((มาลาริน)) ^_^ เข็ดกันหรือยังคะ...? "ได้ครับนาย"กลายเป็นโทษ...สนช.เค้นป.ป.ช. สอบ "สุรพงษ์” ย้ำพิรุธเร่งรัดคืนพาสปอร์ต

ที่ผ่านมานายทุนทางการเมืองมักมีอิทธิพลในการตั้งพรรคเพื่อหวังตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก..

บรรดานักการเมืองทุนน้อยจึงหวังพึ่งพิงพรรคร่ำรวย ไม่ใช่อุดมการณ์แต่เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง

ที่พูดเช่นนี้เพราะนักการเมืองเหล่านี้ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองในการนำเสนอนโยบายต่างๆ เพียงแต่คอยรับฟังคำสั่งเท่านั้น

สำหรับพรรคการเมืองที่ร่ำรวยจะเสาะหาคนที่ประชาชนรู้จักในท้องถิ่นแต่ละจังหวัด  นำมาเข้าพรรคเพื่อหวังจำนวนส.ส.และดูแลนักการเมืองเหล่านี้เป็นอย่างดีเป็นการจูงใจให้สามิภักดิ์

นักการเมืองเหล่านี้มักเป็นเหยื่อของกันและกัน  ถูกใช้และรับใช้กันเพื่อผลประโยชน์ของตัว โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง คิดว่าอย่างไรเสียเลือกตั้งครั้งใดก็จะได้กลับมาอีก..

"Ok ครับนาย ได้ครับผม" ใกล้จะจบลงแล้ว เรื่องของพรรคนี้อาจจะกลายเป็นตำนานเล่าขานกันในอนาคตของนักการเมืองคนรุ่นใหม่ เป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นว่า..อย่ารับใช้คนผิด

เซ็งหนาวฝน

✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏✏


มาอ่านข่าวกันค่ะ  ..พาพันขยัน📝📝📝📝📝

สนช.เค้นป.ป.ช.สอย”สุรพงษ์” ด้าน“สุภา”ย้ำพิรุธเร่งรัดคืนพาสปอร์ต ขณะที่“ปึ้ง”อ้างใช้เวลาวันเดียวเป็นเรื่องอิเลคทรอนิค พลิ้วบอกให้ของขวัญปีใหม่เป็นมุข นัดวันลงมติถอดถอน 30มี.ค.

เมื่อเวลา 10.35 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อดำเนินการกระบวนการถอดถอนนายสุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัยกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ(กรณีออกหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ)ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นขั้นตอนซักถามของคณะกรรมาธิการซักถามคู่กรณีคือป.ป.ช. และนายสุรพงษ์ ทั้งหมด 24 คำถาม โดยถามป.ป.ช. 18 คำถาม และนายสุรพงษ์ 6 คำถาม ทั้งนี้การซักถามป.ป.ช.ส่วนใหญ่เป็นคำถามเรื่องคุณสมบัติของนายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช.ไม่ได้ลาออกจากกรรมการบริษัทเอกชนในเวลา 15 วันทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นป.ป.ช. และกรณีที่นายสุรพงษ์อ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศในการพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้แก่นายทักษิณ ไม่ใช่เป็นอำนาจของรมว.ต่างประเทศ
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ตอบข้อซักถามยืนยันว่า นายภักดีมีคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช.ถูกต้อง การที่นายสุรพงษ์อ้างคำพูดของนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสตง.ว่า นายภักดีไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทเอกชนก่อนมารับตำแหน่งป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดนั้น คนที่จะชี้ขาดเรื่องนี้มีเพียงศาลรัฐธรรมนูญและวุฒิสภาเท่านั้น ไม่ใช่นายพิศิษฐ์ ซึ่งก่อนหน้านี้วุฒิสภาเคยลงมติไม่ถอดถอนนายภักดีมาแล้ว รวมทั้งการที่นายสุรพงษ์ใช้ดุลยพินิจออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณเป็นการทำผิดระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางอย่างชัดเจน ทั้งที่ไม่สามารถออกหนังสือเดินทางให้กับผู้มีคดีก่อการร้ายได้ และนายทักษิณอยู่ในบัญชีรายชื่อห้ามออกหนังสือเดินทาง แต่กลับใช้เวลาเพียง 1 วัน โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)และศาลว่า เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อห้ามออกหนังสือเดินทางหรือไม่ การอ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศพิจารณาออกหนังสือเดินทาง ไม่ใช่อำนาจรมว.ต่างประเทศนั้น ป.ป.ช.เห็นว่า นายสุรพงษ์สั่งการในฐานะรมว.ต่างประเทศให้ออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะนายสุรพงษ์ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปพิจารณา แต่สั่งการให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณ

จากนั้นกมธ.ซักถามได้ถามนายสุรงพษ์ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับการใช้อำนาจรมว.ต่างประเทศออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เป็นการใช้ดุลยพินิจถูกต้องหรือไม่ และเหตุผลการเร่งรัดออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณภายในเวลา 1 วัน โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากสตช.และศาล โดยนายสุรพงษ์ ชี้แจงว่า การสั่งออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณเป็นการวินิจฉัยทางการเมือง ซึ่งสามารถเห็นแตกต่างกันได้ ไม่ใช่การวินิจฉัยทางข้อกฎหมาย เพราะไม่เห็นว่านายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อประเทศไทย และต่างประเทศ ส่วนระยะเวลาออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณภายในวันเดียวนั้น ปกติขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางผ่านกรมการกงสุลต่างประเทศ ใช้วิธีส่งข้อมูลทางอิเลคทรอนิคส์มายังกรมการกงสุลในประเทศไทย หากคำขอถูกต้องตามหลักเกณฑ์ก็ดำเนินการได้ทันที ถือเป็นขั้นตอนปกติ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ดังนั้นการออกหนังสือเดินทางผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ได้ผิดเลย เพราะทั้งปลัดกระทรวงต่างประเทศได้สอบถามไปยังศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อธิบดีกรมการกงสุลก็ชี้แจงชัดเจนไม่เห็นหมายศาลดังกล่าว เมื่อศาลไม่ได้แจ้งมาที่กระทรวงก็ไม่สามารถที่ยับยั้งการออกหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ ตนไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหรือยุ่งเกี่ยวเลย แต่เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศ และอธิบดีกรมการกงสุลดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะมอบหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณเป็นของขวัญปีใหม่นั้น เป็นแค่มุขในการให้สัมภาษณ์เพราะเป็นช่วงใกล้ปีใหม่เลยพูดเช่นนั้น แต่การดำเนินการของตนไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือหลักเกณฑ์ หรือสั่งให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ป.ป.ช.และนายสุรพงษ์ตอบคำถามจากกมธ.ซักถามครบถ้วนทั้งหมด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นายพีระศักดิ๋ พอจิต รองประธานสนช. ในฐานะประธานที่ประชุมขณะนั้น แจ้งต่อที่ประชุมว่า ได้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาแถลงปิดคดีในวันที่ 29 มี.ค. และนัดพิจารณาลงมติจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอนนายสุรพงษ์ในวันที่ 30 มี.ค.

http://www.siamrath.co.th/n/12078
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่