[CR] รีวิวมือถือระดับ 6,000 Nubia z11 mini VS Lava A3 ความสามารถระดับไหนกันบ้าง


สวัสดีครับ ช่วงนี้ใครกำลังมองหามือถือราคาไม่แรง ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบถ้วน วันนี้ผมมีมานำเสนอ 2 รุ่นจาก 2 ค่ายเลยครับ โดยเป็นเครื่องส่วนตัวของผมเองทั้งสองเครื่อง นั่นคือ Lava A3 ที่พึ่งไปถอยมาใหม่ กับ nubia z11 mini ที่ซื้อมาก่อนสักพัก

โดยส่วนตัวผมชอบเล่นมือถือระดับนี้อยู่แล้วครับเพราะชีวิตประจำวันของผมต้องพกมือถือประมาณ2เครื่องและมือถือเหล่านี้ตอบโจทย์การใช้งานของผมได้ค่อนข้างดีในราคาที่ไม่แรงมาก วันนี้ผมเลยอยากหยิบมือถือ 2 เครื่องนี้ขึ้นมาเขียนเป็นรีวิวซะเลย เพราะเห็นว่าสเป็ค รูปทรง อะไรก็ใกล้เคียงกันจนคนอาจจะลังเลว่าจะซื้อเครื่องไหนดี  

    ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงจุดเริ่มต้นของการทำรีวิวในครั้งนี้ก่อนนะครับ จริงๆผมไม่เคยทำรีวิวมือถือมาก่อนเลย ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องมือถือขนาดกูรูแต่ชอบเล่นมือถือรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะมือถือที่ราคาไม่แรง ซึ่งผมมักจะเจอคำถามจากเพื่อนๆคนรอบตัวเสมอว่ามือถือรุ่นที่ผมใช้มันดีมั๊ย มันช้าหรือค้างบ้างรึเปล่า เท่าที่ลองใช้มาผมก็ยังไม่เคยเจอปัญหาอะไรหนักๆนะ ดังนั้นวันนี้ผมเลยอยากมาทำรีวิวการใช้งาน ประสิทธิภาพของมือถือแต่ละรุ่นที่ผมใช้เท่าที่ผู้ใช้คนนี้จะบรรยายออกมาได้ แต่หากรีวิวนี้ขาดตกบกพร่องในส่วนใดไป ก็สอบถามเพิ่มเติมเข้ามาได้เลยครับ

มือถือที่ผมนำมารีวิวในครั้งนี้
1) Nubia z11 mini ราคาเครื่องเปล่า 6,990 บาท
2) Lava A3 ราคาเครื่องเปล่า 6,990 บาท แต่ถ้าซื้อที่ ais พร้อมเบอร์จะเหลือแค่ 4,190 บาท
เริ่มจากเครื่องแรก Nubia z11 mini


Nubia มาแบบมินิมอลหน่อยครับ เปิดกล่องออกมาจะเจอตัวเครื่อง ที่เปิดถาดซิม ใบคู่มือการใช้ (มีฟิล์มกันรอยด้วย) และสายชาร์จ


ลักษณะเครื่องนูเบียคล้ายคลึงกับไอโฟนมากๆทั้งเส้นสัญญาณ ขอบด้านข้าง


ความรู้สึกเวลาจับ: เครื่องกระชับมือดีครับ วัสดุสวย เบา แต่ฝาหลังนูเบียจะเป็นรอยนิ้วมือง่ายสุดๆ และเคสก็หาซื้อยากเวลาเป็นรอยนิ้วมือทีก็ลดความสวยไปประมาณ 50% ได้ ซึ่งปกติผมใช้มือถือไม่ค่อยใส่เคสอยู่แล้วเลยไม่ค่อยชอบจุดนี้เท่าไหร่ ส่วนรอบตัวเครื่องก็คล้ายไอโฟนเลยครับ

ข้ามมาดูหน้าตาของ Lava A3  กันบ้าง

มือถือลาวามาพร้อมกับสายชาร์จ คู่มือการใช้งาน หูฟัง เคสพลาสติก กับฟิล์มกันรอย ตามนี้เลยครับ
มาดูรูปลักษณ์ของตัวเครื่องกันก่อนนะครับ


Lava รุ่นนี้ฝาหลังจะเป็น metal design สีเงิน ให้ความรู้สึกที่ดูเรียบหรู หน้าจอใหญ่ก็จริงแต่ตัวเครื่องไม่ได้หนาอะไรมากมายครับ


