จากเกรด 1.xx ไปสู่เกรด 3.xx: เล่าประสบการณ์ การอัพเกรดของอดีตเด็กสายวิศวะ

Topic 1: จากเกรด 1.xx ไปสู่เกรด 3.xx: แนวทางการอัพเกรดของอดีตเด็กสายวิศวะ (ภาคอุตสาหการ)

พอดีช่วงนี้ ผมว่างจากการขี้เกียจเขียน Proposal นะครับ โดยเหตุผลที่ผมเขียน กระทู้นี้ก็คือ ย้อนกลับไปหลายปีที่แล้ว ตอนผมสัมภาษณ์งานกับป.โท โดยคนนึงเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัท อีก คนนึงเป็นผู้เชียวชาญในสาขาอันดับต้นๆของโลก เค้าทั้งคู่บอกกับผมว่า เกรดคุณน้อยนะ แต่คุณน่าสนใจ โดยคำถามที่ทั้งคู่ถามผมคือ คุณเจออะไร ทำไมเกรดคุณแค่ 1.XX แล้วคุณพัฒนาไป สู่เกรด 3.XX ได้ยังไง

จุดหมายกระทู้นี้ คือ กระทู้อธิบายการเรียนวิศวะจากเกรด 1.xx ไปสู่ 3.xx โดยอ้างอิงจากประสบการณ์จริง
สิ่งที่ได้รับ ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลการเรียนของตัวเองครับ
ข้อจำกัดของกระทู้นี้นะครับ ผมเล่าจากประสบการณ์จริงในสายวิศวะเท่านั้นนะครับ สายอื่นๆอาจจะแตกต่างกัน แต่ยังไงก็ตาม ผมว่าหลักปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตัวเองไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่

บทนำ
การเรียนในชีวิตมหาลัยกับสมัยมัธยมนั้นเป็นก้าวสำคัญของชิวิตหลายๆคน สำหรับผมนั้นคิดว่ามันเป็นก้าวที่ห่างจากย้ายจากอนุบาลเข้าประถาม จากประถมเข้าสู่มัธยมต้น และเข้าสู่มัธยมปลาย ผมเชื่อว่ามีคนหลายๆคนที่ทำเกรดเทอมแรกไม่ดีแล้วก็รู้สึกท้อ ไม่อยากเรียนต่อ บางคนอาจจะมีความคิดที่เลวร้ายมากๆ ผมก็เป็นคนนึงที่เคยเจออุปสรรคพวกนี้มาแล้ว แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ผมเชื่อว่ามีหลายๆคนเจอสิ่งที่คล้ายๆแบบผม แล้วอาจยังจะยังสับสนใจตัวเอง หรือหาทางออกไม่เจอ
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตว่าจาก เกรด 1.xx ไปสู่ 3.xx สิ่งสำคัญในการสำเร็จในการก้าวผ่านต้องใช้อะไรบ้าง

ชีวิตปีที่ 1
เทอมแรก ปีแรกของการเรียนมหาลัยบอกเลยครับว่า มัน(โคตร)ต่างกับการเรียนม.ปลายมากๆ ไม่ต้องรีบไปโรงเรียนไปเข้าแถว พอไปสายไม่ต้องเจออ.ฝ่ายปกครอง ชีวิตมันค่อนข้างที่อิสระมากๆเลยทีเดียว อารมณ์ประมาณว่า ชีวิตเรา ณ ตอนนี้ไม่มีคนมาคอยมาจ้ำชี้จ้ำชัยสอนเรา “ดีชั่ว ก็อยู่ที่ตัวเอง”
เนื่องจากเทอมแรก ปีแรก มันคือการเรียนรวมกับภาคอื่นๆในคณะหรือเรียบกับคณะอื่นๆบ้าง ทำให้ระบบเช็คชื่อ มันไม่มี ซึ่งใครไม่เข้าก็ได้ก็ไม่ต้องเข้า หรือถ้ามันมีเราก็ฝากเพื่อนเช็คได้ ส่วนสำหรับผมเข้าทุกรอบครับ แต่เข้าไปหลับทุกคาบ เพราะบ้านผมกับมหาลัยห่างกันประมาณ 50 กิโล ขับรถก็ประมาณ 1 ชั่วโมงแต่ ไป กลับ ทุกวันครับ เพราะฉะนั้นต้องตื่นแต่เช้าไปแล้วเข้าหลับในห้องทุกวัน
ส่วนเรื่องการเรียนไม่เคยเข้าใจก็ทิ้งไว้ครับ ไม่สนใจ พอจะสอบก็มาอ่านก่อนสอบ 1 วัน แล้วก็ไม่เข้าใจ ผลออกมาก็  F => Calculus I , D => Physic และเกรดรวมปีแรกก็ 1.7X ฟังไม่ผิดครับ 1.7X เกรดออก นี่ไม่กล้าบอกแม่เลยครับผม แล้วผมก็เป็น 1 ในแก๊งติด Pro

