเห็นห้อง
ที่ผมอยู่เนี่ยกลับกลายเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้นเลยครับ ผมก็พูดคุยกับแฟนผมว่า "สงสัยโรงแรมเค้าจะเต็มนะ จองห้องที่เล็กและถูกที่สุด
กลับโชคดีได้อยู่ห้องที่ใหญ่และแพงที่สุด" หลังจากที่ไปทานข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้อง ซึ่งระหว่างที่ทานข้าวอยู่ผมได้ให้ พนง. เอาเค้กวันเกิด
ไปใส่ไว้ในห้อง เพื่อเซอร์ไพรส์แฟนผมตอนกลับ พอจะกลับขึ้นห้องผมก็ไปกระซิบถามพนักงานว่าเรื่องเค้กเนี่ยโอเคหรือยัง พนักงานก็ตอบ
เค "เรื่องท่อในห้องน้ำที่ตันล่ะซ่อมรึยัง" พนักงานก็บอกโอเค จากนั้นเพราะผมกลับมาถึงห้องเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอเค้กวางอยู่ที่โต๊ะ
ซึ่งเค้กมันแหว่งไปเหมือนถูกกินไปส่วนหนึ่ง ในใจผมคิดว่า
ไอ้พนักงานโรงแรมนี้มันแย่มากๆ มันกินเค้กแขกได้ยังไง แต่ผมไม่อยากให้
บรรยากาศเสีย เลยบอกแฟนไปว่า "ผมแอบชิมไปหน่อยนึง ไม่ว่านะ" แฟนผมก็บอกว่าไม่เป็นไร หลังจากที่ร้องเพลงเป่าเค้กกันเสร็จสรรพ
แฟนผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แฟนพอออกจากห้องน้ำก็บอกกับผมว่าท่อตัน ผมก็คิดในใจว่า
ไหนบอกว่าซ่อมแล้ว ทำไมยังตันอยู่ ผมก็เลย
เดินเข้าไปดูในห้องน้ำ เห็นเป็นเส้นผมอยู่ที่ท่อจึงเอาไม้แขวนเสื้อมาเขี่ย ปรากฏว่ามันเป็นก้อนกระจุกเส้นผมที่เยอะมากๆ เก็บขึ้นมาได้เท่ากับ
กำปั้นผมเลยแหละ ผมก็เลยเอาไปทิ้งในถังขยะไม่ให้แฟนเห็น
จากนั้นเราก็เข้านอนซึ่งปกติผมจะเป็นคนนอนดึก ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าอเองครับผมจึงยังไม่รู้สึกง่วง แต่แฟนผม
เพลียมากและพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า จึงขอตัวนอนก่อน ในระหว่างนั้นผมเลยหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน จู่ๆแฟนผมที่นอนอยู่ข้างๆก็พูด
ขึ้นมาว่า "อย่าเล่นสิ นอนได้แล้ว" ในใจผมก็คิดว่า
เล่นอะไรอ่ะ เรานอนอ่านหนังสือเฉยๆ จากนั้นผมก็เริ่มง่วงจึงปิดไฟนอน หลับไปไม่รู้ว่านาน
เท่าไหร่ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่เห็นแฟนผม ไม่รู้ว่าไปไหน จากนั้นผมได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกินอะไรที่ห้องรับแขก ผมก็คิดว่าแฟนผม
คงตื่นเป็นไปกินเค้ก ตอนเข้ามาเป่าเค้กเนี่ยยังไม่ได้กิน เพิ่งกินข้าวมา แต่สักพักแฟนผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้อง
รับแขก ในใจคิดว่า อ้าว ใครกินเค้กล่ะ ตอนนั้นผมยังไม่ได้พูดอะไรนะครับ พยายามสังเกตว่าแฟนผมเขาได้ยินหรือเปล่า ซึ่งเขาก็งัวเงียๆ
ไปนอนต่อ
