สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เรามาตั้งกระทู้จริงๆ จังๆ เล่าเรื่องมีสาระบ้าง ไม่มีบ้าง แต่มาอ่านเถอะ เราอยากแชร์ ฮ่าๆ
เมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็เกือบเดือนละ TwT ( เพิ่งมีเวลาว่างมานั่งเขียนอะไรยาวๆ แบบเน้ ) มันเป็นประสบการณ์การทำงานอีเว้นท์ครั้งแรกของเรา ที่ตั้งใจมาแชร์แบบละเอียดด ว่าเบื้องหลังงานอีเว้นท์เค้าทำอะไรกัน (สำหรับน้องๆ เพื่อนๆ ที่หาข้อมูล)
ออกตัวก่อนว่าเราชอบเสน่ห์ของงานอีเว้นท์อยู่แล้ว พอวันหนึ่งมีโอกาสได้ลองทำ เราตอบตกลงทันที แต่บางคนถ้าไม่ชอบ อาจจะคิดว่างานอีเว้นท์กดดันว่ะ เครียดว่ะ อยากให้ลองมาดูอีกมุมหนึ่งกัน สำหรับเรา...เราว่ามันเรียลดีอ่ะ ทุกวินาทีมีความหมายมากกก แบบห้ามพลาดกันเลยเด็ดขาด แต่เอาจริงๆมันก็จะมีผิดพลาดกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ถ้าทำงานจบได้ และทุกอย่าง Flow เราคิดว่างานนั้นมันเจ๋งมาก
มาๆ เข้าเรื่องเลยละกัน เราเรียนม.กรุงเทพ นิเทศ อยู่ปี3 ละ จะมาเล่าประสบการณ์การทำฟร้อนท์สเตจ บางคนอาจสงสัยว่าต้องทำอะไรบ้าง? ประเด็นที่เราอยากเล่า คือการทำงานในวันนั้น จริงๆคือไม่ได้มีเราคนเดียวนะ มีเพื่อนๆ อีกหลายคนที่มาร่วมกันทำงานนี้ ทั้งเขียนสคริปต์ ทำเวที เตรียมโชว์ จัดไฟ คุมเสียง รันคิว รันเนอร์คอยวิ่งงาน คนเชิญแขกขึ้นเวที ทีมจัดไฟและแสง จัดเต็มมากกก (เป็นการจัดงานแถลงข่าวของมหาวิทยาลัย และเป็นงานสเกลใหญ่และทางการที่สุดเท่าที่เราเคยทำมาเลยล่ะ )

แล้วหน้าที่ของ
ฟร้อนท์สเตจ คืออะไร?
คือ สตาฟดูแลกิจกรรมบนเวที ที่คอยดูแลการปล่อยคิวต่างๆ โดยพวกเราจะรับคำสั่งจาก Show Director ( คนที่ควบคุมงาน คอยดูภาพรวมของงานทั้งหมด ) ซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเราเอง
อย่างที่บอกไปคือ เราต้องทำหน้าที่ดูแลคิวต่างๆ ให้เป๊ะ ให้ตรงตามเวลาที่กำหนด ( ดูไม่ยากเลยใช่ไหม แต่ไม่ใช่แค่นั้นนาจา )
สเต็ปแรก ได้เข้าไปประชุมกับทีมงาน
ถือว่าตื่นเต้นใช้ได้เลย ( เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ประชุมงานอีเว้นท์แบบจริงจัง ส่วนใหญ่ที่เคยทำเป็นกิจกรรมเล็กๆ จัดแบบกันเอง ประชุมกันแบบเล็กๆ ) อย่างที่เล่าว่าการทำอีเว้นท์ครั้งนี้เป็นงานที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัย เราต้องมาเตรียมงานกับเพื่อนๆ และอาจารย์ ตั้งแต่การวางแผน การประชุมงานกับทีมอาจารย์ฝ่ายอื่นๆ แค่เริ่มต้นการประชุม ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับเรา
สเต็ปสอง มาซ้อมคิว Run Through ก่อนวันจริง
