“แค่ใช้ชีวิต จะอะไรมากมาย ทำให้มันง่าย ๆ สิ”
สำหรับฉันเองไม่สามารถท่องจำหลักธรรมต่าง ๆ มากนัก ไม่สามารถบอกได้ว่าหลักธรรมนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่แก่นค่ะ หากวันไหนได้มีโอกาสอ่านหรือฟังก็จะคิดตามแล้วสรุปง่ายๆ ไม่สามารถท่องเป็นชื่อหรือแปลภาษาบาลีได้ค่ะ ถึงแปลแล้วไม่นานก็ลืม โดยส่วนตัวนับถือศาสนาพุทธตามครอบครัว แต่ถ้ามีโอกาสเข้าวัดฟังธรรมก็ชอบค่ะได้แง่คิดดี ไม่ได้สนใจว่าหลักธรรมนั้นนี้เรียกว่าอะไร มีอะไรบ้าง มันจำไม่หมด
สิ่งที่ฉันคิดก็คือเราไม่ต้องไปยึดไปท่องจำอะไรมากหรอกค่ะ แค่ปกติปฏิบัติตัวตามหลักง่ายๆ คือรักษาศีล 5 ให้ครบก่อน และที่สำคัญเราต้องทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่มุ่งร้ายต่อตัวเองและคนอื่นๆ เท่านี้เราก็มีควาามสุขแล้วค่ะ
บางคนอาจบอกว่าเวลามีปัญหาให้มีสตินะ แต่ฉันจะบอกว่าวินาทีนั้นไม่มีใครมีสติหรอกค่ะ ไม่มีใครมีสติตลอดเวลาเพราะมันคือธรรมชาติของมนุษย์ แค่บางคนสามารถตั้งสติได้เร็วก็แค่นั้น ดังนั้นเวลาเกิดปัญหา หรือมีอะไรมากระทบใจเรา เรามักจะตอบสนองสิ่งนั้นไปอัตโนมัติ แล้วค่อยมาคิดได้ทีหลังเสมอ สำหรับฉันบางเรื่องที่ไม่เคยเกิดหรือคิดรับมือมาก่อนก็อาจใช้เวลานาน แต่ว่าถึงวันนี้ฉันบอกได้เลยค่ะว่ายิ่งเราล้มยิ่งลุกได้เร็วค่ะ ถามว่าเจ็บไหม แน่นอนมันเจ็บ แต่เราจะลุกได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เราจะไม่ยึดติดกับมันมากนักเพราะเดี๋ยวก็มีปัญหาใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งทุกข์ทั้งสุขมันก็สลับ ๆ กันเข้ามาตลอดนั่นแหละ มันคือธรรมชาติ
สำหรับฉันในวันนี้เมื่อมีสิ่งมากระทบใจจะพยายามตั้งสติให้เร็ว ให้เราตั้งสติให้ดี เมื่อเรารู้สึกเริ่มทุกข์แสดงว่าเราเริ่มมีสติละ อย่างน้อยก็รู้ว่านี่คือทุกข์ ทุกครั้งที่เราสุขเศร้าเสียใจ ไม่ว่าอารมณ์ไหนก็ตาม เบื้องต้นให้รู้ทันอารมณ์เท่านั้นก่อน ทำเพียงแค่นี้ก็พอ แล้วปล่อยตามความรู้สึกไปค่ะ จากนั้นค่อยมองดูมัน ถ้ามันจะทุกข์ก็ปล่อยให้ทุกข์ไปสักพัก เดี๋ยวใจเราก็จะบอกให้พอกับความทุกข์นั้นเอง ไม่ต้องไปพยายามหาเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อหยุดมัน ไม่ต้องไปคิดว่ามันดีหรือไม่ดี เพราะในเวลานั้นที่เราเกิดความรู้สึกขัดแย้งแสดงว่าลึก ๆ แล้วเรารู้ว่าอะไรควรไม่ควรแต่เราทุกข์เพราะอยากที่จะทำบางอย่าง ซึ่งถ้าเรายิ่งห้ามตัวเองเท่าไหร่ สมองเราก็จะยิ่งต่อต้านยิ่งจดจำสิ่งนั้นจนท้ายที่สุดเราจะพ่ายแพ้ต่อความอยากและแก้ปัญหาแบบคิดสั้น ความทุกข์นั้นก็จะยิ่งไม่ได้รับการแก้ไข เราต้องปล่อยให้ความรู้สึกเป็นตัวนำพาเรา หลายครั้งที่เกิดปัญหาขึ้นและเราพยายามจะหาเหตุผลโน่นนี่เพื่อสนับสนุนว่าเราคิดถูกเราทำในสิ่งที่ถูก แต่ว่าเหตุผลก็เหมือนข้ออ้างเราจะคิดเป็นร้อยเหตุผลขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จะให้มันฟังดูดีเท่าไหร่ก็ทำได้ ดังนั้นอย่าให้เหตุผลที่คิดจากสมองเราซึ่งมันอาจถูกบิดเบือนด้วยความอยากและการกดดันหรือการห้ามทำในสิ่งที่ยากมากๆ ต่อความรู้สึกเรามาชี้นำเรา ให้ใช้ความรู้สึกตัดสินเพราะความรู้สึกไม่เคยหลอกเรามันหลอกเราไม่ได้ รู้สึกก็คือรู้สึกไม่รู้สึกก็คือไม่ ง่าย ๆ แค่นั้น ไม่ต้องทำอะไรให้ซับซ้อน วินาทีที่เรารู้สึกว่าเกิดปัญหาหรือเป็นทุกข์นั้นไม่ต้องพยายามคิดหรอก เราจะคิดไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ความรู้สึกบอกเราให้พอ เราอยากก้าวออกมาจากอารมณ์เหล่านั้นละ เราค่อยเริ่มใช้สมองคิดทบทวนให้รู้ว่ามันเกิดจากอะไร เราจะแก้ไขอะไรได้บ้างเท่าที่เราสามารถแก้ไขได้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ปล่อยมันไปให้ยอมรับธรรมชาติของมัน และที่สำคัญคิดสักนิดก่อนจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง และอะไรก็ตามที่ตัดสินใจไปแล้วฉันมีกฏอยู่ข้อหนึ่งก็คือฉันจะเคารพตัวเอง เพราะว่าเราคิดดีแล้วและจะยอมรับผลของมันเสมอ
อ่อ..เกือบลืมไปเลย ทุกครั้งที่เกิดทุกข์และสุข เมื่อเราปล่อยไปตามอารมณ์นั้นจนรู้สึกพอแล้ว ให้คิดค่ะคิดทบทวนและประมวลเรื่องราวทั้งหมด ดูสิว่าเราได้อะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งนั้นมันสอนอะไรเรา
กฏอีกข้อหนึ่งก็คือ อย่าตัดสินใจทำอะไรที่มันกระทบกับคนอื่นไปด้วยอารมณ์ ฉันบอกให้ความรู้สึกพาไปก็จริง แต่แค่รู้สึก มันเกิดที่เราไม่ได้เกิดกับคนอื่นดังนั้นจะทุกข์ที่ตัวเองเท่าไหร่ก็ทุกข์ไปสิ แต่อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขา เราทุกคนต้องมีสำนึกต่อสาธารณะด้วย นี่รวมไปถึงการทำร้ายตัวเองด้วยนะ เพราะคิดให้ดีแล้วมันก็คือการเพิ่มภาระให้คนอื่นนั่นแหละ
ย้ำอีกครั้งนะคะว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสติ ฉันเชื่อในการฝึกสติเพราะสติทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไม่ประมาทและมันจะทำให้เราผ่านพ้นทั้งความทุกข์และสุขไปได้
สรุปว่าสิ่งที่ฉันยึดถือในการดำรงชีวิตทุกวันนี้ก็คือ
1. พยายามรักษาศีล5 ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่คิดร้ายต่อตัวเองและผู้อื่น
2. มีสติ
3. ให้รู้เท่าทันทุกอารมณ์
4. เมื่อรู้เท่าทันแล้วให้ปล่อยตามอารม์จนกว่าเราจะรู้สึกพอ
5. อย่าไปบังคับความรู้สึกตัวเอง
6. เหตุผลหลอกเราได้เสมอ แต่ความรู้สึกไม่สามารถหลอกเราได้
7. คิดทุกครั้งที่จะตัดสินใจทำอะไร โดยมีสำนึกต่อผู้อื่นเสมอ
8. เมื่อพอแล้วให้ใช้สมองคิดทบทวน แก้ปัญหาเท่าที่แก้ได้
9. เคารพตัวเอง
10. ยอมรับผลที่เกิดจากการตัดสินใจของตัวเอง
11. มองหาบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้น
12. รู้จักปล่อยวาง เพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ
13 รู้จักให้อภัย
แล้วพวกคุณมีแนวคิดการใช้ชีวิตกันยังไงบ้างคะ
