กระทู้นี้เป็นกระทู้เฉพาะกิจจากการตามล่าหาแสงเหนือช่วง 10 - 17 มี.ค. จริงๆเป็นการแชร์ประสบการณ์และเรื่องที่หลายๆคนอาจยังไม่รู้ แต่อาจไม่ค่อยมีคนพูดถึงในนี้มากนักเผื่อมีคนสนใจเดินทางไปบ้าง จะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนเรา
คำเตือน กระทู้นี้ไม่ได้เน้นภาพถ่ายเพราะเรายังเป็นมือใหม่ไก่กา และมีกระทู้เทพท่านอื่นๆได้ทำไว้เป็นอย่างดีแล้ว
เคร...พร้อมแล้ว...ไปค่ะ
- ความพร้อมทางการเงิน.....ข้อนี้สำคัญที่สุด เพราะค่าครองชีพมันแพง....แพงมากๆๆ แพงขนาดที่ น้ำเปล่า 500 cc + น้ำอัดลมขวดเล็ก + ไอติมถ้วยเล็ก + ขนมสักถุง เกือบพันบาทจ้า
- กระเป๋าเดินทางควรเป็น hard case มา เชื่อเหอะมันจำเป็น ถ้าไม่อยากให้ของในกระเป๋าเปียก เว้นแต่จะเป็นทริปไฮโซ มีราชรถมาเกยถึงหน้าประตู
- จงสำรวจล้อกระเป๋า!! ต้องมั่นใจว่าเป็นรุ่นอึดถึกทนทาน ล้อหลุดระหว่างทาง...ชีวิตจะป่วงมาก
- ใครฝันจะไปพัก rorbuer บ้านแดงๆนั่นแหละ ลองเช็ครายละเอียดบ้านสักนิดว่าเป็นบ้านชั้นเดียวหรือเปล่า เพราะของเรามันเป็นสองชั้นจ้า การฉุดกระชากลากถูกระเป๋าหนัก 20 โล ขึ้นบันไดกว้าง 60 ซม เป็นอะไรที่ไม่สนุกสุดๆ จะให้ดีมีกระเป๋าใบเล็กๆแบ่งแต่ของที่จำเป็นออกไปจะทำให้โลกนี้งดงามขึ้น 🌈
- ครีมทาหน้าส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของน้ำ ห้าม!!! ทาแล้วออกจากที่พักเลยเพราะว่ามันแข็งคาหนังหน้า แม้แต่หนังหน้าหนาๆก้อสามารถแหกแห้งร่วงร่อนกร่อนเป็นผงกันเป็นแถบๆ จะให้ดีควรทาล่วงหน้าสัก 30 นาที (ข้อนี้อ้างอิงมาจากเภสัชที่นอร์เวย์ ผิดถูกไงมิรู้ แต่พี่เชื่อคนง่าย เพราะเข้าไปถามหาครีมลดแหกเนี่ยแหละ

)
- เสื้อผ้า...ชุดข้างในจะใส่อะไรก้อใส่เหอะ ขอให้อุ่นเป็นพอ สุดท้ายถ่ายรูปมาก้อเห็นแค่เสื้อกันหนาวตัวเดิมๆ
- เสื้อผ้าควรใส่เป็น layer ตอนร้อนจะได้ถอดได้ แต่ที่เจอมีแต่หนาว...อยากจะได้เพิ่มอีกสักชั้นสองชั้น บรื๋อออออ
- เสื้อกันหนาวตัวนอก จะขนวัวขนควาย หรือขนเป็ดขนห่านก้อตามอัธยาศัย แต่ไอ้พวกขนๆด้านนอกฟูฟ่องสวยเกร๋ ดูมีสไตล์หลุดมาจากแคทวอล์คนั้นไซร้ เมื่อเจอฝนและหิมะ...ดูไม่จืดพูดเลย และไม่แห้งด้วย จะให้ดีเลือกเสื้อกันน้ำกันลมด้วยน่าจะดีกว่ามาก
- รองเท้า....สำคัญมาก นอกจากต้องการความอุ่นตรีนแล้ว ส่วนตัวมองว่าจำเป็นมากที่จะกันน้ำได้ หุ้มข้อได้ยิ่งดี เพราะที่พักหลายๆที่ตามเมืองเล็กๆ ไม่เกลี่ยไม่กวาดพื้นใดๆ
- ดอกยางรองเท้าก้อสำคัญเช่นกัน บู๊ทส้นสูง ส้นเข็มเอามาได้ แต่ฝึกท่าล้มสวยๆได้เลย หากคิดว่าไม่ไหวใจไม่สู้ ไปหาซื้อ spike มาติดรองเท้าได้ มีขาย
- คติที่ว่าเดินตามผู้ใหญ่มาไม่กัดยังใช้ได้ดีเสมอ หากต้องปีนเขา หรือเดินบนทางหิมะ/น้ำแข็ง มองหารอยเท้าคนก่อนหน้า ย่ำไปตามนั้นมักปลอดภัยกว่าบุกเบิกทางเอง อย่างน้อยก้อไม่จมหิมะครึ่งแข้งแน่นอน
- สติจากการเดินจงกรมมีประโยชน์มากตอนเดินบนแผ่นน้ำแข็ง ค่อยๆเดิน...ยุบหนอ...พองหนอ...ก้นจ้ำเบ้าหนอ
- ป้ายทุกสถานที่ไม่มีภาษาอังกฤษ แต่บางคำก้อพอเดาได้ แต่ส่วนใหญ่ งง!!
- คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดี ไม่รู้อะไรถามโลด
- ร้านอาหารหาไม่ยากไม่ง่าย แต่มักเปิดปิดเป็นเวลา เช็คล่วงหน้าก่อนจะดีมาก
- ร้านส่วนใหญ่ขายอาหารประเภทปลา ดังนั้นอย่ากระแดะสั่งเนื้อสเต๊ก เพราะรสชาดจะเหมือนกินไม้กระดาน พี่โดนมาแล้ว
- หากมาเที่ยวเองตามชนบท เช่ารถขับเป็นทางเลือกที่สะดวกและดี
- รถเป็นพวงมาลัยด้านซ้าย คนไม่เคยอาจรู้สึกฝืนๆขืนอารยธรรมไทยเบาๆ
- Speed limit ดูจะไม่ค่อยมีความหมายสำหรับทั้ง Lofoten Islands และ Tromsø เห็นเขียนไว้ตั้งแต่ 50 - 70 km/hr แต่เมื่อเราขับตามนั้น ไม่โดนแซง ก้อจะถูกกดดันจากคันหลังด้วยสายตามองบน
- ห้องน้ำที่นี่ หากเห็นฝาปิดอยู่ อย่าเพิ่งตกใจ ส่วนใหญ่มักสะอาด ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอชักโครกผ่านสมรภูมิอันโชกโชนแต่อย่างใด
- ไม่ต้องมองหาสายชำระ เพราะมันไม่มี
- ห้องน้ำสาธารณะมีไม่มากนัก บางที่ต้องใช้บัตรเครดิตในการรูดเพื่อเปิดเข้าไป บางที่มีไว้ แต่ประตูล๊อคแจ้....ดังนั้น...จงทำธุระหนักเบาให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
- พื้นห้องน้ำในหลายโรงแรมมีอุ่นทิพย์ (heater ที่พื้นห้องน้ำ) เดินสบายเท้า แต่ชักโครกนี่เย็นสะท้านตรูดมาก
- ถ้าเป็นคนสวยเลือกได้ จงไปตามหาแสงเหนือช่วงข้างแรม เผื่อ KP ต่ำมากๆ จะได้ไม่ถูกแสงจันทร์กลบหมด
- หากวางแผนตามล่าแสงเหนือทั้งคืน สิ่งที่ควรมีติดตัวคือ ไฟฉาย ขนมกรุบกริบแก้หิว และเสื้อผ้าที่อบอุ่นพอ และอย่าดื่มน้ำเยอะ เพราะการล่าแสงเหนือต้องไปที่มืดๆ และที่ที่ว่าบางทีไม่มีห้องน้ำ มันจะทรมาน...มากกกก
- โหลดซะ App NorwayLights ไว้คอยเช็คว่าช่วงเวลาไหนมันน่าจะมีแสงเหนือ มันตรงใช้ได้เลยแหละ ถ้ามันบอกไม่มี ไม่ต้องแหกขี้ตา ชะเง้อหน้ามองท้องฟ้า...เล่นเกมซ่อนตาดำไปเลย
- จงสร้างความแข็งแรงของร่างกายมาให้พร้อม ทุกวันคือร่างแหลก ต้องปีนเขา ตะกายหิน ตกหินตอนตะกายถ่ายรูปริมทะเล และเดินๆๆ
Lofoten Islands

- ชื่อก้อบอกอยู่แล้วว่าเป็นเกาะ อย่าถูกหลอกด้วย forecast ที่เห็นว่าอุณหภูมิไม่ติดลบ แต่เจอลมทะเล feel like นี่สะท้านม้าม แข็งไปถึงมดลูก
- เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่ แต่มันยาวววววจ้า จะไปไหนทีต้องวางแผนดี ไม่งั้นได้ผ่านไปมาทุกเมืองเหมือนเดินสวนสนาม...เสียเวลามาก