จากนั้นก็ต้องมีวันเซ็ตอัพเวที แบ็คดรอป และซุ้มต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในงาน ช่วงเวลานี้เป็นอีกช่วงที่น่าสนใจมากๆ คิดดูนะ ชะนีแบ๊วๆ นางหนึ่งจะต้องมาทำความรู้จักกับไฟพาร์ ไฟบีม สโตรป เสาทรัส บลาๆๆ โอ้ ขุ่นพระ!! บอกเลยว่า งงเด้ๆ มากขร่ะ
ตอนแรกฟังเค้าคุยศัพท์เทคนิคกัน ฟังแบบไม่รู้เรื่องเลย พูดภาษาอะไรกันว้า ( โอ๊ยตั่ยแล้ววว ) เราก็เลยไปถามพี่ๆ ถามอาจารย์ ว่าแต่ละอย่างคืออะไร ถึงได้รู้คำตอบ และกว่าจะทำความเข้าใจ จำหน้าตาแต่ละอย่างได้ ไม่ใช่ง่ายๆเลย แต่พอเริ่มรู้จักว่าอะไรเป็นอะไร การทำงานมันก็สนุกขึ้น เหมือนคุยกับเขารู้เรื่องสักที -0-

เราต้องไปวัดพื้นที่ ดูการเซ็ตอัพต่างๆ ตั้งแต่พวกซุ้ม แบ็คดรอปหน้างาน แต่ในส่วนที่ต้องทำหลักๆ เลย คือการบล็อกกิ้งต่างๆ และมาร์คจุดบนเวที ไล่กันว่าวันจริง คิวแต่ละคิวจะเป็นยังไง? ใช้ไฟแบบไหน? แสงจะออกเป็นยังไง? เสียงเพลงเปิดตัวใช้เพลงอะไร?

รวมถึงพวกอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไมโครโฟน เก้าอี้ ป้ายโลโก้ต่างๆ รายละเอียดยิบย่อย ดี๊ดีย์ O.o แต่เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ก็ต้องทำให้เต็มที่และตั้งใจมากๆ ฮูเร่ๆ
วันจัดงานจริง
ไปค่ะ วันนี้เราไม่ได้มาเล่นๆ สตาฟทุกคนจะต้องมีอาวุธคู่กาย นั่นก็คือ “วอ” คอยฟังคำสั่งจาก Show Director ในการปล่อยคิวต่างๆ ต้องคิดตลอดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? คิวต่อไปจะเป็นยังไง? ไฟจะเป็นแบบไหน? ใช้พร็อพอะไร? มีเก้าอี้กี่ตัว? ต้องเชิญแขกขึ้นเวทีด้านไหน ลงด้านไหน? เรียกว่า สมองตื่นตัวตลอดเวลาเลย
การทำงานอีเว้นท์สำหรับเรา คือ ต้องมีสติให้มากๆ ห้ามหลุด ห้ามเบลอ ห้ามเผลอ ทุกวินาทีต้องดีที่สุด ห้ามพลาดเด็ดขาดด ทุกอย่างต้องดูสมูทเข้าออกถูกจังหวะ เมื่อผู้ชมมองภาพไปบนเวที ภาพที่ออกมาต้องเนี้ยบบ
เอ้อ ลืมบอกไปว่าเราไม่ได้เรียนด้านอีเว้นท์นะ เราเรียนวิทยุ-โทรทัศน์ ( แบบนี้ก็ได้หรออ ฮ่าๆๆ ) แต่เรามีโอกาสได้มาทำ และบอกเลยว่ารู้สึกชอบเสน่ห์ของงานอีเว้นท์ขึ้นมาอีกมากๆ อ่ะ แสง สี เสียง ต่างๆ ดีงามมมมม มองไปที่เวทีแล้วภูมิใจ
มีช่วงนึงที่ตื่นเต้น คือเราต้องแจกป้ายโลโก้ และต้องจำกันหน้างานสดๆ เลย ว่าท่านนี้มาจากองค์กรนี้ และต้องใช้ป้ายโลโกนี้ในคิวการถ่ายภาพรวม ( เป็นงานเปิดหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งมี Partner จากบริษัทชั้นนำและมหาวิทยาลัยเมืองนอกขึ้นเวทีด้วย เปิดทีเดียว 3 หลักสูตร จัดว่าไม่ธรรมดา ฮ่าๆๆ)