จากนั้นเสียงกินก็ยังดังต่อเนื่องครับ ตอนนั้นผมขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ อยากจะลุกไปดูก็ไม่กล้า แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้ จึงค่อยๆ
ย่องไปชะโงกดูชัดๆ ปรากฏว่าผมเห็นคนเป็นเงาดำๆเพราะตรงนั้นมันมืดมากครับ กำลังนั่งยองๆกินเค้กอยู่ ในใจก็คิดอยู่ 2 อย่างว่ามันเป็นคน
หรือไม่ใช่คน แล้วผมจะทำอะไรต่อไป นาทีนั้นไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยคิดว่าเดี๋ยวเราไปเปิดไฟก่อนแล้วกันจะได้รู้กันว่ามันคืออะไร ถ้าเป็นคน
จะได้เรียกผู้จัดการมาคุย ถ้าไม่ใช่คนอย่างน้อยเนี่ยสว่างแบบนี้ก็พอจะใจแข็งสู้ได้ ผมจึงค่อยๆย่องไปเปิดไฟล์ ปรากฏว่าไฟไม่ติด พร้อมทั้ง
เสียงที่ผมได้ยินมันหยุดลง ในใจก็คิดว่า
มันหยุดแล้วมันจะทำอะไรต่อล่ะทีนี้ แล้วก็คิดว่าถ้าวิ่งออกนอกห้องก็ต้องผ่านห้องรับแขก
ผมเลยตัดสินใจนอนคลุมโปงกอดแฟนและเผลอหลับไป
พอเช้ามาก็ได้เช็คเอาออกทันทีครับ ก่อนออกไปก็ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า "ห้อง 813 เนี่ยมีอะไรหรือเปล่า" เขาก็บอกว่า
ไม่ทราบ ถามพนักงานยกกระเป๋าก็บอกว่าไม่ทราบ จนถามไปถามมาปรากฏว่าพนักงานทุกคนนั้นเป็นพนักงานใหม่หมดเลย เพิ่งเข้ามา
ทำงานได้แค่อาทิตย์กว่าๆกันทุกคนเลยครับ แล้วที่นั่นไม่มีพนักงานของเก่าอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ผมก็ยังไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของ
ห้อง 813 ว่าความเป็นมานั้นเป็นอย่างไร เรื่องราวก็มีประมาณนี้นะครับ...
The Shock Story หลายเรื่อง สำหรับอ่าน 2015
กระทู้เก่า https://pantip.com/topic/36156491 The Shock Story 2013 หลายเรื่อง สำหรับอ่าน
.
1. ไม่มีชื่อเรื่อง ไม่ทราบชื่อผู้ส่ง
เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมานี้เอง คือวันที่ 31 ธันวาคมเนี่ยเป็นวันเกิดของแฟนผม ซึ่งเรายังเพิ่งคบกันได้ไม่ถึงปี
วันเกิดปีนี้จะเป็นวันเกิดแรกที่เราคบกัน ผมก็ต้องการทำเซอร์ไพรส์เธอด้วยการไปจองห้องพักที่โรงแรมโรงแรมหนึ่ง ซึ่งห้องที่ผมจอง
เอาไว้เป็นห้องสแตนดาร์ดครับ ห้องธรรมดาที่ถูกที่สุดของโรงแรม โดยจองทางอินเตอร์เน็ต ราคาค่าห้องแค่พันต้นๆ พอถึงเวลาผมก็พา
แฟนผมเข้าไปเช็คอิน ผมก็ไปติดต่อที่โต๊ะรีเซฟชั่นรับกุญแจห้องมา พอผมดูเบอร์ห้องก็รู้สึกแปลกๆ เพราะห้องที่ผมได้เป็นแบบ 813 ครับ
ซึ่งโดยทั่วไปโรงแรมที่เป็นอินเตอร์หน่อยจะไม่มีห้องเบอร์ 13 ผมจึงได้เอ่ยปากถามพนักงานว่า "ปกติโรงแรมเขาจะไม่มีเบอร์ 13 ไม่ใช่เหรอ"
พนักงานผู้หญิงก็ตอบมาห้วนๆว่า "แต่ที่นี่มี" ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรครับ ก็พาแฟนขึ้นลิฟท์ขึ้นไปที่ห้อง 813 ที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด
