[หนังโรงเรื่องที่ 184] Ghost in the Shell - วันนี้คุณโมดิฟายต่อมง่วงแล้วรึยัง ; (Rupert Sanders, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B- (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : ในอนาคตภายภาคหน้า เมื่อเทคโนโลยีของมนุษย์ก้าวล้ำไปอีกหลายขั้นจนสามารถทดแทนอวัยวะทั้งตัวด้วยชิ้นส่วนจักรกลได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือ "เมเจอร์-ผู้พัน" (Scarlett Johansson) มนุษย์คนแรกที่ถูกโยกย้าย 'สมอง' ที่เสียหายจนเกินเยียวยาจากอุบัติเหตุเข้าไปสู่ร่าง 'ไซบอร์ก' ทั้งตัวเป็นครั้งแรก ... ส่งผลให้เธอกลายเป็นสุดยอดหน่วยพิเศษที่ทำงานให้ภาครัฐอย่างลับๆในเวลาต่อมา
.
.
เอ่อ จะพูดว่าไงดี ก็คงต้องบอกว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ออกตัวมาแรงมาก หน้าหนังสวยงาม มีฐานแฟนคลับเก่าที่แน่นหนา .. แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้นำพา ตกม้าตายอนาถจมกองพล็อตตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย.
ประเด็นความเฟลแรกสุดของหนังก็คือ การที่มัน 'บิ๊วคนดูไม่ขึ้น' อย่างแรงในตลอดช่วงครึ่งค่อนชั่วโมงแรก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวด้วยฉากภารกิจที่เราไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไงและโชว์คิวบู๊นิดหน่อย แถมยังมีเพื่อนร่วมทีมที่แลดูสนิทกันปานจะเป็นพี่น้อง แต่เราก็ไม่ได้รู้เรื่องอยู่ดีว่าอีตัว "บาโต้" (Pilou Asbaek) กับ "ผู้พัน" เนี่ยมันสนิทกันยังไง คือหนังไม่ได้ introduce อะไรพวกนี้ให้เรารู้เรื่องเลย ดังนั้นสิ่งที่มันออกมาบนจอเลยเป็นความพยายาม (ดันทุรัง) ในการดันความสัมพันธ์ของตัวละครโดยที่ไม่มีมูลมารองรับนั่นเอง
ต่อด้วยประเด็นที่สองก็คือ 'ความง่วง' คือนอกจากพล็อตมันจะดึงคนดูแบบเราไม่ได้แล้ว ตัวหนังยังดูเหมือนจะคอนฟลิคกับตัวเองว่าจะขาย some cool action ดี หรือจะขายอภิปรัชญาเกี่ยวกับจิตวิญญานดี จนท้ายที่สุดมันก็ไปไหนไม่ได้ซักทาง .. คือไม่รู้ว่าในพล็อต original the movie นี่มันเป็นแบบนี้เลยรึเปล่า (ผู้เขียนเคยแต่อ่านมังงะ) แต่ส่วนตัวก็บอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ตายอนาถแบบน่าเสียดายมาก ทั้งๆที่พล็อตมันก็ปลายเปิดจนสามารถเล่นใหญ่อลังการกว่านี้ได้ตั้งเยอะ
กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือการเอ่ยถึง 'วิญญาน' (ghost) และ 'กายเปลือก' (shell) ขึ้นมาบ่อยครั้งเพื่อเน้นย้ำสอดรับกับใจความสำคัญหลักของเรื่องได้ดี จนมันมีช่วงสั้นๆช่วงนึง (สั้นจริงๆ) ที่เราสามารถจินตนาการถึงภาพของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ได้ ซึ่งก็ย้อนกลับมาเป็นคำถามเดิมว่า "เมื่อคนเราสามารถดัดแปลงส่วนนั่นนี่ของร่างกายเราได้ตามใจชอบจนแทบไม่เหลือสิ่งที่เป็นธรรมชาติแล้ว เราจะยังเป็นคนอยู่รึเปล่า?" และด้วยประเด็นนี้เองก็เลยทำให้ฉากที่ 'ผู้พัน' ซื้อหญิงบริการไปสัมผัสนั้นกลายเป็นฉากที่ดีที่สุดของเรื่องไปเลยโดนปริยาย
สิ่งที่ดีงามที่สุดของหนังก็คือการเนรมิตเมืองนีโอ-โตเกียว(ใช่รึเปล่าไม่แน่ใจ)ขึ้นมาใหม่ในธีม Cyber Punk ที่จ๊าบสุดๆ ทั้งการตกแต่งและการสอดแทรกเทคโนโลยีต่างๆเข้าไปกลืนกับวิถีชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน จนสามารถถ่ายทอดวิสัยทัศน์ล้ำสมัยของผู้เขียนออกมาได้ค่อนข้างแม่นยำ
ในส่วนของสกาโจก็ถือว่าเฉยๆมั้งไม่มีอะไรให้พูดถึง คือนางก็ดูงงๆมึนๆสมบทบาทผู้พันดี หน้าตาเหมือนจะมีเควสชั่นมาร์กแปะอยู่บนหน้าผากตลอดเวลาอะไรงี้ บวกกับคิวแอคชั่นสไตล์วิโดวอีกหน่อย จบแล้ว.
...
ส่วนตัวคิดว่า Ghost in the Shell เป็นหนังที่น่าเสียดายมากด้วยศักยภาพที่แน่นคับฝา แต่ด้วยลีลาและวิธีเล่าเรื่องที่ไม่น่าดึงดูดพอ บวกกับจังหวะของหนังที่ช้า-อืดจนยากจะดึงความสนใจของคนดูอย่างเราไว้ได้ มันก็เลยสอบตกไปโดยปริยาย คือการตั้งใจจะขายหนังปรัชญามันก็ดีอยู่ แต่หากไม่มีความบันเทิงอยู่ในตัวหนังเสียเลย ก็คงยากหน่อยที่จะเอาคนดูอยู่กับตัวเองได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[หนังโรงเรื่องที่ 184] Ghost in the Shell - วันนี้คุณโมดิฟายต่อมง่วงแล้วรึยัง by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 184] Ghost in the Shell - วันนี้คุณโมดิฟายต่อมง่วงแล้วรึยัง ; (Rupert Sanders, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B- (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : ในอนาคตภายภาคหน้า เมื่อเทคโนโลยีของมนุษย์ก้าวล้ำไปอีกหลายขั้นจนสามารถทดแทนอวัยวะทั้งตัวด้วยชิ้นส่วนจักรกลได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือ "เมเจอร์-ผู้พัน" (Scarlett Johansson) มนุษย์คนแรกที่ถูกโยกย้าย 'สมอง' ที่เสียหายจนเกินเยียวยาจากอุบัติเหตุเข้าไปสู่ร่าง 'ไซบอร์ก' ทั้งตัวเป็นครั้งแรก ... ส่งผลให้เธอกลายเป็นสุดยอดหน่วยพิเศษที่ทำงานให้ภาครัฐอย่างลับๆในเวลาต่อมา
.
.
เอ่อ จะพูดว่าไงดี ก็คงต้องบอกว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ออกตัวมาแรงมาก หน้าหนังสวยงาม มีฐานแฟนคลับเก่าที่แน่นหนา .. แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้นำพา ตกม้าตายอนาถจมกองพล็อตตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย.
