เห็นว่า กระทู้ในคลับสามก๊กดูเงียบเหงายิ่งนัก วันนี้ บังเอิญแวะมาเยือน จึงฝากมิตรสหายผู้มีวาสนาไว้สักกระทู้หนึ่ง เรื่องราวของจินตนิยายสามก๊ก ที่เริ่มต้นกันเล่นๆเป็นกระทู้กวนๆ จากคลับแห่งนี้ จนผ่านไปหลายปี เขียนบันทึกไปแล้ว 5 ภาค จำนวนหลายร้อยหน้ากระดาษ
ปล. คาดไม่ถึง หนึ่งบทที่เขียน ไม่สามารถลงหมดในหนึ่งกระทู้ ทำให้ต้องมีกระทู้ที่สองต่อเนื่องกันให้จบบท
***
30. สมดุลย์แห่งอำนาจใหม่
กวนอู กวนเป๋ง จิวฉอง เคลื่อนทัพเกงจิ๋วล่าช้ากว่านัดหมายเดิมไปหลายวัน เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นสองประการ ข่าวดีคือ ลิบอง เสนาบดีบู๊คนใหม่ของกังตั๋งล้มป่วยลง ซุนกวนถึงกับแต่งตั้งลกซุนที่อ่อนประสบการณ์ด้านรบขึ้นมารักษาการณ์แทน กวนอูจึงคลายใจเรื่องพยัคฆ์แดนใต้ไปได้มากอยู่ แต่ข่าวร้ายคือ ตันฮก เล่าฮอง เบ้งตัด รวมทั้ง กุนซืออุยก๋วนที่หลบหนีออกมาจากเมืองเสฉวน ได้ทำการยึดอำนาจที่เมืองกังแฮ แหล่งที่คุ้นเคยของเล่าฮอง ตั้งตนเป็นกองทัพธรรมอย่างเปิดเผย โดยเล่าฮองประกาศตนเป็นทายาทของเล่าฉวนแห่งกิจิ๋ว เชื้อพระวงศ์ยอดขุนพลที่ร่ำลือว่าตกเหวตายไปในอดีต ระดมไพร่พลเพื่อต่อต้านรัฐบาลทรราชย์ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง
เบื้องแรก กวนอูลังเลใจว่า สมควรบุกขึ้นเหนือตามแผนจากเสฉวนก่อน หรือไปปราบพวกที่ตีตนออกห่างก่อน พอดี เตียวเลี้ยว สหายลับได้ส่งข่าว รับอาสาจะจัดทัพมาจัดการกับพวกตันฮกให้เอง เพราะเตียวเลี้ยวยังจริงจังต่อพันธมิตรแห่งฟากฟ้า แม้จะรู้ว่า พันธมิตรโลซกตายแล้ว ก็ยังคงเชื่อมั่นในกวนอูอยู่ จึงไม่พอใจที่พวกตันฮกชิงยึดอำนาจในพื้นที่ตั้งต้นของพวกตน
พอรับฟังเช่นนั้น กวนอูจึงค่อยคลายใจ หากเตียวเลี้ยวจัดการกับเมืองกังแฮ และตนเองยึดเมืองอ้วนเซียได้ด้วยแล้ว พันธมิตรแห่งฟากฟ้าจะมีพื้นที่ยึดครองสามเมืองสำคัญ อ้วนเซีย เกงจิ๋ว และหับป๋า เพียงพอที่จะมีน้ำหนักสร้างตัวได้ต่อไปอีกครั้งหนึ่ง
ใช่แล้ว กวนอูยังไม่หมดหวังที่จะตั้งตนเป็นเจ้า ถึงแม้จะยึดอำนาจทั้งหมดมาไม่ได้ แต่การเป็นเจ้านครในจุดยุทธศาสตร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่สามารถกระทำได้ และสมควรจะเป็นเวลานี้ เวลาที่ผู้คนคาดคิดไม่ถึง
ดังนั้น กวนอูจึงฝากเมืองให้ม้าต้ายดูแลเมืองเกงจิ๋วไปพลาง พร้อมนำพานางกวนอินผิง ลูกบุญธรรม และ กวนเป๋ง จิวฉอง สองคนสนิท ยกทัพขึ้นเหนือ บุกเมืองอ้วนเซียที่มีอิกิ๋ม หนึ่งในห้าพยัคฆ์ ตั้งมั่นอยู่ทันที โดยใช้พื้นที่เมืองซงหยงเป็นฐานบัญชาการทัพ บิต๊ก บิฮอง คู่กรณีเก่าที่เฝ้ารักษาเมืองซงหยงมานาน พยายามให้การต้อนรับ แต่กวนอูกลับแสดงออกอย่างเย็นชา ปฏิเสธไม่ให้เข้าพบปรึกษางานตามธรรมเนียม จนรู้สึกอึดอัดใจในท่าทีอันแข็งกร้าวของกวนอูอีกครั้ง
ที่จริงแล้ว กวนอูก็มีใจนักเลงไม่น้อย ถึงกับยินยอมให้อภัยต่อกวนเป๋ง จิวฉอง ที่ครั้งก่อนตกอยู่ใต้อิทธิพลของตันฮก เกือบจะเข่นฆ่าเล่าปี่และห้าขุนพลสวรรค์ เพราะได้รับบุญคุณในการคัดเลือกให้มาเป็นลูกบุญธรรมของกวนอู เตียวหุย ตามความตั้งใจดั้งเดิม หากแต่พอกวนอูรับไว้เสียเองทั้งสองคน และเลี้ยงดูอย่างดีมานานหลายปี จึงสนิทสนมคุ้นเคยกับกวนอูมากกว่าคนชักนำแรกเริ่ม แตกต่างจากเล่าฮองซึ่งมีเบื้องหลังความเป็นมาที่ซับซ้อนลึกซึ้งกว่า และมีความขัดแย้งกับกวนอูมาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว
