เคยเชื่อในพรหมลิขิตไหม ว่าสักวันฟ้าจะเหวี่ยงคนที่ใช่มาหาเรา

เคยเชื่อในพรหมลิขิตไหม?
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง ไม่แน่มุมมองความรักอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เราไม่ได้คาดหวังมากมายว่ากระทู้นี้จะดัง ขอมีคนอ่านเรื่องที่เรากำลังจะเขียนอยู่นี้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว หรือจะแชร์ให้คนที่คุณรักอ่านก็ได้น่ะตามสบายจร้
เอาหล่ะเดี๋ยวมันจะยาวเกินไป555
เรื่องที่เราจะเล่ามันคือเรื่องจริงที่เกิดจากประสบการณ์เราเลย อาจไม่ได้ตื่นเต้นหวือหวาอะไรมากมายอ่ะน่ะ  นึกอยากเขียนก็เขียน  
เราเป็นประเภทพวกแห้ว  แห้วจนไม่รู้จะแห้วยังไงอ่ะ   พีคคือมักชอบผู้ชายที่ภายหลังเป็น........ เอิ่มที่จริงคือเราไม่รู้เองแหล่ะ55555. มันแยกอยาก
ด้วยความแห้วบ่อยเราทำให้เราไม่ค่อยเชื่อเซนต์ตัวเองสักเท่าไหร่. เวลาที่มีคนชอบ บอกตรงเรายังไม่มั่นใจเลย เฮ้ยเขาชอบเราจริงเหรอ เลยทำให้ท่าทางที่แสดงออกไปดูเหมือนหยิ่งๆ แต่รู้ไหมที่นิ่งคือกลัวแห้ว
มีอยู่ตอนหนึ่งที่เราชอบใครคนหนึ่งมาก เขายิ้มให้เราตลอดเวลาที่สวนทางกัน  จนกระทั่งวาเลนไทล์   พี่เขาก็ถือดอกไม้มา พร้อมตุ๊กตาหมีเดินมาทางเราพอดี  อารมณ์แบบยิ่งกว่าในนิยายเลยแหล่ะ. ใจเรานี่กรี้ดแทบแตก คิดน่ะ "พี่แมร่งต้องเอามาให้เราแน่ ใช่แน่ๆ" คือด้วยความที่เราชอบตุ๊กตาหมีพอดี  เราคิดไปใหญ่เลยจร้ พอนึกสภาพตอนนั้นเฮ้ยยยยยยนี่มโนขั้นบ้าหล่ะน่ะเว้ย. พี่เขาก็ยิ้มทักเราเช่นเคย    เฮ้ยยยแบบเขินค่า  แต่เก็บอาการไว้  ทำหน้านิ่งๆไปตามฟอร์ม.หลิ่วตาหลิ่วตา จุดๆนั้นคือยิ่งกว่าตลาดแตกค่า หน่วยเผือกเยอะมาก ทั้งเพื่อนพี่แกกับเพื่อนในห้องอีก.ประหลาดใจ นี่ยังคิดว่ามาทำใมเยอะขนาดนี้ว่ะ แต่ก็อย่างว่าเนอะช่วงวาเลนไทล์หลายคู่ก็สารภาพรักกัน แล้วได้เป็นแฟนกันก็มี ตอนนั้นเราก็คิดอย่างนั้นแหล่ะ ภาพนี่ยังกะซี่รี่ที่พระเอกเดินมาพร้อมดอกไม้เตรียมสารภาพรักนางเอก  เพื่อนพี่แกนี่ก็เชียร์เต็มที่เลย  เอาดิๆ  เรานี่ก็เขิน  และจังหว่ะนั้นเองที่อิพี่แกยื่นดอกไม้มาพร้อมพูดว่า  "น้อง.....ครับพี่ให้"  ติดตาค่ะ5555. ภาพดอกไม้ค่อยๆผ่านเราไปช้าๆ ไปหยุดตรงหน้า เพื่อนคนสนิทของเราเองค่า. เราชอบไปไหนมาไหนด้วยกัน จนบางทีรุ่นน้องก็ชอบคิดเราเป็นเลซปล่าวว่ะ
คือแบบใจนี่ยิ้มทั้งน้ำตาเลย อยากร้องงไห้มากเหมือนทุกอย่างมันอื้อไปหมดค่ะ. เสียงผู้คนรอบข้างที่ร้องแซวเรายังแทบไม่ได้ยินเลย จำได้ว่าตอนนั้นยิ้มและแซวเพื่อนไปหนึ่งที  แต่คอใจนี่โครตเจ็บค่ะ  ชินและชาไปเลยทีเดียว จากนั้นมาเราก็ไม่เคยคิดเองเออเองอีกเลย คือเวลามีคนมารู้สึกดีนี่ถ้าเขาไม่บอกตรงๆก็คือไม่รู้เลยค่ะ.
