ล้มละลายที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ *___*

ตามชื่อกระทู้เลยค่ะ ไปงานหนังสือรอบนี้ล้มละลายเกือบหมดตัว 55555
สงสัยอัดอั้น เพราะปีที่แล้วไม่ได้ไปเลยซักรอบ แล้วช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือมาอ่าน
พอได้ไปเดินในงานเลยตบะแตก ซื้อกระจายเลยคร่า
และในเมื่อกระเป๋าฉีกไปขนาดนี้ เลยขอทำตัวให้เป็นประโยชน์ซะหน่อย
ด้วยการเล่าถึงการเดินในงานหนังสือและหนังสือที่ซี้อมาค่ะ

ลุย !!!!

เริ่มจากความตั้งใจแรกคือจะไปเดินงานในวันเสาร์ที่ 1 เม.ย. แต่อดใจไม่ไหว
เลยไปเดินตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่ 31 เรียกว่าเลิกงานแล้วรีบพุ่งตัวไปทันที
กะว่าไปเดินชิวๆ คนน้อยๆ สำรวจตลาดก่อนว่าจะซื้ออะไรบ้าง พรุ่งนี้มาเดินจะได้ไม่เสียเวลา
ฮึฮึ... นี่คือผลพวงจากการเดินชิว สำรวจตลาดค่ะ ได้มาแค่หนังสือบรรจุในถุงผ้าขนาดย่อมเอง


เผื่อใครกะขนาดไม่ถูก นี่คือขนาดที่เทียบกับขวดน้ำ 1.5 ลิตร


ถุงผ้านี้คือของแถมจากบูธมติชน สำหรับยอดซื้อ 1,500 บาทขึ้นไป
จริงๆ ยอดของเรา หย่อนจาก 2,000 ไปไม่กี่บาท ซึ่งจะได้ของแถมเป็นแก้วเก็บความเย็น
แต่เราต้องไม่เป็นเหยื่อการตลาดซื้อของเพราะของแถมใช่มั้ยคะสาวๆ
(ปล. ถุงผ้าข้างบนน่ะ ได้มาเพราะตอนแรกซื้อ 1,300 แล้วพนักงานบอกว่าซื้อ 1,500 ได้กระเป๋า - -" )
เอาจริงมันก็เก๋ๆ ดีนะ ใบใหญ่มาก จุของได้เยอะดี เขามีให้เลือก 3 สี จำได้ว่ามีสีเหลืองด้วย แต่อีกสีจำไม่ได้แล้ว
แล้วพอไปเดินวันที่สอง แล้วเห็นคนสะพายกัน ก็ยิ้มอยู่ในใจ "ชั้นก็ได้ ได้ก่อนด้วย ฮิฮิ" (โรคจิตเนอะ)
ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจจะรีวิว เลยไม่ได้ถ่ายรูปในงานมาเลย
แต่ไปตอนเย็นวันธรรมดา สบายกว่าเดินวันหยุดจริงๆ เดินเลือกได้สบาย ไม่ต้องแออัดยัดเยียด
ใครไม่ชอบเบียด และโดนเบียด แนะนำให้ไปวันธรรมดาค่ะ

เอาล่ะ มาถึงวันที่สองบ้าง
วันนี้เราไปถึงตอนบ่ายๆ คนเยอะมากกกกกกก เหมือนเดิมทุกปี
ตอนแรกตั้งใจจะถ่ายบรรยากาศในงานมาฝากเยอะๆ
แต่คนเดินเบียดกันไปมา จะยืนหยุดถ่ายก็ขวางทางคนอื่น ตัวก็เตี้ย ถ่ายมุมสูงไม่ถึง
แถมก็ถือของพะรุงพะรัง เลยไม่ได้ถ่ายมาซักเท่าไหร่ เอาเท่าที่มีละกันนะ
ขอโทษด้วย รูปก็เบลอๆ ของหนัก มือสั่น




