สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวทริปที่ไปเนปาล 4 วัน 3 คืน แบบไม่เทร็คกริ้ง สำหรับคนมีเวลาน้อย เนื่องจากจริงๆแล้วทริปนี้เรามาทำงานแต่แอบหนีเที่ยวได้ 4 วันค่ะ เราไปช่วงปลายเดือนตุลาคม 2559 (พึ่งมีเวลามาลองเขียน) อากาศเย็นสบายแต่ตอนกลางวันจะค่อนข้างแดดแรง อากาศประมาณ 25 องศากำลังดี ส่วนตั๋วเครื่องบินจองของการบินไทยค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ :
https://www.facebook.com/allweneedisvacation
เราจะแบ่งเป็น 2 กระทู้นะคะ
1. จะเป็นรีวิวเมือง Pokhara (รีวิวนี้)
2. เมือง Kathmandu (รีวิวหน้า)
สรุปย่อๆในแต่ละวัน
วันที่ 1 จากกรุงเทพสู่สนามบิน Tribhuvan เมือง Kathmandu และบินต่อไปยัง Pokhara เดินเล่นทะเลสาบ, ทานอาหารเย็นดูการแสดงพื้นเมืองที่ร้าน Boomerang, พักที่ Hotel Point
วันที่2 ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขา Sarangkot, ชมวิวและไหว้พระที่ world peace pagoda , เดินเล่น Damside และ บินกลับไปยังเมือง Kathmandu พักที่ Hotel Ghangri
วันที่ 3 ไป มหาเจดีย์โพทนาถ” (Bhaudhanath) , Pashupatinath Temple, ทานอาหารกลางวันร้าน Yangling ย่าน Thamel , Swayambhunath Stupa (วัดลิง), Kathmandu Durbar Square, ทานอาหารเย็น ที่ Thamel house resterant เดินซื้อของฝากที่ Thamel พักที่ Hotel Shanker
วันที่ 4 เดินชมสวนยามเช้าที่ Garden of dream และ กลับกรุงเทพฯ
มาเริ่มกันเลย!!
วันที่ 1 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทย ราคาประมาณ 18,000 บาท ไฟท์บิน 10.15 จะถึง สนามบิน Tribhuvan 12.25 ก่อนจะถึงเนปาลวิวริมหนาต่างๆสวยมากๆ อย่าลืมตื่นมาชมกันนะค่ะ เราจะได้เห็นเทือกเขาสีขาวอยู่เหนือเมฆ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าลูกไหนคือ Everest ฮ่าๆ แต่ไม่เห็นกัปตันประกาศให้ดูเลย ดีนะทียังตื่นอยู่ เราตื่นเต้นมาก สวยๆค่ะ ชอบ
และเราก็มาถึงสนามบินอ่านมาจากๆหลากกระทู้บอกว่าค่อนข้างเล็กกะทัดรัดก็ตามที่เค้าว่ากันเลยค่ะ รอกระเป๋าโหลดนานนิดนึง
และเราก็เดินมาทางออกจะเจอที่แลกเงินค่ะ เข้าไปแลกได้เลยเรทพอๆกันกับในเมืองเลยค่ะ ตอนเราไป และเดินต่อมาอีกนิดจะเจอร้านขายsim โทรศัพท์ อันนี้เราไม่แน่ใจว่าซื้อในเมืองถูกกว่าไหมแต่เราจำเป็นต้องใช้เลย เลยซื้อเลย เราอ่านเค้าบอกให้ใช้ของ N-cell แต่ตอนนั้นร้านดันไม่พร้อมให้บริการเราเลยต้องซื้ออีกเจ้า คือ Neple Telecom เค้าเตอร์อยู่ข้างๆกัน จะมีราคาหลายแพกเกจให้เลือกหลายราคา เราเลือก Net 1 GB โทรได้ 100 นาที ราคา 1000 รูปีค่ะ แต่อันนี้เน็ตหมดแล้วมันตัดเลยนะค่ะ เล่นต่อไม่ได้ ก็คำนวนดีๆว่าจะใช้เท่าไร