และเป็นห้องมุมสุด
พอไปถึงหน้าห้องก็เปิดประตูเข้าไป มันมีความรู้สึกอับครับ อย่างเห็นได้ชัดเลยแหละ ในห้องแบ่งเป็นส่วน เปิดประตูเข้าไปจะเจอ
ห้องรับแขกก่อน เตียงนอนจะอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งดูจากการจัดห้องแล้วเนี่ยมันเหมือนกับห้องสูท เพราะมีห้องรับแขก มีห้องนอนแยกกัน
ห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ผมยังพูดกับแฟนว่า "อืม โรงแรมนี้ห้องเขาใหญ่ดีนะ นี่ขนาดห้องเล็กที่สุดค่าห้องพักแค่คืนละพันกว่าบาทเอง"
จากนั้นผมก็เลยเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตา พอเปิดน้ำใส่อ่างล้างหน้าปรากฏว่าน้ำออกมาเป็นสีน้ำตาลเข้มเลยครับ แล้วก็ค่อยใสขึ้น
ซึ่งเหมือนกับว่าห้องนี้ไม่ได้ใช้มานานจนน้ำตกตะกอนจนเป็นสีสีน้ำตาล แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยครับ ก็อาบน้ำไป ท่อในห้องน้ำ
ดันตันซะอีก พอออกจากห้องน้ำผมเลยแจ้งให้ช่างมาดูแลหน่อย แล้วก็แต่งตัวออกไปกินข้าวกับแฟน
ช่วงที่ผมยืนรอลิฟท์อยู่ หน้าลิฟท์นี้จะมีป้ายบอกทางหนีไฟขึ้น ในป้ายก็จะมีแผนผังห้องต่างๆในชั้นนั้นๆ ซึ่งพอผมเห็นห้อง
ที่ผมอยู่เนี่ยกลับกลายเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้นเลยครับ ผมก็พูดคุยกับแฟนผมว่า "สงสัยโรงแรมเค้าจะเต็มนะ จองห้องที่เล็กและถูกที่สุด
กลับโชคดีได้อยู่ห้องที่ใหญ่และแพงที่สุด" หลังจากที่ไปทานข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้อง ซึ่งระหว่างที่ทานข้าวอยู่ผมได้ให้ พนง. เอาเค้กวันเกิด
ไปใส่ไว้ในห้อง เพื่อเซอร์ไพรส์แฟนผมตอนกลับ พอจะกลับขึ้นห้องผมก็ไปกระซิบถามพนักงานว่าเรื่องเค้กเนี่ยโอเคหรือยัง พนักงานก็ตอบ
เค "เรื่องท่อในห้องน้ำที่ตันล่ะซ่อมรึยัง" พนักงานก็บอกโอเค จากนั้นเพราะผมกลับมาถึงห้องเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอเค้กวางอยู่ที่โต๊ะ
ซึ่งเค้กมันแหว่งไปเหมือนถูกกินไปส่วนหนึ่ง ในใจผมคิดว่า ไอ้พนักงานโรงแรมนี้มันแย่มากๆ มันกินเค้กแขกได้ยังไง แต่ผมไม่อยากให้
บรรยากาศเสีย เลยบอกแฟนไปว่า "ผมแอบชิมไปหน่อยนึง ไม่ว่านะ" แฟนผมก็บอกว่าไม่เป็นไร หลังจากที่ร้องเพลงเป่าเค้กกันเสร็จสรรพ
แฟนผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แฟนพอออกจากห้องน้ำก็บอกกับผมว่าท่อตัน ผมก็คิดในใจว่า ไหนบอกว่าซ่อมแล้ว ทำไมยังตันอยู่ ผมก็เลย
เดินเข้าไปดูในห้องน้ำ เห็นเป็นเส้นผมอยู่ที่ท่อจึงเอาไม้แขวนเสื้อมาเขี่ย ปรากฏว่ามันเป็นก้อนกระจุกเส้นผมที่เยอะมากๆ เก็บขึ้นมาได้เท่ากับ
กำปั้นผมเลยแหละ ผมก็เลยเอาไปทิ้งในถังขยะไม่ให้แฟนเห็น
