รายการนี้ ก็ดูธรรมดาๆ ร้องเพลงแข่งกัน แต่ทำไมดังขนาดนี้? ?
ความคิดส่วนตัวของเรา เราแปลกใจคำถามนี้มากกว่า ว่ามันน่าแปลกตรงไหนหรอที่รายการนี้จะดัง ....
คิดแบบง่ายๆ โง่ๆของเรา ก็ไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลยค่ะที่รายการนี้ดังมากกกกขนาดนี้
เพราะธีมหลักของรายการนี้ คือความบันเทิงที่ "เล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคน"
ซึ่งนิสัยนี้ถือเป็นธรรมชาตินิสัยหลักๆของมนุษย์เราอ่ะ ใช่ป่ะ? เพราะคนเราก็ชอบสืบ ชอบอยากรู้อยากเห็น, วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่แล้ว
ไม่งั้นพวก Social ต่างๆมันไม่บูมขึ้นมามากๆในยุคนี้หรอก ยกตัวอย่าง เวปพันทิป ไม่งั้นจะดังมาขนาดนี้หรอ 5555 มีนักขุด เอ๊ย นักสืบเยอะจะตาย ((ขอตอบงี้แบบพลีชีพเลยนะ 55555 เพราะเรารู้จักพันทิปมาตั้งนาน แต่ส่วนใหญ่ก็ตามอ่านๆอย่างเดียว ตั้งแต่สมัยแรกๆที่มักมีพี่ๆกูรูมาตอบคำถามดีๆ แชร์เคล็ดลับอะไรเสมอๆ ..กว่าเราจะสมัครเป็นสมาชิกเราก็ตามอ่านอยู่นานมาก...แต่สังเกตุว่าเวปมาบูมสุดๆ ก็ตอนสมัยมีนักสืบพันทิป แล้วสื่อมาเอาไปออกข่าวเนี่ยแหล่ะ! ))
ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า ปกติคนเรามีความอยากรู้ , ชอบสืบ และ ชอบวิเคราะห์วิจารณ์กันขนาดไหน
(และแน่นอนที่สุดว่า ตรูก็ด้วย ถึงชอบตามอ่านไง 55)


ซึ่งนอกจากเป็นรายการความบันเทิงที่เล่นกับความอยากรู้ของคนเราแล้ว
ส่วนเพิ่มเติมสำหรับรายการนี้คือ....
บวกกับความแปลกใหม่ของโชว์ในรายการ ที่ดีไซน์แต่ละหน้ากากออกมา แปลกใหม่และน่าดู...
บวกกับความสามารถด้านการร้องของแต่ละหน้ากาก ... รวมทั้งหมดนะคะ โดยเฉพาะหน้ากากต่างๆที่มาแล้วคนงง ทายไม่ถูก พอเปิดแล้วเซอร์ไพรส์
บวกกับความสามารถด้านภาษาอังกฤษและสำเนียง เสียงร้องของทุเรียนและจิงโจ้ ภาษาญี่ปุ่นของอีกา ซึ่งเราคิดว่าปกติคนไทยหลายคนก็มักจะ "ว้าว" กับคนที่เก่งๆภาษาแบบนี้อยู่แล้ว ......คือ "ว้าว!!" จนต้องไปสืบอ่ะ ....
เราเดาว่าน่าจะมีคนดูหลายคน ที่น่าจะไม่รู้มาก่อนว่า ทอม room39 ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้เป๊ะขนาดนี้
(ซึ่งสำหรับเราและอีกหลายๆคน ที่เคยประทับใจทอมตอนร้องลงยูทูปเมื่อปี 2010 มาแล้วเนี่ย .. ฟังปุ๊ป ก็นึกถึงใครไม่ออกเลยนอกจากทอม room39 คือปักใจทายคนเดียวเลยตั้งแต่ต้น... ก็กลับไปหาคลิปทอมมาฟังอีก.... ซึ่งถ้าทุกคนทายได้หมด ก็คงไม่มีกระแสอยากรู้อยากเห็นจนตามไปสืบทอมขนาดนี้มั้งคะ)
เราว่า กรรมการเองก็มีส่วนมากๆเลยนะคะ ที่ทำให้คนดูมีส่วนร่วมในความอยากรู้มากขึ้น ...
