
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิป
หลังจากทริปสามเดือนที่ New Zealand เมื่อปลายปีก่อน จริงๆ ก็เคยเขียนกระทู้เกริ่นเรื่องโต้คลื่นไปแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเขียนให้จบเพราะติดนั่นติดนี่ รู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองกลับมาที่บาหลีอีกแล้ว เป็นทริปที่ตัดสินใจปุบปับเพียงแค่ 1 สัปดาห์ก่อนออกเดินทาง นับแล้วน่าจะเป็นครั้งที่ 7 ที่กลับมาที่นี่ ด้วยเหคุผลใหญ่ๆ ที่เดาได้ไม่ยากนั่นก็คือ Surfing เหมือนหลายๆ คนนั่นแลลล ซึ่งทริปนี้เราจะปักหลักอยู่บาหลี 21 วันด้วยกัน และเหมือนเดิม กระทู้นี้จะเน้นรูปโดยส่วนใหญ่ จะมีข้อมูลอื่นๆ ประกอบไว้บ้างเผื่อมีประโยชน์กับใครหลายๆ คน แต่อย่างที่บอกว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนในนี้เคยเขียนรีวิวเกี่ยวกับการเที่ยวบาหลีไว้อย่างละเอียดชนิดที่หลับตาเดินไปเที่ยวได้แล้ว เพราะฉะนั้นเราขออนุญาตไม่ลงดีเทลแบบละเอียดนะครับ
แรงบันดาลใจในการกลับมาบาหลีครั้งนี้มีสองเหตุผลด้วยกัน ข้อแรก Surfing และข้อที่สองคือการติดตาม ig @doyoutravel ของ Jack Morris และค้นพบว่าบาหลีไม่ได้มีแค่ทะเลนะเออออ ทริปนี้เราตัดสินใจจะขึ้นเหนือบ้างละ เพราะทริปที่ผ่านๆ มาหลายครั้งไม่เคยได้ไปไหนเลยนอกจากทะเล ทะเล และทะเล ไม่ได้ไปวัด (จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไป) ไม่ได้ไปสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นรีวิวของเราก็อาจจะไม่ได้เห็นบาหลีในแบบที่หลายๆ คนเคยเห็นกัน โดย highlight ของทริปนี้ก็คือ... Zen Hideaway ที่กำลังโด่งดังอยู่นั่นเองงงง!

บาหลีเป็นเกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเชียเพื่อนบ้านของเราที่ไปง่ายมากๆ ไม่ได้เป็นเกาะที่สวยที่สุดในอินโดฯ แต่น่าจะพูดได้ว่าเป็นที่นิยมที่สุด สำหรับคนไทยแบบเราๆ ไม่ต้องวิ่งเต้นทำ Visa ให้วุ่นวาย เช็คพาสปอตให้มั่นใจว่ามีอายุเหลือ 6 เดือนก็ซื้อตั๋วบินได้เล้ยย (สำหรับคนไทย free visa 30 วันจ้า) ทริปนี้เราซื้อตั๋วบินแบบแยกไปกลับเพราะตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจวันกลับโดยบินกับ Thai AirAsia เพราะราคาเป็นมิตรกับคนที่ตรากตรำทำงานเอาเงินมาเที่ยวแบบเรา ฮ่าๆ โดยขากลับเราลงเอยบินกับการบินไทย ราคาแพงกว่านิดหน่อย บินตรงใช้เวลา 4 ชั่วโมง 20 นาทีเท่ากัน แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลย ส่วนใหญ่การเลือกตั๋วเครื่องบินของเราจะ based on ราคา และเวลาบิน (ที่ไม่เช้าหรือดึกมาก) แนะนำว่าเลือกวันบินเป็นวันพฤหัสฯ จะได้ตั๋วถูกที่สุด และสำหรับไฟลท์มาหลีบิน ตรงได้ก็บินตรงเลยดีกว่า เพราะราคาไม่ต่างกันมาก เวลาเดินทางแค่ 4 ชั่วโมงกว่าๆ เองด้วย
การกลับมาบาหลีปีนี้รู้สึกได้ว่า Security และ Custom ที่สนามบินเข้มงวดมากกกก มากกกกขนาดที่สุ่มคนตรวจกระเป๋าเยอะมากๆ ซึ่งเราและแฟนก็โชคร้ายเป็นหนึ่งในนั้น เป็นครั้งแรกที่ถูกค้นกระเป๋าในระดับที่ถุงเท้าที่ม้วนๆ อยู่งี้ก็ถูกปลดออกมาทุกคู่ (ไม่ใส่กลับให้ด้วยนะ) ล้วงเข้าไปในถุงเท้าด้วยซ้ำ โอ้มายก้อดดดด กางเกงในบิกินี่อะไรงี้ออกมาตั้งเป็นแผงขายเสื้อผ้ามือสองเลยเธอจ๋า กระเป๋านี่ถูกเอาเข้าเครื่องแสกนเข้าออกสองสามรอบประหนึ่งมีคดีก่อการร้ายติดตัวมาจากประเทศไทย ฮืออออ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่แต่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ดีเขาไม่ให้เราเข้าเครื่อง 3d แสกนหรือนอนบนสายพานแสกนร่างกายด้วย!
