สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน หลังจากที่ได้ฝังตัวและได้รับความรู้ นานาสาระจากการติดตามรีวิวต่างๆจากห้องนี้มาอย่างยาวนาน วันนี้ผมจึงขอตอบแทนด้วยการคลอดรีวิวแรกที่เป็นของตัวเองสักที เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์หรือแนวทางในการท่องเที่ยวของท่านที่สนใจต่อไปครับ
สำหรับทริปนี้ ผมพยายามออกแบบให้มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แต่ก็ยังคงไว้ตามสถานที่สำคัญๆ ถ้าหากพร้อมแล้วก็เตรียมตัวไปลุยกันเลยครับ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
แน่นอนว่า การจะได้ตั๋วเครื่องบินที่มีราคาถูก ก็ต้องอดใจรอโปรต่างๆ ประเภทลดถล่มทลาย ชนิดที่ว่าพี่วินมอเตอร์ไซด์ยังต้องตกกระป๋อง ครั้งนี้ผมคว้าตั๋วจากโปร Big Sale ของค่ายหางแดง จองกันข้ามปีกันไปเลยครับ แต่ราคาก็น่าคบหา รวมไป-กลับ ดอนเมือง-หาดใหญ่ ราคา 580 บาท/ท่าน (ไม่รวม Add-On) โดยเลือกหาวันที่มีไฟล์ทบินเที่ยวเช้า และให้ไปถึงปลายทางไม่ควรเกิน 08.00 น.ครับ เพื่อจะได้เดินทางต่อไปยังท่าเรือปากบารา และทันเรือเที่ยว 11.30 น. ครับ
ค่าใช้จ่ายรถตู้และเรือสปีดโบ๊ท
โดยส่วนตัวแล้วผมเลือกบริษัทฯทัวร์ที่ดูแลทั้งรถตู้และเรือสปีดโบ๊ทแบบครบวงจรทั้งไปและกลับครับ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทางและประหยัดพลังงานชีวิต ส่วนเรื่องราคาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอยอมรับได้ ซึ่งผมเองก็หาข้อมูลมาจากสมาชิกท่านหนึ่งที่เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านี้ครับ ขอยกเครดิตไว้ด้านล่างนี้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/35921578
ค่ารถตู้ และเรือสปีดโบ๊ท ไป-กลับ รวมแล้วอยู่ที่คนละ 1,200 บาทคร้าบบ (เรือพลอยสยาม)
เบอร์ติดต่อ : 0894662591, 0864880086 (ลุงยาวหรือป้าโฉม)
ค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักบนเกาะ
เรื่องที่พัก ผมเลือกแบบที่ไม่ติดทะเล แต่อยู่ใจกลางถนนคนเดิน ดังนั้นราคาจะไม่สูงมากครับ โดยจองไว้ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวไม่กี่เดือนเอง และช่วงนั้นทาง Traveloka ก็ใจดี แจกส่วนลด 40% เมื่อช่วงปลายปี (ลดสูงสุด 699 บาท) ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักได้อีกเยอะเลยครับ โดยผมเลือกพักที่ LIPE INN ครับ ได้น้ำดื่มวันละ 2 ขวดเล็ก และพี่เจ้าของก็ให้บริการเป็นอย่างดีครับ
ค่าทริปดำน้ำโซนนอก-โซนใน 1 วัน (เหมาลำ)