แต่ส่วนของบิต๊ก บิฮองนั้นผิดแผกกันอยู่ ทั้งสองฝ่ายเคยมีปัญหากันมาตั้งแต่ครั้งที่กวนอูพาตัวสองฮูหยินหลบหนีมาจากฝ่ายโจโฉ และสองพี่น้องยังอาจจะเป็นต้นเหตุให้เล่าปี่ล่วงรู้ความลับของอาเต๊าด้วย กวนอูจึงคงยังหมางเมินต่อคนทั้งสองอย่างจงใจ แต่ยังไม่อาจทำอะไรได้ด้วยติดว่า เคยเป็นญาติกับฮูหยินของเล่าปี่ ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน
การที่กลุ่มคนทำงานบาดหมางกันด้วยเรื่องราวมากมายสะสมกันมานาน ทำให้เกิดสถานการณ์ที่อิหลักอิเหลื่อขึ้น และอาจจะเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์พลิกผันครั้งสำคัญที่สุดในยุคสมัยสามก๊ก
…
สมรภูมิรบที่เมืองอ้วนเซียเร่ิมต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กองทัพฝ่ายกวนอู เผชิญกับกองทัพของโจหยิน หนึ่งเทวะที่ตั้งทัพค่ายกลแปดทิศขวางทางอยู่ที่ทุ่งเตียงปัน สะพานคู่เตียงปันกลายเป็นจุดเปราะบางคล้ายคลึงกันกับสมรภูมิช่องแคบเขาเตงกุนสันที่ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเคลื่อนข้ามฝั่งด้วยเกรงจะตกเป็นเป้าโจมตี และถูกตัดทำลายหมดหนทางถอยหนี โจหยินเองก็ถนัดตั้งรับ ไม่เน้นการรุก จึงสงบนิ่งมองดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามตลอดทั้งวัน
แต่แล้ว พอท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืด เปลวไฟกลับลุกโชติช่วงขึ้นที่ยุ่งฉางเมืองอ้วนเซีย อิกิ๋ม ผู้เฝ้าระวังเมือง รีบนำทัพไปแก้ไขสถานการณ์ กลับเผชิญหน้ากับกวนอูบนหลังม้าเซีกเทาอันเลื่องชื่อ ที่แท้ กวนอูแสร้งให้กวนเป๋ง จิวฉองนำกองทัพเคลื่อนไปทางบก ล่อลวงให้คล้ายบุกมาทางสะพานเตียงปัน แต่กลับปลอมปนหน่วยจู่โจมชุดใหญ่มาทางเรือขนส่ง บุกขึ้นฝั่งลอบโจมตียุ้งฉาง จุดยุทธศาสตร์ของเมืองอ้วนเซียก่อน เลียนแบบกลยุทธ์กองโจรที่พวกกังตั๋งชอบใช้เป็นประจำ
อิกิ๋ม ฝีมือด้อยที่สุดในห้าพยัคฆ์ ย่อมไม่อาจต้านทานกวนอูที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี ทั้งคนทั้งม้าผนึกกันเป็นหนึ่งเดียว เหวี่ยงฟาดง้าวมังกรเขียวฟันใส่อาวุธของอิกิ๋มหักสะบั้น แต่ยังดีที่กวนอูหมายจับเป็น เพื่อลดทอนความฮึกเหิมของฝ่ายตรงข้าม อิกิ๋มจึงเพียงถูกฟาดร่วงจากหลังม้าให้ทหารช่วยกันจับมัดตัวเอาไว้
เสียงตวาดห้ามดังมาแต่ไกล กวนอูหันกลับไปมองเห็นขุนพลแปลกหน้าของฝ่ายตรงข้าม ควบม้าเข้ามาใกล้พร้อมเงื้อดาบฟันหัวม้ามาแต่ไกล เป็นขุนพลรอง บังเต๊ก ที่เพิ่งเข้าสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายรัฐบาล จึงควบม้าสวนเข้าไป หมายเอาชนะบังเต๊กให้ได้ในเวลาสั้น แต่บังเต๊กได้รับการแนะนำมาอย่างดีจากพวกโจหยิน อิกิ๋ม ถึงจุดอ่อนของกวนอูที่โจโฉค้นพบ เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานจะทำให้กวนอูสูญเสียพละกำลังอย่างมาก และมักจะไม่ได้รับชัยชนะ จึงหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่เน้นต่อสู้แบบยืดเยื้อแทน