เพราะ reaction ของกรรมการ ที่เสมือนเป็นตัวแทนของคนดู ท่านก็ทายคนนั้นคนนี้ กรรมการก็ทำตัวเดาไม่ถูกเช่นกัน 5555
ยิ่งวีคที่เอาคนทายยากๆมา ยิ่งสนุก ใช่ไหม ... มันกระตุ้นความอยากรู้ อยากสืบอ่ะ ... ยิ่งถ้าศิลปินที่มา ร้องเพราะมาก ยิ่งอยากรู้ว่าใครน๊าาา
เอาจริงๆเลยนะคะ ดูอย่างรอบเปิดหน้ากากแช้มป์นี่สิ ... คนส่วนมากรู้แล้วว่าเป็นใครใต้หน้ากาก รายการมันก็เลยดูจืดๆลง นิดๆ
แต่คนก็ชื่นชมแช้มป์นะ คือจดจำแช้มป์ได้ในฐานะนักร้องที่มากไปด้วยความสามารถ
แต่มันไม่ได้ "โอ้โหหห ที่แท้คือคนนี้หรอ" อะไรขนาดนั้นอ่ะ เพราะคนส่วนใหญ่เดาได้หมดแล้ว แค่รอฟังว่าไม่พลิกโผ และรอทอมร้องเพลงเพราะๆแค่นั้น
แต่คนจะมาตื่นเต้นกัน บรรยากาศดูจะคึกคักขึ้นมา ก็ตรงเปิดตัว SS2 เนี่ยแหล่ะ ...
มันเหมือนสีสันซึ่งเป็น ธีมหลักที่สุดของรายการมันกลับมา คือมันไปกระตุ้นคำว่า "ใครวะ" ในใจคนดู ให้ตื่นเต้น อยากรู้ พร้อมจะสืบ พร้อมเดา ฯลฯ ต่างๆนานา จนราวกับว่า การออกมาของ SS2 ทั้งสามคน แทบจะแย่งซีนของ SS1 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แค่ท้ายรายการแค่นั้น!! Impact มาก
ซึ่งสำหรับเราแล้ว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่า พระเอกตัวจริงของรายการนี้ไม่ใช่ใครหรอกค่ะ มันคือจินตนาการและความอยากรู้ในใจของคนดูนั่นเอง ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่แค่ รายการแข่งกันร้องเพลงธรรมดาๆ แต่มันเล่นกับสิ่งที่อยู่ในใจด้วยต่างหาก ...
สำหรับวีคนี้กรรมการก็ดูเซฟจะตัวเองกันดี ราวกับเสียงดราม่าของคนดู ทำให้รายการดูเกร็งๆ ไปบ้างนะ .. ทั้งๆที่เนี่ยมันรายการโชว์แนวๆวาไรตี้ เราว่าเค้าไม่ได้มาแข่งกันเอาเป็นเอาตายนะ ... มันไม่น่าใช่ธีมเดียวกับรายการประกวดร้องเพลงนะ
วีคนี้เราดูแล้วเรารู้สึกแบบ.. ดูต่างไปจากEpแรกๆ ตอนที่รายการยังไม่ฮอตขนาดนี้ ...ที่ดูทุกคนเป็นตัวของตัวเองกว่านี้ เพราะไม่มีกระแสความคาดหวังของคนเข้ามากดดันตัวเอง
สุดท้าย เราอยากจะให้กำลังใจ Workpoint และขอติงหน่อยค่ะ ...

