ชายไทยอายุ 60 ปี อาชีพขับรถบรรทุก 10 ปีที่แล้วได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น focal segmental glomerulosclerosis (glomerular disease ที่เป็นสาเหตุของ nephrotic syndrome) เพราะอาชีพที่ต้องขับรถเป็นระยะเวลานานบนท้องถนนทำให้ลำบากในการหาเวลาไปตรวจสุขภาพ แต่ด้วยน้าหนักที่เพิ่มขึ้น และอาการบวมที่ใบหน้าและขา จึงทาให้ชายไทยต้องไปพบแพทย์ ผลการตรวจร่างกายพบ periorbital edema, pitting edema ที่บริเวณส่วนปลาย และ ascites
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการดังแสดงดังนี้ Plasma concentration
Na+ 142 mEq/L (normal, 140 mEq/L)
albumin 1 g/dL (normal 4.5 g/dL) 24-hr urine
protein 4 g/24 hr
แพทย์แนะนำให้รับประทาน low-Na+ diet และได้รับยา loop diuretic (furosemide) แต่ไม่ได้ผล แพทย์เลยเพิ่มปริมาณยาและให้ยาขับปัสสาวะเพิ่มอีก 1 ตัว คือ spironolactone
อยากทราบว่า...ทำไมการรักษาด้วย furosemide ตัวเดียวจึงไม่ได้ผล และต้องให้ spironolactone เพิ่มอีกตัว
คุณหมอช่วยด้วย!!!!! พยายามตามหาคำตอบมาหลายวันแล้ว ช่วยทีคะ
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการดังแสดงดังนี้ Plasma concentration
Na+ 142 mEq/L (normal, 140 mEq/L)
albumin 1 g/dL (normal 4.5 g/dL) 24-hr urine
protein 4 g/24 hr
แพทย์แนะนำให้รับประทาน low-Na+ diet และได้รับยา loop diuretic (furosemide) แต่ไม่ได้ผล แพทย์เลยเพิ่มปริมาณยาและให้ยาขับปัสสาวะเพิ่มอีก 1 ตัว คือ spironolactone
อยากทราบว่า...ทำไมการรักษาด้วย furosemide ตัวเดียวจึงไม่ได้ผล และต้องให้ spironolactone เพิ่มอีกตัว