เมื่อกวนอู บังเต๊ก ต่อสู้กันได้พักใหญ่ กวนอูกลับรู้สึกคุ้นเคยกับกระบวนท่า และรูปลักษณ์ของฝ่ายตรงข้าม จึงกล่าวถามไถ่ “เจ้าคือคนที่เคยลอบสังหารข้าที่ทุ่งดอกไม้หน้าเมืองเกงจิ๋วเมื่อหลายปีก่อน ใช่หรือไม่ เจ้าเป็นคนในสังกัดของฮองตงมิใช่หรือ”
บังเต๊กนึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนั้น แม้ว่าไม่ชมชอบ อดีตอาจารย์ผู้มีพระคุณที่กำลังโด่งดังอยู่กับฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ไม่ลืมเลือนบุญคุณที่สอนสั่งวิทยายุทธ์ให้ จึงกล่าวแก้ต่างให้กับฮองตง “ข้า บังเต๊กเป็นเพียงมือสังหารรับจ้าง ใครมีเงินจ่าย ก็พร้อมจะจัดการให้ งานจบ ความสัมพันธ์ก็สิ้นสูญ ไม่ว่าจะเป็นฮองตง ม้าเฉียว ก็ล้วนแต่เคยว่าจ้างข้าทั้งสิ้น” ว่าแล้วจึงเริ่มที่จะเร่งเร้ากระบวนท่าดาบฟันหัวม้าที่พัฒนามาจากง้าวด้ามยาว หวังเอาชีวิตฝ่ายตรงข้าม สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองบ้าง
กวนอู ณ วันนี้ ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ปกติ สมควรชักจูงให้บังเต๊กยอมสวามิภักดิ์ แต่คู่ต่อสู้คล้ายไม่ยอมรามือ และเคยมีเหตุแค้นเคืองกันมาก่อน จึงตัดใจ เริ่มใช้กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงแล้ว
พอกวนอูเปลี่ยนแปลงความคิดเสียใหม่ ก็เหมือนเสือติดปีก ได้เปรียบทั้งน้ำหนักอาวุธของง้าวมังกรเขียว กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงที่พลิกแพลงพิสดาร และความรวดเร็วปราดเปรียวของม้าเซ็กเทา กลายเป็นความสมบูรณ์ถึงที่สุด เกินกว่าที่ขุนพลคนใดในแผ่นดินจะต้านทานได้ ดาวรุ่งหน้าใหม่อย่างบังเต๊กจึงกลายเป็นเบี้ยล่างให้กับขุนพลจันทร์พิฆาตทันที
เสียงตะโกน “มังกรสะท้านไตรภพ” ดังก้องขึ้น บังเต๊กรับรู้ทันทีว่า นี่คือกระบวนท่าสังหาร มันรีบละทิ้งดาบฟันหัวม้าตามสภาวะกดดันขยับยิงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อใส่ฝ่ายตรงข้ามเป็นการโต้ตอบในระยะกระชั้นชิด สกัดกั้นการรุกของสองฝ่ามือที่ฟาดมาตรงหน้า แต่อาจจะสายไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียว
เห็นกวนอูตกจากม้าเซ็กเทา มือกุมไหล่ซ้ายที่โดนเกาทัณฑ์ลับปักตรึงอยู่ แต่กระบวนท่าพิฆาตจากง้าวมังกรเขียวยังส่งผลให้หัวของบังเต๊กหลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี เป็นอันจบสิ้นชีวิตของบุคคลพิสดารไปอีกคนหนึ่ง บังเต๊ก น้องชายต่างมารดาของบังทอง และทายาทที่ถูกปิดบังของผู้เฒ่ากระเรียนตายเสียแล้ว
เสียงโห่ร้องดังมาจากทางด้านหลัง กองทัพนับหมื่นของโจหยินยอมล่าถอยจากจุดยุทธศาสตร์ทุ่งเตียงปัน เพื่อเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์หน้าเมืองอ้วนเซีย โดยมีกองทัพกวนเป๋ง จิวฉองไล่ตามมาอย่างไม่ลดละเช่นกัน สามเทพบุตรอันมี แฮหัวป๋า โจจิ๋น โจฮิว ที่อยู่รักษาประตูเมือง เกรงว่า ค่ำมืด โจหยินเพียงลำพัง อาจจะเสียทีต่อฝ่ายข้าศึกไปอีก จึงตีม้าล่อส่งสัญญาณให้ฝ่ายตนเองล่าถอย โจหยินจึงสั่งการให้ไพร่พลกลับเข้าเมืองก่อน ค่อยรับทราบว่า อิกิ๋มถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวไปแล้ว และบังเต๊กเสียชีวิตไปในที่รบ เท่ากับฝ่ายรัฐบาลสูญเสียคนระดับขุนพลไปถึงสองคนในคราวเดียว จึงให้ปิดประตูเมืองแน่นหนา ตั้งใจรอคอยความช่วยเหลือจากเมืองหลวงแล้ว