- อุตสาหกรรมหลักบนเกาะเป็นการประมง มีการตากปลาแยกหัว แยกตัวทั่วทั้งเกาะ กลิ่นปลาคละคลุ้งไปทั่วๆก้อเช่นกัน
- มีการแปรรูปอาหารจากปลา ทำออกมาหน้าตาเป็นแผ่นๆ นึกถึงปลาหมึกแผ่นที่มาขายหน้าผับ จิ้มน้ำจิ้มไก่ ราคามหาโหดมาก และรสชาด....ห_าไม่แดรก แต่ถ้าอยากลองของแปลกแบบโลคัล...จงลอง หาซองเล็กๆพอ ทิ้งจะได้ไม่เสียดาย
- ตอนมามั่นใจว่าแสงเหนือตูมตามเป็นโกโก้ครั้นช์แน่นอน เพราะเป็นช่วงพีคสุดของปี และคนมาก่อนหน้าอาทิตย์เดียว เจอกันแบบจังๆทุกคืน...แต่ตอนเรามาเอง แม้แต่แสงพระอาทิตย์ขึ้นก้อไม่ได้เห็น ที่เจอเต็มๆคือฝน หิมะ และหมอกสี่วันรวด....แสงเหนือหรอ...เจอแต่ติ่งแสงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
อยู่ 3 คืนได้เท่านี้จริงๆ T.T
- ถนนมีเส้นหลักเส้นเดียว คือ E10 ไปมันทั้งเกาะ จะมีถนนย่อยๆแยกเข้าไปตามจุดต่างๆ
- ถนนเป็นเลนสวน ไม่มีเส้นกลาง
- ถนนย่อยส่วนมากเรียกได้ว่ามี 1 เลน หรือ 1.5 เลน จะสวนแต่ละทีต้องแบ่งๆกันไป จะมี curve ให้เข้าไปหลบเป็นช่วงๆ
- Curve ที่ว่ามาเมื่อกี๊ มีประโยชน์อีกอย่างคือ มักเป็นจุดให้แวะถ่ายรูป
- คิดจะขับรถบนเกาะนี้หน้าหนาว ต้องมี skill พอตัว ห้ามขี้ตกใจ เดี๋ยวจะตกถนน เพราะทางส่วนใหญ่เป็นถนนเลียบเขา ประมาณซ้ายเขา ขวาทะเล
- ถนนเส้นหลักหลังหิมะตก จะมีรถมาเคลียร์ทางอย่างรวดเร็ว แต่ถนนย่อยนั้นแล้ว...รถเก๋งสี่ล้อ ก้อแปลงร่างเป็นโฟร์วีลปีนน้ำแข็งไส
- ที่รู้สึกทึ่งสุดๆคือ การเจาะอุโมงค์ลอดเขาทำเป็นถนนทั่วทั้งเกาะ และมีการวางโทรศัพท์ฉุกเฉินแทบจะทุก 200 เมตร ในอุโมงค์หลักๆ
- หากไม่ได้วางแผนการขับรถ ขับเล่นไปเล่นมา ผ่านไป4 วัน เจอไป 6xx กม. - -' (ส่วนใหญ่มี limit ที่ 400km ถ้าเกินกว่านั้นโดนชาร์ตอ่วมอรทัย)
Tromsø

- เมืองใหญ่ (กว่าที่คิด) มากกก
- มีประชากรอยู่หนาแน่นกว่า Lofoten เยอะเลย
- ถนนขับรถยากกว่ามากตามประสาเมืองใหญ่
- บางช่วงตึกมีช่องระหว่างตึกมีรถเข้าออกตลอด (นึกถึงตึกแถวบ้านเราแต่มีช่องระหว่างตึกให้เข้าไปจอดด้านหลัง) แต่เปล่าเลย...มันคือทางทะลุเข้าอุโมงค์มุดทะลุไปอีกเกาะได้
- เป็นเมืองที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือกว่า Lofoten (เค้าบอกว่า) แม้ KP0 ในวันที่ฟ้าโปร่ง ก้อสามารถมองเห็น
- อยากลองอาหารท้องถิ่น (อีกแล้ว) ไม่เข็ด เจอสเต๊กเรนเดียร์ กับสเต๊กปลาวาฬเข้าไป ยอมแพ้ขยาดกับอาหารไปเป็นวัน....ยอมแล้วจ้า 🤢🤢🤢
