ฮ่าาา และเราก็เดินทางมาถึงวันที่ 3 กันล๊าวว วันนี้แพลนแน่นเอี๊ยดด เพราะกึ่งเก็บตก ฉะนั้นไปทุกที่เราก็จะกำหนดเลยว่าแต่ละที่จะอยู่ถึงกี่โมง และจะต้องไปถึงอีกที่กี่โมง เช่นไปถึงวัดแรก 9 โมง ต้องอยู่ไม่เกิน ครึ่ง ชม. และต้องถึงวัดต่อไป 10 โมง บลาๆ เพื่อให้ทันแพลนทั้งหมด อะไรประมานนั้น #นี่มาเที่ยวหรือมาทำอะไร 555

โดยวันนี้ที่จะไปเป็นที่แรกได้แก่ วัดหวังต้าเซียน เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักสุด (ห่างจากที่พัก 1 สถานี) แบบวันนี้ก็เบิกฤกษ์ได้ดีอย่างเช่นเคย เดินทางสะดวกมาก อากาศดี ถึงที่วัดตามเวลาเป๊ะ มาถึงเช้าคนยังไม่เยอะ เดินชมวัดได้สบายๆ มีความสุขอีกละกะทิ

จุดที่น่าสนใจของวัดนี้มีหลายจุด ตั้งแต่รูปปั้น 12 นักษัตรอัดงดงาม การลูบมังกรหน้าวัด

แต่ไฮไลท์ที่สุดเห็นจะเป็นจุดขอเนื้อคู่จากเทพเจ้าหยุคโหลของเหล่าบรรดาหนุ่มสาวผู้เปลี่ยวรักนี่แหละ (แต่เอาจิงก็เห็นแต่ผู้หญิงมาขอนะ 555) ตามตำนานเล่าว่าหลังจากที่ภรรยาผู้เฒ่าเสียชีวิตก็ได้ขึ้นไปอยู่บนสรวงสรรค์ ผู้เฒ่าได้แต่สวดมนต์ภาวนาเพื่อขอให้ทวยเทพประทานพรให้เขาได้ขึ้นไปอยู่กับคนรัก จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ คอยทำหน้าที่จดรายชื่อคู่รัก ชาวจีนจึงเชื่อกันว่าสมุดที่ผู้เฒ่าถือในมือ คือบัญชีรายชื่อคู่รักที่จะได้รับคำอวยพรให้อยู่คู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งท่านผู้เฒ่าเป็นเทพเจ้าผู้เป็นอมตะที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ และเมื่อลงมาโลกมนุษย์จะปรากฏตัวยามค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์ เพื่อผูกด้ายดวงชะตาระหว่างคู่รักซึ่งเมื่อคู่กันแล้วก็จะไม่แคล้วคลาดกัน

หลังจากเดินชมนก ชมไม้ ชมศิลปะ ถ่ายรูป และสูดอากาศจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาเคลื่อนตัวไปจุดยอดฮิตที่ 2 นั่นก็คือ วัดแชกงหมิววว การเดินทางมาที่วัดนี้ไม่ไดซับซ้อนอะไร แต่เดินไกลหน่อย ตอนเดินไปวัดนี้ ขณะที่รอไฟแดงเพื่อข้ามถนน รู้สึกได้ยินเสียงคนเรียกจิกๆ อยู่ข้างหลัง "เจ่เจ้ เจ่เจ้ เจ่เจ้" เลยหันไปดู ผงะ เป็นอาม่าคนจีนแก่ๆ งั่กๆ แต่เรียกเราเจ่เจ้ 😵 พอเห็นเราหันไปอาม่าก็รัวภาษาจีนใส่เลย ลักษณะเหมือนจะถามทาง แบบไม่รู้จะตอบอาม่าว่าอะไร เลยตอบไปว่าแชกงหมิว อาม่าดูสตั๊น แต่อย่างน้อยอาม่าก็คงสัมผัสได้ว่าเราเป็นคนดี เพราะดูเข้าวัดเข้าวา ซักพักมีอาซิ่มคนนึงเดินมา อาม่าก็เดินไปหาอาซิ่มคนนั้นแทน ที่วัดแชกงหมิวเป็นอะไรที่นึกว่าอยู่เมืองไทย เพราะตอนไปถึงมีคนไทยอยู่ในวัดประมาน 98% พูดไทยกันโช้งเช้ง