…
หลังจากที่กวนอูจับตัวหนึ่งพยัคฆ์ สังหารหนึ่งขุนพล และยึดคลังเสบียงฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ จึงวางใจให้ทหารปักกระโจมตั้งค่ายกดดันที่หน้าเมืองอ้วนเซีย แต่มองดูบาดแผล เห็นเลือดสีคล้ำดำ แสดงว่า เป็นเกาทัณฑ์อาบยาพิษ จึงกังวลใจ สั่งการตามหาตัวหมอมีชื่อมารักษาก่อน ส่วนอิกิ๋มที่ร่ำร้องขอชีวิตรอดนั้น จึงให้นำไปแห่ประจานในฐานะเชลยศึกตลอดเส้นทางที่นำตัวกลับไปเมืองเกงจิ๋ว และใช้หัวของบังเต๊กปักไว้เหนือโลงศพวางขู่ไว้ที่หน้าเมืองอ้วนเซีย เพื่อลดทอนขวัญกำลังใจ และชื่อเสียงของฝ่ายรัฐบาล
หมอฮัวโต๋ทราบข่าวอาการบาดเจ็บ จึงรีบขันอาสาเข้ามาช่วยรักษาให้กับกวนอูเป็นการเฉพาะ เปิดช่องให้หัวขวาน เหยี่ยวดำ สามารถปะปนอยู่ในกองทัพของกวนอูได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น เพราะหน้าที่ของหน่วยปักษาสวรรค์คือการขัดขวางไม่ให้ฝ่ายเล่าปี่ กวนอู สามารถยึดครองพื้นที่ไปได้มากไปกว่านี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เตียวหุย จูล่ง สมควรหายหน้าไปจากสนามรบสักพักหนึ่งเช่นกัน
…
เล่าปี่-ฮันต๋งอ๋อง และ กุนซือขงเบ้ง รับทราบสถานการณ์ทางด้านเมืองอ้วนเซียแล้ว กริ่งเกรงว่า กวนอูมีอายุมากแล้ว จะรับมือกับพิษบาดแผลไม่ไหว จึงสั่งการให้ม้าเฉียว ขุนพลใหญ่ อุยเอี๋ยน ขุนพลรอง และกุนซือ ม้าเลี้ยง นำกองกำลังมาสลับเปลี่ยนกันกับกวนอู เปิดทางให้พวกกวนอูล่าทัพกลับสู่เมืองเกงจิ๋วไปรักษาตัวอย่างจริงจัง ทิ้งให้ฮองตง ขุนพลใหญ่ อองเป๋ง ขุนพลรอง และกุนซือ หวดเจ้ง ตั้งมั่นที่เมืองฮันต๋งต่อไป
ที่จริงแล้ว ทั้งเล่าปี่ ขงเบ้งล้วนตระหนักดีว่า ม้าเฉียวและคนสกุลม้ามีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับคนชนเผ่าด้านตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเผ่าตี เผ่าเกี๋ยง รวมไปถึงชนเผ่านอกด่าน ทำให้กริ่งเกรงว่า ขุนพลดังที่เพิ่งเข้าร่วมนั้น จะเปลี่ยนใจตั้งตนขึ้นมาเป็นอิสระเหมือนแต่ก่อนอีก จึงระแวงไม่อยากให้ม้าเฉียวควบคุมกองกำลังอยู่ที่เมืองฮันต๋งนานๆ พอเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงรีบใช้เหตุโยกย้ายให้ออกจากพื้นที่อันตราย โดยมีอุยเอี๋ยนเป็นผู้กำกับทัพไปด้วยอีกคนหนึ่ง อย่างน้อย อุยเอี๋ยนก็มีฝีมือสูงส่งพอตัว และสนิทสนมกับเล่าปี่ในฐานะพี่เมีย ย่อมไม่ถูกปลุกปั่นได้โดยง่าย และในจุดนี้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เล่าปี่ไม่หักหาญรีบแต่งตั้งอุยเอี๋ยนขึ้นเป็นขุนพลสวรรค์คนที่หก เพราะการที่อุยเอี๋ยนตามประกบม้าเฉียวในฐานะขุนพลรอง จะทำการได้สะดวกกว่า
ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง ไม่ได้มีทีท่าหวาดระแวงต่ออุยเอี๋ยนอันใด หากแต่การเดินทัพจากเมืองฮันต๋งไปยังเมืองอ้วนเซียครั้งนี้ กลับคล้ายเชื่องช้าอยู่บ้าง โดยอ้างว่า ม้าเลี้ยงกินของแสลง เกิดป่วยกระทันหัน จึงผิดวิสัยของนายพรานที่ต้องการไล่ล่าสัตว์ป่า แต่กลับดูเหมือนนายพรานที่เฝ้ารอคอยให้สัตว์ป่าติดกับดัก ณ ที่ใดที่หนึ่งในป่าใหญ่
...
