ขอเกริ่นก่อนว่า...เราอยู่ชมรมวิ่งของคณะทีแรกที่เข้าไปไม่ได้อยากวิ่งหรืออยากแข่งขันอะไรกับใครเลยแต่เข้ามาเพราะ..1.หน่วยกิตของมหาลัยซึ่งมันสำคัญมากกกเพราะมันเป็นหน่วยกิตบังคับที่มันมีผลต่อการเรียนจบของเราด้วย..2. อยากออกกำลังกายอยากลดน้ำหนักอยากหุ่นดีๆกับเขาบ้าง..แต่เห้ออ!@_@ทำไมมันช่างเหนื่อยและโหดขนาดนี้แต่พอพวกพี่ๆเล่าเหตุผลมาก็ อื้อหือ....มันต้องจริงจังเอาเป็นเอาตายขนาดนี้เพราะคณะเราเป็นที่1มาตลอดไม่อยากเสียแชมป์หรือหยุดไว้เพียงแค่นี้อยากทำรุ่นนี้ออกมาให้ดีที่สุด
เราก็ฝึกซ้อมกันอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือนมากๆเพื่อหาคนที่จะเป็นตัวแทนของทางชมรมไปแข่งในกีฬาประจำปีของมหาวิทยาลัยทุกคนเหนื่อยอ่อนล้า...ยอมแพ้ถอดใจออกไปกันหลายคนจากคนกว่าเกือบร้อยเหลือแค่ไม่ถึง40คน โดนตัดชื่อออกบ้างเพราะขาดซ้อมบ่อย แต่เราก็เกือบโดนตัดชื่อหลายครั้งอยู่เหมือนกันก็เพราะขาดบ่อยนี่แหล่ะ5555ก็มันเหนื่อยนี่หว่าขานี่เดินแบบไปไม่เป็นเลยหล่ะเราซ้อมกันบางวันก็เหนื่อยแบบสุดบางวันก็ชิลแบบผ่อนคลายมากๆเป็นอย่างนี้กันมาหลายเดือนจนมาถึงเดือนสุท้านของการซ้อมพวกเราพี่ร้องในชมรมก็เริ่มสนิทเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นคุยกันปรึกษากันได้ใกล้ชิดกันกับพี่บางคน (ไม่ใช่กับทุกคนในชมรมนะ) จนเป็นจุดที่เราเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับพี่คนนึงในชมรมเขาชื่อพี่"วอ"ละกันเราเริ่มมีความรู้สึกนี้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้...เริ่มแอบมองแอบสังเกตพี่เขาอย่างที่ตัวเองไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเราไม่กล้าที่จะเขาไปทำความรู้จักกับพี่เขาแต่เรารู้จักกันดีอยู่กับเพื่อนของพี่"วอ" ไอ้พี่คนนี้มันก็ล่วงรู้ความลับในใจช้านน!(เพราะว่าไอ้พี่บ้ามันเริ่มสังเกตจากสายตายของฉันที่เฝ้ามองพี่"วอ"อยู่) จ้าาา!คนเรียนจิตวิทยามาก็งี้แหล่ะ แล้วมันก็ถามว่าชอบพี่"วอ"หรอเราก็บอกว่า"ป่าวววก็มองเฉยๆ มองไปเรื่อยแหล่ะ" จ้ะมันคงเชื่อหรอก นั่นแหล่ะค่ะเพื่อนดิฉันก็รู้ตามกันไป การตั้งร้านกาแฟก็เริ่มต้นขึ้น..ชงกันเข้าไป ชงให้แก้วแตกไปเลย แซวอย่างนู้นอย่างนี้ไปเรื่อยจนเขาจะรู้กันทั้งชมแล้วเนี่ยะ...ไอ้พี่ไอ้เพื่อนบ้าาา! ถ้าพี่เขารู้สึกได้คงรู้เรื่องหมดแล้วล่ะ โอ้ยเขิน!แต่เราไม่รู้หรอกว่าพี่เขามีแฟนหรือคนที่แอบชอบอยู่แล้วรึป่าว พอได้รู้จากไอ้พี่บ้าว่าพี่เขา"ไม่มีแฟน"เป็นคนไม่ค่อยพูด โลกส่วนตัวสูงงงงงงงมากกแต่ถ้าได้สนิทหรือเวลาอยู่กับเพื่อนจะเป็นคนที่กวนทีนสุดๆ แต่ความที่เราเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย ขี้อาย (หรอออ..