คุณมีแนวคิดการใช้ชีวิตยังไง ในสังคมปัจจุบัน
สำหรับฉันเองไม่สามารถท่องจำหลักธรรมต่าง ๆ มากนัก ไม่สามารถบอกได้ว่าหลักธรรมนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่แก่นค่ะ หากวันไหนได้มีโอกาสอ่านหรือฟังก็จะคิดตามแล้วสรุปง่ายๆ ไม่สามารถท่องเป็นชื่อหรือแปลภาษาบาลีได้ค่ะ ถึงแปลแล้วไม่นานก็ลืม โดยส่วนตัวนับถือศาสนาพุทธตามครอบครัว แต่ถ้ามีโอกาสเข้าวัดฟังธรรมก็ชอบค่ะได้แง่คิดดี ไม่ได้สนใจว่าหลักธรรมนั้นนี้เรียกว่าอะไร มีอะไรบ้าง มันจำไม่หมด
สิ่งที่ฉันคิดก็คือเราไม่ต้องไปยึดไปท่องจำอะไรมากหรอกค่ะ แค่ปกติปฏิบัติตัวตามหลักง่ายๆ คือรักษาศีล 5 ให้ครบก่อน และที่สำคัญเราต้องทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่มุ่งร้ายต่อตัวเองและคนอื่นๆ เท่านี้เราก็มีควาามสุขแล้วค่ะ
บางคนอาจบอกว่าเวลามีปัญหาให้มีสตินะ แต่ฉันจะบอกว่าวินาทีนั้นไม่มีใครมีสติหรอกค่ะ ไม่มีใครมีสติตลอดเวลาเพราะมันคือธรรมชาติของมนุษย์ แค่บางคนสามารถตั้งสติได้เร็วก็แค่นั้น ดังนั้นเวลาเกิดปัญหา หรือมีอะไรมากระทบใจเรา เรามักจะตอบสนองสิ่งนั้นไปอัตโนมัติ แล้วค่อยมาคิดได้ทีหลังเสมอ สำหรับฉันบางเรื่องที่ไม่เคยเกิดหรือคิดรับมือมาก่อนก็อาจใช้เวลานาน แต่ว่าถึงวันนี้ฉันบอกได้เลยค่ะว่ายิ่งเราล้มยิ่งลุกได้เร็วค่ะ ถามว่าเจ็บไหม แน่นอนมันเจ็บ แต่เราจะลุกได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เราจะไม่ยึดติดกับมันมากนักเพราะเดี๋ยวก็มีปัญหาใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งทุกข์ทั้งสุขมันก็สลับ ๆ กันเข้ามาตลอดนั่นแหละ มันคือธรรมชาติ
สำหรับฉันในวันนี้เมื่อมีสิ่งมากระทบใจจะพยายามตั้งสติให้เร็ว ให้เราตั้งสติให้ดี เมื่อเรารู้สึกเริ่มทุกข์แสดงว่าเราเริ่มมีสติละ อย่างน้อยก็รู้ว่านี่คือทุกข์ ทุกครั้งที่เราสุขเศร้าเสียใจ ไม่ว่าอารมณ์ไหนก็ตาม เบื้องต้นให้รู้ทันอารมณ์เท่านั้นก่อน ทำเพียงแค่นี้ก็พอ แล้วปล่อยตามความรู้สึกไปค่ะ จากนั้นค่อยมองดูมัน ถ้ามันจะทุกข์ก็ปล่อยให้ทุกข์ไปสักพัก เดี๋ยวใจเราก็จะบอกให้พอกับความทุกข์นั้นเอง ไม่ต้องไปพยายามหาเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อหยุดมัน ไม่ต้องไปคิดว่ามันดีหรือไม่ดี เพราะในเวลานั้นที่เราเกิดความรู้สึกขัดแย้งแสดงว่าลึก ๆ แล้วเรารู้ว่าอะไรควรไม่ควรแต่เราทุกข์เพราะอยากที่จะทำบางอย่าง ซึ่งถ้าเรายิ่งห้ามตัวเองเท่าไหร่ สมองเราก็จะยิ่งต่อต้านยิ่งจดจำสิ่งนั้นจนท้ายที่สุดเราจะพ่ายแพ้ต่อความอยากและแก้ปัญหาแบบคิดสั้น ความทุกข์นั้นก็จะยิ่งไม่ได้รับการแก้ไข เราต้องปล่อยให้ความรู้สึกเป็นตัวนำพาเรา หลายครั้งที่เกิดปัญหาขึ้นและเราพยายามจะหาเหตุผลโน่นนี่เพื่อสนับสนุนว่าเราคิดถูกเราทำในสิ่งที่ถูก แต่ว่าเหตุผลก็เหมือนข้ออ้างเราจะคิดเป็นร้อยเหตุผลขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จะให้มันฟังดูดีเท่าไหร่ก็ทำได้ ดังนั้นอย่าให้เหตุผลที่คิดจากสมองเราซึ่งมันอาจถูกบิดเบือนด้วยความอยากและการกดดันหรือการห้ามทำในสิ่งที่ยากมากๆ ต่อความรู้สึกเรามาชี้นำเรา ให้ใช้ความรู้สึกตัดสินเพราะความรู้สึกไม่เคยหลอกเรามันหลอกเราไม่ได้ รู้สึกก็คือรู้สึกไม่รู้สึกก็คือไม่ ง่าย ๆ แค่นั้น ไม่ต้องทำอะไรให้ซับซ้อน วินาทีที่เรารู้สึกว่าเกิดปัญหาหรือเป็นทุกข์นั้นไม่ต้องพยายามคิดหรอก เราจะคิดไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ความรู้สึกบอกเราให้พอ เราอยากก้าวออกมาจากอารมณ์เหล่านั้นละ เราค่อยเริ่มใช้สมองคิดทบทวนให้รู้ว่ามันเกิดจากอะไร เราจะแก้ไขอะไรได้บ้างเท่าที่เราสามารถแก้ไขได้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ปล่อยมันไปให้ยอมรับธรรมชาติของมัน และที่สำคัญคิดสักนิดก่อนจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง และอะไรก็ตามที่ตัดสินใจไปแล้วฉันมีกฏอยู่ข้อหนึ่งก็คือฉันจะเคารพตัวเอง เพราะว่าเราคิดดีแล้วและจะยอมรับผลของมันเสมอ
อ่อ..เกือบลืมไปเลย ทุกครั้งที่เกิดทุกข์และสุข เมื่อเราปล่อยไปตามอารมณ์นั้นจนรู้สึกพอแล้ว ให้คิดค่ะคิดทบทวนและประมวลเรื่องราวทั้งหมด ดูสิว่าเราได้อะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งนั้นมันสอนอะไรเรา
กฏอีกข้อหนึ่งก็คือ อย่าตัดสินใจทำอะไรที่มันกระทบกับคนอื่นไปด้วยอารมณ์ ฉันบอกให้ความรู้สึกพาไปก็จริง แต่แค่รู้สึก มันเกิดที่เราไม่ได้เกิดกับคนอื่นดังนั้นจะทุกข์ที่ตัวเองเท่าไหร่ก็ทุกข์ไปสิ แต่อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขา เราทุกคนต้องมีสำนึกต่อสาธารณะด้วย นี่รวมไปถึงการทำร้ายตัวเองด้วยนะ เพราะคิดให้ดีแล้วมันก็คือการเพิ่มภาระให้คนอื่นนั่นแหละ
ย้ำอีกครั้งนะคะว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสติ ฉันเชื่อในการฝึกสติเพราะสติทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไม่ประมาทและมันจะทำให้เราผ่านพ้นทั้งความทุกข์และสุขไปได้
สรุปว่าสิ่งที่ฉันยึดถือในการดำรงชีวิตทุกวันนี้ก็คือ
1. พยายามรักษาศีล5 ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่คิดร้ายต่อตัวเองและผู้อื่น
2. มีสติ
3. ให้รู้เท่าทันทุกอารมณ์
4. เมื่อรู้เท่าทันแล้วให้ปล่อยตามอารม์จนกว่าเราจะรู้สึกพอ
5. อย่าไปบังคับความรู้สึกตัวเอง
6. เหตุผลหลอกเราได้เสมอ แต่ความรู้สึกไม่สามารถหลอกเราได้
7. คิดทุกครั้งที่จะตัดสินใจทำอะไร โดยมีสำนึกต่อผู้อื่นเสมอ
8. เมื่อพอแล้วให้ใช้สมองคิดทบทวน แก้ปัญหาเท่าที่แก้ได้
9. เคารพตัวเอง
10. ยอมรับผลที่เกิดจากการตัดสินใจของตัวเอง
11. มองหาบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้น
12. รู้จักปล่อยวาง เพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ
13 รู้จักให้อภัย
แล้วพวกคุณมีแนวคิดการใช้ชีวิตกันยังไงบ้างคะ