สำหรับทริปดำน้ำเป็นอะไรที่ประทับใจที่สุดแล้ว ผมเลือกที่จะเหมาลำเป็นการส่วนตัวแบบเรือหางยาว One Day Trip โซนนอก-โซนใน ราคา 2,000 บาท (ไม่รวมอาหารกลางวัน) ถึงแม้ว่าราคาจะสูงไปนิดนึงก็เถอะครับ แต่เราสามารถดำน้ำชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลนานแค่ไหนก็ได้ และเช่นเคย ผมก็ได้ข้อมูลของพี่ไกด์คนนี้มาจากกระทู้ในพันทิพนี่แหล่ะครับ เลยอยากรู้จักพี่แกมากขึ้น และ
พี่จิ ผู้กว้างขวางแห่งหลีเป๊ะ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆครับ ทั้งพาลุย ลาก หาจุดสวยๆ แนะนำการดำน้ำเชิงอนุรักษ์เพื่อไม่ให้ทำลายปะการัง ให้ความรู้เรื่องปะการังและปลาหลากหลายสายพันธุ์ และที่สำคัญคอยถามไถ่ใส่ใจลูกค้าของแกตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกับแกครับ แม้กระทั่งผมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังอุตส่าห์แชทมาหาด้วยความคิดถึง 55+
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/35022106
เบอร์ติดต่อ พี่จิ : 0869651425
ปล. พี่แกคิวแน่นมากนะครับ ถ้าสนใจต้องรีบติดต่อครับ และให้โทรช่วงเช้าๆหรือค่ำๆจะดีที่สุดครับ เพราะช่วงกลางวันพี่เค้าจะออกทริปดำน้ำครับ
สรุปค่าใช้จ่ายหลักๆ (ไม่รวมค่าอาหาร)
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ดอนเมือง-หาดใหญ่ = 580 บาทต่อคน
2. ค่ารถตู้ เรือสปีดโบ๊ท รับ-ส่ง = 1,200 บาทต่อคน
3. ค่าโรงแรม 2 คืน = 2,546.94 บาท
4. ค่าเหมาเรือดำน้ำโซนนอก-ใน = 2,000 บาท
เฉลี่ยต่อคน = 4,053.47 บาท
ส่วนค่าอาหารก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่านเลยครับ อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 80-150 บาทครับ น้ำดื่มก็แพงเช่นกันครับ ข้าวของบนเกาะหลีเป๊ะจะแพงกว่าบนฝั่งประมาณ 1.5-2 เท่าเลยครับ
....จบไปกับเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องความสวยงามของหลีเป๊ะ ขออนุญาติมาเล่าต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ....
ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม ที่เหลือก็เตรียมจัดกระเป๋าสิครับ แล้วออกเดินทางกัน ลุย
DAY 1
มุ่งหน้าสู่สนามบินหาดใหญ่ด้วยสายการบินหางแดง พอลงเครื่องสักพัก พนักงานขับรถตู้ที่ได้จองไว้ตามด้านบนก็โทรมานัดหมายเวลาและจุดขึ้นรถ จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูลครับ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. กับ 15 นาทีโดยประมาณครับ ระหว่างทางจะมีจุดจอดที่ปั๊มก่อนถึงท่าเรือ เพื่อให้เตรียมซื้อเสบียงตุนไว้ใช้บนเกาะครับ เมื่อถึงท่าเรือแล้วก็รีบไปเช็คอินเพื่อเตรียมตัวขึ้นเรือเที่ยว 11.30 น. ครับซึ่งจะแวะเกาะตะรุเตาและเกาะไข่ด้วย
เรือพลอยสยาม เค้าคัดหน้าตามาเป็นพนักงานด้วยนะเออ!!!
