คืนหลอน ณ บาหลี

***ก่อนทุกคนจะเริ่มอ่านเราขอแจ้งให้ทราบก่อนว่ามันยาวมากค่ะเพราะเราต้องการให้ข้อมูลที่ละเอียดพอที่ทุกคนจะได้เข้าใจและนึกภาพตามได้ง่ายๆไม่สับสนทั้งข้อมูลคร่าวๆของเรารวมถึงที่พักค่ะ เราเขียนจนจบไม่มีเดี๋ยวมาต่อให้เสียอารมณ์แน่นอน เราพิมพ์โดยใช้มือถือถ้ามีคำสะกดใดผิดพลาดหรือแท็กผิดห้ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

         สวัสดีค่ะทุกๆคนก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเราอยากจะอธิบายสักนิดนึงก่อนว่าเรื่องที่เราจะเล่านี้มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทุกเหตุการณ์เราพยายามหาเหตุผลอ้างอิงจากหลักวิทยาศาสตร์หรือความน่าจะเป็นมาหักล้างแต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะหาเหตุผลหรือหลักการอะไรมาหักล้างความสงสัยไปได้

          โดยส่วนตัวเราเองนั้นเรียกได้ว่าเป็นคนที่เจอเรื่องแปลกๆอยูเสมอตั้งแต่เด็ก แม่เราเคยเล่าให้ฟังว่ามีทั้งพระและบุคคลต่างๆที่แม่เคารพนับถือนั้นบอกแม่ว่าเราเป็นคนที่มีสื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้และเป็นคนที่มีลางสังหรณ์ค่อนข้างแม่นยำ แต่เราเป็นคนที่ทิฐิสูง มีความพยาบาทแรง ให้สอนเราเป็นคนรู้จักให้อภัย เมตตา ทำบุญ สวดมนต์ ปฎิบัติธรรมสื่อจะแรงขึ้นอะไรประมาณนั้นอันนี้เราก็รับฟังไว้ค่ะแต่ไม่ได้อะไรกับจุดนี้ใช้ชีวิตตามปกติแบบคนทั่วๆไป มีรัก โลภ โกรธ หลง ทำบุญ ทำทานทุกอย่างตามโอกาสหรือความอยากทำ แต่จะเป็นหลังจากที่เราทำบุญกับพระในบ้านก็คือพ่อแม่เรานะคะ หรือแม่อยากทำ แม่อยากไปอะไรก็ว่าไปสนับสนุนได้เต็มที่เท่าที่กำลังไหว

          เราเจอมาเรื่อยๆจากตกใจกลายเป็นเฉยๆ หลังๆมาก็จะบอกว่าต่างคนต่างอยู่ประมาณนั้น ปกติเราจะสวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน น้ำมาเป็นคลองละเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

          สาเหตุมันเกินจากเรามีโอกาสกึ่งโดนบังคับจากสามีให้ไปเที่ยวพักผ่อนที่บาหลีเพราะเห็นเราดูเหนื่อยๆช่วงนี้จากการเลี้ยงลูก นี่ไม่ใช่ทริปแรกของเราซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยมาเที่ยวแต่บอกตามตรงว่าไม่ค่อยอินกับบรรยากาศการเที่ยวและรสชาติอาหารอีกทั้งยังเบื่อที่ไปไหนทีนั่งรถไปไกลกันพอสมควรแต่ละที่ พอสามีชวนเราปฏิเสธแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยค่ะเพราะเขาเองก็รู้ว่าไม่ชอบและเราติดเจ้าตัวเล็กด้วย ส่วนสามีก็ไปจองอะไรให้เสร็จสรรพแล้วมาบอกก็ทะเลาะกันไปจนพ่อแม่สามีบอกให้มาพักผ่อนเถอะหลานแกดูได้ (ปกติแกก็ช่วยดูอยู่แล้วค่ะเรานี้สบายมากๆ)

