โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง : เรื่องราวบทแรกของค่าย T Moment
“หนังตลกที่ยิงมุกรัวเป็นปืนกล มีทั้งโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง”
Oversize...ทลายพุง เป็นหนังเรื่องแรกของค่าย
T Moment (ค่ายที่แยกตัวออกมาจาก
GTH) ซึ่งสำหรับ Oversize...ทลายพุง ผมถือเป็นหนังเปิดตัวเรื่องแรกที่ดีของทางค่าย T Moment ในการแนะนำตัวใหม่ให้คนรู้จัก เนื่องจากเป็นสไตล์หนังที่คนไทยคุ้นเคย Production ดี ตัวหนังก็ตลก ไม่แป๊กมาก ไม่แน่ว่าอนาคต T Moment อาจจะเป็นคู่แข่ง
GDH ที่ขับเคี่ยวสูสีในวงการภาพยนตร์ไทยก็ได้
โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง ได้รับการกำกับโดย
ภูวนิตย์ ผลดี & ชานนท์ ยิ่งยง มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ
“แคน หยอย โอ ปลื้ม” ตำรวจอ้วน 4 นาย ที่ชอบกินอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ได้ทำงานผิดพลาด (ผลจากการที่น้ำหนักตัวเกิน) จนผู้บังคับบัญชาได้ออกกฏระเบียบใหม่ คือ ทั้งสี่คนต้องลดน้ำหนักให้ได้ 30 กิโลใน 3 เดือน ในการลดความอ้วนครั้งนี้ ก็มีหัวหน้า คือ
“ผู้กองเจตน์” มาเป็นเทรนเนอร์จำเป็นคอยช่วยลดน้ำหนัก ทั้งสี่ต้องลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมาย ในขณะเดียวกัน ก็มีคดีใหญ่ที่ทั้งสี่ต้องรวมกันคลี่คลายปริศนาหาคนร้ายด้วยในเวลาเดียวกัน
เนื้อเรื่องสุดธรรมดา ผสมกับการยิงมุกตลกแบบรัวๆ
Oversize...ทลายพุง มีแนวเรื่องเป็นแบบแอ็คชันคอมเมดี้ เนื้อหาของ Oversize จะประกอบไปด้วยสามช่วง คือ ในช่วงแรกของหนัง หนังจะโฟกัสไปที่เรื่องการลดความอ้วน ความรักของแคน หลังจากนั้นช่วงกลางเรื่องก็จะเริ่มขยับไปขยายเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน การทำคดีของตำรวจมากขึ้น และในช่วงท้ายก็เน้นไปที่เรื่องการคลายปริศนาทั้งหมด พร้อมกับบทสรุปหนังที่เส้นทางชีวิตของทั้งสี่คนหลังจากผ่านไปสามเดือน
ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องของ
โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง คงต้องบอกว่า เป็นหนังที่พล็อตเรื่องธรรมดา เฉยๆ ไม่มีอะไรมาก เนื้อเรื่องหนังก็เป็นไปอย่างที่เรารู้กัน คือ ตำรวจอ้วนที่ต้องลดน้ำหนักให้สำเร็จ เมื่อหนังมีเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างธรรมดาแล้ว แถมยังเป็นไปตามสูตรสำเร็จหนัง ก็ส่งผลให้บทหนังดูอ่อนด้วย คือ ตัวเรื่องไม่โดดเด่น ไม่น่าสนใจเท่าที่ควรและไม่มีอะไรให้น่าสนใจติดตามมากนัก (เพราะ เป็นแนวเรื่องเราก็รู้ๆกันอยู่แล้ว) หลายๆอย่างในหนังก็ดูง่ายเกินไปหน่อย คงมาจากแนวหนังที่เน้นเป็นหนังตลก เคี้ยวง่าย
ยังดีที่หนังสามารถชดเชยพล็อตเรื่องธรรมดา ด้วยการยิงมุกตลกใส่คนดูแบบรัวๆ จึงทำให้หนังดูสนุกขึ้น การดำเนินเรื่องลื่นไหลยิ่งขึ้น น่าติดตามจากมุกตลกที่ตัวละครแต่ละตัวยิงมุกกันไปกันมา เรื่องมุกตลกส่วนใหญ่ก็เป็น
'มุกตลกแบบตรงๆ (Visual comedy)' ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก โผงผาง ยิงมาเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง มีทั้งที่โดนและไม่โดน ดังนั้นก็แล้วแต่คนชอบนะครับ ถ้าใครชอบหนังแนวมุกตลกแบบตรงๆ รัวๆ เส้นตื้น ถ้าได้ไปดูก็ถือว่าคุ้มมาก (เพื่อนผมสามคนหัวเราะลั่นเลย 555) แต่ถ้าไม่ได้ชอบมุกตลกแนวนี้ ชอบแนวมุกตลกที่ลึกๆหน่อย ก็อาจจะได้หัวเราะแห้งๆ เบื่อและผิดหวังได้