Next Station อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เสียค่าเข้าชมอุทยานคนละ 40 บาทนะครับ และไม่ต้องเสียเพิ่มเติมเมื่อถึงหลีเป๊ะแล้วครับ แต่เก็บบัตรไว้ดีๆนะครับ และสำหรับโปรแกรมดำน้ำก็จะต้องใช้มันอีกครับ ถ้าหากได้แวะที่เกาะหินงามและหาดทรายขาว
และที่ขาดไม่ไปเสียไม่ได้ นั่นคือเกาะไข่นั่นเองครับ มีซุ้มให้ลอดด้วย เป็นความเชื่อทางเรื่องความรักครับ คล้ายๆกับลอดท้องช้างนั่นเอง ใครที่ไปกับแฟนต้องไปลอดให้ได้เลยครับ ไม่อย่างนั้นทริปที่แพลนกันมาทั้งหมดอาจจะต้องล่มสลาย เพราะต้องสละเวลาทั้งหมดมาง้อคุณแฟนนะขอรับ 55+
ดูหาดทรายและพื้นน้ำกันเสียหน่อย ใสมากๆๆๆๆๆๆ
เวลาไม่นานก็เดินทางต่อจนถึงเกาะหลีเป๊ะครับ โดยเรือจะจอดที่หน้าหาดบันดาหยาเลยครับ แล้วเราก็เดินเท้าไปตาม walking street เพื่อเช็คอินเข้าห้องพัก ช่วงเย็นๆ พี่จิ ผู้กว้างขวางแห่งหลีเป๊ะ ก็โทรมาเพื่อทำการนัดเวลาและสถานที่นัดพบเพื่อออกทริปดำน้ำในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับแจ้งพยากรณ์อากาศของวันพรุ่งนี้ว่าสภาพอากาศเป็นใจ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หลังจากนั้นเราก็ออกเดินสำรวจ Walking Street และหาข้าวเย็นรับประทานครับ แล้วก็เดินย่อยต่อที่หาดบันดาหยา
มีโชว์ควงไฟด้วย ดูแล้วก็อย่าลืมหยิบเงินใส่ Tip Box ให้ด้วยนะครับ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพี่ๆครับ
DAY 2
เวลา 9 โมง ทุกอย่างพร้อมสำหรับทริปดำน้ำ โซนนอก-โซนใน สภาพอากาศ ท้องฟ้าปลอดโปร่งตามพยากรณ์อากาศจริงๆ
พี่จิพาเราออกเดินทางด้วยเรือหางยาวคู่ใจ ที่มีชื่อว่า ปิกาซัส จุดแรกเราจะบุกที่หาดหินงามก่อน อย่าลืมพกบัตรเข้าอุทยานเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ
จากนั้น พี่จิก็แล่นเรือพาเรามาแวะเกาะยาง เพื่อดำน้ำดูปะการังจุดแรก ทอดสมอ จอดเรือเสร็จ พี่แกก็จัดแจงเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้ และกระโดดตูมลงน้ำพร้อมห่วงยางเพื่อลากพวกเราไปชมปะการังตามจุดต่างๆครับ
จบจากจุดแรก ก็แล่นเรือต่อไปพักรับประทานอาหารกลางวันที่หาดทรายขาว ซึ่งที่นี่ก็ต้องแสดงบัตรเข้าอุทยานเช่นกันนะครับ และมีร้านค้าไว้คอยบริการอาหาร เครื่องดื่มด้วยครับ กินเสร็จก็มาแกว่งชิงช้าริมหาดเล่นๆ 55+
กินอิ่มแล้วไปต่อกันที่ เกาะราวี จุดนี้มีปะการังเยอะแยะ แถมถ้าโชคดีอาจจะได้เจอนีโม่เพื่อนยากด้วยนะครับ
ต่ออีกจุด ที่เกาะดง ศูนย์รวมของปะการังเพลิง แล้วก็ย้อนกลับมาดูเกาะหินซ้อน ที่แสนอัศจรรย์
แล้วพี่จิก็พาแวะ ที่เกาะรอกลอย แต่ท้องฟ้าที่เห็นเปลี่ยนไปจากเมื่อเช้าเป็นอย่างมาก มันช่างดูน่ากลัวจริงๆ ผมจึงถามพี่จิไปว่า แล้วเราจะไปต่อได้หรือไม่ครับพี่ พี่แกก็ตอบว่าพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน 55+ เอาไงก็เอากันครับ ในที่สุดก็ลุยฝ่าสายฝนอันโปรยปราย และคลื่นลมที่แปรปรวน เรือโคลงเคลงอย่างหนัก แต่สุดท้ายด้วยฝีมือการบังคับเรือของพี่จิ ก็พาเรากลับมาจนได้
