ถึงกับต้องล๊อคอินเข้ามาตอบ อ่านคำถาม จขกท.แล้วคิดว่า น่าจะยังเป็นน้องๆที่ยังไม่ทำงานครับ แถมบางคนที่มาตอบก็ดันไปโยงว่าเพราะแบบนี้คนเลยอยากบรรจุ มั่วไปใหญ่แล้วครับ ต้องอธิบายย้อมูลคร่าวๆก่อนดังนี้

1. คนธรรมดาที่อยากบรรจุ เพราะหวังสวัสดิการครอบครัวเป็นหลักแน่นอนครับ ไม่มีใครตั้งเป้าจะโกงกินตั้งแต่ปีแรกๆหรอกครับ เพราะเข้ามาเป็นตัวเล็ก ยังไงก็ไม่มีอำนาจ จะเริ่มจริงจังก็โน่น วัดใจกันใหม่อีก 6-8 ปีข้างหน้า

2.หน่วยงานราชการ "ทุกหน่วย" ไม่มีอำนาจในการแสวงหากำไร หรือพูดง่ายๆ ทำธุรกิจไม่ได้ครับ เวลาจะทำอะไรก็ต้อง "เบิกงบจากคลัง" ซึ่งมีรายได้หลักเป็นภาษีนั่นล่ะครับ ทีนี้อยากให้ลองนึกครับ ว่าถ้าการไปเที่ยวสัมมนา เป็นการไปเที่ยวของบริษัทหนึ่งๆ น้องจะมองว่ามันไม่โอเคอยู่ไหมครับ? บริษัทใหญ่ๆหลายแห่ง บางแผนก สัมมนาบ่อยเหมือนกันนะครับ ที่หรูๆอย่างที่น้องบอกนั่นล่ะ แต่บริษัทเขาหาเงินเอง น้องเลยไม่มีประเด็นกับเขา น้องมองว่าข้าราชการกินภาษีประชาชน จึงรู้สึกว่าสิ้นเปลือง

3. งั้นไม่ต้องมีระบบราชการได้ไหม ให้เอกชนบริหารประเทศไปเลย ? ขอตอบว่าไม่ได้ครับ สองระบบนี้จะมีการคานอำนาจกันเองอยู่ เพื่อไม่ให้คนใดคนนึงกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว เช่น ถ้าเอกชนเป็นใหญ่ สมดุลตราชั่งในประเทศจะเสียไปแน่นอนครับ แม้น้องจะเห็นว่ามีการร่วมมือกันทำความผิดของรัฐกับเอกชนบ่อยครั้ง แต่เป็นการต้องแอบทำครับ เพราะกฎหมายระบุอยู่ว่ามีความผิด ข้าราชการที่ดี หรือ พนักงานเอกชนที่ดีทมีอุดมการณ์ก็ยังมีครับ ไม่น้อยด้วย ดังนั้นการโกงกินจึงมีสิทธิ์ตรวจสอบเจอแล้วมีความผิดได้ครับ

4. ในบริษัทใหญ่เกือบทุกแห่ง ในการวางแผนแต่ละปี เขาจะคุยกันครับ ว่าปีนี้ จะทำอะไร ต้องการงบเท่าไหร่ เพื่อจัดสรรด้านการเงินครับ แล้วจะมีเกณฑ์กำหนดอยู่ว่า เมื่อสิ้นปี ถ้างบที่ขอ ขาด หรือ เกิน มากเกินไป ผู้รับผิดชอบเรื่องนั้นจะมีความผิดครับ เพราะ ถ้าขาด อาจทำให้งานล่าช้า เพราะต้องรอเบิก หรือ ถ้าเกิน ก็จะทำให้บริษัทเสียประโยชน์จากการเบิกเงินเกินในส่วนนี้ แทนที่จะได้นำเงินไปลงทุนทางอื่นครับ

ซึ่งข้าราชการ ก็ใช้ระบบแบบนี้ครับ เพื่อจัดสรรทางด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องปกติของทุกองค์กรครับ แต่หลายคนก็ยังรู้สึกขัดใจ เพราะเป็นการเบิกเงินที่มาจากภาษีประชาชนครับ

อาจเป็นเพราะรูปแบบงานด้วยมากกว่า หน่วยงานราชการเป็นหน่วยงานควบคุมและบริหารประเทศครับ เพื่อคานอำนาจกับเอกชนนี่ล่ะครับ พวกกิจกรรมในการทำงานหรือนโยบายเลยอาจไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนบริษัทที่บอกว่าจะผลิตอะไร

ถ้าน้องนึกภาพไม่ออก เมื่อเรียนจบแล้ว อยากให้ลองไปสมัครงานสายบริหารในบริษัทใหญ่ๆดูครับ ยิ่งถ้าน้องอยู่แผนก HR หรือฝ่ายกิจกรรมของบริษัท งานสัมมนาของแผนกน้องจะไม่ต่างอะไรกับที่น้องบ่นมาเลยครับ

มันมีที่มาที่ไปอยู่ครับ แต่คนตั้งแง่ก็จะตั้งตลอดไป ถ้าหลายคนเลือกคำถามดีๆที่ไม่ดูเป็นการตัดพ้อต่อว่ามรับรองว่าเขาจะสามารถอธิบายได้แน่นอนครับ

ไม่ใช่ทุกคนที่จะให้คำตอบได้แบบนี้ก็จริง นั้นเพราะในหน่วยงานราชการ ไม่ได้มีแต่คนที่เก่งครับมเฉกเช่นเดียวกับเอกชน คุณคิดจริงๆหรือว่ามีแต่คนดีๆ แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ยังมีพวกปลิงเลยครับ เงินเดือนเกือบแสน แต่ทำอะไรได้วันๆนึงน้อยมาก

ฝากเท่านี้ครับ โชคดีครับ

คนที่บอกว่าเอกชนก็มี

คงลืมคิดไปว่า มันเงินของเอกชน ไม่ใช่เงินภาษี

เราก็รับราชการนะ

ไม่เคยเที่ยว+ดูงานในประเทศ
ไม่เคยเที่ยว+ดูงานต่างประเทศ

เคยแต่ประชุมต่างประเทศที่บิน 10 กว่า ชม. ไปถึงวันอาทิตย์ เพื่อเข้าประชุมจันทร์-ศุกร์ 9 โมงถึง 6 โมงเย็น พอวันเสาร์ก็บินกลับ มาถึงวันอาทิตย์ วันจันทร์ก็ไปทำงานต่อ

หน่วยงานเรามีแต่แบบนี้
แต่เราโอเคนะ

ที่เราเจอไปดูงานต่างประเทศค่ะ ทางรัฐส่งไปมากันเป็นกลุ่ม จากที่ได้พูดคุย
บางคนไม่ได้เข้าสัมนาด้วยซ้ำฟังภาษาไม่ออกนั่งไปงั้น  บางคนบอกป่วยเพราะไงก็ฟังไม่รู้เรื่อง  หนักกว่าของคุณจขกท.อีก
ความจริงอยากเล่าเรื่องราวทั้งหมด แต่ไม่อยากซ้ำเติม พวกท่านได้ทานอาหารที่บ้านเรา ดีใจได้เจอคนไทย สั่งเราไปไทยโทรทักทายนะ
พอเราไปไทยโทรไปไม่มีใครรู้จัก...!! นี่คือนิสัยของคนบางคน! เราไม่ได้อยากได้อะไร! และไม่เคยคิดจะไปรบกวน แค่ทักทาย!!
สิ่งที่รู้คือเสียดายงบประมาณ?