ในฐานะที่เรานั่งเฝ้าหน้าจอรอดูรายการนี้ยิ่งกว่าละคร
เราอยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว คุณทำดีแล้วค่ะที่ผ่านๆมา เราว่ารายการมันสนุกนะ
แม้จะมีขลุกขลักบ้าง ดราม่าบ้าง แต่เป็นโชว์ที่สนุก ทุกคนมีส่วนร่วมในการทายผล ยังไงก็ยังสนุกและแปลกใหม่
แต่ตอนเราดูสองวีคหลังเนี่ย เรานึกถึง สุภาษิตที่ว่า " ยิ่งสูงยิ่งหนาว " คือ บางทีคนเราเมื่อถึงความสำเร็จระดับนึงที่สูงมากๆ ระดับนึงมันต้องกลัวตกบ้างล่ะ
ทีนี้ก็จะพุ่งออกไปข้างหน้า ทำทุกอย่างเพื่อ keep สิ่งนี้ไว้ จนอาจจะหลงลืมไปว่าทางที่สร้างมา เราเดินขึ้นมาได้อย่างไร ... ก็เดินแบบนั้นต่อไปสิคะ
แต่แปลกที่เรามักจะลืม "
เหตุ"ของการได้ผลลัพธ์เช่นนี้ จนเราหลงไปอยู่กับแค่ผล
มัวเมาอยู่กับความสำเร็จในจุดนี้ มัวชื่นชมความอยู่จุดสูงของตนเองไป จนลืมความน่ารักของการนอบน้อม อาจลืมแม้กระทั่ง เราได้ผลแบบนี้มาได้อย่างไร
สรุปว่า เราว่า รายการจะดูน่ารักกว่านี้มากค่ะ ถ้าลดๆ การอวย หรือ ชมตัวเองเว่อร์วังอลังการลงบ้าง ... ยอมรับค่ะว่า ดีจริง สนุกจริง
แต่ปล่อยให้เสียงชื่นชม สรรเสริญ เป็นเสียงจากคนภายนอกชมเข้ามาไม่ดีกว่าหรอคะ ..
ทางรายการแค่ยิ้มรับคำชมนั้น แล้วทำต่อไป อาจเพิ่มลูกเล่นมากขึ้น ไม่ใช่เพิ่มการอวยตัวเอง เราว่ามันจะดูน่ารักกว่า พูดเอาพูดเอาว่า ดังที่สุดในประเทศ ดังไกลระดับโลก ฯลฯ อะไรแนวๆนี้
เราว่าเพลาๆลงหน่อยดีไหมคะ คือพูดถึงความดังความสำเร็จได้ แต่ไม่ใช่ย้ำแล้วย้ำอีกจนฟังดูยังกะพวกหลงตัวเอง ...
ด้วยความเคารพ

ขอพูดถึง หน้ากากนักร้อง (The Mask Singer) ในวาระที่จบซีซั่นแรก...
ความคิดส่วนตัวของเรา เราแปลกใจคำถามนี้มากกว่า ว่ามันน่าแปลกตรงไหนหรอที่รายการนี้จะดัง ....
คิดแบบง่ายๆ โง่ๆของเรา ก็ไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลยค่ะที่รายการนี้ดังมากกกกขนาดนี้
เพราะธีมหลักของรายการนี้ คือความบันเทิงที่ "เล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคน"
ซึ่งนิสัยนี้ถือเป็นธรรมชาตินิสัยหลักๆของมนุษย์เราอ่ะ ใช่ป่ะ? เพราะคนเราก็ชอบสืบ ชอบอยากรู้อยากเห็น, วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่แล้ว
ไม่งั้นพวก Social ต่างๆมันไม่บูมขึ้นมามากๆในยุคนี้หรอก ยกตัวอย่าง เวปพันทิป ไม่งั้นจะดังมาขนาดนี้หรอ 5555 มีนักขุด เอ๊ย นักสืบเยอะจะตาย ((ขอตอบงี้แบบพลีชีพเลยนะ 55555 เพราะเรารู้จักพันทิปมาตั้งนาน แต่ส่วนใหญ่ก็ตามอ่านๆอย่างเดียว ตั้งแต่สมัยแรกๆที่มักมีพี่ๆกูรูมาตอบคำถามดีๆ แชร์เคล็ดลับอะไรเสมอๆ ..กว่าเราจะสมัครเป็นสมาชิกเราก็ตามอ่านอยู่นานมาก...แต่สังเกตุว่าเวปมาบูมสุดๆ ก็ตอนสมัยมีนักสืบพันทิป แล้วสื่อมาเอาไปออกข่าวเนี่ยแหล่ะ! ))
ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า ปกติคนเรามีความอยากรู้ , ชอบสืบ และ ชอบวิเคราะห์วิจารณ์กันขนาดไหน
(และแน่นอนที่สุดว่า ตรูก็ด้วย ถึงชอบตามอ่านไง 55)
ซึ่งนอกจากเป็นรายการความบันเทิงที่เล่นกับความอยากรู้ของคนเราแล้ว
ส่วนเพิ่มเติมสำหรับรายการนี้คือ....