นั่นแหละค่ะ บรรยากาศในงาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

คราวนี้มาถึงการสารภาพบาปกันบ้าง ว่าข้าพเจ้าล้มละลายไปกับอะไรบ้างงงงงงงงงง


มาไล่เลียงกันไปที่ละกลุ่มนะ เราจะใส่รูปไว้ แล้วใส่รายละเอียดไว้ใต้รูป
จะหาคำอธิบายหนังสือเล่มนั้นมาจาก สนพ. หรือปกหลัง
แต่ถ้าไม่มีเราก็จะอธิบายตามที่เราพอจะให้ข้อมูลได้ละกันนะ

1. จากบูธ a day


ได้มา 3 เล่ม คือ
1.1 a dream to die for
*****************
ชีวิตในโรงเรียนธุรกิจระดับโลกเป็นอย่างไร
ทำยังไงถึงจะมีเพื่อนสนิทเป็นคนอเมริกัน
หางานในอเมริกายากกว่าที่ไทยแค่ไหน
อยากทำงานบริษัทสตาร์ทอัพใน Silicon Valley มีหนทางไหม
และเมื่อสมัครงานไปถึง 3,000 ครั้งแล้วล้มเหลวทุกครั้ง
ต้องสู้ต่อและพัฒนาตัวเองอย่างไรถึงจะได้งานในฝัน
หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ

1.2 หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม
****************************
ตั้งแต่เล็กโทบี้รับรู้ได้จากพฤติกรรมของแม่ที่เป็นหมาข้างถนนว่า มนุษย์คือสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่แล้วมันกลับได้เรียนรู้ด้วยตัวเองในเวลาต่อมาว่า มนุษย์คือสิ่งที่เกี่ยวพันกับเป้าหมายของหมาตัวหนึ่งอย่างมันเป็นที่สุด เมื่อมันตายไปอย่างไม่ทันรู้ตัว และต้องกลับมาเกิดอีกครั้งในฐานะเบลีย์ โชคชะตาก็พามาพบกับอีธาน เด็กชายที่ทำให้มันรู้ทันทีว่า มันเกิดมาเพื่อทำให้เด็กชายคนนี้มีความสุข แต่หลังจากจบชีวิตแสนสุขที่ดูเหมือนว่าเบลีย์ได้บรรลุเป้าหมายในฐานะหมาตัวหนึ่งแล้ว มันยังกลับมาเกิดอีกครั้ง! และอีกครั้ง! ราวกับว่ายังเหลืออะไรบางอย่างที่มันต้องทำให้ลุล่วงเสียก่อนอย่างนั้นแหละ
หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม A Dog's Purpose นวนิยายเบสต์เซลเลอร์ที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เข้าฉายในปี 2017 โดย DreamWorks

1.3 JAPAN VINTAGE VILLAGE
************************
ก้อง–ทรงกลด ใช้เวลากว่า 6 ปีในการถ่ายทอดเรื่องราวสมัยหิ้วจักรยานขึ้นรถไฟญี่ปุ่นครั้งแรกๆ เพื่อออกเดินทางไปครึ่งประเทศ ตระเวนหาหมู่บ้านเก่าอันอุ่นอวลไปด้วยเรื่องราวของคนยุคสร้างโตเกียวทาวเวอร์

2. จากบูธ koob


ได้มา 3 เล่ม คือ
2.1 วินาที่ที่เป็นอิสระ
****************
หนึ่งความคิดผุดขึ้นมา แล้วเราก็วิ่งไล่ตามความคิดนั้นไป กระทั่งมีความคิดใหม่เกิดขึ้น
เป็นเช่นนี้ไปไม่รู้จบ อาจมิใช่เพียงหนึ่งวัน แต่เป็นทั้งชีวิต