- จุดถ่ายรูปที่ไปเก็บแสงเหนือมาคือ ทางไป Sommarøy ก่อนถึงสะพาน


- อีกจุดที่คิดว่าดีมากๆคือ ทางไป Belvika จะเจออุโมงค์ อย่าเข้าไป จะมีทางเบี่ยงไปที่จอดรถทางด้านซ้ายมือ ไปตามทางนั้นเลยจ้า ถ้าจอดรถที่สุดลาน เดินตรงลุยหิมะเข้าไปเลยสัก 200 เมตร จะได้วิวไกลๆเป็นช่องระหว่างเขาสองลูก และทะเล สวยมากกก แต่แสงเหนือเกิดทิศนั้นหรือเปล่านี่ไม่รับประกัน ตอนเราไปเกือบตีสามแหล่วแสงเหนือที่เหลือตรงนั้นมันเลือนลางและจางหาย...ความรักของเราก้อเช่นกัน...เฮ้ย!! ไปไหน กลับมา
สรุป
- บินตรงจากกรุงเทพโดยป้าเอื้องลงออสโล ต่อเครื่องในประเทศไป Svolvær โดย transit ที่ Bodo
- พักที่ Lofoten Islands 3 คืน เห็นแสงเหนือ อยู่ ครึ่ง ชม. (หลังจากไปรอเกือบสามชม.) แค่คืนเดียว นอกนั้น เมฆ/ฝน/ลม/หิมะ อะไรที่เราไม่อยากเจอนั่นแหละมาเต็มแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ
- เดินทางต่อไป Tromsø โดยเรือของ Hertigruten ก้อนอนมันบนนั้นแหละเพราะมันเป็น cruise ตอนนอนๆอยู่ถ้ามีแสงเหนือ เค้าจะมี intercom มาบอกถึงในห้องด้วยนะเอ้อ สะดวกไปอีก...แต่แน่นอน...คนดวงดีอย่างเราต้องไม่เจอ นอนยาวววววไปค่ะ
- สองคืนสุดท้ายอยู่ Tromsø คืนแรก forecast มาเลย ได้เห็นแน่นอน 97% ออกตามล่าสิคะ...รออะไร...กลับมาตีสามอย่างกับเพิ่งกลับจากผับ คืนสุดท้ายเราละไว้...ไม่ต้องพูดถึงมัน...จบนะ
ฝากติดตาม page จ้าา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.instagram.com/eaterylife/
https://www.facebook.com/klingpaikin/
บันทึก Trip Norway ตามล่าหาแสงเหนือฤดูหนาวช่วงมีค. ฝนหิมะเมฆ มาเต็ม
กระทู้นี้เป็นกระทู้เฉพาะกิจจากการตามล่าหาแสงเหนือช่วง 10 - 17 มี.ค. จริงๆเป็นการแชร์ประสบการณ์และเรื่องที่หลายๆคนอาจยังไม่รู้ แต่อาจไม่ค่อยมีคนพูดถึงในนี้มากนักเผื่อมีคนสนใจเดินทางไปบ้าง จะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนเรา
คำเตือน กระทู้นี้ไม่ได้เน้นภาพถ่ายเพราะเรายังเป็นมือใหม่ไก่กา และมีกระทู้เทพท่านอื่นๆได้ทำไว้เป็นอย่างดีแล้ว
เคร...พร้อมแล้ว...ไปค่ะ
- ความพร้อมทางการเงิน.....ข้อนี้สำคัญที่สุด เพราะค่าครองชีพมันแพง....แพงมากๆๆ แพงขนาดที่ น้ำเปล่า 500 cc + น้ำอัดลมขวดเล็ก + ไอติมถ้วยเล็ก + ขนมสักถุง เกือบพันบาทจ้า