บวกกับความแปลกใหม่ของโชว์ในรายการ ที่ดีไซน์แต่ละหน้ากากออกมา แปลกใหม่และน่าดู...
บวกกับความสามารถด้านการร้องของแต่ละหน้ากาก ... รวมทั้งหมดนะคะ โดยเฉพาะหน้ากากต่างๆที่มาแล้วคนงง ทายไม่ถูก พอเปิดแล้วเซอร์ไพรส์
บวกกับความสามารถด้านภาษาอังกฤษและสำเนียง เสียงร้องของทุเรียนและจิงโจ้ ภาษาญี่ปุ่นของอีกา ซึ่งเราคิดว่าปกติคนไทยหลายคนก็มักจะ "ว้าว" กับคนที่เก่งๆภาษาแบบนี้อยู่แล้ว ......คือ "ว้าว!!" จนต้องไปสืบอ่ะ ....
เราเดาว่าน่าจะมีคนดูหลายคน ที่น่าจะไม่รู้มาก่อนว่า ทอม room39 ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้เป๊ะขนาดนี้
(ซึ่งสำหรับเราและอีกหลายๆคน ที่เคยประทับใจทอมตอนร้องลงยูทูปเมื่อปี 2010 มาแล้วเนี่ย .. ฟังปุ๊ป ก็นึกถึงใครไม่ออกเลยนอกจากทอม room39 คือปักใจทายคนเดียวเลยตั้งแต่ต้น... ก็กลับไปหาคลิปทอมมาฟังอีก.... ซึ่งถ้าทุกคนทายได้หมด ก็คงไม่มีกระแสอยากรู้อยากเห็นจนตามไปสืบทอมขนาดนี้มั้งคะ)
เราว่า กรรมการเองก็มีส่วนมากๆเลยนะคะ ที่ทำให้คนดูมีส่วนร่วมในความอยากรู้มากขึ้น ...
เพราะ reaction ของกรรมการ ที่เสมือนเป็นตัวแทนของคนดู ท่านก็ทายคนนั้นคนนี้ กรรมการก็ทำตัวเดาไม่ถูกเช่นกัน 5555
ยิ่งวีคที่เอาคนทายยากๆมา ยิ่งสนุก ใช่ไหม ... มันกระตุ้นความอยากรู้ อยากสืบอ่ะ ... ยิ่งถ้าศิลปินที่มา ร้องเพราะมาก ยิ่งอยากรู้ว่าใครน๊าาา
เอาจริงๆเลยนะคะ ดูอย่างรอบเปิดหน้ากากแช้มป์นี่สิ ... คนส่วนมากรู้แล้วว่าเป็นใครใต้หน้ากาก รายการมันก็เลยดูจืดๆลง นิดๆ
แต่คนก็ชื่นชมแช้มป์นะ คือจดจำแช้มป์ได้ในฐานะนักร้องที่มากไปด้วยความสามารถ
แต่มันไม่ได้ "โอ้โหหห ที่แท้คือคนนี้หรอ" อะไรขนาดนั้นอ่ะ เพราะคนส่วนใหญ่เดาได้หมดแล้ว แค่รอฟังว่าไม่พลิกโผ และรอทอมร้องเพลงเพราะๆแค่นั้น
แต่คนจะมาตื่นเต้นกัน บรรยากาศดูจะคึกคักขึ้นมา ก็ตรงเปิดตัว SS2 เนี่ยแหล่ะ ...