อาจารย์เคยบอกไว้ว่าไม่ว่าเบื้องหลังจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีปัญหายังไง เราคือทีมงานที่ต้องช่วยทำให้งานเบื้องหน้าออกมาดีที่สุด ถ้าจะพลาดขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องหาวิธีว่าพลาดยังไงให้ออกมาเนี้ยบสุด ไม่ให้มี Dead Air เกิดขึ้น ที่สำคัญงานต้องออกมาเป๊ะ
สรุป
ถึงจะเป็นงานที่ทำแล้วเกร็งที่สุด ( เพราะเป็นงานแถลงข่าว มีแต่แขกผู้ใหญ่ นักข่าวทั้งนั้น ที่เราเคยทำมาบ้างเป็นงานกิจกรรมเฮฮา หรืองานของนักศึกษาซะส่วนใหญ่อ่ะ ) แต่เราก็คิดว่าเราโชคดีที่มีโอกาสได้มาทำงานนี้นะ เป็นอีเว้นท์ 1 ชั่วโมงที่อัดแน่นมาก เพราะต้องเปลี่ยนทุกอย่างตลอด ได้ความรู้จากการทำงานจริงๆ รู้ขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มวางแผนไปจนถึงการเซ็ตอัพ
การที่เราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ อาจจะทำให้เรารู้เลยก็ได้ว่าเราชอบอะไร ถนัดงานแบบไหน เลยอยากทุกคนได้ลองทำอะไรที่แปลกใหม่ด้วยเหมือนกัน ชีวิตในมหาวิทยาลัย 4 ปี ถ้าได้ทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองเรียน ก็คงจะคุ้มค่าไม่น้อยเลยเนอะ ฝากไว้ให้คิดดดด อิอิ
ก่อนไปแปะรูปทีมสตรองของเราหน่อย โพสต์กันเบาๆ
V
V
V
V
V

ไปละจ้า บายยยย ><
เล่าประสบการณ์งานอีเว้นท์แรก แปลกๆใหม่ๆ เบื้องหลังแซ่บๆของนิเทศปี3
เมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็เกือบเดือนละ TwT ( เพิ่งมีเวลาว่างมานั่งเขียนอะไรยาวๆ แบบเน้ ) มันเป็นประสบการณ์การทำงานอีเว้นท์ครั้งแรกของเรา ที่ตั้งใจมาแชร์แบบละเอียดด ว่าเบื้องหลังงานอีเว้นท์เค้าทำอะไรกัน (สำหรับน้องๆ เพื่อนๆ ที่หาข้อมูล)
ออกตัวก่อนว่าเราชอบเสน่ห์ของงานอีเว้นท์อยู่แล้ว พอวันหนึ่งมีโอกาสได้ลองทำ เราตอบตกลงทันที แต่บางคนถ้าไม่ชอบ อาจจะคิดว่างานอีเว้นท์กดดันว่ะ เครียดว่ะ อยากให้ลองมาดูอีกมุมหนึ่งกัน สำหรับเรา...เราว่ามันเรียลดีอ่ะ ทุกวินาทีมีความหมายมากกก แบบห้ามพลาดกันเลยเด็ดขาด แต่เอาจริงๆมันก็จะมีผิดพลาดกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ถ้าทำงานจบได้ และทุกอย่าง Flow เราคิดว่างานนั้นมันเจ๋งมาก
มาๆ เข้าเรื่องเลยละกัน เราเรียนม.กรุงเทพ นิเทศ อยู่ปี3 ละ จะมาเล่าประสบการณ์การทำฟร้อนท์สเตจ บางคนอาจสงสัยว่าต้องทำอะไรบ้าง? ประเด็นที่เราอยากเล่า คือการทำงานในวันนั้น จริงๆคือไม่ได้มีเราคนเดียวนะ มีเพื่อนๆ อีกหลายคนที่มาร่วมกันทำงานนี้ ทั้งเขียนสคริปต์ ทำเวที เตรียมโชว์ จัดไฟ คุมเสียง รันคิว รันเนอร์คอยวิ่งงาน คนเชิญแขกขึ้นเวที ทีมจัดไฟและแสง จัดเต็มมากกก (เป็นการจัดงานแถลงข่าวของมหาวิทยาลัย และเป็นงานสเกลใหญ่และทางการที่สุดเท่าที่เราเคยทำมาเลยล่ะ )
แล้วหน้าที่ของฟร้อนท์สเตจ คืออะไร?