2.2 แสง
*******
หนังสือเล่มนี้ของนิ้วกลม เปรียบเหมือนบทสนทนารอบกองไฟ
เหมือนชาถ้วยน้อย เหมือนอ้อมกอดของมิตรสหาย
ส่องสว่างเหมือนเปลวไฟ ที่ให้ทั้งอุ่นไอและแสงไฟที่ช่วยขับไล่ความมืด
ผมหวังว่า เเสงสว่างทางปัญญาจากหนังสือเล่มนี้
จะก่อให้เกิดแสงใหม่ ส่องสว่างต่อๆ ไป ในยุคสมัยแห่งความมืดมิด
มีแต่ร่วมกันจุดฟืนไฟเท่านั้น ความมืดจึงจะหายไป--ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

2.3 ทุกความลับคือความจริง
*********************
รอยยิ้มจะกลับมาเสมอ
เช่นกันกับใบไม้ที่ผลิใหม่
ตราบที่โลกยังหมุน

หนังสือที่จะทำให้คุณรู้สึกดี
กับความรักและชีวิต

3. จากบูธ Salmon


ได้มา 2 เล่ม

3.1 RUN ME TO THE MOON
***********************
จากอดีตเด็กอ้วนที่เกลียดการวิ่งเข้าไส้ กลับกลายมาหลงไหลและหันมาวิ่งอย่างเอาจริงเอาจัง เรื่องเล่าสุดเข้มข้นบอกเล่าตัวอักษรยียวนที่ไม่เคยได้เห็นที่ไหนของโตมร ศุขปรีชา ซึ่งไม่เพียงจะมาบอกเล่าแค่ชีวิตบนเส้นทางการวิ่งของเขาเท่านั้น แต่ยังพาเราไปหาคำตอบต่อคำถามเช่นว่า การวิ่งช่วยให้หายเศร้าจริงหรือเปล่า การวิ่งไปฟังเพลงไปช่วยให้วิ่งได้ดีขึ้นจริงไหม แล้วทำไมมนุษย์เราถึงเริ่มวิ่ง

3.2 How I Love my Mother
**********************
ทุกเช้าแม่จะมาปลุกเธอพร้อมน้ำส้ม จัดเตรียมเสื้อ กระโปรง ถุงเท้า รองเท้า อาหารการกิน ไปรับมาส่งทุกที่ทุกวันไม่เคยขาด เรียกได้ว่าเป็นลูกคุณหนูผู้สมบูรณ์สุด ๆ จนกระทั่งจู่ ๆ แม่ก็ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทำให้เธอได้รู้ว่าที่บ้านไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอคิด แต่ที่เธอสะดวกสบายมาตลอดก็เพราะความทุ่มเท ดูแล เอาใจใส่ของแม่ต่างหาก ชีวิตของเธอพลิกกลับด้านแบบเฉียบพลัน คนอื่น ๆ อาจจะคิดว่าเด็กผู้หญิงอายุ 16 อย่างเธอพอเจอเหตุการณ์แบบนี้คงต้องสติแตก นอยด์ หดหู่ รับมือไม่ได้ ปรับตัวไม่ถูก หมดอาลัยกับชีวิตแน่ ๆ แต่ไม่ใช่กับเด็กสาวที่ชื่อ "พาย" แน่นอน เพราะเธอสามารถรับมือกับการสลับบทบาทของเธอและแม่ได้อยู่หมัด พลิกมุมมองคิดบวกเพื่อเดินหน้าต่อไป และแม่ก็ช่วยเธอได้มากด้วยการเป็นคนป่วยที่สุดแสนจะอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน การดูแลแม่จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อหรือว่าเป็นทุกข์เลยสักนิด     นี่คือเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงที่ทั้งอบอุ่น อ่อนโยน และสนุกสนานไปกับความผูกพันของสองแม่ลูกอารมณ์ดี ที่แค่อ่านก็ผุดยิ้มขึ้นมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ความผูกพันของแม่ลูกที่รับมือและใช้ชีวิตในการมองโลกในแง่บวก เพื่อให้กำลังใจและความเข้มแข็งแก่กัน แถมยังมีโมเมนต์ความสัมพันธ์ซึ้ง ๆ ชวนน้ำตาคลอให้ได้นึกอยากรีบกลับบ้านไปกอดแม่แน่น ๆ ด้วยวิธีการเล่าเรื่องประกอบกับทัศนคติเชิงบวกและความจริงใจในตัวอักษร ที่ทำให้เรื่องของพายสามารถทำให้ใครก็ตามที่ได้อ่านอินร่วมกันได้อย่างง่ายดาย ทั้งสุข ซึ้ง อบอุ่นก็ครบรส จนอยากยกให้เป็นคู่มือการอยู่กับปัญหาอย่างมีความสุขฉบับสาวอารมณ์ดีเลยล่ะ