ดูเวลาจะเที่ยงแล้ว พอซื้อของเสร็จก็รีบบึ่งไป MTR Central เพื่อต่อ BUS ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ Replus Bay เลยจ่ะ เพราะกัวไปเบียดเวลาแพลนอื่น เนื่องจากการนั่ง BUS แต่ละครั้งหากผิดพลาดมันจะเสียเวลากว่านั่ง MTR มาก
นั่ง BUS มา Replus Bay ก็ง่ายดีนะ สายเดียวถึง ตามรีวิวบอกว่า ถ้าเห็นตึกที่มีรูให้เตรียมลงได้ คือเอาจิงไม่เห็นไรทั้งนั้นอ่ะ อาจเพราะไม่ได้สังเกต เพราะใช้วิธีนั่งหน้าสุด และบอกคนขับตั้งแต่ตอนขึ้นว่าถ้าถึงให้เรียกด้วย พอถึงคนขับก็เรียก ซึ่งดีงาม Replus Bay คนไทยก็เยอะเช่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่จะมากับทัวร์ อาจเพราะส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุที่มากะลูกหลาน

ตอนรอรถตั้งใจจะไปร้านกาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่มาเปิดสาขาในฮ่องกงอย่าง omotesando koffee เลยนั่งรถไปแถว Wanchai สรุปไปถึงละ ใกล้มาก แต่เริ่มขี้เกียจหา แล้วละแวกนั้นร้านกาแฟเยอะมาก เลยมั่วแม่มเข้าไปนั่งกินเลย 555 ซึ่งพอกินแล้วเสียใจมาก 5555 กุไม่น่าวู่วามเลย

จุดสุดท้ายที่ตั้งใจจะไปในวันนี้คือกินข้าวเย็นที่ Jumbo Restaurant เลยต้องนั่ง MTR กลับไปตั้งต้นที่สถานี Central อีกครั้ง เพราะต้องนั่งรถ BUS ไป (ท่ารถอยู่ใต้ตึก Exchange ตรงข้ามสถานี Central) ขึ้นรถไป รู้แต่ว่าต้องลงย่าน Aberdeen แต่..จุดไหนของ Aberdeen วะ!! 555 บังเอิ๊ญถามคนบนรถ แล้วเค้าต้องลงที่เดียวกัน เลยลงไปกับเค้า แต่พอลงแล้วเค้าต้องไปอีกทาง เลยสื่อทางสายตาไปว่า พากุไปเถอะกุขอร้อง และเค้าก็พามาถึงท่าเรือที่มี Shuttle boat ของภัตตาคารจอดอยู่ แฮร่

เอาจิงกินเสร็จคือแพงหูฉี่ 2 จานนี้ ราคารวมประมาณ 1,500 บาทไทย (หารูปบิลไม่เจอ) ในขณะที่รสชาติก็แบบ จี๊นน จีน คือจีนจิงๆ อาจไม่ถูกปากคนไทยเลย ไม่ถูกปากเราด้วย T_T แต่ก็เตรียมใจมาละ คนที่มาเที่ยวฮ่องกงสมัยนี้ อาจรุจักร้านมิชลินดังๆ มากมายในฮ่องกง แต่พอพูดถึงภัตตาคารจัมโบ อาจจะงง พร้อมมีคำถามว่าคือไรอ่ะ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนคือแบบ ถ้าใครมาฮ่องกงแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่าเชยแหลก เหมือนมาไม่ถึง เพราะถือเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกงเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าได้เห็นภาพภัตตาคาร ก็อาจจะมีร้องอ๋ออออกัน เพราะเป็นร้านที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ดังๆ หลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น Internal Affairs หรือชื่อภาษาไทย คือ 2 คน 2 คม ที่มี หลิวเต๋อหัว และเหลียงเฉาเหว่ย นำแสดง