วกมาเรื่องนี้กันต่อ5555เพราะมันไม่ใช่ประเด็น แต่ก็วกไปถึงดาวอังคารโน่น
. จากนั้นเขาก็คบกันไม่นานนะคะแล้วก็เลิก เพื่อนเราเขาเปนคนติสๆหน่อยอ่ะค่ะแลยคบกันไม่นาน
ส่วนเราก็โสดยาวเลย จากกระทั่งเราเรียนมหาลัยจุ๊บๆ
เราเลือกเรียนมหาลัยแห่งหนึ่ง วันที่เรามารายงานตัววันแรกเราเจอกับพี่คนหนึ่ง หน้าตาเหมือนคนเมายาเอิ่มคือความคิดเราตอนนั้นนะคะ นางแต่งตัวเซอร์หน่อย ไว้หนวด เล็กน้อยสูงๆขาวๆ แลดูเป็นคนเงียบๆขรึมๆ.   สิ่งหนึ่งที่ช่วยเสริมให้นางดูดีก็คือ กล้องค่ะ. พี่แกเป็นตากล้องประจำสาขาที่เราเรียนอยู่. เป็นรุ่นพี่เราหนึ่งปี ตอนที่เรามา เรามารายงายตัวท้ายๆค่ะ  เจอกับพี่เขาพอดี. พี่แกมาถ่ายรูปน้องๆ  เราคิดในใจเลยตอนนั้น  แหมไม่หล่อหล่ะยังทำมาเป็นเก็ก. แบบ ท่าพี่แกตอนเสยผมแล้วกดชัตเตอร์ยี่เราแบบ  หน่ะเก็กหว่ะ ไม่เห็นหล่อเลย ก็ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรเลยค่ะ

จนเวลาผ่านไป. พี่ๆเขาก็นัดน้องๆมาร่วมกิจกรรมของสาขา เราถูกคัดเลือกให้มาช่วยแสดงด้วยค่ะ
เป็นแด๊นเซ้ออออออ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้  ให้ตายเหอะ เราไม่เคยเต้นมาก่อนด้วยซ้ำ จับปูใส่กระด้งเลยจร้งานนี้  มือไม้แข็งมากกกกกก. ณ..ตอนนี้เราก็ยังไม่กล้ากลับไปดูคลิปวันงานเลยค่ะ. รู้สึกอายตัวเอง
ที่จริงพี่เขาให้เราเป็นตัวสำรองแทนเพื่อนคนหนึ่ง แล้วทีนี้ เพื่อนคนนั้นดันซิ่วไป งานเข้าเต็มๆทีนี้. จากสำรองต้องมาเป็นตัวจริงซ่ะ เราก็ซ้อมๆไปค่ะแรกๆก็แข็งๆหน่อย  โชคดีที่พี่เขาก็ช่วยสอน. และท่าก็ไม่ได้ยากมั้งเราเลยทำได้.  มียากก็ตอนเก็บลายที่พี่แต่ละคนเปลี่ยนไป5555. เรานี่ไม่ชินเลยจร้. เพื่อนที่เคยเปนแดนเซอร์ก็คงจะรู้ดีนะคะว่าเก็บลายเต้นคือไร  เรานี่แอบร้องไห้หลายครั้งเลยค่ะ. ขออกก็โดนด่า หื้อออ
และวันหนึ่งขณะที่เราซ้อม. พี่คนนั้นนางก็มาดู. พวกพี่เขาก็แซว เห้ยมาทำใม ใช่ธุระไหม. พี่เขาก็ยิ้มๆ. ปกติตอนซ้อม เราจะมีแต่ผู้หญิงกับผู้ฉิงค่ะไม่มีผู้ชาย พอพี่แกมาดูก็เกร็งๆหน่อย. ทุกครั้งที่พวกเราซ้อมพี่แกก็จะมามองแล้วเหมือนติโน่นตินี่. เรานี่หมั่นไส้มากค่ะ คิดในใจเฮ้ยมาเต้นเองไหมว่ะ. แล้วคนที่โดนติมากที่สุดก็คือเรา. ก็เราเต้นแข็งสุดหล่ะ  
น้อง.....มือจร้
น้อง.....เอียงขวา
น้อง.....เร็วๆไม่ทัน....น้อง....ยิ้ม
คือแบบไม่ติดเป็นรุ่นพี่นี่ด่าไปหล่ะ....ขี้ฟ้องชะมัด  เอ่อน่ะ  เราก็แต่คิดเอง
ตอนนั้นยอมรับเลยเราเกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิพี่นั้นมากๆ. คือที่เจอวันแรกคิดว่านางจะพูดน้อยไรงี้ค่ะ  สงสัยต้องคิดใหม่ นางพูดเยอะมาก แต่คงจะเฉพาะกับกลุ่มเพื่อน พอนางไปเล่นกีฬาเสร็จนางก็จะแวบมา. เฮ้ยแวบมาทีไรตรูโดนด่าทุกที. ขี้ฟ้อง!!
ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นนานเท่าไหร่. จนวันหนึ่ง ช่วงที่พักซ้อม พี่แกก็มาเหมือนปกติ. เพื่อนบางคนเขาก็แวบไปเข้าห้องน้ำกันส่วยเราก็นั่งพักกับเพื่อนอีกคน. ก็ชวนคุยอะไรไปเรื่อย.
พี่แกก็มานั่งตรงริมฟุตบาต. กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง. ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าเขาคุยอะไรกัน แต่มีช่วงหนึ่งที่เพื่อนคนที่คุยนางขอตัวไปเอาข้าวกับพี่ที่ฝากซื้อไว้ เราเลยเงียบไป. ตอนนั้นเราจำได้ว่า. เพื่อนพี่แกถามมา "คนไหนว่ะที่ชอบ" แล้วพี่แกก็ตอบไปว่า คนนั้นหน่ะที่ถือกระเป๋าสีฟ้า" อ้าวเฮ้ยยยย. หูฝาดปาะว่ะ. เราที่กำลังก้มหน้าเล่นเกมส์อยู่นี่คือ หันไปมองเลยเหมือนเพื่อนพี่แกหันมาทางเราป่ะ เป็นจังหว่ะเดียวกับที่เพื่อนมาที่โต๊ะ. ตอนนั้นเราเลยไม่ได้สนใจอะไร. คิดว่าหูแว่วแน่ ก็คุยกับเพื่อนไป. แล้วก็ไม่ได้สนนะว่าพี่กับเพื่อนเขาคุยอะไรต่อ. ก็ตอนนั้นไม่ได้สนใจนี่หนา. วันนั้นพี่แกกลับก่อน เรานี่นึกดีจะได้ไม่มีคนจับผิดเรา. ขาตอนกลับบ้านช่วงเราเก็บของ ก็นึกถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อกี้. คือกระเป๋าฟ้าๆๆ ก็มือเราถือกระเป๋าใส่ดินสอสีฟ้าพอดีอ่ะตอนนั้น. เค้าหมายถึงเราป่ะว่ะ. แต่มาคิดดูอีกทีตอนนั้นเราว่าเราหูฝาดแหล่ะ อาจเป็นกระเป๋าผ้าก็ได้ และเราก็คิดว่า. พี่แกคงไม่มาชอบผู้หญิงอย่างเราหรอก เหตุนกตอนนั้นยังจำได้
เรามีโอกาสอยู่กับพี่แกสองต่อสองครั้งหนึ่ง พระจันทร์สวยมาก. เอิ่มเรากับพี่แกชอบมองฟ้าเหมือนเดียวกันเลยแหล่ะ เพื่อนพี่ๆช่วงพักเขาไปหาไรกินกัน ส่วนเราลดความอ้วนจร้ 555ไม่กินมื้อเย็น. เราก็นั่งเล่นโทรไป. ก็นั่งกับพี่แกสองคน แต่คนละโต๊ะ. พี่แกเงียบมากกดดดด.เอาแต่มองฟ้าและทำหน้านิ่งๆตลอดเลย และเราก็ไม่กล้าทักพี่แกเหมือนกัน
มันเป็นไรที่อึดอัดมากเลยหล่ะ. ถึงตอนนั้นเรื่องกระเป๋าฟ้าก็วนเวียนในหัวเราพี่เค้าจะชอบเราไหมน่ะ เฮ้ยชอบต้องทักดิว่ะ
หลายความคิดตีกันไปมาในหัวเลย
เราไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดกับเราได้ยังไง จากรู้สึกเกลียดมากๆ. จนกลายเป็นตอนนี้ที่ชอบมากๆ
พี่แกก็ยังมาดูพวกเราซ้อมแต่ก็ไม่ได้มาทุกวัน. เรานี่พยายามทำมันออกมาให้ดี มีแรงรู้สึกอยากไปซ้อมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีวันหนึ่งพี่แกเอากล้องมาที่ซ้อม เราสังเกตเห็นพี่แกเล็งมาทางเราแหล่ั. ในใจก็คิดมโนเองปล่าวน้า. กลัวแห้วเหมือนม.ปลาย
