วิชาตัวเบา 7

ทุกครั้งที่ทำบุญ ไม่ว่าจะใส่บาตร ทำสังฆทาน หรือช่วยเหลือแบ่งปันผู้อื่น
ลึกๆแล้วเราทำเพื่ออะไร...? มีคำตอบในใจมั้ย....เราคาดหวังอะไรในการทำแต่ละครั้งมากน้อยแค่ไหน

เป็นเรื่องไม่ผิดถ้าสิ่งที่ทำสิ่งที่คิด ไม่ได้เบียดเบียนหรือทำให้ใครเดือดร้อน
ขึ้นชื่อว่าทำบุญ ความปิติยินดีก็เกิดในใจอยู่แล้ว จะมากจะน้อยก็สุดแท้แต่ใจเรา

ถ้าพูดถึงการทำบุญ เรามักจะนึกถึงการให้แก่ผู้อื่น ว้นนี้เราลองมาดูบุญอีกแบบมั้ย..."ทำบุญให้ตัวเอง"
ถ้าเคยให้คนอื่นมาเยอะแล้ว ควรหัดทำบุญให้ตัวเองบ้าง

และทำยังไง...? ทำบุญให้ตัวเองคือ การปลดปล่อยจิตใจของเราเอง ออกจากอะไรก็ตามที่มันหนัก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาขึ้นๆลงๆ หรือใครก็ตามที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ในใจเรา เราจะปล่อยจะวางสิ่งเหล่านั้นยังไง...?

ถ้าสิ่งที่หนักไม่ผ่อนคลายเกิดจากตัวเราเอง เราต้องรู้ให้ทันอารมณ์นั้นๆ เมื่ออารมณ์ใดเกิดก็อย่าไปยึดอย่าไปจดจ่อหรือคิดมาก คิดเสียว่าอีกไม่กี่นาที ลูกตาเราไปเห็นหรือมองอะไร ความคิดเราก็เปลี่ยนแล้ว อารมณ์คนเรามันเกิดๆดับๆผลัดเปลี่ยนกันไปมาทั้งวัน ถ้ารู้ทันจะเข้าใจทันทีว่า...มันหาสาระอะไรไม่ได้เลย

แต่ถ้าความทุกข์ ความเสียใจ ผิดหวัง คับแค้นใจนั้น เกิดจากโดนคนอื่นกระทำ ให้คิดแบบนี้...เค้าทำให้เราทุกข์ก็มากพอแล้ว เราจะปล่อยให้เขามาขโมยความสุขจากเราไปอีกหรือ
เราจะผูกมัดเค้าไว้ในใจด้วยความโกรธ ความเค้น ความชิงชังแบบนี้ แล้วได้อะไร

คนที่ทำให้เราทุกข์ไม่มีค่ามากพอขนาดนั้น ไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ
ปล่อยเค้าออกไปจากชีวิตเราได้ เหมือนปล่อยตัวปล่อยใจเราให้เป็นอิสระ โดยการไม่ต้องไปนึกไปคิดถึงให้เจ็บช้ำใจ

คำพุทธว่า...อโหสิกรรม...หรือการให้อภัย การให้อภัยคือการดับไฟในใจเรา ส่วนเขาจะสำนึกผิดหรือไม่ก็ปล่อยไป
บุญเรา กรรมเขา อย่าให้เขามีตัวตนในชีวิตและความคิดเราอีกเลย

ทำใจให้สบายๆ...ชีวิตมันยากถ้าคิดไม่ได้ ชีวิตมันง่ายถ้าคิดดี
ไม่ต้องมีความสุขก็ได้ เพราะความสุขเป็นมายา...ยิ่งโหยหายิ่งเป็นทุกข์

เอาแค่หัดฝึกเปลี่ยนมุมความคิด ลองเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตดู ว่าทำยังไงให้ใจเราสงบได้ก็พอ....
คิดได้ทำได้ก็เท่ากับทำบุญให้ตัวเอง^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่