พอกินข้าวเสร็จ มีเวลาเหลือ แต่ขาก็แทบจะไม่ไหวละ แต่เวลาเหลืออ่ะ!! งั้นไป The Peak ต่อ 555

คือ เดอะ พีค เป็นอะไรที่พีคมาก เดินไกล ขึ้นเนิน คนรอแถวขึ้นรถรางยาวเหยียด กว่าจะได้ขึ้นเป็น ชม. ตอนขึ้นรถราง ทั้งคนที่มีตั๋ว และไม่มีตั๋ว ต้องอยู่ในแถวเดียวกันหมด จนท. จะกั้นประตูไว้ แล้วถามคนที่ผ่านประตูว่ามีตั๋วหรือบัตร Octopus มั้ย ถ้ามีก็จะได้ผ่านเข้าไปรอรถรางเลย ถ้าไม่มีจะให้แยกไปต่อแถวซื้อตั๋ว เราใช้บัตร Octopus เลยเข้าได้เลย จ่ายค่าขึ้นรถ พอไปถึงต้องจ่ายค่าเข้าไปดูอีกที พอจ่ายเสร็จ เดินผ่านประตูออกไป คือแม่เจ้า มองไม่เห็นอะไรเลย ทุกคนที่ผ่านประตูมาพร้อมกันสตั๊น แบบ หมอกลงหนามาก หนาแบบหนามากๆ เหมือนมีกำแพงหมอกหนาๆ พันอยู่รอบตัวเรา ณ ตอนนั้นคือ ฮือ ที่กุยืนรอเป็น ชม. เมื่อกี๊คืออะไร แล้วที่กุจ่ายค่าเข้าไปเมื่อกี๊อีกคืออะไร จิงๆ ก่อนจ่าย เจ้าหน้าที่ยื่นกระดาษให้อ่านนะ ว่าตอนนี้มีหมอกลง หากไม่เห็นวิว เราไม่คืนเงิน แต่แบบเฮ้ย ควรปิดเลยป่ะ คนต่อแถวเข้าไปดู ใครจะไปรุว่าจะไม่เห็นขนาดนี้ ไม่เห็นคือแบบไม่เห็นอ่ะ เหมือนเราปิดตา คือควรจะปิดโซนมากกว่ามาทำแบบนี้ สรุป มาเดอะพีค ก็รุสึกพีคมาก หึหึ อีกทั้งตอนกลับ โคตรจะหนาว ยืนต่อแถวรอกลางม่านหมอก มีละอองน้ำโปรยปราย รุสึกไม่น่าหาเรื่องเลย อะไรแบบนั้น
หน้าตาตอนยังไม่รู้ความโหดร้ายบนโลกใบนี้

👼 วัดหวังต้าเซียน (หว่องไท่ซิน) นอกจากจะเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเดินทางมาเสี่ยงเซียมซี และให้หมอดูทำนายโชคชะตาแล้ว ยังเป็นวัดเพียงวัดเดียวในฮ่องกง ที่สามารถจัดพิธีมงคลสมรสในวัดได้อีกด้วย
👼 วิธีเดินทางไปไหว้พระวัดหวังต้าเซียน
นั่ง MTR ลงสถานี Wong Tai Sin ออกทางออก B เลี้ยวขวา เดินขึ้นไปไม่ไกล วัดอยู่ทางซ้ายมือ
👼 วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันลม (Che Kung Temple) ประเทศฮ่องกง เป็นวัดหนึ่งที่ประชาชนชาวจีนให้ความเลื่อมใสศรัทธามาเนิ่นนาน สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงตำนานแห่งนักรบราชวงศ์ซ่ง ในสมัยที่ประเทศจีนยังไม่ได้รวมประเทศเป็นปึกแผ่นเฉกเช่นปัจจุบันนี้ แต่ละแคว้น ต่างปกครองกันเองและมีการต่อสู้เพื่อช่วงชิงอาณาจักรน้อยใหญ่ ตำนาน แชกงหมิว ศาลสถิของท่านแชกง ซึ่งมีประวัติเล่าต่อกันมาว่า ขณะนั้นเองยังมีนักรบเอกชื่อ "แช กง" เป็นแม่ทัพปราบศึก