จุดนี้ ไม่ได้แวะถือว่าพลาดเลยครับ ร่องน้ำจาบัง สวยสดงดงาม แต่เสียดายน้ำค่อนข้างขุ่นเนื่องจากฝนที่กระหน่ำลงมา และกระแสน้ำเชี่ยวมากๆครับ
และจุดสุดท้าย บริเวณหลังเกาะหินงาม ครับ ปะการังคล้ายๆกับ เกาะดงครับ
DAY 3
เตรียมตัวกลับด้วยเรือพลอยสยามเหมือนเดิมครับ รอบ 11.00 น. ถึงท่าเรือปากบาราก็คอยรถตู้เพื่อไปส่งที่สนามบินหาดใหญ่ และเดินทางกลับสู่กทม. โดยสวัสดิภาพครับ
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ
[CR] ไปเอาหัวจุ่มน้ำกันดีกว่า @ หลีเป๊ะ, สตูล
แน่นอนว่า การจะได้ตั๋วเครื่องบินที่มีราคาถูก ก็ต้องอดใจรอโปรต่างๆ ประเภทลดถล่มทลาย ชนิดที่ว่าพี่วินมอเตอร์ไซด์ยังต้องตกกระป๋อง ครั้งนี้ผมคว้าตั๋วจากโปร Big Sale ของค่ายหางแดง จองกันข้ามปีกันไปเลยครับ แต่ราคาก็น่าคบหา รวมไป-กลับ ดอนเมือง-หาดใหญ่ ราคา 580 บาท/ท่าน (ไม่รวม Add-On) โดยเลือกหาวันที่มีไฟล์ทบินเที่ยวเช้า และให้ไปถึงปลายทางไม่ควรเกิน 08.00 น.ครับ เพื่อจะได้เดินทางต่อไปยังท่าเรือปากบารา และทันเรือเที่ยว 11.30 น. ครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมเลือกบริษัทฯทัวร์ที่ดูแลทั้งรถตู้และเรือสปีดโบ๊ทแบบครบวงจรทั้งไปและกลับครับ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทางและประหยัดพลังงานชีวิต ส่วนเรื่องราคาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอยอมรับได้ ซึ่งผมเองก็หาข้อมูลมาจากสมาชิกท่านหนึ่งที่เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านี้ครับ ขอยกเครดิตไว้ด้านล่างนี้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ค่ารถตู้ และเรือสปีดโบ๊ท ไป-กลับ รวมแล้วอยู่ที่คนละ 1,200 บาทคร้าบบ (เรือพลอยสยาม)
เบอร์ติดต่อ : 0894662591, 0864880086 (ลุงยาวหรือป้าโฉม)
เรื่องที่พัก ผมเลือกแบบที่ไม่ติดทะเล แต่อยู่ใจกลางถนนคนเดิน ดังนั้นราคาจะไม่สูงมากครับ โดยจองไว้ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวไม่กี่เดือนเอง และช่วงนั้นทาง Traveloka ก็ใจดี แจกส่วนลด 40% เมื่อช่วงปลายปี (ลดสูงสุด 699 บาท) ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักได้อีกเยอะเลยครับ โดยผมเลือกพักที่ LIPE INN ครับ ได้น้ำดื่มวันละ 2 ขวดเล็ก และพี่เจ้าของก็ให้บริการเป็นอย่างดีครับ
สำหรับทริปดำน้ำเป็นอะไรที่ประทับใจที่สุดแล้ว ผมเลือกที่จะเหมาลำเป็นการส่วนตัวแบบเรือหางยาว One Day Trip โซนนอก-โซนใน ราคา 2,000 บาท (ไม่รวมอาหารกลางวัน) ถึงแม้ว่าราคาจะสูงไปนิดนึงก็เถอะครับ แต่เราสามารถดำน้ำชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลนานแค่ไหนก็ได้ และเช่นเคย ผมก็ได้ข้อมูลของพี่ไกด์คนนี้มาจากกระทู้ในพันทิพนี่แหล่ะครับ เลยอยากรู้จักพี่แกมากขึ้น