จินตนิยายสามก๊ก ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
ปล. คาดไม่ถึง หนึ่งบทที่เขียน ไม่สามารถลงหมดในหนึ่งกระทู้ ทำให้ต้องมีกระทู้ที่สองต่อเนื่องกันให้จบบท
***
30. สมดุลย์แห่งอำนาจใหม่
กวนอู กวนเป๋ง จิวฉอง เคลื่อนทัพเกงจิ๋วล่าช้ากว่านัดหมายเดิมไปหลายวัน เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นสองประการ ข่าวดีคือ ลิบอง เสนาบดีบู๊คนใหม่ของกังตั๋งล้มป่วยลง ซุนกวนถึงกับแต่งตั้งลกซุนที่อ่อนประสบการณ์ด้านรบขึ้นมารักษาการณ์แทน กวนอูจึงคลายใจเรื่องพยัคฆ์แดนใต้ไปได้มากอยู่ แต่ข่าวร้ายคือ ตันฮก เล่าฮอง เบ้งตัด รวมทั้ง กุนซืออุยก๋วนที่หลบหนีออกมาจากเมืองเสฉวน ได้ทำการยึดอำนาจที่เมืองกังแฮ แหล่งที่คุ้นเคยของเล่าฮอง ตั้งตนเป็นกองทัพธรรมอย่างเปิดเผย โดยเล่าฮองประกาศตนเป็นทายาทของเล่าฉวนแห่งกิจิ๋ว เชื้อพระวงศ์ยอดขุนพลที่ร่ำลือว่าตกเหวตายไปในอดีต ระดมไพร่พลเพื่อต่อต้านรัฐบาลทรราชย์ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง
เบื้องแรก กวนอูลังเลใจว่า สมควรบุกขึ้นเหนือตามแผนจากเสฉวนก่อน หรือไปปราบพวกที่ตีตนออกห่างก่อน พอดี เตียวเลี้ยว สหายลับได้ส่งข่าว รับอาสาจะจัดทัพมาจัดการกับพวกตันฮกให้เอง เพราะเตียวเลี้ยวยังจริงจังต่อพันธมิตรแห่งฟากฟ้า แม้จะรู้ว่า พันธมิตรโลซกตายแล้ว ก็ยังคงเชื่อมั่นในกวนอูอยู่ จึงไม่พอใจที่พวกตันฮกชิงยึดอำนาจในพื้นที่ตั้งต้นของพวกตน
พอรับฟังเช่นนั้น กวนอูจึงค่อยคลายใจ หากเตียวเลี้ยวจัดการกับเมืองกังแฮ และตนเองยึดเมืองอ้วนเซียได้ด้วยแล้ว พันธมิตรแห่งฟากฟ้าจะมีพื้นที่ยึดครองสามเมืองสำคัญ อ้วนเซีย เกงจิ๋ว และหับป๋า เพียงพอที่จะมีน้ำหนักสร้างตัวได้ต่อไปอีกครั้งหนึ่ง
ใช่แล้ว กวนอูยังไม่หมดหวังที่จะตั้งตนเป็นเจ้า ถึงแม้จะยึดอำนาจทั้งหมดมาไม่ได้ แต่การเป็นเจ้านครในจุดยุทธศาสตร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่สามารถกระทำได้ และสมควรจะเป็นเวลานี้ เวลาที่ผู้คนคาดคิดไม่ถึง
ดังนั้น กวนอูจึงฝากเมืองให้ม้าต้ายดูแลเมืองเกงจิ๋วไปพลาง พร้อมนำพานางกวนอินผิง ลูกบุญธรรม และ กวนเป๋ง จิวฉอง สองคนสนิท ยกทัพขึ้นเหนือ บุกเมืองอ้วนเซียที่มีอิกิ๋ม หนึ่งในห้าพยัคฆ์ ตั้งมั่นอยู่ทันที โดยใช้พื้นที่เมืองซงหยงเป็นฐานบัญชาการทัพ บิต๊ก บิฮอง คู่กรณีเก่าที่เฝ้ารักษาเมืองซงหยงมานาน พยายามให้การต้อนรับ แต่กวนอูกลับแสดงออกอย่างเย็นชา ปฏิเสธไม่ให้เข้าพบปรึกษางานตามธรรมเนียม จนรู้สึกอึดอัดใจในท่าทีอันแข็งกร้าวของกวนอูอีกครั้ง
ที่จริงแล้ว กวนอูก็มีใจนักเลงไม่น้อย ถึงกับยินยอมให้อภัยต่อกวนเป๋ง จิวฉอง ที่ครั้งก่อนตกอยู่ใต้อิทธิพลของตันฮก เกือบจะเข่นฆ่าเล่าปี่และห้าขุนพลสวรรค์ เพราะได้รับบุญคุณในการคัดเลือกให้มาเป็นลูกบุญธรรมของกวนอู เตียวหุย ตามความตั้งใจดั้งเดิม หากแต่พอกวนอูรับไว้เสียเองทั้งสองคน และเลี้ยงดูอย่างดีมานานหลายปี จึงสนิทสนมคุ้นเคยกับกวนอูมากกว่าคนชักนำแรกเริ่ม แตกต่างจากเล่าฮองซึ่งมีเบื้องหลังความเป็นมาที่ซับซ้อนลึกซึ้งกว่า และมีความขัดแย้งกับกวนอูมาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว
แต่ส่วนของบิต๊ก บิฮองนั้นผิดแผกกันอยู่ ทั้งสองฝ่ายเคยมีปัญหากันมาตั้งแต่ครั้งที่กวนอูพาตัวสองฮูหยินหลบหนีมาจากฝ่ายโจโฉ และสองพี่น้องยังอาจจะเป็นต้นเหตุให้เล่าปี่ล่วงรู้ความลับของอาเต๊าด้วย กวนอูจึงคงยังหมางเมินต่อคนทั้งสองอย่างจงใจ แต่ยังไม่อาจทำอะไรได้ด้วยติดว่า เคยเป็นญาติกับฮูหยินของเล่าปี่ ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน
การที่กลุ่มคนทำงานบาดหมางกันด้วยเรื่องราวมากมายสะสมกันมานาน ทำให้เกิดสถานการณ์ที่อิหลักอิเหลื่อขึ้น และอาจจะเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์พลิกผันครั้งสำคัญที่สุดในยุคสมัยสามก๊ก
…
สมรภูมิรบที่เมืองอ้วนเซียเร่ิมต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กองทัพฝ่ายกวนอู เผชิญกับกองทัพของโจหยิน หนึ่งเทวะที่ตั้งทัพค่ายกลแปดทิศขวางทางอยู่ที่ทุ่งเตียงปัน สะพานคู่เตียงปันกลายเป็นจุดเปราะบางคล้ายคลึงกันกับสมรภูมิช่องแคบเขาเตงกุนสันที่ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเคลื่อนข้ามฝั่งด้วยเกรงจะตกเป็นเป้าโจมตี และถูกตัดทำลายหมดหนทางถอยหนี โจหยินเองก็ถนัดตั้งรับ ไม่เน้นการรุก จึงสงบนิ่งมองดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามตลอดทั้งวัน
แต่แล้ว พอท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืด เปลวไฟกลับลุกโชติช่วงขึ้นที่ยุ่งฉางเมืองอ้วนเซีย อิกิ๋ม ผู้เฝ้าระวังเมือง รีบนำทัพไปแก้ไขสถานการณ์ กลับเผชิญหน้ากับกวนอูบนหลังม้าเซีกเทาอันเลื่องชื่อ ที่แท้ กวนอูแสร้งให้กวนเป๋ง จิวฉองนำกองทัพเคลื่อนไปทางบก ล่อลวงให้คล้ายบุกมาทางสะพานเตียงปัน แต่กลับปลอมปนหน่วยจู่โจมชุดใหญ่มาทางเรือขนส่ง บุกขึ้นฝั่งลอบโจมตียุ้งฉาง จุดยุทธศาสตร์ของเมืองอ้วนเซียก่อน เลียนแบบกลยุทธ์กองโจรที่พวกกังตั๋งชอบใช้เป็นประจำ
อิกิ๋ม ฝีมือด้อยที่สุดในห้าพยัคฆ์ ย่อมไม่อาจต้านทานกวนอูที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี ทั้งคนทั้งม้าผนึกกันเป็นหนึ่งเดียว เหวี่ยงฟาดง้าวมังกรเขียวฟันใส่อาวุธของอิกิ๋มหักสะบั้น แต่ยังดีที่กวนอูหมายจับเป็น เพื่อลดทอนความฮึกเหิมของฝ่ายตรงข้าม อิกิ๋มจึงเพียงถูกฟาดร่วงจากหลังม้าให้ทหารช่วยกันจับมัดตัวเอาไว้
เสียงตวาดห้ามดังมาแต่ไกล กวนอูหันกลับไปมองเห็นขุนพลแปลกหน้าของฝ่ายตรงข้าม ควบม้าเข้ามาใกล้พร้อมเงื้อดาบฟันหัวม้ามาแต่ไกล เป็นขุนพลรอง บังเต๊ก ที่เพิ่งเข้าสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายรัฐบาล จึงควบม้าสวนเข้าไป หมายเอาชนะบังเต๊กให้ได้ในเวลาสั้น แต่บังเต๊กได้รับการแนะนำมาอย่างดีจากพวกโจหยิน อิกิ๋ม ถึงจุดอ่อนของกวนอูที่โจโฉค้นพบ เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานจะทำให้กวนอูสูญเสียพละกำลังอย่างมาก และมักจะไม่ได้รับชัยชนะ จึงหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่เน้นต่อสู้แบบยืดเยื้อแทน
