สวัสดีค่ะ ทุกๆคน
ก่อนอื่นขอออกตัวแรงว่า สถานที่ๆไป อาจจะเป็นสถานที่ๆใครๆก็เคยไปมาแล้ว
แต่ที่อยากจะนำเสนอเพราะว่า เราไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม พร้อมกับคำพูดของคนรอบข้างว่า

ไปทำไม ร้อนตายชัก
ไปทำไม มีแต่ควัน
และอีกมากมาย บลา บลา บลา....

ทริปของเราเดินทาง เชียงใหม่ เชียงดาว และยาวไปถึงเชียงราย
ระหว่างวันที่ 21 - 25 มีนาคม 2560 กับค่าใช้จ่าย  5,000 บาท (ไม่รวมค่าเครื่อง)
เนื่องจากเราซื้อตั๋วเครื่องบิน ขาไปลงที่เชียงใหม่ และขากลับ ขึ้นที่เชียงรายไว้นานมากแล้ว
กับสายการบินแอร์เอเชีย ตอนมีโปร ในราคาประมาณ 1000 (คิดว่าอาจจะมีคนซื้อได้ถูกกว่านี้ 5555)

21 มี.ค. 2560
เราเดินทางคืนวันที่ 21 มี.ค ไฟท์ 3 ทุ่ม ถึงเชียงใหม่ประมาณ 4 ทุ่ม
ถึงเชียงใหม่ปุ๊บก็เดินทางจากสนามบินไปที่พักปั๊บ
เราเลือกพักที่โรงแรม SOHOstel เป็นโฮสเทลย่านวัดลอยเคราะห์(ตรงข้ามวัดเลย) อยู่แถวๆ ไนซ์บลาซ่า
เป็นห้องพักรวม ห้องน้ำรวม แต่สะอาดและดีงามมาก ราคาเพียง 280 บาท

23 มี.ค. 2560
เช้าวันรุ่งขึ้นเรามุ่งตรงไปที่ขนส่งช้างเผือกเพื่อเดินทางไปเชียงดาว
เราเลือกเดินทางด้วยรถบัสประจำทางราคา 40 บาท

ใช้เวลาเดินทางมาถึงเชียงดาว ประมาณ 3 ชั่วโมง
มาถึงปุ๊บก็หารถต่อขึ้นไปบนดอยหลวง ความโชคดีของเราคือมาทันรถชาวบ้านตามที่รีวิวกัน ว่าค่ารถถู๊กกถูก
จุดสังงเกตุคือ เราลงบริเวณ โลตัสเอ็กซ์เพรส เชียงดาว เดินย้อนมาทางไปเซเว่น ซอยจะอยู่เยื้องๆ เป็นซอยวัดอินทราราม เลี้ยวขวาเข้ามาประมาณ 50 เมตรจะมาบ้านไม้ดังภาพ คุณลุงคนขับชื่อ ลุงหนาน ค่าโดยสารขึ้นไป คือ 60 บาท
โดยปกติ รถของคุณลุงจะลงจากดอยในช่วง 7-8 โมง และจะกลับขึ้นไป ประมาณ 11 โมง - เที่ยง เพราะฉะนั้น ต้องมาให้ทันนะคะ
ไม่งั้นต้องเหมารถประจำทางขึ้นไป ราคา 600 บาท

เมื่อถึงเวลาเราก็เดินทางขึ้นไปยังดอยหลวงเชียงดาว หนทางดูคดเคี้ยว และค่อยข้างหน้ากลัว
ใครไม่มีความชำนาญ แนะนำว่าอย่าขับรถมาเองเลยค่ะ ไม่คุ้ม