และพี่จิ ผู้กว้างขวางแห่งหลีเป๊ะ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆครับ ทั้งพาลุย ลาก หาจุดสวยๆ แนะนำการดำน้ำเชิงอนุรักษ์เพื่อไม่ให้ทำลายปะการัง ให้ความรู้เรื่องปะการังและปลาหลากหลายสายพันธุ์ และที่สำคัญคอยถามไถ่ใส่ใจลูกค้าของแกตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกับแกครับ แม้กระทั่งผมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังอุตส่าห์แชทมาหาด้วยความคิดถึง 55+
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เบอร์ติดต่อ พี่จิ : 0869651425
ปล. พี่แกคิวแน่นมากนะครับ ถ้าสนใจต้องรีบติดต่อครับ และให้โทรช่วงเช้าๆหรือค่ำๆจะดีที่สุดครับ เพราะช่วงกลางวันพี่เค้าจะออกทริปดำน้ำครับ
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ดอนเมือง-หาดใหญ่ = 580 บาทต่อคน
2. ค่ารถตู้ เรือสปีดโบ๊ท รับ-ส่ง = 1,200 บาทต่อคน
3. ค่าโรงแรม 2 คืน = 2,546.94 บาท
4. ค่าเหมาเรือดำน้ำโซนนอก-ใน = 2,000 บาท
ส่วนค่าอาหารก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่านเลยครับ อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 80-150 บาทครับ น้ำดื่มก็แพงเช่นกันครับ ข้าวของบนเกาะหลีเป๊ะจะแพงกว่าบนฝั่งประมาณ 1.5-2 เท่าเลยครับ
....จบไปกับเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องความสวยงามของหลีเป๊ะ ขออนุญาติมาเล่าต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ....
ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม ที่เหลือก็เตรียมจัดกระเป๋าสิครับ แล้วออกเดินทางกัน ลุย
มุ่งหน้าสู่สนามบินหาดใหญ่ด้วยสายการบินหางแดง พอลงเครื่องสักพัก พนักงานขับรถตู้ที่ได้จองไว้ตามด้านบนก็โทรมานัดหมายเวลาและจุดขึ้นรถ จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูลครับ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. กับ 15 นาทีโดยประมาณครับ ระหว่างทางจะมีจุดจอดที่ปั๊มก่อนถึงท่าเรือ เพื่อให้เตรียมซื้อเสบียงตุนไว้ใช้บนเกาะครับ เมื่อถึงท่าเรือแล้วก็รีบไปเช็คอินเพื่อเตรียมตัวขึ้นเรือเที่ยว 11.30 น. ครับซึ่งจะแวะเกาะตะรุเตาและเกาะไข่ด้วย
เรือพลอยสยาม เค้าคัดหน้าตามาเป็นพนักงานด้วยนะเออ!!!
Next Station อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เสียค่าเข้าชมอุทยานคนละ 40 บาทนะครับ และไม่ต้องเสียเพิ่มเติมเมื่อถึงหลีเป๊ะแล้วครับ แต่เก็บบัตรไว้ดีๆนะครับ และสำหรับโปรแกรมดำน้ำก็จะต้องใช้มันอีกครับ ถ้าหากได้แวะที่เกาะหินงามและหาดทรายขาว
และที่ขาดไม่ไปเสียไม่ได้ นั่นคือเกาะไข่นั่นเองครับ มีซุ้มให้ลอดด้วย เป็นความเชื่อทางเรื่องความรักครับ คล้ายๆกับลอดท้องช้างนั่นเอง ใครที่ไปกับแฟนต้องไปลอดให้ได้เลยครับ ไม่อย่างนั้นทริปที่แพลนกันมาทั้งหมดอาจจะต้องล่มสลาย เพราะต้องสละเวลาทั้งหมดมาง้อคุณแฟนนะขอรับ 55+