คือ สตาฟดูแลกิจกรรมบนเวที ที่คอยดูแลการปล่อยคิวต่างๆ โดยพวกเราจะรับคำสั่งจาก Show Director ( คนที่ควบคุมงาน คอยดูภาพรวมของงานทั้งหมด ) ซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเราเอง
อย่างที่บอกไปคือ เราต้องทำหน้าที่ดูแลคิวต่างๆ ให้เป๊ะ ให้ตรงตามเวลาที่กำหนด ( ดูไม่ยากเลยใช่ไหม แต่ไม่ใช่แค่นั้นนาจา )
สเต็ปแรก ได้เข้าไปประชุมกับทีมงาน
ถือว่าตื่นเต้นใช้ได้เลย ( เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ประชุมงานอีเว้นท์แบบจริงจัง ส่วนใหญ่ที่เคยทำเป็นกิจกรรมเล็กๆ จัดแบบกันเอง ประชุมกันแบบเล็กๆ ) อย่างที่เล่าว่าการทำอีเว้นท์ครั้งนี้เป็นงานที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัย เราต้องมาเตรียมงานกับเพื่อนๆ และอาจารย์ ตั้งแต่การวางแผน การประชุมงานกับทีมอาจารย์ฝ่ายอื่นๆ แค่เริ่มต้นการประชุม ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับเรา
สเต็ปสอง มาซ้อมคิว Run Through ก่อนวันจริง
จากนั้นก็ต้องมีวันเซ็ตอัพเวที แบ็คดรอป และซุ้มต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในงาน ช่วงเวลานี้เป็นอีกช่วงที่น่าสนใจมากๆ คิดดูนะ ชะนีแบ๊วๆ นางหนึ่งจะต้องมาทำความรู้จักกับไฟพาร์ ไฟบีม สโตรป เสาทรัส บลาๆๆ โอ้ ขุ่นพระ!! บอกเลยว่า งงเด้ๆ มากขร่ะ
ตอนแรกฟังเค้าคุยศัพท์เทคนิคกัน ฟังแบบไม่รู้เรื่องเลย พูดภาษาอะไรกันว้า ( โอ๊ยตั่ยแล้ววว ) เราก็เลยไปถามพี่ๆ ถามอาจารย์ ว่าแต่ละอย่างคืออะไร ถึงได้รู้คำตอบ และกว่าจะทำความเข้าใจ จำหน้าตาแต่ละอย่างได้ ไม่ใช่ง่ายๆเลย แต่พอเริ่มรู้จักว่าอะไรเป็นอะไร การทำงานมันก็สนุกขึ้น เหมือนคุยกับเขารู้เรื่องสักที -0-
เราต้องไปวัดพื้นที่ ดูการเซ็ตอัพต่างๆ ตั้งแต่พวกซุ้ม แบ็คดรอปหน้างาน แต่ในส่วนที่ต้องทำหลักๆ เลย คือการบล็อกกิ้งต่างๆ และมาร์คจุดบนเวที ไล่กันว่าวันจริง คิวแต่ละคิวจะเป็นยังไง? ใช้ไฟแบบไหน? แสงจะออกเป็นยังไง? เสียงเพลงเปิดตัวใช้เพลงอะไร?
รวมถึงพวกอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไมโครโฟน เก้าอี้ ป้ายโลโก้ต่างๆ รายละเอียดยิบย่อย ดี๊ดีย์ O.o แต่เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ก็ต้องทำให้เต็มที่และตั้งใจมากๆ ฮูเร่ๆ
วันจัดงานจริง
ไปค่ะ วันนี้เราไม่ได้มาเล่นๆ สตาฟทุกคนจะต้องมีอาวุธคู่กาย นั่นก็คือ “วอ” คอยฟังคำสั่งจาก Show Director ในการปล่อยคิวต่างๆ ต้องคิดตลอดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? คิวต่อไปจะเป็นยังไง? ไฟจะเป็นแบบไหน? ใช้พร็อพอะไร? มีเก้าอี้กี่ตัว? ต้องเชิญแขกขึ้นเวทีด้านไหน ลงด้านไหน? เรียกว่า สมองตื่นตัวตลอดเวลาเลย
การทำงานอีเว้นท์สำหรับเรา คือ ต้องมีสติให้มากๆ ห้ามหลุด ห้ามเบลอ ห้ามเผลอ ทุกวินาทีต้องดีที่สุด ห้ามพลาดเด็ดขาดด ทุกอย่างต้องดูสมูทเข้าออกถูกจังหวะ เมื่อผู้ชมมองภาพไปบนเวที ภาพที่ออกมาต้องเนี้ยบบ
เอ้อ ลืมบอกไปว่าเราไม่ได้เรียนด้านอีเว้นท์นะ เราเรียนวิทยุ-โทรทัศน์ ( แบบนี้ก็ได้หรออ ฮ่าๆๆ ) แต่เรามีโอกาสได้มาทำ และบอกเลยว่ารู้สึกชอบเสน่ห์ของงานอีเว้นท์ขึ้นมาอีกมากๆ อ่ะ แสง สี เสียง ต่างๆ ดีงามมมมม มองไปที่เวทีแล้วภูมิใจ
มีช่วงนึงที่ตื่นเต้น คือเราต้องแจกป้ายโลโก้ และต้องจำกันหน้างานสดๆ เลย ว่าท่านนี้มาจากองค์กรนี้ และต้องใช้ป้ายโลโกนี้ในคิวการถ่ายภาพรวม ( เป็นงานเปิดหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งมี Partner จากบริษัทชั้นนำและมหาวิทยาลัยเมืองนอกขึ้นเวทีด้วย เปิดทีเดียว 3 หลักสูตร จัดว่าไม่ธรรมดา ฮ่าๆๆ)
อาจารย์เคยบอกไว้ว่าไม่ว่าเบื้องหลังจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีปัญหายังไง เราคือทีมงานที่ต้องช่วยทำให้งานเบื้องหน้าออกมาดีที่สุด ถ้าจะพลาดขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องหาวิธีว่าพลาดยังไงให้ออกมาเนี้ยบสุด ไม่ให้มี Dead Air เกิดขึ้น ที่สำคัญงานต้องออกมาเป๊ะ
สรุป
ถึงจะเป็นงานที่ทำแล้วเกร็งที่สุด ( เพราะเป็นงานแถลงข่าว มีแต่แขกผู้ใหญ่ นักข่าวทั้งนั้น ที่เราเคยทำมาบ้างเป็นงานกิจกรรมเฮฮา หรืองานของนักศึกษาซะส่วนใหญ่อ่ะ ) แต่เราก็คิดว่าเราโชคดีที่มีโอกาสได้มาทำงานนี้นะ เป็นอีเว้นท์ 1 ชั่วโมงที่อัดแน่นมาก เพราะต้องเปลี่ยนทุกอย่างตลอด ได้ความรู้จากการทำงานจริงๆ รู้ขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มวางแผนไปจนถึงการเซ็ตอัพ
การที่เราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ อาจจะทำให้เรารู้เลยก็ได้ว่าเราชอบอะไร ถนัดงานแบบไหน เลยอยากทุกคนได้ลองทำอะไรที่แปลกใหม่ด้วยเหมือนกัน ชีวิตในมหาวิทยาลัย 4 ปี ถ้าได้ทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองเรียน ก็คงจะคุ้มค่าไม่น้อยเลยเนอะ ฝากไว้ให้คิดดดด อิอิ
ก่อนไปแปะรูปทีมสตรองของเราหน่อย โพสต์กันเบาๆ
V
V
V
V
V
ไปละจ้า บายยยย ><