          เราบอกไม่ถูกเหมือนกันคือเรารู้สึกแปลกๆตอนสามีชวนว่าไม่อยากมาเลยถ้ามาต้องมีอะไรแน่ๆ พอ2วันก่อนบินบาหลีแผ่นดินไหวค่ะ เรานี้ยิ้มเลยนึกในใจเลื่อนตั๋วแน่ๆสรุปน้องเขยโทรไปถามคนขับรถที่เราใช้บริการกันประจำเค้าก็ว่าปกติดีแล้วเลยไม่เปลี่ยน (เราไปกัน 4 คนค่ะ คือ เรา, สามี, น้องสาวและน้องเขยสามี) ซึ่งตรงนี้ไม่ควรทำตามเลยค่ะในความคิดของเราคือแผ่นดินไหวไม่มีเหตุอะไรเตือนล่วงหน้าหรอกวันนี้ปกติไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้ก็จะยังคงปกติ พวกนี้ทำเราโดนบ่นร่วมไปด้วยเพราะทุกคนบอกว่าน่าจะเลื่อนไปก่อนแต่ก็ไม่เลื่อนกัน พอวันที่จะบินเราก็พูดกับสามีอีกว่าเราไม่อยากไปเรารู้สึกไม่ดี เรากังวล เราไม่เคยเป็นแบบนี้เลยเวลาจะไปต่างประเทศเราถึงขนาดโทรไปบ่นให้แม่ฟังก่อนไปหลายรอบมากในอาทิตย์ที่จะเดินทางแม่ก็บ่นๆด่าๆมาเป็นชุดทั้งเรื่องว่าแผ่นดินเพิ่งไหวไปและเราทิ้งลูกไว้อะไรประมาณนั้น แกบอกแกเป็นห่วงไม่อยากให้ไปเพราะแผ่นดินไหวยิ่งเรามาเล่าแบบนี้ยิ่งกังวล แต่เราบอกแม่ว่าเราไม่อยากมีปัญหาเพราะพ่อแม่สามีก็ให้เรามาพักผ่อนและเราจะต้องเอาเงินจากสามีมาจัดการธุระอีกด้วย (เงินนี่แหละค่ะ..ความงกของชะนีชนะทุกสิ่งสามีเอาของในดิวตี้ฟรีและเงินส่วนตัวให้ใช้มาล่อ 😂)

          ไฟท์เราถึงบาหลีเกือบเที่ยงคืนเพราะว่าดีเลย์ไปนานพอสมควร (ไม่รู้เป็นอะไรเรามาบาหลีทีไรไฟท์ดีเลย์ทุกครั้งเลยบางครั้งดีเลย์จนยกเลิกก็มี) เชื่อไหมคะเพิ่งแผ่นดินไหวไป2วันแต่ไฟท์ที่เรานั่งมาผู้โดยสารเต็มอะ นึกในใจพวกนี้ไม่กลัวกันเลยรึไงแถม ตม. คนมหาศาล เราก็รอวนไปอีกชั่วโมงกว่า พอออกมาคนขับรถมารอรับพร้อมสายฝนที่โปรยปรายลงมา พวกเราขอให้คนขับพาเราแวะซื้อของนิดหน่อยแล้วค่อยไปส่งที่พักค่ะ ปกติมาบาหลีเราจะพักแบบ Pool villa ตลอดแต่ไม่เคยว่ายน้ำหรอกเต็มที่แค่เท้าจุ่มน้ำ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ออกไปข้างนอกกลับมาก็หมดแรงละค่ะ ไม่รู้จองทำไมกัน 😂

          เมื่อถึงที่พักคนขับส่งลงตรงด้านหน้าทางเข้าพวกเราต้องเดินเข้ามาอีกนิดหน่อยค่ะไม่ไกลมากไม่กี่ร้อยเมตรก็มีที่พักแบบเดียวกันอยู่หลายหลังของเราได้หลังหมายเลข 3 คือสุดทางเดินอยู่ขวามือ ตรงทางเดินเข้าไปมีต้นไม้และทางเดินประเมิณดูแล้วเหมาะกับการเดิน 1 คนเพราะต้องหิ้วสัมภาระมันจะสะดวกกว่า (จริงๆเดิน 2 คนได้สบายๆนะคะความกว้างของทางเดินแต่ว่าเค้ามีปลูกต้นไม้แล้วมันยื่นออกมานิดหน่อยแถมในตกซึ่งจะทำให้เราเปียกค่ะจึงเดินเป็นแถวตอนเข้าไป) เราเดินรั้งท้ายพอจะถึงประตูที่พักเรารู้สึกขนลุกแต่แค่ด้านหลังเราก็คิดว่าเราจิตปรุงแต่งหรืออาจจะหนาวแล้วก็ไม่สนใจ