จากนั้นเราก็เดินไปยังสนามบินภายในประเทศ Domestic ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากเพื่อไปขึ้นเครื่องไปเมือง Pokhara เราจองสายการบิน Yeti จองออนไลน์ตั้งแต่ประเทศไทยมาค่ะ ราคา 7093 บาท บินแค่ 25 นาที แพงจังแต่ด้วยความที่เรามีเวลาน้อยและเราอยากไปมาเลยลุยค่ะ ห้องโดยสารเล็กกะทัดรัดมากค่ะ
ตอนแรกกลัวมาเพราะเป็นเครื่องบินเล็กแบบใบพัดไม่เคยนั่งมาก่อนก็หวาดเสียวดีค่ะ แต่วิวข้างทางสวยจนลืมไปเลย อย่าลืมขาไปนั่งฝั่งขวานะค่ะ
ถึงแล้วเมือง Pokhara ที่พักมีบริการมารับส่งที่สนามบินฟรี เค้าก็มารับเราไปยังที่พักตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเสียงบีบแตร (แต่น้อยกว่า Kathmandu) นะคะ
จากนั้นเราก็เดินจากที่พักออกมายังทะเลสาบ Phewa บรรยากาศดีมาก มีเรือบริการเช่าพายได้ หรือจะขึ้นแบบไม่ต้องพายเองเพื่อไปว่ายพระกลางน้ำก็ได้ค่ะ แต่เราตัดสินใจนั่งเล่นชิวๆ ถ่ายรูปอยู่ริมทะเลสาบก็พอ
จากนั้นเราก็เดินไปเรียบทะเลสาบไปรับประทานอาหารที่ร้าน Boomerang ซึ่งจะมีการแสดงพื้นเมืองตอน 1 ทุ่มค่ะ และก็ไม่ลืมจะลองสั่งเบียร์ Everest มาลองชิม รสชาติแข็งไปหน่อยแต่มาถึงแล้วก็ต้องลองซะหน่อยค่ะ ส่วนอาหารที่สั่งมาวันนี้เป็น รสชาติใช้ได้ค่ะพอ 1 ทุ่มชาวต่างชาติมาเต็มร้านเลย แต่ขอบอกอย่างนึ่งคือที่เนปาลอาหารค่อนข้างช้ามากทุกๆร้านเลยค่ะ รอกันไปใจเย็นชิวๆไปก่อนเนอะ
นัดกับ Taxi ที่โรงแรมให้เค้ามารับตอนตื4 ครึ่ง เพื่อที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Sarangkot เราเช่าเค้าทั้งวันเลยนะค่ะ ราคาอาจจะแพงหน่อยแต่คุยแล้วถูกชะตาและขับค่อนข้างดีเลยช่วยๆเค้าค่ะ ราคาอยู่ที่ 4000 รูปี
Taxi มารับตามกำหนดการค่ะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีและเดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิว จุดชมวิวมีหลายที่ค่ะ แต่ Taxi พามาดาดฟ้าหลังที่ 3 ขึ้นไปด้านบนจะมีเก้าอี้ให้นั่งดูก็จับจองที่นั่งมีผ้าคลุมให้ถ้าใครหนาวไปขอได้ และก็สามารถสั่งชาและกาแฟได้ค่ะ จากนั้นเราก็นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น
พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาแล้วค่ะ สวยมากกก ภูเขารายล้อม รอบไปหมด พอสักพักแสงจากดวงอาทิตย์มากระทบตรงยอดเขาเป็นสีส้ม สวยงามมาก ได้เห็นเทือกเขาอันนาปูรณะแบบเต็มตา และยอดเขา มัจฉาปูชเร (Machhapuchher) หรือ Fish Tail ทุกคนก็ร้องเสียงเฮ และลุกขึ้นถ่ายรูป คือมันสวยมากจริงๆ โรแมนติกมากๆค่ะ รู้สึกตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลือกมาที่นี้ เห็นทั่งวิวเขา วิวเมือง หมอก ประทับใจมากก!! ที่นี่คนนิยมมาเล่น paragliding ใครสนใจมาเล่นได้ แต่เรามีเวลาจำกัดจึงไม่ได้เล่นค่ะ หลังจากลงมา ไกด์ของเราก็บอกว่า นี้คุณโชคดีมากๆ หลายวันมานี้ไม่มีใครได้เห็นยอดเขาชัดๆ ส่วนใหญ่มีเมฆปกคลุม วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งโชคดีมากๆจริงๆ