จากนั้นเราก็เข้านอนซึ่งปกติผมจะเป็นคนนอนดึก ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าอเองครับผมจึงยังไม่รู้สึกง่วง แต่แฟนผม
เพลียมากและพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า จึงขอตัวนอนก่อน ในระหว่างนั้นผมเลยหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน จู่ๆแฟนผมที่นอนอยู่ข้างๆก็พูด
ขึ้นมาว่า "อย่าเล่นสิ นอนได้แล้ว" ในใจผมก็คิดว่า เล่นอะไรอ่ะ เรานอนอ่านหนังสือเฉยๆ จากนั้นผมก็เริ่มง่วงจึงปิดไฟนอน หลับไปไม่รู้ว่านาน
เท่าไหร่ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่เห็นแฟนผม ไม่รู้ว่าไปไหน จากนั้นผมได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกินอะไรที่ห้องรับแขก ผมก็คิดว่าแฟนผม
คงตื่นเป็นไปกินเค้ก ตอนเข้ามาเป่าเค้กเนี่ยยังไม่ได้กิน เพิ่งกินข้าวมา แต่สักพักแฟนผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้อง
รับแขก ในใจคิดว่า อ้าว ใครกินเค้กล่ะ ตอนนั้นผมยังไม่ได้พูดอะไรนะครับ พยายามสังเกตว่าแฟนผมเขาได้ยินหรือเปล่า ซึ่งเขาก็งัวเงียๆ
ไปนอนต่อ
จากนั้นเสียงกินก็ยังดังต่อเนื่องครับ ตอนนั้นผมขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ อยากจะลุกไปดูก็ไม่กล้า แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้ จึงค่อยๆ
ย่องไปชะโงกดูชัดๆ ปรากฏว่าผมเห็นคนเป็นเงาดำๆเพราะตรงนั้นมันมืดมากครับ กำลังนั่งยองๆกินเค้กอยู่ ในใจก็คิดอยู่ 2 อย่างว่ามันเป็นคน
หรือไม่ใช่คน แล้วผมจะทำอะไรต่อไป นาทีนั้นไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยคิดว่าเดี๋ยวเราไปเปิดไฟก่อนแล้วกันจะได้รู้กันว่ามันคืออะไร ถ้าเป็นคน
จะได้เรียกผู้จัดการมาคุย ถ้าไม่ใช่คนอย่างน้อยเนี่ยสว่างแบบนี้ก็พอจะใจแข็งสู้ได้ ผมจึงค่อยๆย่องไปเปิดไฟล์ ปรากฏว่าไฟไม่ติด พร้อมทั้ง
เสียงที่ผมได้ยินมันหยุดลง ในใจก็คิดว่า มันหยุดแล้วมันจะทำอะไรต่อล่ะทีนี้ แล้วก็คิดว่าถ้าวิ่งออกนอกห้องก็ต้องผ่านห้องรับแขก
ผมเลยตัดสินใจนอนคลุมโปงกอดแฟนและเผลอหลับไป
พอเช้ามาก็ได้เช็คเอาออกทันทีครับ ก่อนออกไปก็ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า "ห้อง 813 เนี่ยมีอะไรหรือเปล่า" เขาก็บอกว่า
ไม่ทราบ ถามพนักงานยกกระเป๋าก็บอกว่าไม่ทราบ จนถามไปถามมาปรากฏว่าพนักงานทุกคนนั้นเป็นพนักงานใหม่หมดเลย เพิ่งเข้ามา
ทำงานได้แค่อาทิตย์กว่าๆกันทุกคนเลยครับ แล้วที่นั่นไม่มีพนักงานของเก่าอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ผมก็ยังไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของ
ห้อง 813 ว่าความเป็นมานั้นเป็นอย่างไร เรื่องราวก็มีประมาณนี้นะครับ...