4. ขอตั้งชื่อว่า เซท 18+   (>..<)


สองเล่มนี้เนื้อหาวาบหวิวนิดหน่อย แต่โตแล้วอ่านได้เนอะ

4.1 เนินนางวีนัส Delta of Venus
************************
เนินนางวีนัส รวมเรื่องสั้นอีโรติกของ อนาอิส นิน นักเขียนหญิงสายเลือดสเปน ฝรั่งเศส และเดนมาร์ค เขียนขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 โดยมีจุดประสงค์หลักคือขายให้ลูกค้าผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่งด้วยสนนราคาหน้าละหนึ่งดอลลาร์ ต่อมาได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1977 ภายหลังจาก อนาอิส นิน เสียชีวิต
เนินนางวีนัส บอกเล่าความสัมพันธ์สวาทและอารมณ์วาบหวาม ผ่านมุมมองและน้ำเสียงของผู้หญิงยุคสมัยใหม่ เปิดเผย ซอกไซ้ ไล่เรียงด้วยสำนวนภาษาเรียบง่ายแต่งดงาม ให้ภาพที่แจ่มชัดแต่ซ่อนความหมายหลายเชิงชั้น
เนินนางวีนัส คือวรรณกรรมอีโรติกชั้นดี ที่ตีแผ่เบื้องลึกจิตใจมนุษย์ผู้มีความรู้สึก แรงปรารถนา และสัญชาตญาณของผู้ล่าความสุขกระสันได้อย่างเข้มข้น รื่นรมย์ และคมคาย

4.2 เทคโนโยนี: ประวัติศาสตร์ไวเบรเตอร์ ฮิสทีเรีย และออร์กัสซั่มของผู้หญิง (The Technology of Orgasm: "Hysteria," the Vibrator, and Women's Sexual Satisfaction)
***************************
ไวเบรเตอร์อาจถูกด่าทอสาปส่งโดยคนบางกลุ่ม และถูกเชิดชูโดยคนอีกกลุ่ม
ไวเบรเตอร์ไม่ได้ดี ไม่ได้เลว และไม่ได้เป็นกลาง การเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของไวเบรเตอร์เป็นจุดโฟกัสของข้อถกเถียงดุเดือดถึงพฤติกรรมและความต้องการทางเพศของผู้หญิง ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตราว่าเป็น “โรค” ที่ชื่อ “ฮิสทีเรีย”
เทคโนโยนี: ประวัติศาสตร์ไวเบรเตอร์ ฮิสทีเรีย และออร์กัสซั่มของผู้หญิง เล่มนี้ ว่าด้วยประวัติศาสตร์ของฮิสทีเรียและการต่อกรกับ "โรค" โดยบรรดาแพทย์ตลอดช่วงเวลานับพันปีที่ผ่านมา รวมทั้งเล่าถึงจุดกำเนิดและวิวัฒนาการของไวเบรเตอร์จากคลินิกมาสู่ห้องนอน  ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนให้ประหลาดใจ กระตุ้นให้ฉุกคิด และหลายครั้งก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้อ่านได้อีกด้วย
ปล. ขอพักกินข้าวกินปลาแป๊บ เดี๋ยวมาต่อในช่องคอมเมนต์นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่