ส่วนประเด็นเรื่องความอ้วนที่หนังดูค่อนข้างโฟกัส ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะสั่นคลอนจิตใจคนได้อย่างรุนแรงให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง หรืออาจะเป็นเพราะ สไตล์หนังตลกแบบง่ายๆ ก็เลยไม่อยากจะเน้นดราม่าจุดนี้ ให้ซีเรียสจนเกินไป
Production ดี & เทคนิคหนังที่ดูใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดใน Oversize สำหรับผมเลย ก็คือ เรื่อง
' Production และเทคนิคที่ใช้ในหนัง ' ผมมีความรู้สึกว่านี่เป็นจุดชูโรงที่ช่วยชีวิตหนังให้สนุก น่าติดตามขึ้นมาก ทั้งมุมกล้องล้อเลียนหนังแอ็คชัน คิวบู๊สไตล์หนังแอ็คชัน การใช้ภาพ Slow-Motion การตัดต่อภาพยนตร์ ทำได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลย แถมยังดูแปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทยด้วย ไม่ค่อยจะเจอการใช้เทคนิคแบบนี้ มีที่รู้สึกว่ารำคาญใจหน่อย คือ การให้แสงที่ไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติสักเท่าไร
นักแสดง
สำหรับนักแสดงที่โดดเด่นที่สุด คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก
ศรัณย์ ชินสุวพลา (แคน) ซึ่งเป็นตัวละครที่หนังโฟกัสมากที่สุดแล้ว สามารถแสดงได้ดี ลื่นไหล ส่วนนักแสดงที่ผมชื่นชอบคาแรคเตอร์เป็นพิเศษมีอยู่ 2 คน คือ
ผู้กองเจตน์ (ศุภวิชญ์ มีเปรมวัฒนา) และ
ผู้กำกับ (จตุพล ชมภูนิช) รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่โผล่มาทีไรแย่งซีนตลอด (แต่ถ้าคนที่แย่งสายตาที่สุด คงเป็นเชอรีน น่ารักมาก 555)
สรุป
สำหรับ
Oversize...ทลายพุง ผมให้คะแนน
7.5/10
[พล็อตหนัง 6.5/10 , Production & เทคนิคหนัง 8/10 , ความสนุกของหนัง 7/10 (ขึ้นกับความขำของแต่ละคน)]
Oversize...ทลายพุง ถือเป็นหนังเปิดตัวเรื่องแรกของ
T Moment ที่ดี เพราะ แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้ดีระดับยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว มิหนำซ้ำยังดีกว่าหลายๆเรื่องด้วย จุดเด่นที่สุดของหนังอยู่ที่เรื่อง Production และเทคนิคหนัง ซึ่งสำหรับผมถือว่าทำได้ดีมาก ส่วนสไตล์การดำเนินเรื่องของหนัง ก็ดูแปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย (แต่หลายๆท่าน ก็บอกว่า เป็นหนังที่คล้ายกับเรื่อง
Hot Fuzz ซึ่งผมก็ยังไม่เคยดู) หนังยังเน้นประเด็นไปที่เรื่องความอ้วนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา หนังไทยก็ไม่ค่อยจะแตะประเด็นเกี่ยวกับเรื่องความอ้วนสักเท่าไร มีเรื่อง
โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง มาจี้ประเด็นนี้ ก็อาจจะช่วยให้หลายๆคนที่รูปร่างไม่ดี อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรูปร่างที่ดีมากขึ้น (มั้ง 555)
หากคุณต้องการดูหนังเกี่ยวกับคนอ้วน หรือหนังตลกที่ยิงมุกรัวสนั่นไม่หยุด Oversize...ทลายพุง ถือเป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาด
7.5/10
----------------------------------------------------------------------
ป.ล. หากรีวิวผิดพลาดหรือไม่ตรงใจประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ยังไงก็เชิญชวนให้ไปดูกันนะครับ เพราะ ความชอบ รสนิยม แต่ละคนก็แตกต่างกันไป ไม่แน่ว่าหากเราไปดูเรื่องนี้ เราอาจจะได้เจอหนังอีกเรื่องที่เราชอบที่สุดเลยก็ได้ แถมยังเป็นการสนับสนุนหนังไทยอีกด้วย
ป.ล.2 หากชอบรีวิวหรืออยากติดตามพูดคุย สามารถติดตามได้ทาง Facebook อีกช่องทางนะครับ
----------------------------------------------------------------------
เพลงประกอบภาพยนตร์
เพลง กำมือ - DOUBLETAP Feat. Oversize Guys (OST. โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง) | [OFFICIAL MV]