ประเด็นความเฟลแรกสุดของหนังก็คือ การที่มัน 'บิ๊วคนดูไม่ขึ้น' อย่างแรงในตลอดช่วงครึ่งค่อนชั่วโมงแรก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวด้วยฉากภารกิจที่เราไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไงและโชว์คิวบู๊นิดหน่อย แถมยังมีเพื่อนร่วมทีมที่แลดูสนิทกันปานจะเป็นพี่น้อง แต่เราก็ไม่ได้รู้เรื่องอยู่ดีว่าอีตัว "บาโต้" (Pilou Asbaek) กับ "ผู้พัน" เนี่ยมันสนิทกันยังไง คือหนังไม่ได้ introduce อะไรพวกนี้ให้เรารู้เรื่องเลย ดังนั้นสิ่งที่มันออกมาบนจอเลยเป็นความพยายาม (ดันทุรัง) ในการดันความสัมพันธ์ของตัวละครโดยที่ไม่มีมูลมารองรับนั่นเอง
ต่อด้วยประเด็นที่สองก็คือ 'ความง่วง' คือนอกจากพล็อตมันจะดึงคนดูแบบเราไม่ได้แล้ว ตัวหนังยังดูเหมือนจะคอนฟลิคกับตัวเองว่าจะขาย some cool action ดี หรือจะขายอภิปรัชญาเกี่ยวกับจิตวิญญานดี จนท้ายที่สุดมันก็ไปไหนไม่ได้ซักทาง .. คือไม่รู้ว่าในพล็อต original the movie นี่มันเป็นแบบนี้เลยรึเปล่า (ผู้เขียนเคยแต่อ่านมังงะ) แต่ส่วนตัวก็บอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ตายอนาถแบบน่าเสียดายมาก ทั้งๆที่พล็อตมันก็ปลายเปิดจนสามารถเล่นใหญ่อลังการกว่านี้ได้ตั้งเยอะ
กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือการเอ่ยถึง 'วิญญาน' (ghost) และ 'กายเปลือก' (shell) ขึ้นมาบ่อยครั้งเพื่อเน้นย้ำสอดรับกับใจความสำคัญหลักของเรื่องได้ดี จนมันมีช่วงสั้นๆช่วงนึง (สั้นจริงๆ) ที่เราสามารถจินตนาการถึงภาพของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ได้ ซึ่งก็ย้อนกลับมาเป็นคำถามเดิมว่า "เมื่อคนเราสามารถดัดแปลงส่วนนั่นนี่ของร่างกายเราได้ตามใจชอบจนแทบไม่เหลือสิ่งที่เป็นธรรมชาติแล้ว เราจะยังเป็นคนอยู่รึเปล่า?" และด้วยประเด็นนี้เองก็เลยทำให้ฉากที่ 'ผู้พัน' ซื้อหญิงบริการไปสัมผัสนั้นกลายเป็นฉากที่ดีที่สุดของเรื่องไปเลยโดนปริยาย
สิ่งที่ดีงามที่สุดของหนังก็คือการเนรมิตเมืองนีโอ-โตเกียว(ใช่รึเปล่าไม่แน่ใจ)ขึ้นมาใหม่ในธีม Cyber Punk ที่จ๊าบสุดๆ ทั้งการตกแต่งและการสอดแทรกเทคโนโลยีต่างๆเข้าไปกลืนกับวิถีชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน จนสามารถถ่ายทอดวิสัยทัศน์ล้ำสมัยของผู้เขียนออกมาได้ค่อนข้างแม่นยำ
ในส่วนของสกาโจก็ถือว่าเฉยๆมั้งไม่มีอะไรให้พูดถึง คือนางก็ดูงงๆมึนๆสมบทบาทผู้พันดี หน้าตาเหมือนจะมีเควสชั่นมาร์กแปะอยู่บนหน้าผากตลอดเวลาอะไรงี้ บวกกับคิวแอคชั่นสไตล์วิโดวอีกหน่อย จบแล้ว.
...
ส่วนตัวคิดว่า Ghost in the Shell เป็นหนังที่น่าเสียดายมากด้วยศักยภาพที่แน่นคับฝา แต่ด้วยลีลาและวิธีเล่าเรื่องที่ไม่น่าดึงดูดพอ บวกกับจังหวะของหนังที่ช้า-อืดจนยากจะดึงความสนใจของคนดูอย่างเราไว้ได้ มันก็เลยสอบตกไปโดยปริยาย คือการตั้งใจจะขายหนังปรัชญามันก็ดีอยู่ แต่หากไม่มีความบันเทิงอยู่ในตัวหนังเสียเลย ก็คงยากหน่อยที่จะเอาคนดูอยู่กับตัวเองได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้