สำหรับบางคนเรียนดีมาทั้งชีวิตอาจจะไม่รู้จักนะครับว่า Pro คือ อะไร เอาเป็นว่า ถ้าได้เกรดต่ำกว่า 1.5 เรียกว่า Pro ต่ำ ถ้าได้ GPA รวม ต่ำกว่า 1.5
2 เทอมมติด คือ โดนไทร์ ส่วนระดับผมซึ่งเกรดเทอมแรก 1.7X เค้าเรียกว่า Pro สูงครับ ถ้าได้ GPA รวม ต่ำกว่า 2 แต่เกิน 1.5 จะอยู่ในช่วง Pro สูง แต่ถ้า 4 เทอมติด คือ โดนไทร์นั่นเอง

บอกเลยครับว่าชีวิตช่วงนี้เครียดมากตั้งแรกเรียนมาไม่เคอยได้เกรดเท่านี้มาก่อน ตกเป็นว่าเล่น แต่. . . ก็ ช่างมันครับ ตกแล้วก็ซ่อม
พอเทอม 2 ยังติดนิสัยเดิมๆอยู่ดีครับ คือ ถ้าคาบเช้าเรียนเซกใหญ่ คือ เข้าไปหลับ แต่ผมบอกเลยครับ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง วิชา Calculus I
จากเทอม 1 ที่เคยตก ผมตั้งใจว่าจะไม่ตกแล้ว จากที่เทอม 1 บอกเลยว่ามาอ่าน 1 วันก่อนสอบมันไม่ได้แล้ว เทอมนี้เราต้องเอาใหม่ ถ้าจำไม่ผิดเทอมนี้ผมอ่าน 2 วันก่อนสอบครับ ได้ D+ => Calculus II กับ F => Physic II ส่วนเทอมนี้บอกเลยครับว่าโชคดีได้เกรดรวม 2.00 เป๊ะ ไม่ติด Pro หลุดพ้นจาก แก๊งติด Pro ละครับ

ชีวิตปี2
จาก ปี1 ไป ปี2 บอกเลยว่า แก๊งติด Pro โดนไทร์มาหลายคน ผมเลยตั้งใจเอาไว้ใหม่ครับ ว่าผมจะไม่ยอมโดนไทร์ ปีนี้เปลี่ยนตัวเองใหม่ เลิกกลับบ้านครับ มานอนหอ เพื่อจะได้มีเวลามากขึ้น แล้วมาอยู่กับเพื่อนครับ เป็นเด็กหอ กับเพื่อน จะพัฒนาตัวเอง แต่ บอกเลยนะครับ ว่ามาตั้งใจเทอมนี้ คือ ถือว่าพลาดมากๆๆ เพราะ วิชาพวก วิชาคณะ ต้องใช้ Basic Calculus I, II กับ Physic I, II มากๆ ถึงตั้งใจเรียนก็จะเรียนเข้าใจได้ยากครับ เพราะพื้นฐานเรา(โคตร)ไม่แน่น สรุปเทอมนี้ โดน F ไปสามตัว ไฟฟ้า, Statistic แล้วก็ แมคคานิค เกรดรวมปีนี้คือ 1.6X ต่ำสุดในชีวิตจริงๆๆ ทำให้ GPA รวมไปอยู่ 1.9X อยู่แก๊งติดโปร อีก 1 ครั้ง
***อยากจะขอบอกเลยนะครับว่า ปี 1 สำคัญมากๆ ให้ตั้งใจเรียน เพราะมันคือ เบสิคเข้าวิชาพวกปี  2***
ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ***อยากจะขอบอกเลยนะครับว่า ปี 1 สำคัญมากๆ ให้ตั้งใจเรียน เพราะมันคือ เบสิคเข้าวิชาพวกปี  2*** บอกเลยว่าเครียดครับ เครียดมาก ก็ต้องทำใจไปครับ