ไปอยู่ที่ไหนมา - Lipta [Official MV]
----------------------------------------------------------------------
แนะนำกระทู้เพิ่มเติม
@... วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้หนังเปิดค่ายอย่าง Oversize แป๊กแบบ Oversize ...@ (กระทู้ของคุณ Mr. Forever)
[CR] (Review) Oversize...ทลายพุง (2017) : เรื่องราวบทแรกของค่าย T Moment
Oversize...ทลายพุง เป็นหนังเรื่องแรกของค่าย T Moment (ค่ายที่แยกตัวออกมาจาก GTH) ซึ่งสำหรับ Oversize...ทลายพุง ผมถือเป็นหนังเปิดตัวเรื่องแรกที่ดีของทางค่าย T Moment ในการแนะนำตัวใหม่ให้คนรู้จัก เนื่องจากเป็นสไตล์หนังที่คนไทยคุ้นเคย Production ดี ตัวหนังก็ตลก ไม่แป๊กมาก ไม่แน่ว่าอนาคต T Moment อาจจะเป็นคู่แข่ง GDH ที่ขับเคี่ยวสูสีในวงการภาพยนตร์ไทยก็ได้
โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง ได้รับการกำกับโดย ภูวนิตย์ ผลดี & ชานนท์ ยิ่งยง มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ “แคน หยอย โอ ปลื้ม” ตำรวจอ้วน 4 นาย ที่ชอบกินอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ได้ทำงานผิดพลาด (ผลจากการที่น้ำหนักตัวเกิน) จนผู้บังคับบัญชาได้ออกกฏระเบียบใหม่ คือ ทั้งสี่คนต้องลดน้ำหนักให้ได้ 30 กิโลใน 3 เดือน ในการลดความอ้วนครั้งนี้ ก็มีหัวหน้า คือ “ผู้กองเจตน์” มาเป็นเทรนเนอร์จำเป็นคอยช่วยลดน้ำหนัก ทั้งสี่ต้องลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมาย ในขณะเดียวกัน ก็มีคดีใหญ่ที่ทั้งสี่ต้องรวมกันคลี่คลายปริศนาหาคนร้ายด้วยในเวลาเดียวกัน
เนื้อเรื่องสุดธรรมดา ผสมกับการยิงมุกตลกแบบรัวๆ
Oversize...ทลายพุง มีแนวเรื่องเป็นแบบแอ็คชันคอมเมดี้ เนื้อหาของ Oversize จะประกอบไปด้วยสามช่วง คือ ในช่วงแรกของหนัง หนังจะโฟกัสไปที่เรื่องการลดความอ้วน ความรักของแคน หลังจากนั้นช่วงกลางเรื่องก็จะเริ่มขยับไปขยายเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน การทำคดีของตำรวจมากขึ้น และในช่วงท้ายก็เน้นไปที่เรื่องการคลายปริศนาทั้งหมด พร้อมกับบทสรุปหนังที่เส้นทางชีวิตของทั้งสี่คนหลังจากผ่านไปสามเดือน
ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องของ โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง คงต้องบอกว่า เป็นหนังที่พล็อตเรื่องธรรมดา เฉยๆ ไม่มีอะไรมาก เนื้อเรื่องหนังก็เป็นไปอย่างที่เรารู้กัน คือ ตำรวจอ้วนที่ต้องลดน้ำหนักให้สำเร็จ เมื่อหนังมีเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างธรรมดาแล้ว แถมยังเป็นไปตามสูตรสำเร็จหนัง ก็ส่งผลให้บทหนังดูอ่อนด้วย คือ ตัวเรื่องไม่โดดเด่น ไม่น่าสนใจเท่าที่ควรและไม่มีอะไรให้น่าสนใจติดตามมากนัก (เพราะ เป็นแนวเรื่องเราก็รู้ๆกันอยู่แล้ว) หลายๆอย่างในหนังก็ดูง่ายเกินไปหน่อย คงมาจากแนวหนังที่เน้นเป็นหนังตลก เคี้ยวง่าย
ยังดีที่หนังสามารถชดเชยพล็อตเรื่องธรรมดา ด้วยการยิงมุกตลกใส่คนดูแบบรัวๆ จึงทำให้หนังดูสนุกขึ้น การดำเนินเรื่องลื่นไหลยิ่งขึ้น น่าติดตามจากมุกตลกที่ตัวละครแต่ละตัวยิงมุกกันไปกันมา เรื่องมุกตลกส่วนใหญ่ก็เป็น 'มุกตลกแบบตรงๆ (Visual comedy)' ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก โผงผาง ยิงมาเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง มีทั้งที่โดนและไม่โดน ดังนั้นก็แล้วแต่คนชอบนะครับ ถ้าใครชอบหนังแนวมุกตลกแบบตรงๆ รัวๆ เส้นตื้น ถ้าได้ไปดูก็ถือว่าคุ้มมาก (เพื่อนผมสามคนหัวเราะลั่นเลย 555) แต่ถ้าไม่ได้ชอบมุกตลกแนวนี้ ชอบแนวมุกตลกที่ลึกๆหน่อย ก็อาจจะได้หัวเราะแห้งๆ เบื่อและผิดหวังได้