เมื่อกวนอู บังเต๊ก ต่อสู้กันได้พักใหญ่ กวนอูกลับรู้สึกคุ้นเคยกับกระบวนท่า และรูปลักษณ์ของฝ่ายตรงข้าม จึงกล่าวถามไถ่ “เจ้าคือคนที่เคยลอบสังหารข้าที่ทุ่งดอกไม้หน้าเมืองเกงจิ๋วเมื่อหลายปีก่อน ใช่หรือไม่ เจ้าเป็นคนในสังกัดของฮองตงมิใช่หรือ”
บังเต๊กนึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนั้น แม้ว่าไม่ชมชอบ อดีตอาจารย์ผู้มีพระคุณที่กำลังโด่งดังอยู่กับฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ไม่ลืมเลือนบุญคุณที่สอนสั่งวิทยายุทธ์ให้ จึงกล่าวแก้ต่างให้กับฮองตง “ข้า บังเต๊กเป็นเพียงมือสังหารรับจ้าง ใครมีเงินจ่าย ก็พร้อมจะจัดการให้ งานจบ ความสัมพันธ์ก็สิ้นสูญ ไม่ว่าจะเป็นฮองตง ม้าเฉียว ก็ล้วนแต่เคยว่าจ้างข้าทั้งสิ้น” ว่าแล้วจึงเริ่มที่จะเร่งเร้ากระบวนท่าดาบฟันหัวม้าที่พัฒนามาจากง้าวด้ามยาว หวังเอาชีวิตฝ่ายตรงข้าม สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองบ้าง
กวนอู ณ วันนี้ ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ปกติ สมควรชักจูงให้บังเต๊กยอมสวามิภักดิ์ แต่คู่ต่อสู้คล้ายไม่ยอมรามือ และเคยมีเหตุแค้นเคืองกันมาก่อน จึงตัดใจ เริ่มใช้กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงแล้ว
พอกวนอูเปลี่ยนแปลงความคิดเสียใหม่ ก็เหมือนเสือติดปีก ได้เปรียบทั้งน้ำหนักอาวุธของง้าวมังกรเขียว กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงที่พลิกแพลงพิสดาร และความรวดเร็วปราดเปรียวของม้าเซ็กเทา กลายเป็นความสมบูรณ์ถึงที่สุด เกินกว่าที่ขุนพลคนใดในแผ่นดินจะต้านทานได้ ดาวรุ่งหน้าใหม่อย่างบังเต๊กจึงกลายเป็นเบี้ยล่างให้กับขุนพลจันทร์พิฆาตทันที
เสียงตะโกน “มังกรสะท้านไตรภพ” ดังก้องขึ้น บังเต๊กรับรู้ทันทีว่า นี่คือกระบวนท่าสังหาร มันรีบละทิ้งดาบฟันหัวม้าตามสภาวะกดดันขยับยิงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อใส่ฝ่ายตรงข้ามเป็นการโต้ตอบในระยะกระชั้นชิด สกัดกั้นการรุกของสองฝ่ามือที่ฟาดมาตรงหน้า แต่อาจจะสายไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียว
เห็นกวนอูตกจากม้าเซ็กเทา มือกุมไหล่ซ้ายที่โดนเกาทัณฑ์ลับปักตรึงอยู่ แต่กระบวนท่าพิฆาตจากง้าวมังกรเขียวยังส่งผลให้หัวของบังเต๊กหลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี เป็นอันจบสิ้นชีวิตของบุคคลพิสดารไปอีกคนหนึ่ง บังเต๊ก น้องชายต่างมารดาของบังทอง และทายาทที่ถูกปิดบังของผู้เฒ่ากระเรียนตายเสียแล้ว
เสียงโห่ร้องดังมาจากทางด้านหลัง กองทัพนับหมื่นของโจหยินยอมล่าถอยจากจุดยุทธศาสตร์ทุ่งเตียงปัน เพื่อเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์หน้าเมืองอ้วนเซีย โดยมีกองทัพกวนเป๋ง จิวฉองไล่ตามมาอย่างไม่ลดละเช่นกัน สามเทพบุตรอันมี แฮหัวป๋า โจจิ๋น โจฮิว ที่อยู่รักษาประตูเมือง เกรงว่า ค่ำมืด โจหยินเพียงลำพัง อาจจะเสียทีต่อฝ่ายข้าศึกไปอีก จึงตีม้าล่อส่งสัญญาณให้ฝ่ายตนเองล่าถอย โจหยินจึงสั่งการให้ไพร่พลกลับเข้าเมืองก่อน ค่อยรับทราบว่า อิกิ๋มถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวไปแล้ว และบังเต๊กเสียชีวิตไปในที่รบ เท่ากับฝ่ายรัฐบาลสูญเสียคนระดับขุนพลไปถึงสองคนในคราวเดียว จึงให้ปิดประตูเมืองแน่นหนา ตั้งใจรอคอยความช่วยเหลือจากเมืองหลวงแล้ว