เรามาถึงเชียงดาวประมาณบ่ายโมงบ่าย 2 บอกตรงๆว่า แอบเหงานิดนึง และแดดก็แอบแรง
แต่ เชื่อมั้ย ว่า ไม่ร้อนเลย มีลมพัดตลอด
เราเลือกพักที่ บ้านดอยหมอก ค่าที่พัก 500 บาท พร้อม อาหาร 2 มื้อ คือมื้อเย็น และมื้อเช้า
ขอบอกค่ะ สะอาด และดีงามมากกกกก ชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ตลอดด  
เก็บเป๋าเสร็จแล้วก็ หิววว เลยเดินไปหาอะไรกิน ที่บ้านระเบียงดาว สถานที่ขึ้นชื่อที่ใครหลายๆคนอยากมา
เนื่องจากไม่ใช่ชาวงเทศกาล อาหาที่มีขาย มีแค่มาม่าคัพ แต่ก็เอาเหอะๆ ดีกว่าหิวโซ
บรรยากาศในช่วงนี้ คงเปลี่ยวมากสำหรับคนที่ชอบความคึกครึ้น
แต่สำหรับเรา เราว่า ดีไปอีกแบบ เงียบสงบ เหมาแก่การนั่งถอนหายใจทิ้งเป็นที่สุด
หลังจากกินจนท้องอิ่ม ก็ถึงเวลากลับไปพักร่าง
จุดที่ถ่ายคือภาพที่เห็นจากบนเตียง
--------------------------------------------
หลังจากได้พักร่าง ตื่นมาประมาณ 4 - 5 โมงเย็น เราก็เริ่มถ่ายรูปและออกเดินเที่ยวเล่นบริเวรรอบๆ
อยากที่บอกค่ะ ว่ามันไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว ข้อดีคือ คุณจะเดินไปไหนก็ได้
ถ่ายรูปเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องแย่งกะใคร แต่อาจได้บรรยากาศที่ไม่ครึกครื้นเท่าไหร่

นี่คือ แดดยาม 5 โมงเย็น แดดยังเปรี้ยงอยู่เลย แต่ ไม่ร้อนนะ ลมพัดตลอดด

เวลา 6 โมงเย็น ถึงเวลาอาหาร
ทางที่พักก็จัดสำรับอาหารมาให้
เห้ยแกรรร คือดีงามมม อร่อยมากกกกกกกก และที่สำคัญ บรรยากาศคือ ดีมากกกกกก บอกเลยยยยยยยยยยย


กินข้าวเสร็จเราก็จัดแจงอาน้ำแต่งตัวอย่างไว เพราะอากาศเริ่มเย็น
ความโชคดีตรงนี้คือ สัญญาณอิเตอร์เน็ต ยิ่งดึกยิ่งชัด อัพรูปให้คนอิจฉาได้ตลอดเวลา
บรรยากาศที่นี่ 2 ทุ่ม คือ โครตเงียบ บวกกับบรรยากาศ ทำให้หนังตาหย่อน
แต่อาจจะเป็นเพราะ คนกรุงเทพอย่างเราเคยชินกับการนอนดึก เลยสะดุ้งตื่นข้นมาตอนเที่ยงคืน เพราะเริ่มหนาว
อย่าหาว่างู้นงี้ นี่คืออุณภูมิตอนนั้น คือ อากาศเย็นสบายไม่หนาวไป เนี่ยแหละ อากาศบนดอยหน้าหนาว

เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นมาแต่เช้าตรู่ พร้อมกับเสียงไก่ขัน
ก้าวเท้าออกมาจากห้องปุ๊บ ก็เจอกับวิวนี้ปั๊บ
ประมาณ 7 โมง ก็มมีมื้อเช้ามาเสริฟ
ขอโฆษณาหน่อยนึง ว่าน้ำพริก ถ้วยเล็กๆนั่น อร่อยมาก แอบเสียดาย ที่ไม่ได้ซื้อกลับมากินที่กรุงเทพ
เราเดินทางลงจากดอยหลวงเชียงดาวไปเที่ยวต่อที่ วัดถ้ำเชียงดาว โดยรถของลุงหนาน คุณลุงที่เราติดรถเค้าขึ้นมา เพราะได้ติดต่อเค้าไว้เรียบร้อยแล้ว
ค่ารถเท่าเดิมคือ 60 บาท แต่มาส่งที่วัดเลย

สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ตั้งแต่มาถึง เชียงใหม่-เชียงดาว
ค่ารถท่าอากาศยานเชียงใหม่ - ที่พัก ฟรี (รุ่นพี่มารับ)
ค่าที่พัก 280 บาท
ค่ารถที่พัก - ขนส่งช้างเผือก ฟรี (รุ่นพี่มารับ)
ค่าข้าว - 40 บาท
ค่ากาแฟสด 30 บาท
ค่ารถบัสเชียงใหม่-เชียงดาว 40 บาท
ค่ารถจากอ.เชียงดาวขึ้นดอย 60 บาท
ค่าที่พัก 500 บาท
ค่ามาม่า+กาแฟเย็น 75 บาท (แพงง เอามาม่ามาเอง แล้วขอที่พักก็ได้)
ค่ารถ ดอยหลวง - วัดถ้ำเชียงดาว 60 บาท

รวม 1,085 บาท

ขอพักมือแพร๊พพพพ เดี๋ยวมาเหลาต่อ