ทุกแคว้นเขตแดนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ยำเกรงต่อกำลังพลที่กล้าหาญในกองทัพของท่าน ยามที่ออกรบเพื่อต้านข้าศึกศัตรูทุกทิศทาง ทุก ๆ ครั้ง ท่านใช้สัญลักษณ์รูปกังหัน 4 ใบพัดติดไว้ด้านหน้ารถศึกนำขบวนในกองทัพ เหล่าทหารกล้ามีความเชื่อว่าเมื่อพกพาสัญลักษณ์รูปกังหันนี้ไป ณ ที่ใด ๆ กังหันนี้จะช่วยเสริมสิริมงคล นำพาแต่ความโชคดี มีอำนาจเข้มแข็ง เสริมกำลังใจให้แก่กองทัพของท่าน ชื่อเสียงในการนำทัพสู้ศึกของท่านจึงเป็นตำนานมาจนทุกวันนี้
👼 วิธีเดินทางไปไหว้พระวัดแชกงหมิว
นั่ง MTR ลงสถานี Tai Wai ออกทางออก B เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นท่ารถเมล์ ให้เดินออกทางซ้ายเลียบท่ารถไปเรื่อยๆ จนออกมาข้างนอก เดินข้ามถนน (จะเห็นกำแพงวัดสีแดงอยู่ฝั่งตรงข้ามขวามือ) จากนั้นให้ข้ามฝั่งโดยเดินลงใต้ดิน (เหมือนเวลากลับรถใต้สะพาน แต่เราใช้เดินแทน) พอลงแล้วให้เลี้ยวขวา ขึ้นข้างบน เดินตรงไปหาวัดได้เลย
👼 วัดเจ้าแม่กวนอิมทินหัว อ่าวรีพัลส์เบย์ – Tin Hau Temple Repulse Bay หาดทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองชาวประมงในการออกเรือไปหาปลา ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง บริเวณวัดจะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของวัด ซึ่งผู้คนนิยมเดินทางไปกราบไหว้ขอพรอธิษฐานจิตให้ได้ลูกสมใจ และยังมีพระสังกัจจายที่เชื่อกันว่าสามารถขอเพศของลูกได้ โดยหลังจากกราบไหว้แล้วก็ให้ลูบที่ท้องของพระสังกัจจาย ถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบท้องซ้าย อยากได้ลูกสาวให้ลูบท้องขวา ถัดจากบริเวณที่กราบไหว้ขอพร ก็จะมีศาลาริมน้ำ และสะพานเล็กๆซึ่งเชื่อกันว่าหากเดินข้ามสะพานแห่งนี้ 1 ครั้ง ก็จะมีอายุยืนขึ้น 3 ปี
👼 วิธีเดินทางไป Replus Bay
นั่ง MTR ลงสถานี Central ออกทางออก A เมื่อออกมาแล้วให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นขึ้นสะพานลอยไปตึก exchange (ฝั่งตรงข้าม) ก่อนถึงทางเข้าตัวตึกให้เลี้ยวซ้าย สังเกตด้านขวา จะมีบันไดเลื่อนอยู่ ให้ลงบันไดเลื่อนไปยังใต้ตึก ท่ารถ BUS จะอยู่ตรงนั้น ให้นั่งสาย 6X, 6A, 6 หรือ 260 ไปยัง Replus Bay นั่งไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 30 min. จะเจอตึกที่มีรูตรงกลาง ก็ลงได้เลย พอลงรถแล้วให้ข้ามถนน เดินลงบันไดไปยังชายหาด และเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นเจ้าแม่กวนอิม พร้อมคณะทัวร์ ซึ่งเป็นอันว่าถึง
⛵วิธีไปภัตตาคาร Jumbo
