ตอนนี้เราอยู่กรุงเทพมาได้สองเดือนแล้ว อาศัยอยู่กับเพื่อน มาได้เดือนกว่า เพื่อนก็ต้องคืนห้องเพราะกลับ ตจว. กับแม่ ส่วนเรา ไม่มีที่ให้กลับ เนื่องจากครอบครัวต่างก็แยกย้ายกันไปหมด หลังจากที่ตากับยายเราเสีย แม่เราก็อาศัยอยู่กับคนอื่น ไอ้จะไปขออยู่กับเค้า เค้าก็บอกไม่สะดวก เราขึ้นมากรุงเทพ ทำงานเก็บเงินมาได้ก้อนนึง (4000กว่าบาท) ก็ตั้งใจจะพาแม่มาอยู่ด้วย แต่ห้องใน กทม.ส่วนมากจะมีค่ามัดจำ เราเลยยังไม่ได้ห้องซักที เลยขออยู่กับเพื่อนไปก่อนจนวันที่เพื่อนจะกลับบ้าน เราเลยต้องออกมาอยู่เอง ชีวิตในกรุงเทพ กับเงิน 4000 ในกระเป๋า เริ่มหมดไปกับการกินใช้กับน้องของเราที่ก็ไม่มีที่อยู่เหมือนกัน เนื่องจากทางบ้าน ญาติเค้าขอให้น้องเราดูแลค่าเรียนด้วยตัวเอง น้องเลยไม่มีรายได้เลยจนเราเหลือเงิน อยู่ไม่กี่ร้อย เมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้เราและน้อง เดินมาถึงจุดที่ต้องนอนกันข้างถนน เรา้องไม่ได้มองว่าชีวิตในตอนนี้มันตกต่ำอะไรนัก แต่มันกลับทำให้เรา คนที่เคยมองโลกแง่เดียว ลองหันกลับมามองคนรอบข้าง คนไร้บ้าน มองความคิดที่เหมือนจะฉลาดแต่กลายเป็นอวดดีของตัวเอง มองฐิถิ ถ้าเราเอาเงิน4000เก็บไว้ อดทนอีกหน่อย หรือยอมคุยกับคนที่ให้เช่าห้อง ค่ามัดจำแค่5000 ห้องเล็กหน่อย ตอนนี้ก็คงมีที่ซุกหัวนอน ไม่ต้องมาเร่ร่อน แอบนอนบ้านคนอื่นแบบนี้ เรื่องราว1อาทิตย์ที่ผ่านมา มันยาวนานมาก สำหรับเรา เราเดินเท้าตั้งแต่ สนามหลวง ไปจน วงเวียนใหญ่ จนตอนนี้ชินกับมันไปแล้ว น้ำหนักลงไปเยอะเลย สิ่งเดียวที่เราคิดถึงในช่วงนี้ คือห้องนอน ห้องของป้าคนที่เราเคยคิดว่าเค้ารังเกรียจเรามาก แต่ตอนนี้เราคิดถึงแค่นั้น ทำงานไม่ได้เงินก็ได้ ขอแค่มีที่นอน ตอนนั้นไม่น่าบ่นเลยเน๊าะ เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ สวนสารธารณะ เราต้องไปแอบนอน ตอนกลางคืนต้องเดินไปเรื่อย มีคนแบบเราอีกมากเลย หลายๆคนโดนไล่ ช่วงที่ผ่านมานี้เราอาศัยสนามหลวงบ้าง แต่เราก็เข้าไปหาของกินข้างในไม่ค่อยได้เพราะเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย บางครั้งก็อาศัยนอนบนรถเมย์ สาย82 ไปถึงพระประแดงหรอ จำไม่ได้ เราอยากมีที่นอน ขอแค่พอนอนได้ เราอยากได้งานทำ เราไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว นั่งพิมไปก็ยังมีน้ำตารืนมามั่งนะ แต่จะร้องก็ร้องไม่ออก กับตัวมีโทรศัพท์อยู่1เครื่อง กับสายชาจร์ไม่ใช่ไม่เคยเอาไปขายนะ แต่มันตกรุ่นเคาไม่รับ อาศัยเน็ตฟรีบ้าง มีเงินเติมบ้างแก้เหงากันไป ถ้าใครมีงาน เราสู้งานนะ ขอมีที่พักให้เรา กับน้องเรา ซักเดือน1เราลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่ เราจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ เราอยู่กรุงเทพค่ะ ช่วงนี้นอนแถววงเวียน สถานีรถไฟ อาจจะคุยไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว หมดแรงค่ะ ขอบคุณพื้นที่นะคะ อยากระบาย อยากกอดใครซักคนแล้วนั่งร้องให้ เคยคิดอยากตายนะคะ แต่สงสารแม่ที่รออยู่ ตอนแรกก็โกหกแม่ว่ามีเงิน พอถึงทางตันก็ยอมรับกับแม่ค่ะ ว่าหมดแล้วหนทาง สิ่งที่แม่พูดมาคือ แม่ไม่รู้เงินคนพิการได้ตอนไหน น้านูเค้าดูให้ ถ้าเค้าเอามาให้แม่ แม่จะแบ่งไปให้ก่อนนะลูก แค่คำนี้แหละค่ะที่ทำให้เราน้ำตาตก ขอบคุณค่ะ ที่ให้เราระบาย
จากองค์หญิงในวังหลวง สู่ องค์หญิง ไร้บ้านไร้ช่องเร่ร่อนปากคลอง