SME ไทย เตรียมตัวเจ๊งได้เลย อาลีบาบาตั้งไทยเป็นฮับกระจายสินค้า ดันใช้เป็นศูนย์กลางส่งสินค้าไป CLMV

http://www.thansettakij.com/content/138255

ท่ามกลางกระแสข่าว “อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของโลก ย้ายการลงทุนศูนย์กระจายสินค้าอี-คอมเมิร์ซภูมิภาคจากไทยไปมาเลเซีย ล่าสุดข่าวถูกสยบด้วยความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อคณะผู้บริหารของ ลาซาด้ากรุ๊ป นำโดยนายธรินทร์ ธนียวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจากลาซาด้า ภูมิภาคอาเซียน  ได้เข้าพบนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เพื่อยืนยันการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กระจายสินค้าอี-คอมเมิร์ซของภูมิภาค

นายอุตตมเปิดเผยว่า ผู้บริหาร ลาซาด้ากรุ๊ป ในกลุ่มอาลีบาบา ยืนยันชัดเจนว่าต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในการกระจายสินค้าอี-คอมเมิร์ซ ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ก่อนไปสู่ภูมิภาคอาเซียน  และตลาดโลก เนื่องจากไทยมีที่ตั้ง หรือยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค



ไทยยังมีขนาดตลาดอี-คอมเมิร์ซที่ใหญ่และเติบโตสูง กลุ่มลาซาด้า และอาลีบาบายังมองเอสเอ็มอีไทยมีซัพพลายเชน ขณะเดียวกันยังมองเห็นสิทธิประโยชน์การลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรืออีอีซี และภาครัฐยังมีความมุ่งมั่นในการผลักดันภายใต้นโยบายขยายความเติบโตทางเศรษฐกิจ


“ผู้บริหารลาซาด้ายืนยันว่าอาลีบาบา กรุ๊ป ต้องการลงทุนในไทยระยะยาว และสนับสนุนยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 กับอีอีซี โดยต้องการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทย”

การลงทุนจะแบ่งเป็นเฟส เริ่มต้นจากการสร้าง “เจน 5 อี-คอมเมิร์ซ พาร์ก” ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองที่มีองค์ประกอบเชื่อมโยงอี-คอมเมิร์ซ ตั้งแต่การพัฒนาผู้ประกอบการ การผลิตสินค้าเอสเอ็มอี ไปถึงการเป็นศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาค ขณะนี้กำลังจัดหาสถานที่แล้วขีดเส้นพื้นที่ที่ต้องการจัดตั้งเจน 5 อี-คอมเมิร์ซ พาร์ก คาดว่าในเฟสแรกจะเริ่มลงทุนได้ภายในปีนี้ ส่วนเจน 5 จะเต็มรูปแบบได้ภายในระยะเวลา 3 ปี

รูปแบบการลงทุนของอาลีบาบา กรุ๊ปในมาเลเซีย แตกต่างจากไทยโดยในมาเลเซีย เป็นการลงทุนนำแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซเชื่อมโยงสินค้าจากจีนไปยังมาเลเซีย แต่การลงทุนในไทยนั้นเป็นการลงทุนขนาดใหญ่กว่า ครอบคลุมตั้งแต่ต้นนํ้าถึงปลายนํ้า โดยอาลีบาบาต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปกลุ่ม CLMV ก่อนกระจายไปสู่ภูมิภาคอาเซียนและไปสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือโครงการพัฒนาเอสเอ็มอี ซึ่งที่ผ่านมาลาซาด้าได้ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์มาแล้ว 3 เดือน กำลังจะขยายเขตพื้นที่กรุงเทพฯไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ลาซาด้ายังได้เสนอร่วมกระทรวงอุตสาหกรรม พัฒนาโครงการเอสเอ็มอี 4.0 ช็อป แพลตฟอร์มกลางขายสินค้าผ่านอี-คอมเมิร์ซของเอสเอ็มอีไทย

การร่วมหารือครั้งนี้ มีนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เข้าร่วมก่อตั้งทีมงานขึ้นมาประชุมกับลาซาด้า เกี่ยวกับสิทธิพิเศษด้านพิธีการศุลกากร

ด้านนายอเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร  บริษัท ลาซาด้า (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะบริษัทในเครือบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป ที่ได้มีการลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการผลักดันเอสเอ็มอีไปสู่อี-คอมเมิร์ซก่อนหน้านี้ ได้รับมอบหมายจากบริษัทแม่ให้เป็นผู้ดำเนินการอบรมความรู้ทางด้านไอที และให้ความรู้ด้านการขายสินค้าบนอี-คอมเมิร์ซแพลตฟอร์มกับเอสเอ็มอีในไทย จำนวน 3 หมื่นราย

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ผู้บริหารลาซาด้าและอาลีบาบา กรุ๊ป มีกำหนดเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระหว่างการประชุมบอร์ดอีอีซี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ที่จ.ระยอง เพื่อหาข้อสรุปการลงทุนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าอี-คอมเมิร์ซไปยัง CLMV และภูมิภาค


SME ไทยเตรียมตัวปิดกิจการได้เลยครับ นึกดูนะครับ ว่าจีนเขาผลิตของสากกระเบือยันเรือรบขนาดนั้น คนไทยไม่ต้องผลิตอะไรเลย ซื้อจากจีนมาขายถูกกว่า ภาคแรงงาน,อุตสาหกรรม จะขยายตัวได้หรอ การเปิดศูนย์กระจายสินค้า ทั้งจ้างคนภาคไอทีและขนส่ง จะชดเชยภาคอุตสาหกรรม,แรงงานได้หรอครับ พ่อค้าคนกลางสั่งของล็อตใหญ่เข้ามาจากจีนผ่าน Ali แล้วโรงงานในไทยจะสู้สินค้าจากจีนเรื่องราคาได้หรอครับ เตรียมตัวเจ๊งเลยครับ ก็ขอให้รัฐบาลลุงตู่ไม่งดภาษีให้อาลีนะครับ

แต่ถ้าไม่อยากให้เจ๊ง อยากให้รัฐบาลลุงตู่ไปเจรจา ขอเอาสินค้า SME ไทย , OTOP , สินค้าพื้นบ้านไทย,โครงการหลวง เข้ามาในโกดังกระจายสินค้าขายด้วยได้มั้ย จะได้เปลี่ยนจากเจ๊งเป็นมีคนมาช่วยขาย กลายเป็นดีขึ้นมาอีก ชาวพันทิปคิดยังไงกันบ้างครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่