พอมาเทอม 2 ต้องขยันขึ้นครับ เพราะผมเป็นพวกติด Pro สูงแล้ว แล้วเข้าวิชาคณะแล้วด้วย มันใช้เบสิคจากปี 1 หมด มาเทอมนี้ผมจบเกรดด้วย 2.7X ฟังไม่ผิดครับ พัฒนามาจาก 1.7X โดยเทคนิค ก็ คือ
1.    เรียนให้เข้าใจในห้องครับ ไม่เข้าใจให้ถามเพื่อนทันที ขอย้ำว่าทันที หรือหลังคาบก็ได้ สำหรับผมไม่เข้าใจเยอะมากกก เพราะ เบสิคอ่อน บางอัน คือ ต้องจำไปครับ
2.    วิชาที่สอบมิดเทอมไปแล้วถ้ารู้ว่าไม่ดีก็ให้ถอนครับ อย่างเทอมนี้ผมถอน แมคคานิค 2 ออก เพราะมิดเทอมคะแนนผมแย่
3.    ตั้งใจเรียนในห้องครับ แล้วดูข้อ 1 ใหม่

การเรียนในห้องแล้วเข้าใจ หรือตั้งใจเรียน เวลากลับมาทบทวนก็จะง่ายครับ อ่านแล้วเข้าใจ
พอช่วง Summer ก็ต้องไปซ่อม ช่วง Summer ผมเอาใหม่เลยครับ พวกเบสิค นี่ถ้าผมงงผมจะถามอาจารย์ที่สอน Summer ให้ อ.อธิบาย โดยเทคนิคตอนนี้คือ
1.    ไม่เข้าใจให้ถามอาจารย์ครับ ถามหลังคาบก็ได้ครับ
2.    ฝึกทำโจทย์ครับ เราจะทำโจทย์ได้ คือ ต้องเข้าใจก่อน เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจเรื่องเบสิค ให้ย้อนไปดูข้อ 1 นะครับ
3.    ระหว่างทำโจทย์ถ้าไม่เข้าใจให้ถามเพื่อนได้ครับ เพราะในรุ่นมันจะมีพวกเข้าใจอยู่แล้ว
เกรด summer ออกมาค่อนข้างพอใจครับ เฉลี่ย B ทุกตัว

ชิวิตปี 3
ปี 3 เทอม 1 ก็ใช้เทคนิคเดิมครับ คือ ตั้งใจเรียนในห้อง เกรดจบเทอมนี้ด้วย 2.9X จะเห็นว่ามีพัฒนาการ ส่วนเกรดรวม จาก ปี 1     1.7X ขยับมาเป็น 2.4X ครับ แต่บอกเลยว่า ปี 3 เทอม 1 เป็นปีที่ผมเสียใจครับ คือ

เราตั้งใจเรียนในห้องแต่ไม่เข้าใจเพราะ วิชาเบสิค Stat II ฉุดเกรดลงเพราะมันใช้พื้นฐานจาก Stat I ตอนปี 2 เทอม 1 ซึ่งผมไม่ตั้งใจเรียนเลย จะมาขยันตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะฉะนั้น ขอย้ำอีกทีว่า ครับ ***อยากจะขอบอกเลยนะครับว่า เบสิคปีแรกๆ สำคัญมากๆ ให้ตั้งใจเรียน ***
ก่อนจะเข้าปี 3 เทอม 2 ผมก็ไปกำจัดจุดอ่อนครับ  ดูว่าวิชาไหนเราอ่อนก็ไปดูมัน ซึ่งโชคดีที่ว่าปีหลังๆ ผมตั้งใจเรียน เวลาย้อนกลับไปดูของเก่ามันก็ไม่ยากมากครับ ปีนี้ผมใช้เทคนิคเดิมคล้ายๆเดิม คือ
1.    ตั้งใจเรียนในห้อง
2.    เรียนให้เข้าใจจากในห้อง
3.    พยายามตอบคำถามอาจารย์