นั่ง MTR จากไหนก็ได้ลงสถานี Central ต่อรถ BUS ใต้ตึก Exchange (ฝั่งตรงข้ามสถานี) สาย 70 ลงท่าเรือ Aberdeen เดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ จะเจอท่าเรือของภัตตาคารเอง
[CR] เดินคนเดียวฮ่องกงมาเก๊า 4 วัน 3 คืน // วันที่ 3 สายบุญค่ะวันนี้
โดยวันนี้ที่จะไปเป็นที่แรกได้แก่ วัดหวังต้าเซียน เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักสุด (ห่างจากที่พัก 1 สถานี) แบบวันนี้ก็เบิกฤกษ์ได้ดีอย่างเช่นเคย เดินทางสะดวกมาก อากาศดี ถึงที่วัดตามเวลาเป๊ะ มาถึงเช้าคนยังไม่เยอะ เดินชมวัดได้สบายๆ มีความสุขอีกละกะทิ
จุดที่น่าสนใจของวัดนี้มีหลายจุด ตั้งแต่รูปปั้น 12 นักษัตรอัดงดงาม การลูบมังกรหน้าวัด
แต่ไฮไลท์ที่สุดเห็นจะเป็นจุดขอเนื้อคู่จากเทพเจ้าหยุคโหลของเหล่าบรรดาหนุ่มสาวผู้เปลี่ยวรักนี่แหละ (แต่เอาจิงก็เห็นแต่ผู้หญิงมาขอนะ 555) ตามตำนานเล่าว่าหลังจากที่ภรรยาผู้เฒ่าเสียชีวิตก็ได้ขึ้นไปอยู่บนสรวงสรรค์ ผู้เฒ่าได้แต่สวดมนต์ภาวนาเพื่อขอให้ทวยเทพประทานพรให้เขาได้ขึ้นไปอยู่กับคนรัก จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ คอยทำหน้าที่จดรายชื่อคู่รัก ชาวจีนจึงเชื่อกันว่าสมุดที่ผู้เฒ่าถือในมือ คือบัญชีรายชื่อคู่รักที่จะได้รับคำอวยพรให้อยู่คู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งท่านผู้เฒ่าเป็นเทพเจ้าผู้เป็นอมตะที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ และเมื่อลงมาโลกมนุษย์จะปรากฏตัวยามค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์ เพื่อผูกด้ายดวงชะตาระหว่างคู่รักซึ่งเมื่อคู่กันแล้วก็จะไม่แคล้วคลาดกัน
หลังจากเดินชมนก ชมไม้ ชมศิลปะ ถ่ายรูป และสูดอากาศจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาเคลื่อนตัวไปจุดยอดฮิตที่ 2 นั่นก็คือ วัดแชกงหมิววว การเดินทางมาที่วัดนี้ไม่ไดซับซ้อนอะไร แต่เดินไกลหน่อย ตอนเดินไปวัดนี้ ขณะที่รอไฟแดงเพื่อข้ามถนน รู้สึกได้ยินเสียงคนเรียกจิกๆ อยู่ข้างหลัง "เจ่เจ้ เจ่เจ้ เจ่เจ้" เลยหันไปดู ผงะ เป็นอาม่าคนจีนแก่ๆ งั่กๆ แต่เรียกเราเจ่เจ้ 😵 พอเห็นเราหันไปอาม่าก็รัวภาษาจีนใส่เลย ลักษณะเหมือนจะถามทาง แบบไม่รู้จะตอบอาม่าว่าอะไร เลยตอบไปว่าแชกงหมิว อาม่าดูสตั๊น แต่อย่างน้อยอาม่าก็คงสัมผัสได้ว่าเราเป็นคนดี เพราะดูเข้าวัดเข้าวา ซักพักมีอาซิ่มคนนึงเดินมา อาม่าก็เดินไปหาอาซิ่มคนนั้นแทน ที่วัดแชกงหมิวเป็นอะไรที่นึกว่าอยู่เมืองไทย เพราะตอนไปถึงมีคนไทยอยู่ในวัดประมาน 98% พูดไทยกันโช้งเช้ง