หลายคนอาจจะแลกเงินมาจากไทย แต่จริงๆ เราว่าเอาเงินไทยมาแลกที่นี่ได้เรทดีกว่าอีก (ร้านแลกเงินที่ดังๆ ของที่นี่และเชื่อถือได้คือร้านที่เยื้องๆ กับ Bintang Supermarket ตรง Saminyak น่ะครับ ได้เรทดีด้วยประมาณ 350-360) แต่สำหรับทริปหลังๆ มานี้เรากด ATM ลูกเดียวด้วยความขี้เกียจล้วนๆ เรทก็จะอยู่ราวๆ 320 น่ะครับ (ต้องเช็คอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันนะครับ) กดทีนึงก็กด 2,000,000 รูเปียมาเลย บางตู้มันจะกดได้แค่ 1,500,000 แต่เสียค่าทำเนียม 100 นึงเท่ากัน เพราะฉะนั้นทุกครั้งเราจะมองหาตู้ ATM ของ Bank BRI เสมอเพราะมันกดได้สองล้าน จะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมเยอะ ที่นี่ร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารส่วนใหญ่จะรับบัตรเครดิต/เดบิตแต่จะชาร์จ 2-3% เพราะฉะนั้นลองคำนวนการใช้จ่ายเงินดีๆ นะครับ ร้านอาหารดังๆ ที่ไม่ใหญ่มากจะรับแค่เงินสด พกเงินสดไว้ก็ดีครับ
สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปที่พักเมื่อตอนมาถึง หากหลีกเลี่ยง Uber, GrabCar ได้ก็ควรทำนะครับเพราะคนที่นั่นปิดถนนประท้วงกันจริงจังมาก มีกลุ่มลับถ่ายรูปคนขับส่งกันในกรุ้ปกันด้วย ใช้แท็กซี่ท้องถิ่น BlueBird ก็โอเคครับ ส่วนใหญ่เป็นมิเตอร์กันหมด ทริคของเราคือการลากกระเป๋าเดินออกมาจากสนามบิน (ผ่านอาคารจอดรถ) ออกมาหาแท็กซี่ที่ถนนข้างนอกจ้า5555 โดนชาร์จตามมิเตอร์ ก็ถือว่าไม่แพงมากไปแถวๆ Seminyak ก็ประมาณ 85,000 รูเปีย ส่วนระหว่างทริปเราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ผ่านโรงแรมเอา ราคาจะอยู่ที่ 60,000-100,000 รูเปียต่อวัน หากไปเช่าเองข้างนอกก็น่าจะหาได้ในราคา 50,000-60,000 ต่อวันครับ แต่ก่อนจะขับรถออกมาเช็คสภาพรถ รอยขีดข่วนกันดีๆ และสวมหมวกกันน็อคระหว่างขับขี่เสมอนะครับ (เราแนะนำให้จองผ่านโรงแรมเด้อ) และะะหากวางแผนจะขับมอเตอร์ไซค์ในบาหลีเลือกคนขับที่ค่อนข้างชำนาญหน่อยนะครับ เพราะรถติดมากกกก คนขับรถนรกมากกกกก จะข้ามถนนทีเหมือนจะต้องเตรียมตัวตายตลอดเวลา ฮือออออ

เดี๋ยวมาเล่าเกี่ยวกับ Surf และทริปสู่ Ubud ภาคเหนือของบาหลีของเราต่อในคอมเมนท์ หวังว่าจะ tips เล็กๆ น้อยๆ ข้างบนจะช่วยอะไรใครได้บ้าง ฮาาา รูปในกระทู้ถ่ายจากกล้อง Leica D-Lux Type 109 และ Iphone7 เหมือนเดิมนะครับ ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบาหลีทิ้งคำถามไว้ได้นะครับ ถ้าเราช่วยให้ข้อมูลอะไรได้ก็พยายามเขียนลงไว้ให้ สำหรับคนที่อยากติดตามรูปจากทริปอื่นๆ ของเราด้วย ฝากติดตาม ig ที่ @onpage13 เน้ออออ
[CR] บาหลี Surf + Sleep + Repeat โต้คลื่นหนีร้อน อาบแดดหน้าฝน วิวสวยบนชิงช้าที่ Zen Hideaway
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิป
หลังจากทริปสามเดือนที่ New Zealand เมื่อปลายปีก่อน จริงๆ ก็เคยเขียนกระทู้เกริ่นเรื่องโต้คลื่นไปแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเขียนให้จบเพราะติดนั่นติดนี่ รู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองกลับมาที่บาหลีอีกแล้ว เป็นทริปที่ตัดสินใจปุบปับเพียงแค่ 1 สัปดาห์ก่อนออกเดินทาง นับแล้วน่าจะเป็นครั้งที่ 7 ที่กลับมาที่นี่ ด้วยเหคุผลใหญ่ๆ ที่เดาได้ไม่ยากนั่นก็คือ Surfing เหมือนหลายๆ คนนั่นแลลล ซึ่งทริปนี้เราจะปักหลักอยู่บาหลี 21 วันด้วยกัน และเหมือนเดิม กระทู้นี้จะเน้นรูปโดยส่วนใหญ่ จะมีข้อมูลอื่นๆ ประกอบไว้บ้างเผื่อมีประโยชน์กับใครหลายๆ คน แต่อย่างที่บอกว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนในนี้เคยเขียนรีวิวเกี่ยวกับการเที่ยวบาหลีไว้อย่างละเอียดชนิดที่หลับตาเดินไปเที่ยวได้แล้ว เพราะฉะนั้นเราขออนุญาตไม่ลงดีเทลแบบละเอียดนะครับ
แรงบันดาลใจในการกลับมาบาหลีครั้งนี้มีสองเหตุผลด้วยกัน ข้อแรก Surfing และข้อที่สองคือการติดตาม ig @doyoutravel ของ Jack Morris และค้นพบว่าบาหลีไม่ได้มีแค่ทะเลนะเออออ ทริปนี้เราตัดสินใจจะขึ้นเหนือบ้างละ เพราะทริปที่ผ่านๆ มาหลายครั้งไม่เคยได้ไปไหนเลยนอกจากทะเล ทะเล และทะเล ไม่ได้ไปวัด (จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไป) ไม่ได้ไปสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นรีวิวของเราก็อาจจะไม่ได้เห็นบาหลีในแบบที่หลายๆ คนเคยเห็นกัน โดย highlight ของทริปนี้ก็คือ... Zen Hideaway ที่กำลังโด่งดังอยู่นั่นเองงงง!
บาหลีเป็นเกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเชียเพื่อนบ้านของเราที่ไปง่ายมากๆ ไม่ได้เป็นเกาะที่สวยที่สุดในอินโดฯ แต่น่าจะพูดได้ว่าเป็นที่นิยมที่สุด สำหรับคนไทยแบบเราๆ ไม่ต้องวิ่งเต้นทำ Visa ให้วุ่นวาย เช็คพาสปอตให้มั่นใจว่ามีอายุเหลือ 6 เดือนก็ซื้อตั๋วบินได้เล้ยย (สำหรับคนไทย free visa 30 วันจ้า) ทริปนี้เราซื้อตั๋วบินแบบแยกไปกลับเพราะตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจวันกลับโดยบินกับ Thai AirAsia เพราะราคาเป็นมิตรกับคนที่ตรากตรำทำงานเอาเงินมาเที่ยวแบบเรา ฮ่าๆ โดยขากลับเราลงเอยบินกับการบินไทย ราคาแพงกว่านิดหน่อย บินตรงใช้เวลา 4 ชั่วโมง 20 นาทีเท่ากัน แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลย ส่วนใหญ่การเลือกตั๋วเครื่องบินของเราจะ based on ราคา และเวลาบิน (ที่ไม่เช้าหรือดึกมาก) แนะนำว่าเลือกวันบินเป็นวันพฤหัสฯ จะได้ตั๋วถูกที่สุด และสำหรับไฟลท์มาหลีบิน ตรงได้ก็บินตรงเลยดีกว่า เพราะราคาไม่ต่างกันมาก เวลาเดินทางแค่ 4 ชั่วโมงกว่าๆ เองด้วย
การกลับมาบาหลีปีนี้รู้สึกได้ว่า Security และ Custom ที่สนามบินเข้มงวดมากกกก มากกกกขนาดที่สุ่มคนตรวจกระเป๋าเยอะมากๆ ซึ่งเราและแฟนก็โชคร้ายเป็นหนึ่งในนั้น เป็นครั้งแรกที่ถูกค้นกระเป๋าในระดับที่ถุงเท้าที่ม้วนๆ อยู่งี้ก็ถูกปลดออกมาทุกคู่ (ไม่ใส่กลับให้ด้วยนะ) ล้วงเข้าไปในถุงเท้าด้วยซ้ำ โอ้มายก้อดดดด กางเกงในบิกินี่อะไรงี้ออกมาตั้งเป็นแผงขายเสื้อผ้ามือสองเลยเธอจ๋า กระเป๋านี่ถูกเอาเข้าเครื่องแสกนเข้าออกสองสามรอบประหนึ่งมีคดีก่อการร้ายติดตัวมาจากประเทศไทย ฮืออออ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่แต่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ดีเขาไม่ให้เราเข้าเครื่อง 3d แสกนหรือนอนบนสายพานแสกนร่างกายด้วย!