          เปิดประตูไม้เข้าไปเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวบ้านค่ะ เข้ามาในบ้านก็โอเคดีการตกแต่งเป็นแบบสไตล์ที่ฝรั่งชอบกัน ด้านขวาเป็นประตูกระจกใสบานเลื่อนเปิดออกไปเป็นสระว่ายน้ำเดินไปอีกนิดเป็นห้องนอนค่ะมีประตูกระจกเปิดออกมาเป็นสระว่ายน้ำเหมือนกัน และโซนนั่งเล่นอยู่ถัดจากประตูห้องนี้ไปสัก 1 เมตรค่ะ ส่วนด้านซ้ายเข้ามาเป็นเหมือนเคาท์เตอร์บาร์+ครัวเล็กๆและเป็นบันไดขึ้นชั้นสองขึ้นมาเลี้ยวขวาสองก้าวก็ถึงห้องละค่ะพอเข้าห้องมาซ้ายมือมีประตูเป็นขอบไม้ตรงกลางเป็นกระจก ถัดไปอีกนิดเป็นประตูไม้ทั้งบานเป็นประตูออกไประเบียงค่ะ ห้องน้ำเมื่อเข้าไปแล้วจะเป็นกระจกอ่างล้างหน้าอยู่ขวามือยาวประมาณ 3 เมตรค่ะ ถัดไปเป็นชักโครกมีผนังสูงชนเพดานกว้างประมาณ 1 เมตรกั้นไว้ ตรงข้ามกระจกเป็นอ่างอาบน้ำมีแค่ wooden blind (ไม่รู้ภาษาไทยเรียกอะไรอะค่ะ) บังไว้ในด้านยาวของอ่างอาบน้ำส่วนด้านกว้างติดผนังห้องนอนอีกด้านฉาบปูนสูงถึงเพดานถัดไปอีกนิดจะเป็นกำแพงซึ่งติดฝักบัวอาบน้ำค่ะ ห้องน้ำเป็นแบบ open air นั่งถ่ายเบา, ถ่ายหนัก, อาบน้ำ ถ้าคนที่มาอยู่วิลล่าข้างๆสูงสัก 180 ก็เห็นกันได้แบบสบายใจเลยค่ะ เราสามารถเดินไประเบียงจากประตูห้องน้ำได้เช่นกัน ที่ระเบียงมีศาลาแบบโมเดิร์นตั้งไว้ มองจากระเบียงลงมาสามารถเห็นสระว่ายน้ำได้ค่ะ ส่วนในห้องกว้างพอสมควรเลยค่ะ เพดานเป็นเหมือนกรวยสี่เหลี่ยมสูงขึ้นไป มีพัดลมเพดานห้อยลงมา เตียงนอนอยู่ตรงข้ามกับประตูห้องน้ำ ด้านหัวเตียงซ้ายขวามีโต๊ะข้างหัวเตียงและโคมไฟเล็กๆ ด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆ

          พวกเราก็ตกลงกันว่าเรากับสามีจะนอนห้องด้านบนเองเพราะครั้งก่อนเราและสามีได้ห้องติดสระว่ายน้ำไปแล้ว สามีก็ขนเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บให้ก่อนค่ะโดยที่เรานั่งอยู่ตรงโซนนั่งเล่นด้านล่างสักพักสามีลงมานั่งเล่นนั่งคุยกันก็พากันขึ้นไปห้องที่เราพัก เราเดินเข้าไปความรู้สึกมันต่างจากตอนเข้ามาที่พักและห้องนอนด้านล่างมาก รู้สึกอึดอัดเหมือนมีสายตาของใครมองอยู่ ทีนี้พวกเราก็ดูพวกห้องน้ำและระเบียงปกติค่ะ พอดีสามีจะลงไปหยิบของที่ลืมพร้อมน้องสาวและน้องเขย เราเลยวานให้หยิบน้ำดื่มมาให้เราด้วย สามีก็ถามจะรอข้างบนเหรอเราก็บอกว่าอืมแล้วสามีก็บอกว่าเมื่อกี้ตอนขึ้นมาเก็บกระเป๋าเห็นเป็นเงาคนผ่านหน้าไป ทุกคนตกใจโดยเฉพาะน้องเขย เราเลยบอกว่าตาฝาดล่ะมั้ง ไม่มีอะไรหรอกลงไปเอาของเถอะ สองคนนั้นจะได้อาบน้ำพักผ่อนเราจะรอบนห้อง ทีนี้ทุกคนก็ลงไปเหลือเรานอนพิงหลังกับหัวเตียงและกำลังแชทกับแม่และน้องชาย เรารู้สึกอึดอัดมันเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวพยายามบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรอย่าสนใจเราก็คุยไปจนสามีขึ้นมา (แป๊บของสามี คือ เกือบๆชั่วโมง)

          เราก็จะไปอาบน้ำและเข้านอน รื้อของออกจากกระเป๋าไปวางในห้องน้ำเรียบร้อย กว่าจะได้อาบปาไปตี 2 กว่า สามีอาบก่อนเราก็ล้างหน้าเช็ดเครื่องสำอางออกตามภาษาชะนีทั่วไป พอกำลังจะอาบน้ำได้ยินเสียงนกร้องเป็นเสียเหมือนนกบาดเจ็บอะค่ะ เราก็นึกเป็นไรรึเปล่านะเพราะฝนตกหนักแต่ก็จำได้ขึ้นใจว่าแม่สั่งไว้ดึกๆดื่นๆอย่าไปสอดรู้สอดเห็น ให้สงบปากสงบคำไม่ว่าได้ยินหรือเห็นอะไรก็ตาม สามีก็ไม่เห็นจะมีท่าทีสนใจไม่อะไรทั้งๆที่ชอบปากไว เราก็นึกดีใจว่าเออสงสัยที่โดนเราด่าไปคงจะเข็ดละ เราก็เลยเลิกสนใจอาบน้ำทาครีมเสร็จเข้าห้องมาสวดมนต์ก่อนนอนตามปกติและนอนเล่นโทรศัพท์หันมาอีกทีสามีหลับแล้วแต่เรานอนไม่หลับก็แชทไลน์กับน้องชายเรื่อยเปื่อย จนตี 3 เกือบจะตี 4 เสียงนกก็เงียบไปเราก็คิดไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปดูหน่อย พอตี 4 กว่าก็เลยเข้านอนเพราะพรุ่งนี้คนขับรถจะมารับตอน 10โมงเช้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่