จากนั้น Taxi ก็ขับพาเราไปที่ Shanti stupa หรือ world peace pagoda ต้องขึ้นบันไดต่อไปอีกพอหมอบๆ ค่ะ วิวสวยมากค่ะ แต่น่าเสียดายที่เห็นเทือกเขาไม่ชัดเพราะพอตอนบ่ายเมฆเริ่มมาปกคลุมแล้ว เราก็เดินชมวิว ไหว้พระ ถ่ายรูปสักพัก
แล้วก็ลงมานั่งพักดื่มน้ำ ร้านนี้เค้าว่ากันมากาแฟหลักร้อยวิวหลักล้าน เห็นด้วยค่ะ
แล้วก็ Check-out ออกจากโรงแรมและก็เดินไปรับประทานอาหารที่ร้าน Moondance ร้านนี้จริงๆถ้ามากลางคืนก็น่าจะได้บรรยากาศอารมกึ่งๆบาร์ค่ะ แต่มาบ่ายก็ได้นั่งด้านนอกชมเมืองไปเรื่อย อาหารอร่อยเลยค่ะ บริการดีด้วย
และแล้วก็ต้องอำลาเมือง Pokhara สัญญาถ้าได้มาใหม่จะอยู่ให้นานกว่านี้ จากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับ Kathmandu ค่ะ
[CR] [ตะลุยเนปาล...ดินแดนแห่งหิมาลัย] - 4 วัน 3 คืน (Part I)
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวทริปที่ไปเนปาล 4 วัน 3 คืน แบบไม่เทร็คกริ้ง สำหรับคนมีเวลาน้อย เนื่องจากจริงๆแล้วทริปนี้เรามาทำงานแต่แอบหนีเที่ยวได้ 4 วันค่ะ เราไปช่วงปลายเดือนตุลาคม 2559 (พึ่งมีเวลามาลองเขียน) อากาศเย็นสบายแต่ตอนกลางวันจะค่อนข้างแดดแรง อากาศประมาณ 25 องศากำลังดี ส่วนตั๋วเครื่องบินจองของการบินไทยค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ : https://www.facebook.com/allweneedisvacation
เราจะแบ่งเป็น 2 กระทู้นะคะ
1. จะเป็นรีวิวเมือง Pokhara (รีวิวนี้)
2. เมือง Kathmandu (รีวิวหน้า)
สรุปย่อๆในแต่ละวัน
วันที่ 1 จากกรุงเทพสู่สนามบิน Tribhuvan เมือง Kathmandu และบินต่อไปยัง Pokhara เดินเล่นทะเลสาบ, ทานอาหารเย็นดูการแสดงพื้นเมืองที่ร้าน Boomerang, พักที่ Hotel Point
วันที่2 ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขา Sarangkot, ชมวิวและไหว้พระที่ world peace pagoda , เดินเล่น Damside และ บินกลับไปยังเมือง Kathmandu พักที่ Hotel Ghangri
วันที่ 3 ไป มหาเจดีย์โพทนาถ” (Bhaudhanath) , Pashupatinath Temple, ทานอาหารกลางวันร้าน Yangling ย่าน Thamel , Swayambhunath Stupa (วัดลิง), Kathmandu Durbar Square, ทานอาหารเย็น ที่ Thamel house resterant เดินซื้อของฝากที่ Thamel พักที่ Hotel Shanker
วันที่ 4 เดินชมสวนยามเช้าที่ Garden of dream และ กลับกรุงเทพฯ
มาเริ่มกันเลย!!