ไม่จริงอะ) 5555 จริงเราเป็นคนอารมย์ดีอีกนิดเข้าขั้นบ้าแต่กับเรื่องนี้เราไม่กล้าจริงๆๆๆเป็นผู้ชายคนแรกที่เราไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยไปความรู้จักแหม่ะก็ได้แต่เต๊าะเล่นๆไปตลอดชีวิตจนอายุนักศึกษาปีหนึ่งไม่เคยทีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคนเลยยยอันนี้คือความจริงที่น่าอนาจใจเหลือเกินสาวตัวไม่อ้วนไม่ผอมโลกสดใสอย่างฉันทำไม เรานี่ก่รู้ตัวช้าไปหน่อยว่าชอบเขาก็ปาเข้าไปอาทิตย์สุดท้ายของการซ้อมแล้วอะที่จะไม่ได้เจอหน้าพี่เขาบ่อยๆแบบนี้อีกเพราะออกไปเด็กมหาลัยจะรู้ว่าเวลาเรียนไม่เคยจะตรงกันบางวันไม่มีเรียนก็ไม่ไปมหาวิทยาลัยเลย คือต่อไปก็คงนานๆๆจะเจอกันทีเห้ออ...🙁เศร้าเน้อะ เพื่อนเราก็บอกว่าจะทำไรก็รีบๆทำนะเวลาเหลือน้อยทุกทีเราก็กลัวๆกล้า พอมาถึงวันสุดท้ายของการซ้อมเราในใจหายแปลกๆอีกแค่สองวันก็จะแข่งแล้วหลังจากนี้ก็คงไม่ชินที่ไม่ได้มาซ้อมมานั่งเล่นมาเจอพี่เขาอีก ไอ้พี่บ้าเะอนพี่"วอ"คนนั้นคงทนไม่ไหว เลยบอกเราเอามือถือมาเดี๋ยวพี่ทักให้..เรียบร้อยจ้าไอ้พี่บ้าทักพี่"วอ"ไปเรียบร้อยแต่ก็แหม่ะทักไปตอนที่อยู่กันหลายๆคนก็ง่ายๆดูชิลไปดิแต่พี่เจาไม่ตอบตอนนั้นไง..มาตอบตอนที่เราถึงห้องแล้วอยู่คนเดียวโอ้ยยย! สติไม่อยู่แล้วค่ะทำไรไม่ถูก จะตอบกลับว่าไรดีๆๆคิดอยู่นาน จนพี่เขาตอบกลับมาตอนห้าทุ่มเราก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรไปมาเพราะจะกวนเวลาพี่เขารึป่าวมันก็ดึแล้วหนินะ ก็กว่าจะตอบได้ก็เกือบเที่ยงคืนละ...ก็ได้แต่ถามไปว่า"พี่จะนอนรึยัง" "รบกวนรึป่าว" (โธ่อีเด็กบ้านี่มันกี่โมงกี่ยามละ) เอ้า*_*ก็ไม่รู้จัชวนคุยไรนี่หว่า..จนตอนนี้ยังไม่ตอบเราเลย..ข้อดีคือยืดเวลาให้เราได้คิดว่าจะเอาไงต่อดีว้ะ..ข้อเสียคือเขารำคาญเรารึป่าวว้ะเนี้ย🤔🤔🤔 ตอบเถอะพ่อคู๊ณณณ!
รักเกิดในชมรม
เราก็ฝึกซ้อมกันอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือนมากๆเพื่อหาคนที่จะเป็นตัวแทนของทางชมรมไปแข่งในกีฬาประจำปีของมหาวิทยาลัยทุกคนเหนื่อยอ่อนล้า...ยอมแพ้ถอดใจออกไปกันหลายคนจากคนกว่าเกือบร้อยเหลือแค่ไม่ถึง40คน โดนตัดชื่อออกบ้างเพราะขาดซ้อมบ่อย แต่เราก็เกือบโดนตัดชื่อหลายครั้งอยู่เหมือนกันก็เพราะขาดบ่อยนี่แหล่ะ5555ก็มันเหนื่อยนี่หว่าขานี่เดินแบบไปไม่เป็นเลยหล่ะเราซ้อมกันบางวันก็เหนื่อยแบบสุดบางวันก็ชิลแบบผ่อนคลายมากๆเป็นอย่างนี้กันมาหลายเดือนจนมาถึงเดือนสุท้านของการซ้อมพวกเราพี่ร้องในชมรมก็เริ่มสนิทเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นคุยกันปรึกษากันได้ใกล้ชิดกันกับพี่บางคน (ไม่ใช่กับทุกคนในชมรมนะ) จนเป็นจุดที่เราเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับพี่คนนึงในชมรมเขาชื่อพี่"วอ"ละกันเราเริ่มมีความรู้สึกนี้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้...