ผิดไหมที่อ่อนแอ โรคซึมเศร้า และปัญหาครอบครัว

กระทู้นี้ออกแนวระบาย + ปรึกษาปัญหาส่วนตัวเราเองค่ะ
ซึ่งมันอยู่ในจุดที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงมาตั้งกระทุ้เป็นครั้งแรก

ตอนนี้เรารู้สึกแย่หนักมาก เหมือนปัญหาหรือแผลใจลึกๆ มันทำให้รู้สึกแย่ไปหมด
ส่งผลให้ไม่อยากเรียน หรือไม่อยากทำอะไรเลย

ก่อนอื่นเลย เราเป้นผู้หญิงค่ะ อายุก็ไม่เด็กแล้วมั้ง จะ 21 แล้ว 555
เอาจริงสภาพครอบครัวเรามันก็เหมือนจะมีปัญหามานานแล้วตั้งแต่เราเด็กแล้วแหละ
เราอยู่ในครอบครัวที่มีกันแค่สามคนในบ้าน คือ แม่ เตี่ย(พ่อ) แล้วก็เราเองซึ่งเป็นลูกคนเดียว
ครอบครัวฐานะปานกลางอยู่แบบค่อนข้างพอเพียง เรียนสายอินเตอร์ EP มาตลอด
ตั้งแต่เด็กเราก็อยู่กับทางบ้านอาม่าหรือญาติฝ่ายแม่ตลอด เพราะแม่ก็ทำงานพยาบาลกะดึก พ่อก็ไม่ค่อยอยู่
พอโตขึ้นมาหน่อย ระดับที่จำความได้ ประมาณอนุบาล ก็มาอยู่บ้านกันสามคน
สิ่งที่เราจำได้คือ แม่เดินออกไปตามพ่อที่ข้างบ้านซึ่งเป็นคล้ายๆบ่อนโต๊ะสนุ๊ก แล้วก็ทะเลาะกันทุกวันๆ
จนแม่ก็เอือมจนหลังๆผ่านไปก็ไม่ได้ตามอีกเลย
แม่เป็นพยาบาลออกจากบ้านทุกเช้า ชีวิตก็เหมือนจะปกติพ่อไปส่งไปรับ แต่มันก็แค่นั้นจริงๆ
บางครั้งพ่ออารมณ์เสีย ก็จะมาพาลใส่เรา บางครั้งก่อนสอบเราเจอด่า เราได้แค่นั่งร้องไห้หน้าห้องเรียน
พ่อเคยหลุดด่าคำหยาบใส่เราเวลาโมโห ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน เราจะถามพ่อว่าเข้าบ้านไหม พ่อก็จะไปที่อื่นต่อ โดยบอกว่าไปหาเพื่อนบ้าง เก็บเงินบ้าง หวย แชร์ บลาๆ  เราก็อืมๆๆ แล้วเขาก็ไป เข้าบ้านก็จะเห็นแม่นั่งทำงานบ้าน ไม่มีการพูดคุยกัน
เวลากินข้าว ก็จะมีแม่เตรียมไว้บ้าง แต่เราจะไม่เคยได้กินข้าวด้วยกันเลย เรานั่งกินคนเดียวตลอด
พอถามแม่ว่าจะกินไหม แม่จะทำหน้ารำคาน พร้อมบอกว่า เดี๋ยวก่อน เหนื่อย
ทุกครั้งที่พยายามคุยกับแม่ แม่ก็จะทำหน้ารำคานใส่ ตะคอกใส่ ไม่เคยคุยดีดีกันเลย
เราก็ได้แต่เข้าห้อง อ่านหนังสือ ดูหนัง ทำอะไรอยู่คนเดียว
หลังๆพออยู่ประถม มัธยมต้น หลังเลิกเรียนเราก็จะอยู่กับเพื่อนต่อ ยันมืด เพราะรู้สึกว่า
บ้านไม่ใช่สถานที่ๆเราอยากกลับไป มีแต่ความเฉยชา
แม่กระทั่งพ่อกับแม่ด้วยกันเอง ก็ไม่เคยพูดจาดีดีใส่กัน พ่อก็เจอแบบเรา ทุกครั้งที่คุย แม่จะอารมณ์เสียใส่ ตะคอกใส่ และไม่คุย
เราพยายามเข้าใจว่าแม่อาจจะทำงานหนัก ที่เป็นพยาบาล จนเหนื่อย แต่บางครั้งเราก็ท้อจริงๆ
เราไม่เคยรู้สึกแย่หรืออิจฉานะ ที่ครอบครัวคนอื่นมีออกไปกินข้าว คุยกัน หรือไปเที่ยวกันบ้างในวันหยุด ซึ่งเราไม่เคยมี
เราไม่มีปัญหากับการไม่ได้ไปเที่ยวหรืออะไรเลย แต่มันคือความอบอุ่นจากครอบครัวที่เราเคยต้องการ

