ไทยเจอซาอุเกมแรกกับเกมที่สอง สู้กันด้วยใจคนละแบบ
นัดเจออส ครึ่งชั่วโมงแรกกับหลังจากธีรศิลป์ยิงตีเสมอ เกมคนละเรื่องกันเลย
เจอญี่ปุ่นหลังจบเกมเดอะตุ๊กยังบอกว่า ดูน้องๆเค้ากลัวกันเกินไปรึเปล่า
อิรักนัดแรก นัดสอง นัดสาม ไม่เหมือนกันเลย นัดแรกลนลานจนเก็บบอลไม่ได้ พอยิงตีตื้นใจเริ่มมาจนจบที่2-2
นัด2เล่นดีจนน่าชนะ นัด3แพ้หลุดลุ่ยจนโค้ชเค้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่าแปลกใจไม่คิดว่าจะชนะไทยได้ขนาดนี้
ผมว่าทุกอย่างนี้สะท้อนถึงเรื่องปัญหาจิตใจอย่างมาก หลายๆคนอาจจะเถียงว่า ก็เป็นกันทั้งโลกนั่นแหล่ะ ใช่ครับ แต่ผมว่าของไทยมันแกว่งกว่าชาวบ้านเค้าอีกขั้นหนึ่ง
ผมว่าดูทีมชาติเตะคล้ายๆกับดูน้องเมย์ รัชนกเล่นนะ อันนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดมาก
เนื่องจากผมตามดูน้องเมย์มาตั้งแต่เด็ก เลยเห็นเลยว่าปัญหาของน้องเมย์ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของสมาธิและจิตใจนี่แหล่ะ
เธอมีฟอร์มของมือ1ของโลกกับมือ100 สลับกันลงมาเล่นในแต่ละวัน
ถ้าจำกันได้ มีแมตซ์นึงที่แข่งกับญี่ปุ่น ไม่แน่ใจว่าอากาเนะรึเปล่า คัดโอลิมปิคครั้งก่อนนู้นเลย เธออายุประมาณ17 ตอนนั้นนำไป1เซต เซต2ก็นำห่างประมาน16-8 อีกไม่กี่แต้มก็ได้ไปโอลิมปิคแล้ว แต่อยู่ดีๆเธอก็ช๊อต เหมือนเธอกลัวอะไรซักอย่าง แล้วก็ตีเสียตลอดจนสุดท้ายแพ้ไป
อีกตัวอย่างก็คือวงการสนุ๊กเกอร์ เทพไชยาในวันที่ฮอตกับวันที่หลุดฟอร์มนี่ต่างกันเยอะมากนะ หรือการหลุดดำใน maximum break
ก็เป็นสิ่งบ่งบอกอย่างหนึ่ง และอีกคนที่เห็นชัดสุดๆก็คือ หมู ปากน้ำ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนซ้อมกับตอนแข่งนี่คนละเรื่อง คือดูสีหน้าตอนถ่ายทอดสดก็พอจะเห็นได้นะ ความเกร็งนี่พุ่งทะลุออกมาทางแววตาท่าทางแบบสุดๆ บางทีดูถ่ายทอดก็นึกอยากจะเอาจิตใจของคู่แข่งใส่เข้าไปในตัวหมูมากเลย เช่นสลับกันเอาฮิกกิ้นส์ไปใส่ในหมูนะ คงมันน่าดู เพราะฝีมือนี่สู้ได้อยู่
ตอนบุรีรัมย์แพ้โซล6-0 คุณเนวินออกมาพูดว่า สิ่งที่น่าเจ็บใจกว่าการสู้ไม่ได้ ก็คือไม่คิดจะสู้ ซึ่งผมเห็นด้วย100% ฟอร์มที่เคยได้ถึง10แต้มในafc ปีก่อนไม่ใช่ว่าฟลุ้คหรือนักเตะเปลี่ยนไปนักหรอก ผมว่าอยู่ที่ใจนี่แหล่ะ
ยังมีอีกหลายๆตัวอย่างๆนะที่เคยนึกๆไว้ นัดที่เมืองทองชนะคาชิม่านี่ก็ด้วย ก่อนหน้าก็พึ่งเสมอบริสเบน แต่มาเล่นกับซาอุนี่คนละฟอร์ม คือสู้ด้วยใจที่กลัวกับสู้ด้วยใจที่ไม่กลัวนี่ต่างกันมาก
.......แล้วสาเหตมันเพราะอะไรล่ะ ผมคิดทฤษฏีไว้2ข้อ ไม่รู้ถูกรึเปล่า
(เดี๋ยวมาต่อ )