เริ่มแอบมองแอบสังเกตพี่เขาอย่างที่ตัวเองไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเราไม่กล้าที่จะเขาไปทำความรู้จักกับพี่เขาแต่เรารู้จักกันดีอยู่กับเพื่อนของพี่"วอ" ไอ้พี่คนนี้มันก็ล่วงรู้ความลับในใจช้านน!(เพราะว่าไอ้พี่บ้ามันเริ่มสังเกตจากสายตายของฉันที่เฝ้ามองพี่"วอ"อยู่) จ้าาา!คนเรียนจิตวิทยามาก็งี้แหล่ะ แล้วมันก็ถามว่าชอบพี่"วอ"หรอเราก็บอกว่า"ป่าวววก็มองเฉยๆ มองไปเรื่อยแหล่ะ" จ้ะมันคงเชื่อหรอก นั่นแหล่ะค่ะเพื่อนดิฉันก็รู้ตามกันไป การตั้งร้านกาแฟก็เริ่มต้นขึ้น..ชงกันเข้าไป ชงให้แก้วแตกไปเลย แซวอย่างนู้นอย่างนี้ไปเรื่อยจนเขาจะรู้กันทั้งชมแล้วเนี่ยะ...ไอ้พี่ไอ้เพื่อนบ้าาา! ถ้าพี่เขารู้สึกได้คงรู้เรื่องหมดแล้วล่ะ โอ้ยเขิน!แต่เราไม่รู้หรอกว่าพี่เขามีแฟนหรือคนที่แอบชอบอยู่แล้วรึป่าว พอได้รู้จากไอ้พี่บ้าว่าพี่เขา"ไม่มีแฟน"เป็นคนไม่ค่อยพูด โลกส่วนตัวสูงงงงงงงมากกแต่ถ้าได้สนิทหรือเวลาอยู่กับเพื่อนจะเป็นคนที่กวนทีนสุดๆ แต่ความที่เราเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย ขี้อาย (หรอออ..ไม่จริงอะ) 5555 จริงเราเป็นคนอารมย์ดีอีกนิดเข้าขั้นบ้าแต่กับเรื่องนี้เราไม่กล้าจริงๆๆๆเป็นผู้ชายคนแรกที่เราไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยไปความรู้จักแหม่ะก็ได้แต่เต๊าะเล่นๆไปตลอดชีวิตจนอายุนักศึกษาปีหนึ่งไม่เคยทีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคนเลยยยอันนี้คือความจริงที่น่าอนาจใจเหลือเกินสาวตัวไม่อ้วนไม่ผอมโลกสดใสอย่างฉันทำไม เรานี่ก่รู้ตัวช้าไปหน่อยว่าชอบเขาก็ปาเข้าไปอาทิตย์สุดท้ายของการซ้อมแล้วอะที่จะไม่ได้เจอหน้าพี่เขาบ่อยๆแบบนี้อีกเพราะออกไปเด็กมหาลัยจะรู้ว่าเวลาเรียนไม่เคยจะตรงกันบางวันไม่มีเรียนก็ไม่ไปมหาวิทยาลัยเลย คือต่อไปก็คงนานๆๆจะเจอกันทีเห้ออ...🙁เศร้าเน้อะ เพื่อนเราก็บอกว่าจะทำไรก็รีบๆทำนะเวลาเหลือน้อยทุกทีเราก็กลัวๆกล้า พอมาถึงวันสุดท้ายของการซ้อมเราในใจหายแปลกๆอีกแค่สองวันก็จะแข่งแล้วหลังจากนี้ก็คงไม่ชินที่ไม่ได้มาซ้อมมานั่งเล่นมาเจอพี่เขาอีก ไอ้พี่บ้าเะอนพี่"วอ"คนนั้นคงทนไม่ไหว เลยบอกเราเอามือถือมาเดี๋ยวพี่ทักให้..เรียบร้อยจ้าไอ้พี่บ้าทักพี่"วอ"ไปเรียบร้อยแต่ก็แหม่ะทักไปตอนที่อยู่กันหลายๆคนก็ง่ายๆดูชิลไปดิแต่พี่เจาไม่ตอบตอนนั้นไง..มาตอบตอนที่เราถึงห้องแล้วอยู่คนเดียวโอ้ยยย! สติไม่อยู่แล้วค่ะทำไรไม่ถูก จะตอบกลับว่าไรดีๆๆคิดอยู่นาน จนพี่เขาตอบกลับมาตอนห้าทุ่มเราก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรไปมาเพราะจะกวนเวลาพี่เขารึป่าวมันก็ดึแล้วหนินะ ก็กว่าจะตอบได้ก็เกือบเที่ยงคืนละ...ก็ได้แต่ถามไปว่า"พี่จะนอนรึยัง" "รบกวนรึป่าว" (โธ่อีเด็กบ้านี่มันกี่โมงกี่ยามละ) เอ้า*_*ก็ไม่รู้จัชวนคุยไรนี่หว่า..จนตอนนี้ยังไม่ตอบเราเลย..ข้อดีคือยืดเวลาให้เราได้คิดว่าจะเอาไงต่อดีว้ะ..ข้อเสียคือเขารำคาญเรารึป่าวว้ะเนี้ย🤔🤔🤔 ตอบเถอะพ่อคู๊ณณณ!