ที่พีคอีกเรื่องหนึ่งคือ ตอนที่เราอยู่ประมาณ ป.5 เราเจอในโทรศัพท์พ่อว่าพ่อมีกิ๊ก และเราแน่ใจมากๆ
ด้วยคำพูดต่างๆ ในข้อความ และการโทรคุย พ่อไม่เคยเมมเบอร์แม่เรา แต่เมมเบอร์กิ๊ก
เรายังเจอถุงยางในที่เก็บของในรถพ่อด้วย  ตั้งแต่นั้นมา เราก็หมดศรัทธาแล้วก็ทุกอย่าง
ผู้ชายที่เคยบอกว่ารักแม่ จะไม่มีวันทำให้แม่เสียใจ ไม่มีวันไปหาใคร วันนี้เขาหักหลังได้ลงคอ
แต่เราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พยายามไม่คิดอะไร ไม่เคยคิดจะบอกแม่ด้วย เพราะไม่รู้ว่าแม่จะรู้สึกยังไง

ทุกปัญหาก็ยังเป็นเหมือนเดิม จนถึงวันที่เราจบมอสามจากโรงเรียนที่เราเรียนมาตั้งแต่อนุบาล
ด้วยความที่เราไม่เคยคุยกันเลย เราไม่เคยวางแผนว่าจะไปต่อที่ไหน เพราะปกติเราเป็นคนที่มีผลการเรียนดีอยู่แล้ว 4.00 อยู่ในระดับต้นๆของระดับชั้น
โดยที่เราแทบไม่ต้องพยายามเลยมาตลอด เขาจึงแทบไม่ต้องเป็นห่วงหรือสนใจเรื่องเรียนของเราเลย
เราตอนนั้นคิดได้แค่ว่าอยากไปต่างประเทศ อยากหนีไปให้ไกลจากทุกอย่าง จากครอบครัวและความรู้สึกนี้สักที
เราก็พยายามขอแม่จนสุดท้ายก็ได้ไป แต่ก็โชคร้ายกับบริษัทที่เราทำ วีซ่าไม่ทันเปิดเทอมช้าไปประมาณ 1 อาทิตย์กว่า
ไปถึงเรารู้สึกปรับตัวไม่ทัน เหมือนเราแค่มาหนีปัญหา เรารู้สึกไม่ไหวมันเศร้ามันบ้าไปหมด แถมปัญหาสุขภาพเราอีก

สุดท้ายเราก็ต้องกลับมา ซึ่งกว่าจะกลับมา เราก็เข้าเรียนที่ไหนไม่ทันแล้ว (ต่างประเทศเปิดประมานกันยา ซึ่งเรากลับมาก็ประมาณตุลาแล้ว)
ไม่สามารถเข้าที่ไหนได้ ไม่ว่าจะโรงเรียนอะไร เราเลยตัดสินใจดรอป 1 ปี ระหว่างนั้นเราเองตัดสินใจบอกแม่ว่า ไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอคุยกับหมอจิตเวช
แม่ก็ติดต่อเราให้ไปเจอกับหมอคนนึง เราก็ระบาย บอกทุกอย่างที่เราเจอ จนเขาก็วินิจฉัยได้ว่า เราเป็นโรคซึมเศร้า ค่อนข้างไปทางไบโพลา
พร้อมกับคุยกับทางพ่อแม่เราให้ หลังจากนั้น ครอบครัวเราก็ดีขึ้นบ้าง หันหน้าเข้าหากัน คุยกันมากขึ้น มันก็เหมือนจะดี แต่มันก็แค่นั้น มันยังมีความเฉยชาอยู่ลึกๆในครอบครัวของเรา พ่อเราก็ยังไม่กลับบ้านเหมือนเดิม แม่เราก็ยังไม่พูดเหมือนเดิม

หลังจากนั้น 1 ปี เราก็หาที่เรียนใหม่ได้ ชีวิตตอนนั้นก็ดี มีหลายครั้งที่ความเป็นโรคซึมเศร้ามันรุนแรงจนหยุดเรียนไป แต่ก็กลับมาเรียนได้
ในตอนที่เราอยู่ม.ปลาย เราก็คบกับคนๆนึง เขาดีมาก ในหลายครั้งที่เราท้อด้วยโรคนี้ เขาก็เหมือนฉุดเราขึ้นมา
ทำให้เราดีขึ้นในหลายๆอย่าง จากที่ธรรมดาเหลวไหลเรียนไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย เราตั้งใจเรียนกว่าเดิมกว่าที่เคยเป็น
เพราะอยากให้เขาพึ่งพาเราได้ ในเรื่องเรียน อยากเป็นคนที่ดีขึ้น ให้เขาภูมิใจ เขาเป็นเหมือนทุกอย่าง เป็นความอบอุ่น เรารู้สึกได้ว่าเราต้องการความรัก แบบที่เราไม่เคยได้มันเลยจากครอบครัว เขาเลยกลายเป็นเหมือนแรงใจหนึ่งเดียวที่เรามี เราเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น
แต่เพราะความคิดมากงี่เง่าของเราเอง ก่อนจบเขาก็เลิกกับเราไป เราซึมเศร้าเสียใจมาก ร้องไห้ทุกวัน ต้องกินยานอนหลับ ยื้อมาจนยันเรียนจบได้
แต่มันก็เหมือนเฟลไปแล้ว เราสูญสิ้นแรงจูงใจทั้งหมดที่มีไปแล้ว