ความรู้สึกเวลาจับ: ลาวามาพร้อมหน้าจอ 5.5 นิ้ว ใหญ่กว่านูเบียประมาณนึงเลยแต่จับกระชับมืออยู่ครับ ฝาหลังเป็นเมเทอร์สีเงิน เรื่องดีไซน์ของปุ่มสแกนลายนิ้วมือผมกลับชอบดีไซน์ของลาวามากกว่า nubia ครับ เพราะตำแหน่งกล้องของลาวาอยู่ตรงกลาง ลงมาเป็นแฟลชและตัวสแกนลายนิ้วมือ ดูรวมๆแล้วดูสมดุลมากกว่าของ nubia นะ ส่วนตัวเครื่องรอบๆเน้นดีไซน์โค้งมน ดูสวยดีครับ

เทียบภาพปุ่มสแกนลายนิ้วมือของทั้งสองรุ่น


เทียบความบางด้านข้าง


มาดูสเป็คของทั้ง 2 เครื่องเทียบกันชัดๆบ้างครับ



มาถึงส่วนที่เป็นสเปเชี่ยล หรือ ลูกเล่นพิเศษของแต่ละรุ่น

Nubia Z11 mini
-นูเบียรุ่นนี้มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่องครับ เอาจริงตอนแรกผมก็แอบงงว่ามันคือปุ่มอะไร โผล่มาเหมือนเป็นโลโก้ตรงฝาหลัง แต่พอมาเล่นแล้วก็โอเคครับอยู่ในตำแหน่งที่สัมผัสง่าย แต่ก็ยังแอบแปลกๆอยู่ดี55 นอกจากใช้เพื่อปลดล็อคแล้ว ยังใช้กดเพื่อแคปหน้าจอได้ด้วยครับ ซึ่งจุดนี้น่าจะเป็นกิมมิคเล็กๆน้อยๆของเครื่องอีกจุดนึงเลย

คือสามารถแคปหน้าจอได้หลายหลายรูปแบบ (โดยการแตะปุ่มสแกนลายนิ้วมือก็จะขึ้นมาหน้าแคปหน้าจอด้วย--แรกๆผมยังไม่ได้ปิดเลยรู้สึกว่ามันน่ารำคาญนิดๆเวลาเผลอไปโดน ต้องเข้าไปตั้งค่าไม่ให้มันเข้าไป) ทั้งจะแคปเป็นรูปทรงต่างๆได้ตามต้องการเช่น หัวใจ วงกลม สี่เหลี่ยม หรือจะวาดเองก็ได้ ผมชอบตรงวาดเองนะ สะดวกดี


-นอกจากฟังก์ชั่นแคปหน้าจอแล้วยังมีฟังก์ชั่นรูดข้างครับ เวลาเราเอามือมารูดๆที่ขอบของหน้าจอจะสามารถเข้าสุ่เมนูลัดต่างๆที่เราตั้งค่าไว้ได้ ซึ่งหลากหลายมาก รูดสั้นรูดยาวก็เข้าแอปไม่เหมือนกันด้วย (รูดซ้ายรูดขวา รูดขึ้นรูดลง ก็ไม่เหมือนกัน ผมว่าคำว่ารูดเริ่มเยอะจนเริ่มรู้สึกแปลกนิดๆ5555 เอาเป็นว่าเป็นฟังก์ชั่นเท่ๆ เอาไว้สำหรับคนชอบรูด รูดแล้วสนุกดีครับ

-อีกหนึ่งลูกเล่นของมือถือตัวนี้คือเรื่องกล้องครับ มือถือเครื่องอื่นๆอาจจะชูมือ 5 นิ้วแล้วกล้องจับภาพเอง หรือพูด ชีสสสส แคปเจอะ อะไรก็ว่าไปแต่เครื่องนี้จับภาพด้วยรอยยิ้มครับ ถ้าเรายิ้มปุ๊ปก็จะจับภาพให้อัตโนมัติเลย ผมลองเล่นแบบทำหน้าบึ้ง ยิงฟันแบบไม่ยิ้มมันก็ไม่จับนะ ต้องฉีกยิ้มเท่านั้นถึงจับ

LAVA A3

-ด้วยความที่เป็นเครื่องใหม่พึ่งออกมาสดๆร้อนๆ เลยไม่ค่อยมีรีวิวจากกูรูมือถือมาแงะลูกเล่นต่างๆมากนัก ผมขออนุญาตอธิบายตามที่ผมสัมผัสได้ แน่นอนว่าลาวา a3 ก็มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังของฝาหลังเช่นกัน ลองเล่นดูแล้วสแกนลายนิ้วมือได้รวดเร็ว แม่นยำดี ลองจับเวลาเล่นๆไม่ถึง 1 วินาทีเลยทีเดียว

-ส่วนลูกเล่นอื่นๆของกล้องเป็นพวกฟิลเตอร์ โฟกัสอัตโนมัติของกล้องที่คนใช้กล้องไม่เป็นก็ถ่ายรูปสวยได้ และมีระบบภาษาไทยที่ค่อนข้างดีกว่านูเบียมากเพราะทำตลาดในไทยมาก่อน