ก็มีเพื่อนพี่ตัวดีบอกถ้าไม่กล้าถ่ายเดี่ยวถ่ายให้และดึงกล้องพี่แกมา พี่ที่คุมซ้อมก็เอ็ดด่าพี่แกเลยเลิกไป. นึกแล้วก็ขำ
และวันหนึ่งพี่แกก็หายไป. เราไม่รู้ว่าพี่แกหายไปไหน. ไม่กล้าถามรุ่นพี่ แต่ด้วยงานที่ใกล้แข่งเราเลยซ้อมอย่างหนักไม่ได้คิดเรื่องพี่แกเลย
จนวันจะแข่งจริง เราก็เห็นพี่เขาในใจนี่ยิ้ม ดีใจยังไงไม่รู้. แต่ตอนนั้นที่พี่แกมา พวกพี่เขาก็แซวพี่แกกับพี่อีกคนกันใหญ่เราแต่งหน้าอยู่เพิ่งรู้พี่เขาคบกัน
และตอนนั้นแหล่ะจร้เราถึงบางอ้อเลย. ที่ผ่านมา เราคิดเองเออเองหมดพี่แกมาเฝ้าแฟน เราลองเลียบๆถาม เพื่อนเขาว่าพี่แกตามจีบพี่คนนี้อยู่
เรานี่จุกมากตอนนั้นไม่พูดอะไรเลยหล่ะ
มันก็เหมือนดี. เหมือนจะตัดใจได้. แต่บอกเลยมันยากมากๆ กับการที่เราต้องเห็นหน้าเขาทุกๆครั้ง
แล้วก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลกพี่แกกับพี่คนนั้นคบกันไม่นานก็เลิกกัน. เราเห็นพี่แกเพ้อบ่อยมากในเฟส
เคยพยายามโพสลอยๆไปเราไม่รู้ว่าพี่แกจะรู้ไหมว่าเราหมายถึงพี่เขา. และงานๆหนึ่งเราก็ทักพี่เขาไป ตอนนั้นก็คุยเรื่องงาน พี่เขาก็คุยดีแหล่ะ. แต่เราลองไม่คุยทักไปก่อนดูว่าพี่แกจะตอบกลับมาไหม ก็ไม่
เรารู้แล้วแหล่ะว่าพี่แกคงไม่ชอบเรา. แต่หลายอย่างมันก็ทำเหมือนพี่เขาชอบเรา
หรือเราอาจจะหลอกตัวเองก็ได้. ความจริงคือเขาไม่ได้ชอบเราเลย. ทุกอย่างเรารู้สึกไปเอง คิดไปเอง. เศร้าน่ะ ความรักไม่เคยทำใครเจ็บปวดควาใหวังต่างหาก เราคิดหวังว่าเขาจะชอบเรา แต่ไม่เลย. ตอนนี้เหมือนพี่แกมีคนชอบแล้วเหอะ.....พิมพ์มาจะจบกำลังคิดอยู่ว่าถ้า พี่แกได้อ่านกระทู้นี้  พี่แกจะจำได้ไหมว่าเป็นเรา  ถึงตอนนี้  ลึกๆก็ยังอยากรู้อยู่ดี ว่าเราคิดเองใช่ไหม หรือนางจะมีใจอยู่บ้าง ขอบคุณทุกคนนะที่อ่านจนจบ. หวังใช่มั้ยว่าเดี๋ยวจะลงเอยแล้ว. มันจบแล้วค่ะ. จบแบบนี้เลย- ปกติเราดูหนังรัก เราก็อยากให้รักสมหวังใช่มั้ยค่ะ. โชคร้ายจังที่ชีวิตจริงเราไม่เหมือนในนิยาย เราไม่สมหวัง. แต่ก็ไม่ใช่ว่าจุดจบมันจะจบแค่นี้ เราหวังว่าสักวันเราจะลืมเขาคนนี้. เจอคนดีๆสักคนหนึ่ง
ขอให้ทุกคนที่อ่านกระทู้นี้จนจบ สมหวังนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่