ปัญหาหนึ่งที่สำคัญมากๆของนักกีฬาไทย คือ ... เรื่องจิตใจ
นัดเจออส ครึ่งชั่วโมงแรกกับหลังจากธีรศิลป์ยิงตีเสมอ เกมคนละเรื่องกันเลย
เจอญี่ปุ่นหลังจบเกมเดอะตุ๊กยังบอกว่า ดูน้องๆเค้ากลัวกันเกินไปรึเปล่า
อิรักนัดแรก นัดสอง นัดสาม ไม่เหมือนกันเลย นัดแรกลนลานจนเก็บบอลไม่ได้ พอยิงตีตื้นใจเริ่มมาจนจบที่2-2
นัด2เล่นดีจนน่าชนะ นัด3แพ้หลุดลุ่ยจนโค้ชเค้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่าแปลกใจไม่คิดว่าจะชนะไทยได้ขนาดนี้
ผมว่าทุกอย่างนี้สะท้อนถึงเรื่องปัญหาจิตใจอย่างมาก หลายๆคนอาจจะเถียงว่า ก็เป็นกันทั้งโลกนั่นแหล่ะ ใช่ครับ แต่ผมว่าของไทยมันแกว่งกว่าชาวบ้านเค้าอีกขั้นหนึ่ง
ผมว่าดูทีมชาติเตะคล้ายๆกับดูน้องเมย์ รัชนกเล่นนะ อันนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดมาก
เนื่องจากผมตามดูน้องเมย์มาตั้งแต่เด็ก เลยเห็นเลยว่าปัญหาของน้องเมย์ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของสมาธิและจิตใจนี่แหล่ะ
เธอมีฟอร์มของมือ1ของโลกกับมือ100 สลับกันลงมาเล่นในแต่ละวัน
ถ้าจำกันได้ มีแมตซ์นึงที่แข่งกับญี่ปุ่น ไม่แน่ใจว่าอากาเนะรึเปล่า คัดโอลิมปิคครั้งก่อนนู้นเลย เธออายุประมาณ17 ตอนนั้นนำไป1เซต เซต2ก็นำห่างประมาน16-8 อีกไม่กี่แต้มก็ได้ไปโอลิมปิคแล้ว แต่อยู่ดีๆเธอก็ช๊อต เหมือนเธอกลัวอะไรซักอย่าง แล้วก็ตีเสียตลอดจนสุดท้ายแพ้ไป
อีกตัวอย่างก็คือวงการสนุ๊กเกอร์ เทพไชยาในวันที่ฮอตกับวันที่หลุดฟอร์มนี่ต่างกันเยอะมากนะ หรือการหลุดดำใน maximum break
ก็เป็นสิ่งบ่งบอกอย่างหนึ่ง และอีกคนที่เห็นชัดสุดๆก็คือ หมู ปากน้ำ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนซ้อมกับตอนแข่งนี่คนละเรื่อง คือดูสีหน้าตอนถ่ายทอดสดก็พอจะเห็นได้นะ ความเกร็งนี่พุ่งทะลุออกมาทางแววตาท่าทางแบบสุดๆ บางทีดูถ่ายทอดก็นึกอยากจะเอาจิตใจของคู่แข่งใส่เข้าไปในตัวหมูมากเลย เช่นสลับกันเอาฮิกกิ้นส์ไปใส่ในหมูนะ คงมันน่าดู เพราะฝีมือนี่สู้ได้อยู่
ตอนบุรีรัมย์แพ้โซล6-0 คุณเนวินออกมาพูดว่า สิ่งที่น่าเจ็บใจกว่าการสู้ไม่ได้ ก็คือไม่คิดจะสู้ ซึ่งผมเห็นด้วย100% ฟอร์มที่เคยได้ถึง10แต้มในafc ปีก่อนไม่ใช่ว่าฟลุ้คหรือนักเตะเปลี่ยนไปนักหรอก ผมว่าอยู่ที่ใจนี่แหล่ะ
ยังมีอีกหลายๆตัวอย่างๆนะที่เคยนึกๆไว้ นัดที่เมืองทองชนะคาชิม่านี่ก็ด้วย ก่อนหน้าก็พึ่งเสมอบริสเบน แต่มาเล่นกับซาอุนี่คนละฟอร์ม คือสู้ด้วยใจที่กลัวกับสู้ด้วยใจที่ไม่กลัวนี่ต่างกันมาก
.......แล้วสาเหตมันเพราะอะไรล่ะ ผมคิดทฤษฏีไว้2ข้อ ไม่รู้ถูกรึเปล่า
(เดี๋ยวมาต่อ )