หลังจากนั้นเราก็ได้เข้าเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่ง สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เพราะคิดว่า เราชอบคอมพ์มากๆ และมันคงเป็นสิ่งที่เราอาจจะอยู่กับมันไปตลอดชีวิตได้ แต่มันก็แค่นั้น เรามาพบว่า เราขาดแรงใจไป เรารู้นะว่าเราควรเรียน ควรนึกถึงหน้าครอบครัว แต่ในจุดๆนี้ มันไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไรหรือเพื่อใครเลย เราก็ประคองไปได้เกรด 3.00 ในเทอมแรก หลังจากเทอม 2 เราก็เริ่มรู้สึกว่า มันเริ่มไม่ใช่อะไรที่เรารักจริงๆ จนมันไม่อยากเรียน เราบางครั้งก็โดดบ้างไม่ไปบ้าง มันไม่อยากเรียนเลย เราเครียดมาก แต่ก็ไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะมันอาจดูงี่เง่า แต่เราอยากให้เข้าใจคนเป็นโรคตซึมเศร้าที่จุดนี้จริงๆ มันท้อมันเหนื่อยมันไม่อยากจะอยู่เลย ทั้งๆที่รอบกายเรามีเพื่อนดีดีเต็มไปหมด รู้สึกโชคดีมากที่เจอเพื่อนดีดีในมหาลัย แต่มันก็ไม่มีอะไรมาเติมเต็มความรู้สึกเว้งว้างนี้ได้เลย

ที่แย่กว่านั้นคือ พ่อเราไม่ได้มีส่วนช่วยเหลืออะไรในชีวิตมหาลัยเราเลย ค่าเทอม ค่าหอค่าที่พักค่ากินอยู่ เป็นแสน ฝ่ายครอบครัวแม่เราจัดการหมด
บางครั้งเราถามพ่อว่า มีเงินให้ใช้ไหม พ่อจะบอกตลอดว่าไม่มีเงิน ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ที่เราพบเจอในโทรศัพท์เขาคือ รูปที่เขาถ่ายกับผู้หญิงในสถานที่ต่างๆ ทุ่งทานตะวัน วัด ที่ๆเราไม่รู้จักเต็มไปหมด ผู้หญิงคนที่เรามั่นใจว่าเขาคือ กิ๊ก ที่เขาคุยในโทรศัพท์ เราได้แต่ถามตัวเองว่า แล้วครอบครัวละ ครอบครัวเราไม่เคยได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยสักครั้ง เราไม่เคยว่าว่าจะไม่มีเงินให้ใช้ (เขามีปัญหากับครอบครัวตัวเองซึ่มเป็นธุรกิจส่วนตัว จนเขาตัดเงินเดือนพ่อเรา) แต่เรารู้สึกผิดหวังกับการที่เขาทำแบบนี้มาก เราพยายามมาตลอด พยายามปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ

ตอนนี้ครอบครัวเรากำลังวางแผนว่าจะขายบ้าน ซื้อบ้านใหม่หรือคอนโด ซึ่งเราบอกเลยว่า เราอยบู่ในความรู้สึกนี้กับพ่อไม่ไหวจริงๆ
ลึกๆแล้วเราก็รักเขานะ แต่มันเป็นความรู้สึกแย่ผิดหวังเต็มไปหมดในตัวเขา หมอเคยบอกเราว่า ตราบใดที่เขาทำหน้าที่พ่อ เขาจะมีใครก็ปล่อยเขาไปเถอะ แต่ในจุดนี้ มันเกินไปที่เราจะรับไหวจริงๆ เราอยากอยู่ในบ้านใหม่ ที่มีแค่เรา หรือมีแค่เรากับแม่ เพราะเราก็รู้ว่าแม่ทำทุกอย่างเพื่อเราจริงๆ

ในตอนนี้เราเลยคือ ครอบครัว ที่บอกตามตรงเราไม่รู้สึกแย่แล้วนะถ้าเขาจะหย่ากัน เพราะเราไม่เคยรู้สึกถึงความรักเขาเลย หลายครั้งที่พ่อมาด่าแม่ให้เราฟัง ซึ่งบอกตามตรง เรารู้สึกไม่ดีเลย ในเรื่องเรียน ที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่มันไม่ไหวแล้ว เราไม่มีแรงจูงใจจะเรียนเลย เราไม่รู้แล้วเราควรทำยังไงกับชีวิตตอนนี้ดี เราอยากซิ่วเพราะหลังจากลองเรียนมาเราก็เจอว่า ตอนที่เราได้เรียนเรื่อง Anatomy เรารู้สึกสนุกกับมันมากกว่านี้ แต่เราก็ดรอปมาแล้วปีนึง เราไม่อยากเสียเวลาซิ่วอีกปี กับครอบครัวตอนรนี้ เราก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เราทำใจกลับมาให้รู้สึกดีกับพ่อไม่ไหวแล้วจริงๆ

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ขอบคุณจริงๆ แง T__T
วอนอย่าด่าเยอะค่ะ ทุกข์จริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่