วันที่ 1 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทย ราคาประมาณ 18,000 บาท ไฟท์บิน 10.15 จะถึง สนามบิน Tribhuvan 12.25 ก่อนจะถึงเนปาลวิวริมหนาต่างๆสวยมากๆ อย่าลืมตื่นมาชมกันนะค่ะ เราจะได้เห็นเทือกเขาสีขาวอยู่เหนือเมฆ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าลูกไหนคือ Everest ฮ่าๆ แต่ไม่เห็นกัปตันประกาศให้ดูเลย ดีนะทียังตื่นอยู่ เราตื่นเต้นมาก สวยๆค่ะ ชอบ
และเราก็มาถึงสนามบินอ่านมาจากๆหลากกระทู้บอกว่าค่อนข้างเล็กกะทัดรัดก็ตามที่เค้าว่ากันเลยค่ะ รอกระเป๋าโหลดนานนิดนึง
และเราก็เดินมาทางออกจะเจอที่แลกเงินค่ะ เข้าไปแลกได้เลยเรทพอๆกันกับในเมืองเลยค่ะ ตอนเราไป และเดินต่อมาอีกนิดจะเจอร้านขายsim โทรศัพท์ อันนี้เราไม่แน่ใจว่าซื้อในเมืองถูกกว่าไหมแต่เราจำเป็นต้องใช้เลย เลยซื้อเลย เราอ่านเค้าบอกให้ใช้ของ N-cell แต่ตอนนั้นร้านดันไม่พร้อมให้บริการเราเลยต้องซื้ออีกเจ้า คือ Neple Telecom เค้าเตอร์อยู่ข้างๆกัน จะมีราคาหลายแพกเกจให้เลือกหลายราคา เราเลือก Net 1 GB โทรได้ 100 นาที ราคา 1000 รูปีค่ะ แต่อันนี้เน็ตหมดแล้วมันตัดเลยนะค่ะ เล่นต่อไม่ได้ ก็คำนวนดีๆว่าจะใช้เท่าไร
จากนั้นเราก็เดินไปยังสนามบินภายในประเทศ Domestic ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากเพื่อไปขึ้นเครื่องไปเมือง Pokhara เราจองสายการบิน Yeti จองออนไลน์ตั้งแต่ประเทศไทยมาค่ะ ราคา 7093 บาท บินแค่ 25 นาที แพงจังแต่ด้วยความที่เรามีเวลาน้อยและเราอยากไปมาเลยลุยค่ะ ห้องโดยสารเล็กกะทัดรัดมากค่ะ
ตอนแรกกลัวมาเพราะเป็นเครื่องบินเล็กแบบใบพัดไม่เคยนั่งมาก่อนก็หวาดเสียวดีค่ะ แต่วิวข้างทางสวยจนลืมไปเลย อย่าลืมขาไปนั่งฝั่งขวานะค่ะ
ถึงแล้วเมือง Pokhara ที่พักมีบริการมารับส่งที่สนามบินฟรี เค้าก็มารับเราไปยังที่พักตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเสียงบีบแตร (แต่น้อยกว่า Kathmandu) นะคะ
จากนั้นเราก็เดินจากที่พักออกมายังทะเลสาบ Phewa บรรยากาศดีมาก มีเรือบริการเช่าพายได้ หรือจะขึ้นแบบไม่ต้องพายเองเพื่อไปว่ายพระกลางน้ำก็ได้ค่ะ แต่เราตัดสินใจนั่งเล่นชิวๆ ถ่ายรูปอยู่ริมทะเลสาบก็พอ
จากนั้นเราก็เดินไปเรียบทะเลสาบไปรับประทานอาหารที่ร้าน Boomerang ซึ่งจะมีการแสดงพื้นเมืองตอน 1 ทุ่มค่ะ และก็ไม่ลืมจะลองสั่งเบียร์ Everest มาลองชิม รสชาติแข็งไปหน่อยแต่มาถึงแล้วก็ต้องลองซะหน่อยค่ะ ส่วนอาหารที่สั่งมาวันนี้เป็น รสชาติใช้ได้ค่ะพอ 1 ทุ่มชาวต่างชาติมาเต็มร้านเลย แต่ขอบอกอย่างนึ่งคือที่เนปาลอาหารค่อนข้างช้ามากทุกๆร้านเลยค่ะ รอกันไปใจเย็นชิวๆไปก่อนเนอะ