-เรื่องการใช้งานทั่วไปผมค่อนข้างชอบแล้วก็หยิบมาใช้บ่อยเลยนะ เพราะมันลื่นดี เปิดแอพเปิดอะไรเยอะๆก็ไม่มีอาการหน่วง เพราะระบบปฏิบัติการมันใหม่กว่าด้วย ตอบสนองการใช้งานได้ดีเลย ชอบๆ ตั้งแต่ใช้มาก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรนะครับ
-เจ้าเครื่องนี้จะใหญ่กว่านูเบียพอสมควร จอก็ใหญ่กว่า


(รูปตัวอย่างใส่ฟิลเตอร์ของลาวา ทำให้ภาพดูวินเทจมากขึ้น)

พูดถึงลูกเล่นพิเศษไปแล้วย้ายมาเรื่องการใช้งานตามปกติบ้างนะครับ


เท่าที่ผมใช้มาก็ยังไม่มีปัญหาอะไรนะครับการใช้งานเป็นปกติดี ลื่นไหล ให้ความรู้สึกเหมือนๆกันคงเพราะเป็นแอนดรอยด์เหมือนกัน ระบบคล้ายๆกันอยู่ครับ แต่เรื่องเมนูภาษาไทย อย่างที่บอก Nubia ยังทำได้ไม่ค่อยดีนะ ยังแปลออกมาตลกๆงงๆอยู่อย่างเช่น โฟลเดอร์รวมฟังก์ชั่นพิเศษของกล้อง แปลออกมาเป็น ครอบครัวของกล้อง อะไรแบบนี้ -*-

อีก 1 จุดที่ค่อนข้างแตกต่างกันชัดเจนของ 2 เครื่องนี้คือ Lava A3 ตัวนี้ ใส่ได้ 2 ซิม (ตรงนี้ Nubia ก็ทำได้เหมือนกันนะครับ) แต่ว่า ของ Lava จะพิเศษตรงที่ ซิม 1 รองรับ 4G/4G+ และ ซิม 2 รองรับ 3G ได้พร้อมๆกันด้วย ซึ่งเท่าที่เห็นจะมีแต่สมาร์ทโฟนรุ่นสูงๆที่ทำได้นะครับ ถือว่า Lava ทำได้ดีตรงจุดนี้


ส่วนของ Nubia ซิม 1 รองรับ 4G แต่ซิม 2 ยังได้แค่ 2G นะครับ ตรงจุดนี้ต้องยอม Lava เลย



ผมขอข้ามไปที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพเลยดีกว่า ผมว่าฟังก์ชั่นนี้น่าจะมีคนสนใจเป็นอันดับต้นๆเช่นกัน

> Camera Mode<
ผมได้ทำการถ่ายภาพเปรียบเทียบระหว่าง 2 รุ่นมาให้ชมกันด้านล่างเลยครับ
โหมดกล้องหลังปกติ



ภาพนี้จะเห็นว่าในที่แสงน้อยกล้องของ Lava จะถ่ายออกมาสว่างกว่า


ภาพนี้กล้อง Nubia จะดูคมๆกว่านะครับ


ส่วนตัวผมชอบกล้อง Lava ตอนถ่ายที่แสงน้อยแฮะ มันดูเคลียร์ดี



ภาพนี้สูสีครับ Nubia คมๆ Lava ใสดี


ภาพนี้ Lava สว่างไปนิดแฮะ


หลายๆรูปจะสังเกตว่า Nubia ยังทำผลงานในที่มืด แสงน้อยได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ





จากที่ถ่ายๆมาสักพักเห็นได้ชัดเลยครับว่า Lava จะสามารถเก็บรายละเอียดในที่แสงน้อยได้ดีกว่า ทำให้เห็นรายละเอียดของภาพได้ชัดกว่า Nubia ครับ

ส่วนโหมดกล้องหน้าเรียกว่าแข่งกันมาก คุณผู้หญิงน่าจะชอบกันเลย เพราะกล้องจะปรับให้ผิวขาว หน้าเรียว ตาโตขึ้นนิดหน่อยด้วยครับ แต่โดยรวมแล้วยังเป็นธรรมชาติอยู่นะ

ทั้งสองตัวนี้จะมีโหมดบิวตี้ เพิ่มความสวยทั้งคู่นะครับ
เพื่อเป็นการเห็นแก่มวลมนุษยชาติผมจะไม่รีวิวด้วยหน้าตัวเองก็แล้วกันนะครับ
วันนี้เลยยืมตัวเด็กข้างบ้านมาเป็นหนูทดลองให้หน่อย จ่ายค่าตัวเป็นอมยิ้ม 1 อัน



จากซ้ายไปขวา คือไม่ใส่แอพ ->ใส่ระดับกลาง->ใส่ระดับสูงสุด
ชื่อสินค้า:   nubia z11 mini , Lava A3
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่