ดูเวลาจะเที่ยงแล้ว พอซื้อของเสร็จก็รีบบึ่งไป MTR Central เพื่อต่อ BUS ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ Replus Bay เลยจ่ะ เพราะกัวไปเบียดเวลาแพลนอื่น เนื่องจากการนั่ง BUS แต่ละครั้งหากผิดพลาดมันจะเสียเวลากว่านั่ง MTR มาก
นั่ง BUS มา Replus Bay ก็ง่ายดีนะ สายเดียวถึง ตามรีวิวบอกว่า ถ้าเห็นตึกที่มีรูให้เตรียมลงได้ คือเอาจิงไม่เห็นไรทั้งนั้นอ่ะ อาจเพราะไม่ได้สังเกต เพราะใช้วิธีนั่งหน้าสุด และบอกคนขับตั้งแต่ตอนขึ้นว่าถ้าถึงให้เรียกด้วย พอถึงคนขับก็เรียก ซึ่งดีงาม Replus Bay คนไทยก็เยอะเช่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่จะมากับทัวร์ อาจเพราะส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุที่มากะลูกหลาน
ตอนรอรถตั้งใจจะไปร้านกาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่มาเปิดสาขาในฮ่องกงอย่าง omotesando koffee เลยนั่งรถไปแถว Wanchai สรุปไปถึงละ ใกล้มาก แต่เริ่มขี้เกียจหา แล้วละแวกนั้นร้านกาแฟเยอะมาก เลยมั่วแม่มเข้าไปนั่งกินเลย 555 ซึ่งพอกินแล้วเสียใจมาก 5555 กุไม่น่าวู่วามเลย
จุดสุดท้ายที่ตั้งใจจะไปในวันนี้คือกินข้าวเย็นที่ Jumbo Restaurant เลยต้องนั่ง MTR กลับไปตั้งต้นที่สถานี Central อีกครั้ง เพราะต้องนั่งรถ BUS ไป (ท่ารถอยู่ใต้ตึก Exchange ตรงข้ามสถานี Central) ขึ้นรถไป รู้แต่ว่าต้องลงย่าน Aberdeen แต่..จุดไหนของ Aberdeen วะ!! 555 บังเอิ๊ญถามคนบนรถ แล้วเค้าต้องลงที่เดียวกัน เลยลงไปกับเค้า แต่พอลงแล้วเค้าต้องไปอีกทาง เลยสื่อทางสายตาไปว่า พากุไปเถอะกุขอร้อง และเค้าก็พามาถึงท่าเรือที่มี Shuttle boat ของภัตตาคารจอดอยู่ แฮร่
เอาจิงกินเสร็จคือแพงหูฉี่ 2 จานนี้ ราคารวมประมาณ 1,500 บาทไทย (หารูปบิลไม่เจอ) ในขณะที่รสชาติก็แบบ จี๊นน จีน คือจีนจิงๆ อาจไม่ถูกปากคนไทยเลย ไม่ถูกปากเราด้วย T_T แต่ก็เตรียมใจมาละ คนที่มาเที่ยวฮ่องกงสมัยนี้ อาจรุจักร้านมิชลินดังๆ มากมายในฮ่องกง แต่พอพูดถึงภัตตาคารจัมโบ อาจจะงง พร้อมมีคำถามว่าคือไรอ่ะ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนคือแบบ ถ้าใครมาฮ่องกงแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่าเชยแหลก เหมือนมาไม่ถึง เพราะถือเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกงเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าได้เห็นภาพภัตตาคาร ก็อาจจะมีร้องอ๋ออออกัน เพราะเป็นร้านที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ดังๆ หลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น Internal Affairs หรือชื่อภาษาไทย คือ 2 คน 2 คม ที่มี หลิวเต๋อหัว และเหลียงเฉาเหว่ย นำแสดง
