
วันอาทิตย์ธรรมดาๆ วันหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาทำภารกิจประจำสัปดาห์ต่างๆ เสร็จแล้ว ก็นั่งเบื่ออยู่สักพัก จนเกือบๆ เที่ยง ภรรยาก็มาชวนว่าเราเข้าไปเที่ยวในกรุงเทพกันไหม? (...ความเงียบงัน แว่บเข้ามาในหัวเราชั่วขณะ....)
ใช่แล้วครับ...ทุกท่านอ่านไม่ผิดครับ ที่เราจะไปกันก็คือกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมร ของเรานี่เอง
เราเองไม่ได้อยู่ต่างจังหวัด หรือดินแดนห่างไกลที่ไหนเลย เราเองก็อาศัยอยู่ในกรุงเทพรอบนอกนี่เอง ดังนั้นการเข้าไปเที่ยวในกรุงเทพของเราวันนี้ คือการเดินทางไปยังใจกลางเมืองหลวงก็เท่านั้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าธรรมดาจัง แต่สำหรับเราแล้วการเข้าไปใจกลางเมืองครั้งนี้ได้เปลี่ยนความรู้สึกของเราไปหลายๆอย่าง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมๆ กันเลย...
ตรงหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เราต้องลงมาจากแท็กซี่ทั้งที่ไม่รู้เส้นทางดีนัก เนื่องจากมีการปิดกั้นการจราจรในหลายๆ เส้นทาง อันเนื่องมาจากความสูญเสียพระผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งสถิตในใจเราทุกคน... การเดินทางของเราจึงเริ่มจากตรงนี้ เรากับภรรยาก็เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เราก็ไม่ได้คุ้นชินแต่อย่างได ผู้คนไม่ได้แน่นหนาและพลุกพล่านอย่างที่คิดเอาไว้ ผิดกันกลับดูโล่งโปร่งสบายเสียด้วยซ้ำ เราเดินมาได้เพียงนิดเดียวก็ได้เหลือบไปเห็นภาพนี้

เป็นภาพรำลึกถึงพระองค์ท่านติดเรียงรายตลอดแนวรั้วของทางมหาวิทยาลัย การสูญเสียครั้งนี้นับว่าหนักหน่วงและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก... เราผู้ซึ่งยังคงอยู่คงจะทำได้เพียงรำลึกถึงคุณงามความดีที่พระองค์ท่านได้ทรงทุ่มเทพระวรกายทำเอาไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง และน้อมนำเอาพระราชดำรัสไปเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตของเราต่อไป เสร็จแล้วเราจึงออกเดินต่อไป
เราเดินตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร จะปล่อยผ่านไปเฉยๆ ก็ยังไงๆ อยู่ เรากับภรรยาจึงแวะเข้าไปไหว้พระสักหน่อยดีกว่า เดินทางเข้าประตูมาก็พบว่าการที่เราจะเข้าชมวัดนั้นสำหรับคนไทยเราเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากเป็นชาวต่างชาตินั้นคิดที่ 6 USD ต่อคน หรือก็ราวๆ 200 บาทเลยทีเดียว (คิดในใจ...ดีนะเราคนไทย) พอเข้ามาได้ก็พบว่าภายในวัดมีความงดงามตามแบบฉบับวัดไทย แล้วมีหรอที่เราจะไม่ถ่ายรูปเอาไว้





แวะเที่ยววัดได้สักพัก เราก็ออกมาจากวัดแล้วเดินตามทางไปจนสุดหัวมุมก็เลี้ยวซ้ายผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัย มาในส่วนหน้าของพระบรมมหาราชวัง แต่เราอยู่ตรงฝั่งทางมหาวิทยาลัยศิลปากร ตรงบริเวณนี้ก็มีภาพบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงภูมิพล ซึ่งเป็นผลงานของมหาวิทยาลัยศิลปากรประดับเรียงรายตลอดแนวรั้ว

หิ้วตาปลา พาภรรยาเที่ยวกรุงเทพฯ
ใช่แล้วครับ...ทุกท่านอ่านไม่ผิดครับ ที่เราจะไปกันก็คือกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมร ของเรานี่เอง
เราเองไม่ได้อยู่ต่างจังหวัด หรือดินแดนห่างไกลที่ไหนเลย เราเองก็อาศัยอยู่ในกรุงเทพรอบนอกนี่เอง ดังนั้นการเข้าไปเที่ยวในกรุงเทพของเราวันนี้ คือการเดินทางไปยังใจกลางเมืองหลวงก็เท่านั้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าธรรมดาจัง แต่สำหรับเราแล้วการเข้าไปใจกลางเมืองครั้งนี้ได้เปลี่ยนความรู้สึกของเราไปหลายๆอย่าง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมๆ กันเลย...
ตรงหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เราต้องลงมาจากแท็กซี่ทั้งที่ไม่รู้เส้นทางดีนัก เนื่องจากมีการปิดกั้นการจราจรในหลายๆ เส้นทาง อันเนื่องมาจากความสูญเสียพระผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งสถิตในใจเราทุกคน... การเดินทางของเราจึงเริ่มจากตรงนี้ เรากับภรรยาก็เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เราก็ไม่ได้คุ้นชินแต่อย่างได ผู้คนไม่ได้แน่นหนาและพลุกพล่านอย่างที่คิดเอาไว้ ผิดกันกลับดูโล่งโปร่งสบายเสียด้วยซ้ำ เราเดินมาได้เพียงนิดเดียวก็ได้เหลือบไปเห็นภาพนี้
เราเดินตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร จะปล่อยผ่านไปเฉยๆ ก็ยังไงๆ อยู่ เรากับภรรยาจึงแวะเข้าไปไหว้พระสักหน่อยดีกว่า เดินทางเข้าประตูมาก็พบว่าการที่เราจะเข้าชมวัดนั้นสำหรับคนไทยเราเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากเป็นชาวต่างชาตินั้นคิดที่ 6 USD ต่อคน หรือก็ราวๆ 200 บาทเลยทีเดียว (คิดในใจ...ดีนะเราคนไทย) พอเข้ามาได้ก็พบว่าภายในวัดมีความงดงามตามแบบฉบับวัดไทย แล้วมีหรอที่เราจะไม่ถ่ายรูปเอาไว้
แวะเที่ยววัดได้สักพัก เราก็ออกมาจากวัดแล้วเดินตามทางไปจนสุดหัวมุมก็เลี้ยวซ้ายผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัย มาในส่วนหน้าของพระบรมมหาราชวัง แต่เราอยู่ตรงฝั่งทางมหาวิทยาลัยศิลปากร ตรงบริเวณนี้ก็มีภาพบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงภูมิพล ซึ่งเป็นผลงานของมหาวิทยาลัยศิลปากรประดับเรียงรายตลอดแนวรั้ว