ส่วนประเด็นเรื่องความอ้วนที่หนังดูค่อนข้างโฟกัส ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะสั่นคลอนจิตใจคนได้อย่างรุนแรงให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง หรืออาจะเป็นเพราะ สไตล์หนังตลกแบบง่ายๆ ก็เลยไม่อยากจะเน้นดราม่าจุดนี้ ให้ซีเรียสจนเกินไป
Production ดี & เทคนิคหนังที่ดูใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดใน Oversize สำหรับผมเลย ก็คือ เรื่อง ' Production และเทคนิคที่ใช้ในหนัง ' ผมมีความรู้สึกว่านี่เป็นจุดชูโรงที่ช่วยชีวิตหนังให้สนุก น่าติดตามขึ้นมาก ทั้งมุมกล้องล้อเลียนหนังแอ็คชัน คิวบู๊สไตล์หนังแอ็คชัน การใช้ภาพ Slow-Motion การตัดต่อภาพยนตร์ ทำได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลย แถมยังดูแปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทยด้วย ไม่ค่อยจะเจอการใช้เทคนิคแบบนี้ มีที่รู้สึกว่ารำคาญใจหน่อย คือ การให้แสงที่ไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติสักเท่าไร
นักแสดง
สำหรับนักแสดงที่โดดเด่นที่สุด คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก ศรัณย์ ชินสุวพลา (แคน) ซึ่งเป็นตัวละครที่หนังโฟกัสมากที่สุดแล้ว สามารถแสดงได้ดี ลื่นไหล ส่วนนักแสดงที่ผมชื่นชอบคาแรคเตอร์เป็นพิเศษมีอยู่ 2 คน คือ ผู้กองเจตน์ (ศุภวิชญ์ มีเปรมวัฒนา) และผู้กำกับ (จตุพล ชมภูนิช) รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่โผล่มาทีไรแย่งซีนตลอด (แต่ถ้าคนที่แย่งสายตาที่สุด คงเป็นเชอรีน น่ารักมาก 555)
สรุป
สำหรับ Oversize...ทลายพุง ผมให้คะแนน 7.5/10
[พล็อตหนัง 6.5/10 , Production & เทคนิคหนัง 8/10 , ความสนุกของหนัง 7/10 (ขึ้นกับความขำของแต่ละคน)]
Oversize...ทลายพุง ถือเป็นหนังเปิดตัวเรื่องแรกของ T Moment ที่ดี เพราะ แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้ดีระดับยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว มิหนำซ้ำยังดีกว่าหลายๆเรื่องด้วย จุดเด่นที่สุดของหนังอยู่ที่เรื่อง Production และเทคนิคหนัง ซึ่งสำหรับผมถือว่าทำได้ดีมาก ส่วนสไตล์การดำเนินเรื่องของหนัง ก็ดูแปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย (แต่หลายๆท่าน ก็บอกว่า เป็นหนังที่คล้ายกับเรื่อง Hot Fuzz ซึ่งผมก็ยังไม่เคยดู) หนังยังเน้นประเด็นไปที่เรื่องความอ้วนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา หนังไทยก็ไม่ค่อยจะแตะประเด็นเกี่ยวกับเรื่องความอ้วนสักเท่าไร มีเรื่อง โอเวอร์ไซส์...ทลายพุง มาจี้ประเด็นนี้ ก็อาจจะช่วยให้หลายๆคนที่รูปร่างไม่ดี อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรูปร่างที่ดีมากขึ้น (มั้ง 555)
หากคุณต้องการดูหนังเกี่ยวกับคนอ้วน หรือหนังตลกที่ยิงมุกรัวสนั่นไม่หยุด Oversize...ทลายพุง ถือเป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาด
ป.ล. หากรีวิวผิดพลาดหรือไม่ตรงใจประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ยังไงก็เชิญชวนให้ไปดูกันนะครับ เพราะ ความชอบ รสนิยม แต่ละคนก็แตกต่างกันไป ไม่แน่ว่าหากเราไปดูเรื่องนี้ เราอาจจะได้เจอหนังอีกเรื่องที่เราชอบที่สุดเลยก็ได้ แถมยังเป็นการสนับสนุนหนังไทยอีกด้วย
ป.ล.2 หากชอบรีวิวหรืออยากติดตามพูดคุย สามารถติดตามได้ทาง Facebook อีกช่องทางนะครับ
เพลงประกอบภาพยนตร์
แนะนำกระทู้เพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น