นัดกับ Taxi ที่โรงแรมให้เค้ามารับตอนตื4 ครึ่ง เพื่อที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Sarangkot เราเช่าเค้าทั้งวันเลยนะค่ะ ราคาอาจจะแพงหน่อยแต่คุยแล้วถูกชะตาและขับค่อนข้างดีเลยช่วยๆเค้าค่ะ ราคาอยู่ที่ 4000 รูปี
Taxi มารับตามกำหนดการค่ะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีและเดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิว จุดชมวิวมีหลายที่ค่ะ แต่ Taxi พามาดาดฟ้าหลังที่ 3 ขึ้นไปด้านบนจะมีเก้าอี้ให้นั่งดูก็จับจองที่นั่งมีผ้าคลุมให้ถ้าใครหนาวไปขอได้ และก็สามารถสั่งชาและกาแฟได้ค่ะ จากนั้นเราก็นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น
พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาแล้วค่ะ สวยมากกก ภูเขารายล้อม รอบไปหมด พอสักพักแสงจากดวงอาทิตย์มากระทบตรงยอดเขาเป็นสีส้ม สวยงามมาก ได้เห็นเทือกเขาอันนาปูรณะแบบเต็มตา และยอดเขา มัจฉาปูชเร (Machhapuchher) หรือ Fish Tail ทุกคนก็ร้องเสียงเฮ และลุกขึ้นถ่ายรูป คือมันสวยมากจริงๆ โรแมนติกมากๆค่ะ รู้สึกตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลือกมาที่นี้ เห็นทั่งวิวเขา วิวเมือง หมอก ประทับใจมากก!! ที่นี่คนนิยมมาเล่น paragliding ใครสนใจมาเล่นได้ แต่เรามีเวลาจำกัดจึงไม่ได้เล่นค่ะ หลังจากลงมา ไกด์ของเราก็บอกว่า นี้คุณโชคดีมากๆ หลายวันมานี้ไม่มีใครได้เห็นยอดเขาชัดๆ ส่วนใหญ่มีเมฆปกคลุม วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งโชคดีมากๆจริงๆ
จากนั้น Taxi ก็ขับพาเราไปที่ Shanti stupa หรือ world peace pagoda ต้องขึ้นบันไดต่อไปอีกพอหมอบๆ ค่ะ วิวสวยมากค่ะ แต่น่าเสียดายที่เห็นเทือกเขาไม่ชัดเพราะพอตอนบ่ายเมฆเริ่มมาปกคลุมแล้ว เราก็เดินชมวิว ไหว้พระ ถ่ายรูปสักพัก
แล้วก็ลงมานั่งพักดื่มน้ำ ร้านนี้เค้าว่ากันมากาแฟหลักร้อยวิวหลักล้าน เห็นด้วยค่ะ
แล้วก็ Check-out ออกจากโรงแรมและก็เดินไปรับประทานอาหารที่ร้าน Moondance ร้านนี้จริงๆถ้ามากลางคืนก็น่าจะได้บรรยากาศอารมกึ่งๆบาร์ค่ะ แต่มาบ่ายก็ได้นั่งด้านนอกชมเมืองไปเรื่อย อาหารอร่อยเลยค่ะ บริการดีด้วย
และแล้วก็ต้องอำลาเมือง Pokhara สัญญาถ้าได้มาใหม่จะอยู่ให้นานกว่านี้ จากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับ Kathmandu ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น