พอกินข้าวเสร็จ มีเวลาเหลือ แต่ขาก็แทบจะไม่ไหวละ แต่เวลาเหลืออ่ะ!! งั้นไป The Peak ต่อ 555
คือ เดอะ พีค เป็นอะไรที่พีคมาก เดินไกล ขึ้นเนิน คนรอแถวขึ้นรถรางยาวเหยียด กว่าจะได้ขึ้นเป็น ชม. ตอนขึ้นรถราง ทั้งคนที่มีตั๋ว และไม่มีตั๋ว ต้องอยู่ในแถวเดียวกันหมด จนท. จะกั้นประตูไว้ แล้วถามคนที่ผ่านประตูว่ามีตั๋วหรือบัตร Octopus มั้ย ถ้ามีก็จะได้ผ่านเข้าไปรอรถรางเลย ถ้าไม่มีจะให้แยกไปต่อแถวซื้อตั๋ว เราใช้บัตร Octopus เลยเข้าได้เลย จ่ายค่าขึ้นรถ พอไปถึงต้องจ่ายค่าเข้าไปดูอีกที พอจ่ายเสร็จ เดินผ่านประตูออกไป คือแม่เจ้า มองไม่เห็นอะไรเลย ทุกคนที่ผ่านประตูมาพร้อมกันสตั๊น แบบ หมอกลงหนามาก หนาแบบหนามากๆ เหมือนมีกำแพงหมอกหนาๆ พันอยู่รอบตัวเรา ณ ตอนนั้นคือ ฮือ ที่กุยืนรอเป็น ชม. เมื่อกี๊คืออะไร แล้วที่กุจ่ายค่าเข้าไปเมื่อกี๊อีกคืออะไร จิงๆ ก่อนจ่าย เจ้าหน้าที่ยื่นกระดาษให้อ่านนะ ว่าตอนนี้มีหมอกลง หากไม่เห็นวิว เราไม่คืนเงิน แต่แบบเฮ้ย ควรปิดเลยป่ะ คนต่อแถวเข้าไปดู ใครจะไปรุว่าจะไม่เห็นขนาดนี้ ไม่เห็นคือแบบไม่เห็นอ่ะ เหมือนเราปิดตา คือควรจะปิดโซนมากกว่ามาทำแบบนี้ สรุป มาเดอะพีค ก็รุสึกพีคมาก หึหึ อีกทั้งตอนกลับ โคตรจะหนาว ยืนต่อแถวรอกลางม่านหมอก มีละอองน้ำโปรยปราย รุสึกไม่น่าหาเรื่องเลย อะไรแบบนั้น
หน้าตาตอนยังไม่รู้ความโหดร้ายบนโลกใบนี้
👼 วัดหวังต้าเซียน (หว่องไท่ซิน) นอกจากจะเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเดินทางมาเสี่ยงเซียมซี และให้หมอดูทำนายโชคชะตาแล้ว ยังเป็นวัดเพียงวัดเดียวในฮ่องกง ที่สามารถจัดพิธีมงคลสมรสในวัดได้อีกด้วย
👼 วิธีเดินทางไปไหว้พระวัดหวังต้าเซียน
นั่ง MTR ลงสถานี Wong Tai Sin ออกทางออก B เลี้ยวขวา เดินขึ้นไปไม่ไกล วัดอยู่ทางซ้ายมือ
👼 วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันลม (Che Kung Temple) ประเทศฮ่องกง เป็นวัดหนึ่งที่ประชาชนชาวจีนให้ความเลื่อมใสศรัทธามาเนิ่นนาน สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงตำนานแห่งนักรบราชวงศ์ซ่ง ในสมัยที่ประเทศจีนยังไม่ได้รวมประเทศเป็นปึกแผ่นเฉกเช่นปัจจุบันนี้ แต่ละแคว้น ต่างปกครองกันเองและมีการต่อสู้เพื่อช่วงชิงอาณาจักรน้อยใหญ่ ตำนาน แชกงหมิว ศาลสถิของท่านแชกง ซึ่งมีประวัติเล่าต่อกันมาว่า ขณะนั้นเองยังมีนักรบเอกชื่อ "แช กง" เป็นแม่ทัพปราบศึก ทุกแคว้นเขตแดนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ยำเกรงต่อกำลังพลที่กล้าหาญในกองทัพของท่าน ยามที่ออกรบเพื่อต้านข้าศึกศัตรูทุกทิศทาง ทุก ๆ ครั้ง ท่านใช้สัญลักษณ์รูปกังหัน 4 ใบพัดติดไว้ด้านหน้ารถศึกนำขบวนในกองทัพ เหล่าทหารกล้ามีความเชื่อว่าเมื่อพกพาสัญลักษณ์รูปกังหันนี้ไป ณ ที่ใด ๆ กังหันนี้จะช่วยเสริมสิริมงคล นำพาแต่ความโชคดี มีอำนาจเข้มแข็ง เสริมกำลังใจให้แก่กองทัพของท่าน ชื่อเสียงในการนำทัพสู้ศึกของท่านจึงเป็นตำนานมาจนทุกวันนี้