ดูหาดทรายและพื้นน้ำกันเสียหน่อย ใสมากๆๆๆๆๆๆ
เวลาไม่นานก็เดินทางต่อจนถึงเกาะหลีเป๊ะครับ โดยเรือจะจอดที่หน้าหาดบันดาหยาเลยครับ แล้วเราก็เดินเท้าไปตาม walking street เพื่อเช็คอินเข้าห้องพัก ช่วงเย็นๆ พี่จิ ผู้กว้างขวางแห่งหลีเป๊ะ ก็โทรมาเพื่อทำการนัดเวลาและสถานที่นัดพบเพื่อออกทริปดำน้ำในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับแจ้งพยากรณ์อากาศของวันพรุ่งนี้ว่าสภาพอากาศเป็นใจ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หลังจากนั้นเราก็ออกเดินสำรวจ Walking Street และหาข้าวเย็นรับประทานครับ แล้วก็เดินย่อยต่อที่หาดบันดาหยา
มีโชว์ควงไฟด้วย ดูแล้วก็อย่าลืมหยิบเงินใส่ Tip Box ให้ด้วยนะครับ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพี่ๆครับ
เวลา 9 โมง ทุกอย่างพร้อมสำหรับทริปดำน้ำ โซนนอก-โซนใน สภาพอากาศ ท้องฟ้าปลอดโปร่งตามพยากรณ์อากาศจริงๆ
พี่จิพาเราออกเดินทางด้วยเรือหางยาวคู่ใจ ที่มีชื่อว่า ปิกาซัส จุดแรกเราจะบุกที่หาดหินงามก่อน อย่าลืมพกบัตรเข้าอุทยานเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ
จากนั้น พี่จิก็แล่นเรือพาเรามาแวะเกาะยาง เพื่อดำน้ำดูปะการังจุดแรก ทอดสมอ จอดเรือเสร็จ พี่แกก็จัดแจงเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้ และกระโดดตูมลงน้ำพร้อมห่วงยางเพื่อลากพวกเราไปชมปะการังตามจุดต่างๆครับ
จบจากจุดแรก ก็แล่นเรือต่อไปพักรับประทานอาหารกลางวันที่หาดทรายขาว ซึ่งที่นี่ก็ต้องแสดงบัตรเข้าอุทยานเช่นกันนะครับ และมีร้านค้าไว้คอยบริการอาหาร เครื่องดื่มด้วยครับ กินเสร็จก็มาแกว่งชิงช้าริมหาดเล่นๆ 55+
กินอิ่มแล้วไปต่อกันที่ เกาะราวี จุดนี้มีปะการังเยอะแยะ แถมถ้าโชคดีอาจจะได้เจอนีโม่เพื่อนยากด้วยนะครับ
ต่ออีกจุด ที่เกาะดง ศูนย์รวมของปะการังเพลิง แล้วก็ย้อนกลับมาดูเกาะหินซ้อน ที่แสนอัศจรรย์
แล้วพี่จิก็พาแวะ ที่เกาะรอกลอย แต่ท้องฟ้าที่เห็นเปลี่ยนไปจากเมื่อเช้าเป็นอย่างมาก มันช่างดูน่ากลัวจริงๆ ผมจึงถามพี่จิไปว่า แล้วเราจะไปต่อได้หรือไม่ครับพี่ พี่แกก็ตอบว่าพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน 55+ เอาไงก็เอากันครับ ในที่สุดก็ลุยฝ่าสายฝนอันโปรยปราย และคลื่นลมที่แปรปรวน เรือโคลงเคลงอย่างหนัก แต่สุดท้ายด้วยฝีมือการบังคับเรือของพี่จิ ก็พาเรากลับมาจนได้
จุดนี้ ไม่ได้แวะถือว่าพลาดเลยครับ ร่องน้ำจาบัง สวยสดงดงาม แต่เสียดายน้ำค่อนข้างขุ่นเนื่องจากฝนที่กระหน่ำลงมา และกระแสน้ำเชี่ยวมากๆครับ
และจุดสุดท้าย บริเวณหลังเกาะหินงาม ครับ ปะการังคล้ายๆกับ เกาะดงครับ
DAY 3
เตรียมตัวกลับด้วยเรือพลอยสยามเหมือนเดิมครับ รอบ 11.00 น. ถึงท่าเรือปากบาราก็คอยรถตู้เพื่อไปส่งที่สนามบินหาดใหญ่ และเดินทางกลับสู่กทม. โดยสวัสดิภาพครับ
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