…
หลังจากที่กวนอูจับตัวหนึ่งพยัคฆ์ สังหารหนึ่งขุนพล และยึดคลังเสบียงฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ จึงวางใจให้ทหารปักกระโจมตั้งค่ายกดดันที่หน้าเมืองอ้วนเซีย แต่มองดูบาดแผล เห็นเลือดสีคล้ำดำ แสดงว่า เป็นเกาทัณฑ์อาบยาพิษ จึงกังวลใจ สั่งการตามหาตัวหมอมีชื่อมารักษาก่อน ส่วนอิกิ๋มที่ร่ำร้องขอชีวิตรอดนั้น จึงให้นำไปแห่ประจานในฐานะเชลยศึกตลอดเส้นทางที่นำตัวกลับไปเมืองเกงจิ๋ว และใช้หัวของบังเต๊กปักไว้เหนือโลงศพวางขู่ไว้ที่หน้าเมืองอ้วนเซีย เพื่อลดทอนขวัญกำลังใจ และชื่อเสียงของฝ่ายรัฐบาล
หมอฮัวโต๋ทราบข่าวอาการบาดเจ็บ จึงรีบขันอาสาเข้ามาช่วยรักษาให้กับกวนอูเป็นการเฉพาะ เปิดช่องให้หัวขวาน เหยี่ยวดำ สามารถปะปนอยู่ในกองทัพของกวนอูได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น เพราะหน้าที่ของหน่วยปักษาสวรรค์คือการขัดขวางไม่ให้ฝ่ายเล่าปี่ กวนอู สามารถยึดครองพื้นที่ไปได้มากไปกว่านี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เตียวหุย จูล่ง สมควรหายหน้าไปจากสนามรบสักพักหนึ่งเช่นกัน
…
เล่าปี่-ฮันต๋งอ๋อง และ กุนซือขงเบ้ง รับทราบสถานการณ์ทางด้านเมืองอ้วนเซียแล้ว กริ่งเกรงว่า กวนอูมีอายุมากแล้ว จะรับมือกับพิษบาดแผลไม่ไหว จึงสั่งการให้ม้าเฉียว ขุนพลใหญ่ อุยเอี๋ยน ขุนพลรอง และกุนซือ ม้าเลี้ยง นำกองกำลังมาสลับเปลี่ยนกันกับกวนอู เปิดทางให้พวกกวนอูล่าทัพกลับสู่เมืองเกงจิ๋วไปรักษาตัวอย่างจริงจัง ทิ้งให้ฮองตง ขุนพลใหญ่ อองเป๋ง ขุนพลรอง และกุนซือ หวดเจ้ง ตั้งมั่นที่เมืองฮันต๋งต่อไป
ที่จริงแล้ว ทั้งเล่าปี่ ขงเบ้งล้วนตระหนักดีว่า ม้าเฉียวและคนสกุลม้ามีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับคนชนเผ่าด้านตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเผ่าตี เผ่าเกี๋ยง รวมไปถึงชนเผ่านอกด่าน ทำให้กริ่งเกรงว่า ขุนพลดังที่เพิ่งเข้าร่วมนั้น จะเปลี่ยนใจตั้งตนขึ้นมาเป็นอิสระเหมือนแต่ก่อนอีก จึงระแวงไม่อยากให้ม้าเฉียวควบคุมกองกำลังอยู่ที่เมืองฮันต๋งนานๆ พอเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงรีบใช้เหตุโยกย้ายให้ออกจากพื้นที่อันตราย โดยมีอุยเอี๋ยนเป็นผู้กำกับทัพไปด้วยอีกคนหนึ่ง อย่างน้อย อุยเอี๋ยนก็มีฝีมือสูงส่งพอตัว และสนิทสนมกับเล่าปี่ในฐานะพี่เมีย ย่อมไม่ถูกปลุกปั่นได้โดยง่าย และในจุดนี้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เล่าปี่ไม่หักหาญรีบแต่งตั้งอุยเอี๋ยนขึ้นเป็นขุนพลสวรรค์คนที่หก เพราะการที่อุยเอี๋ยนตามประกบม้าเฉียวในฐานะขุนพลรอง จะทำการได้สะดวกกว่า
ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง ไม่ได้มีทีท่าหวาดระแวงต่ออุยเอี๋ยนอันใด หากแต่การเดินทัพจากเมืองฮันต๋งไปยังเมืองอ้วนเซียครั้งนี้ กลับคล้ายเชื่องช้าอยู่บ้าง โดยอ้างว่า ม้าเลี้ยงกินของแสลง เกิดป่วยกระทันหัน จึงผิดวิสัยของนายพรานที่ต้องการไล่ล่าสัตว์ป่า แต่กลับดูเหมือนนายพรานที่เฝ้ารอคอยให้สัตว์ป่าติดกับดัก ณ ที่ใดที่หนึ่งในป่าใหญ่
...