ปีนี้ผมพยายามเรียนให้เข้าใจจากในห้องครับ ทุกวิชา พยายามตอบคำถามอาจารย์ทุกวิชา อยากจะบอกว่าผมไม่ได้กลับมาทวนทุกวันนะครับ ก่อนสอบผมก็อ่านทวนก่อนสอบ เกรดเทอมนี้ได้คือ 3.2X ครับ ส่วนเกรดรวมขยับมาเป็น 2.5X แต่ยังไงก็ตามเทอมนี้มีจุดพีคในชีวิต คือ เทอมนี้จะมีบริษัทมาจัดหาเด็กฝึกงาน ผมก็ไปสมัคร แต่ ว่า เค้าไม่รับผมเนื่องจากเกรดผมต่ำว่า 2.75 เท่านี้ละครับ ผมบอกเลยว่า เกรด(โคตร)สำคัญในการหางาน เพราะเค้าไม่รู้จักเราครับ สิ่งที่วัดผลได้ง่ายที่สุด คือ เกรดนี้แหระครับ ขอย้ำอีกทีนะครับ เกรด(โคตร)สำคัญในการหางาน ทำให้เป้าหมาย ผม คือว่า เกรดรวมต้องได้มากกว่า 2.75

ส่วนปีที่เหลือ ผมก็ Step เดิมครับ
1.    ตั้งใจเรียนในห้อง
2.    เรียนให้เข้าใจจากในห้อง
3.    พยายามตอบคำถามอาจารย์
ก็ได้ 3 กว่าๆทุกเทอม แล้วเกรดก็มากกว่า 2.75
ผมจะสรุป ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลการเรียนของตัวเองครับ ให้ฟังนะครับ
1.    ต้องย้ำกับเสมอว่า พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ ใครที่ไม่แน่นต้องพยายามให้เพื่อนติว หรือ ถามอาจารย์ให้เขาใจ
2.    ตั้งใจเรียนในห้อง คือ ต้องจดที่อาจารย์เขียน, หรือถ้าใครเป็นพวกจดไม่ทัน(แบบผม) จด key สิ่งที่สำคัญพอครับ เพราะในห้องเรียนมันจะมีมือจด ซึ่ง จดได้ทุกคำแถมจดสวยอีกต่างหาก ยืมของมันไปลอกหรือไปซีลอคครับ
3.    เรียนให้เข้าใจ อันนี้จะต่างกับ ตั้งใจเรียนในห้องนะครับ คือ ในห้องเราต้องรู้ว่า อาจารย์สอนอะไรเราบ้าง ถ้าไม่เข้าใจก็ถามอาจารย์ท้ายคาบ หรือ ถามเพื่อน แต่ยังไงก็ตาม ถ้าเรามาถึงจุดนึงแล้ว เราจะรู้สึกว่า ต้องถามอาจารย์แทนครับเพราะเพื่อนจะช่วยเราไม่ได้อีกต่อไป
4.    มีปฏิสัมพันธ์กับอาจารย์ในการเรียน หมายความว่า ในห้องเรียน อาจารย์ถามอะไรก็คิดตามแล้วก็ลองตอบดูครับ จะทำให้เราจำสิ่งที่เราเรียนได้มากขึ้น

แต่ยังไงก็ตาม ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลการเรียนของตัวเอง ก็มีจุดอ่อนนะครับ คือ
1.    ผมไม่ได้ทบทวนบทเรียนวันต่อวันเท่าที่ควร และไม่ค่อยได้ทำโจทย์ คือ คิดว่าตั้งใจเรียนในห้องก็จบ ทำให้ผมเกรดออก จะไม่ค่อยได้ A ครับ เพราะจะผิดนั่น ผิดนู่น อยู่เสมอ
2.    การฝึกทำโจทย์จะทำให้เราไม่พลาดครับ อย่างผมเป็นพวก รนในห้องสอบ สมาธิค่อนข้างสั้น ทำให้พลาดเยอะ
สุดท้ายแล้วผมก็ผ่านเป้ายหมายผ่านเกรด 2.75 มาได้ ครับ ส่วนความสำเร็จบอกเลยว่า มาจากตัวเราเองล้วนๆครับ ใครที่ท้ออยู่ชีวิตต้องผ่านมาได้ครับ ผมก็ผ่านมาได้จากเด็กเรียนเกรด 1 กว่าๆ สู่เกรดเลข 3

ผมบอกเลยว่า เกรดสำคัญมากในการมีสิทธ์ เข้าไปสัมภาษณ์จริงๆ หลังจากจบมาผมทำงานมาได้ประมาณ 3 ปี ก่อนออกลาออกจากงานก็ มีรายได้เกินครึ่งล้านต่อปี จำนวนเงินเท่านี้สำหรับผม ถือว่าเยอะมาก ซึ่งผมมองว่า ส่วนสำคัญคือมาจากการพัฒนาตัวเองครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่