หลายคนอาจจะแลกเงินมาจากไทย แต่จริงๆ เราว่าเอาเงินไทยมาแลกที่นี่ได้เรทดีกว่าอีก (ร้านแลกเงินที่ดังๆ ของที่นี่และเชื่อถือได้คือร้านที่เยื้องๆ กับ Bintang Supermarket ตรง Saminyak น่ะครับ ได้เรทดีด้วยประมาณ 350-360) แต่สำหรับทริปหลังๆ มานี้เรากด ATM ลูกเดียวด้วยความขี้เกียจล้วนๆ เรทก็จะอยู่ราวๆ 320 น่ะครับ (ต้องเช็คอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันนะครับ) กดทีนึงก็กด 2,000,000 รูเปียมาเลย บางตู้มันจะกดได้แค่ 1,500,000 แต่เสียค่าทำเนียม 100 นึงเท่ากัน เพราะฉะนั้นทุกครั้งเราจะมองหาตู้ ATM ของ Bank BRI เสมอเพราะมันกดได้สองล้าน จะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมเยอะ ที่นี่ร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารส่วนใหญ่จะรับบัตรเครดิต/เดบิตแต่จะชาร์จ 2-3% เพราะฉะนั้นลองคำนวนการใช้จ่ายเงินดีๆ นะครับ ร้านอาหารดังๆ ที่ไม่ใหญ่มากจะรับแค่เงินสด พกเงินสดไว้ก็ดีครับ
สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปที่พักเมื่อตอนมาถึง หากหลีกเลี่ยง Uber, GrabCar ได้ก็ควรทำนะครับเพราะคนที่นั่นปิดถนนประท้วงกันจริงจังมาก มีกลุ่มลับถ่ายรูปคนขับส่งกันในกรุ้ปกันด้วย ใช้แท็กซี่ท้องถิ่น BlueBird ก็โอเคครับ ส่วนใหญ่เป็นมิเตอร์กันหมด ทริคของเราคือการลากกระเป๋าเดินออกมาจากสนามบิน (ผ่านอาคารจอดรถ) ออกมาหาแท็กซี่ที่ถนนข้างนอกจ้า5555 โดนชาร์จตามมิเตอร์ ก็ถือว่าไม่แพงมากไปแถวๆ Seminyak ก็ประมาณ 85,000 รูเปีย ส่วนระหว่างทริปเราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ผ่านโรงแรมเอา ราคาจะอยู่ที่ 60,000-100,000 รูเปียต่อวัน หากไปเช่าเองข้างนอกก็น่าจะหาได้ในราคา 50,000-60,000 ต่อวันครับ แต่ก่อนจะขับรถออกมาเช็คสภาพรถ รอยขีดข่วนกันดีๆ และสวมหมวกกันน็อคระหว่างขับขี่เสมอนะครับ (เราแนะนำให้จองผ่านโรงแรมเด้อ) และะะหากวางแผนจะขับมอเตอร์ไซค์ในบาหลีเลือกคนขับที่ค่อนข้างชำนาญหน่อยนะครับ เพราะรถติดมากกกก คนขับรถนรกมากกกกก จะข้ามถนนทีเหมือนจะต้องเตรียมตัวตายตลอดเวลา ฮือออออ
เดี๋ยวมาเล่าเกี่ยวกับ Surf และทริปสู่ Ubud ภาคเหนือของบาหลีของเราต่อในคอมเมนท์ หวังว่าจะ tips เล็กๆ น้อยๆ ข้างบนจะช่วยอะไรใครได้บ้าง ฮาาา รูปในกระทู้ถ่ายจากกล้อง Leica D-Lux Type 109 และ Iphone7 เหมือนเดิมนะครับ ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบาหลีทิ้งคำถามไว้ได้นะครับ ถ้าเราช่วยให้ข้อมูลอะไรได้ก็พยายามเขียนลงไว้ให้ สำหรับคนที่อยากติดตามรูปจากทริปอื่นๆ ของเราด้วย ฝากติดตาม ig ที่ @onpage13 เน้ออออ