มันเหมือนสีสันซึ่งเป็น ธีมหลักที่สุดของรายการมันกลับมา คือมันไปกระตุ้นคำว่า "ใครวะ" ในใจคนดู ให้ตื่นเต้น อยากรู้ พร้อมจะสืบ พร้อมเดา ฯลฯ ต่างๆนานา จนราวกับว่า การออกมาของ SS2 ทั้งสามคน แทบจะแย่งซีนของ SS1 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แค่ท้ายรายการแค่นั้น!! Impact มาก
ซึ่งสำหรับเราแล้ว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่า พระเอกตัวจริงของรายการนี้ไม่ใช่ใครหรอกค่ะ มันคือจินตนาการและความอยากรู้ในใจของคนดูนั่นเอง ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่แค่ รายการแข่งกันร้องเพลงธรรมดาๆ แต่มันเล่นกับสิ่งที่อยู่ในใจด้วยต่างหาก ...
สำหรับวีคนี้กรรมการก็ดูเซฟจะตัวเองกันดี ราวกับเสียงดราม่าของคนดู ทำให้รายการดูเกร็งๆ ไปบ้างนะ .. ทั้งๆที่เนี่ยมันรายการโชว์แนวๆวาไรตี้ เราว่าเค้าไม่ได้มาแข่งกันเอาเป็นเอาตายนะ ... มันไม่น่าใช่ธีมเดียวกับรายการประกวดร้องเพลงนะ
วีคนี้เราดูแล้วเรารู้สึกแบบ.. ดูต่างไปจากEpแรกๆ ตอนที่รายการยังไม่ฮอตขนาดนี้ ...ที่ดูทุกคนเป็นตัวของตัวเองกว่านี้ เพราะไม่มีกระแสความคาดหวังของคนเข้ามากดดันตัวเอง
สุดท้าย เราอยากจะให้กำลังใจ Workpoint และขอติงหน่อยค่ะ ...
เราอยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว คุณทำดีแล้วค่ะที่ผ่านๆมา เราว่ารายการมันสนุกนะ
แม้จะมีขลุกขลักบ้าง ดราม่าบ้าง แต่เป็นโชว์ที่สนุก ทุกคนมีส่วนร่วมในการทายผล ยังไงก็ยังสนุกและแปลกใหม่
แต่ตอนเราดูสองวีคหลังเนี่ย เรานึกถึง สุภาษิตที่ว่า " ยิ่งสูงยิ่งหนาว " คือ บางทีคนเราเมื่อถึงความสำเร็จระดับนึงที่สูงมากๆ ระดับนึงมันต้องกลัวตกบ้างล่ะ
ทีนี้ก็จะพุ่งออกไปข้างหน้า ทำทุกอย่างเพื่อ keep สิ่งนี้ไว้ จนอาจจะหลงลืมไปว่าทางที่สร้างมา เราเดินขึ้นมาได้อย่างไร ... ก็เดินแบบนั้นต่อไปสิคะ
แต่แปลกที่เรามักจะลืม "เหตุ"ของการได้ผลลัพธ์เช่นนี้ จนเราหลงไปอยู่กับแค่ผล
มัวเมาอยู่กับความสำเร็จในจุดนี้ มัวชื่นชมความอยู่จุดสูงของตนเองไป จนลืมความน่ารักของการนอบน้อม อาจลืมแม้กระทั่ง เราได้ผลแบบนี้มาได้อย่างไร
สรุปว่า เราว่า รายการจะดูน่ารักกว่านี้มากค่ะ ถ้าลดๆ การอวย หรือ ชมตัวเองเว่อร์วังอลังการลงบ้าง ... ยอมรับค่ะว่า ดีจริง สนุกจริง
แต่ปล่อยให้เสียงชื่นชม สรรเสริญ เป็นเสียงจากคนภายนอกชมเข้ามาไม่ดีกว่าหรอคะ ..
ทางรายการแค่ยิ้มรับคำชมนั้น แล้วทำต่อไป อาจเพิ่มลูกเล่นมากขึ้น ไม่ใช่เพิ่มการอวยตัวเอง เราว่ามันจะดูน่ารักกว่า พูดเอาพูดเอาว่า ดังที่สุดในประเทศ ดังไกลระดับโลก ฯลฯ อะไรแนวๆนี้
เราว่าเพลาๆลงหน่อยดีไหมคะ คือพูดถึงความดังความสำเร็จได้ แต่ไม่ใช่ย้ำแล้วย้ำอีกจนฟังดูยังกะพวกหลงตัวเอง ...
ด้วยความเคารพ