👼 วิธีเดินทางไปไหว้พระวัดแชกงหมิว
นั่ง MTR ลงสถานี Tai Wai ออกทางออก B เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นท่ารถเมล์ ให้เดินออกทางซ้ายเลียบท่ารถไปเรื่อยๆ จนออกมาข้างนอก เดินข้ามถนน (จะเห็นกำแพงวัดสีแดงอยู่ฝั่งตรงข้ามขวามือ) จากนั้นให้ข้ามฝั่งโดยเดินลงใต้ดิน (เหมือนเวลากลับรถใต้สะพาน แต่เราใช้เดินแทน) พอลงแล้วให้เลี้ยวขวา ขึ้นข้างบน เดินตรงไปหาวัดได้เลย
👼 วัดเจ้าแม่กวนอิมทินหัว อ่าวรีพัลส์เบย์ – Tin Hau Temple Repulse Bay หาดทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองชาวประมงในการออกเรือไปหาปลา ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง บริเวณวัดจะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของวัด ซึ่งผู้คนนิยมเดินทางไปกราบไหว้ขอพรอธิษฐานจิตให้ได้ลูกสมใจ และยังมีพระสังกัจจายที่เชื่อกันว่าสามารถขอเพศของลูกได้ โดยหลังจากกราบไหว้แล้วก็ให้ลูบที่ท้องของพระสังกัจจาย ถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบท้องซ้าย อยากได้ลูกสาวให้ลูบท้องขวา ถัดจากบริเวณที่กราบไหว้ขอพร ก็จะมีศาลาริมน้ำ และสะพานเล็กๆซึ่งเชื่อกันว่าหากเดินข้ามสะพานแห่งนี้ 1 ครั้ง ก็จะมีอายุยืนขึ้น 3 ปี
👼 วิธีเดินทางไป Replus Bay
นั่ง MTR ลงสถานี Central ออกทางออก A เมื่อออกมาแล้วให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นขึ้นสะพานลอยไปตึก exchange (ฝั่งตรงข้าม) ก่อนถึงทางเข้าตัวตึกให้เลี้ยวซ้าย สังเกตด้านขวา จะมีบันไดเลื่อนอยู่ ให้ลงบันไดเลื่อนไปยังใต้ตึก ท่ารถ BUS จะอยู่ตรงนั้น ให้นั่งสาย 6X, 6A, 6 หรือ 260 ไปยัง Replus Bay นั่งไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 30 min. จะเจอตึกที่มีรูตรงกลาง ก็ลงได้เลย พอลงรถแล้วให้ข้ามถนน เดินลงบันไดไปยังชายหาด และเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นเจ้าแม่กวนอิม พร้อมคณะทัวร์ ซึ่งเป็นอันว่าถึง
⛵วิธีไปภัตตาคาร Jumbo
นั่ง MTR จากไหนก็ได้ลงสถานี Central ต่อรถ BUS ใต้ตึก Exchange (ฝั่งตรงข้ามสถานี) สาย 70 ลงท่าเรือ Aberdeen เดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ จะเจอท่าเรือของภัตตาคารเอง