- กระเป๋าเดินทางควรเป็น hard case มา เชื่อเหอะมันจำเป็น ถ้าไม่อยากให้ของในกระเป๋าเปียก เว้นแต่จะเป็นทริปไฮโซ มีราชรถมาเกยถึงหน้าประตู
- จงสำรวจล้อกระเป๋า!! ต้องมั่นใจว่าเป็นรุ่นอึดถึกทนทาน ล้อหลุดระหว่างทาง...ชีวิตจะป่วงมาก
- ใครฝันจะไปพัก rorbuer บ้านแดงๆนั่นแหละ ลองเช็ครายละเอียดบ้านสักนิดว่าเป็นบ้านชั้นเดียวหรือเปล่า เพราะของเรามันเป็นสองชั้นจ้า การฉุดกระชากลากถูกระเป๋าหนัก 20 โล ขึ้นบันไดกว้าง 60 ซม เป็นอะไรที่ไม่สนุกสุดๆ จะให้ดีมีกระเป๋าใบเล็กๆแบ่งแต่ของที่จำเป็นออกไปจะทำให้โลกนี้งดงามขึ้น 🌈
- ครีมทาหน้าส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของน้ำ ห้าม!!! ทาแล้วออกจากที่พักเลยเพราะว่ามันแข็งคาหนังหน้า แม้แต่หนังหน้าหนาๆก้อสามารถแหกแห้งร่วงร่อนกร่อนเป็นผงกันเป็นแถบๆ จะให้ดีควรทาล่วงหน้าสัก 30 นาที (ข้อนี้อ้างอิงมาจากเภสัชที่นอร์เวย์ ผิดถูกไงมิรู้ แต่พี่เชื่อคนง่าย เพราะเข้าไปถามหาครีมลดแหกเนี่ยแหละ
- เสื้อผ้า...ชุดข้างในจะใส่อะไรก้อใส่เหอะ ขอให้อุ่นเป็นพอ สุดท้ายถ่ายรูปมาก้อเห็นแค่เสื้อกันหนาวตัวเดิมๆ
- เสื้อผ้าควรใส่เป็น layer ตอนร้อนจะได้ถอดได้ แต่ที่เจอมีแต่หนาว...อยากจะได้เพิ่มอีกสักชั้นสองชั้น บรื๋อออออ
- เสื้อกันหนาวตัวนอก จะขนวัวขนควาย หรือขนเป็ดขนห่านก้อตามอัธยาศัย แต่ไอ้พวกขนๆด้านนอกฟูฟ่องสวยเกร๋ ดูมีสไตล์หลุดมาจากแคทวอล์คนั้นไซร้ เมื่อเจอฝนและหิมะ...ดูไม่จืดพูดเลย และไม่แห้งด้วย จะให้ดีเลือกเสื้อกันน้ำกันลมด้วยน่าจะดีกว่ามาก
- รองเท้า....สำคัญมาก นอกจากต้องการความอุ่นตรีนแล้ว ส่วนตัวมองว่าจำเป็นมากที่จะกันน้ำได้ หุ้มข้อได้ยิ่งดี เพราะที่พักหลายๆที่ตามเมืองเล็กๆ ไม่เกลี่ยไม่กวาดพื้นใดๆ
- ดอกยางรองเท้าก้อสำคัญเช่นกัน บู๊ทส้นสูง ส้นเข็มเอามาได้ แต่ฝึกท่าล้มสวยๆได้เลย หากคิดว่าไม่ไหวใจไม่สู้ ไปหาซื้อ spike มาติดรองเท้าได้ มีขาย
- คติที่ว่าเดินตามผู้ใหญ่มาไม่กัดยังใช้ได้ดีเสมอ หากต้องปีนเขา หรือเดินบนทางหิมะ/น้ำแข็ง มองหารอยเท้าคนก่อนหน้า ย่ำไปตามนั้นมักปลอดภัยกว่าบุกเบิกทางเอง อย่างน้อยก้อไม่จมหิมะครึ่งแข้งแน่นอน
- สติจากการเดินจงกรมมีประโยชน์มากตอนเดินบนแผ่นน้ำแข็ง ค่อยๆเดิน...ยุบหนอ...พองหนอ...ก้นจ้ำเบ้าหนอ
- ป้ายทุกสถานที่ไม่มีภาษาอังกฤษ แต่บางคำก้อพอเดาได้ แต่ส่วนใหญ่ งง!!
- คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดี ไม่รู้อะไรถามโลด
- ร้านอาหารหาไม่ยากไม่ง่าย แต่มักเปิดปิดเป็นเวลา เช็คล่วงหน้าก่อนจะดีมาก
- ร้านส่วนใหญ่ขายอาหารประเภทปลา ดังนั้นอย่ากระแดะสั่งเนื้อสเต๊ก เพราะรสชาดจะเหมือนกินไม้กระดาน พี่โดนมาแล้ว
- หากมาเที่ยวเองตามชนบท เช่ารถขับเป็นทางเลือกที่สะดวกและดี
- รถเป็นพวงมาลัยด้านซ้าย คนไม่เคยอาจรู้สึกฝืนๆขืนอารยธรรมไทยเบาๆ
- Speed limit ดูจะไม่ค่อยมีความหมายสำหรับทั้ง Lofoten Islands และ Tromsø เห็นเขียนไว้ตั้งแต่ 50 - 70 km/hr แต่เมื่อเราขับตามนั้น ไม่โดนแซง ก้อจะถูกกดดันจากคันหลังด้วยสายตามองบน
- ห้องน้ำที่นี่ หากเห็นฝาปิดอยู่ อย่าเพิ่งตกใจ ส่วนใหญ่มักสะอาด ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอชักโครกผ่านสมรภูมิอันโชกโชนแต่อย่างใด
- ไม่ต้องมองหาสายชำระ เพราะมันไม่มี
- ห้องน้ำสาธารณะมีไม่มากนัก บางที่ต้องใช้บัตรเครดิตในการรูดเพื่อเปิดเข้าไป บางที่มีไว้ แต่ประตูล๊อคแจ้....ดังนั้น...จงทำธุระหนักเบาให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
- พื้นห้องน้ำในหลายโรงแรมมีอุ่นทิพย์ (heater ที่พื้นห้องน้ำ) เดินสบายเท้า แต่ชักโครกนี่เย็นสะท้านตรูดมาก
- ถ้าเป็นคนสวยเลือกได้ จงไปตามหาแสงเหนือช่วงข้างแรม เผื่อ KP ต่ำมากๆ จะได้ไม่ถูกแสงจันทร์กลบหมด
- หากวางแผนตามล่าแสงเหนือทั้งคืน สิ่งที่ควรมีติดตัวคือ ไฟฉาย ขนมกรุบกริบแก้หิว และเสื้อผ้าที่อบอุ่นพอ และอย่าดื่มน้ำเยอะ เพราะการล่าแสงเหนือต้องไปที่มืดๆ และที่ที่ว่าบางทีไม่มีห้องน้ำ มันจะทรมาน...มากกกก
- โหลดซะ App NorwayLights ไว้คอยเช็คว่าช่วงเวลาไหนมันน่าจะมีแสงเหนือ มันตรงใช้ได้เลยแหละ ถ้ามันบอกไม่มี ไม่ต้องแหกขี้ตา ชะเง้อหน้ามองท้องฟ้า...เล่นเกมซ่อนตาดำไปเลย
- จงสร้างความแข็งแรงของร่างกายมาให้พร้อม ทุกวันคือร่างแหลก ต้องปีนเขา ตะกายหิน ตกหินตอนตะกายถ่ายรูปริมทะเล และเดินๆๆ
Lofoten Islands
- ชื่อก้อบอกอยู่แล้วว่าเป็นเกาะ อย่าถูกหลอกด้วย forecast ที่เห็นว่าอุณหภูมิไม่ติดลบ แต่เจอลมทะเล feel like นี่สะท้านม้าม แข็งไปถึงมดลูก
- เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่ แต่มันยาวววววจ้า จะไปไหนทีต้องวางแผนดี ไม่งั้นได้ผ่านไปมาทุกเมืองเหมือนเดินสวนสนาม...เสียเวลามาก
- อุตสาหกรรมหลักบนเกาะเป็นการประมง มีการตากปลาแยกหัว แยกตัวทั่วทั้งเกาะ กลิ่นปลาคละคลุ้งไปทั่วๆก้อเช่นกัน
- มีการแปรรูปอาหารจากปลา ทำออกมาหน้าตาเป็นแผ่นๆ นึกถึงปลาหมึกแผ่นที่มาขายหน้าผับ จิ้มน้ำจิ้มไก่ ราคามหาโหดมาก และรสชาด....ห_าไม่แดรก แต่ถ้าอยากลองของแปลกแบบโลคัล...จงลอง หาซองเล็กๆพอ ทิ้งจะได้ไม่เสียดาย
- ตอนมามั่นใจว่าแสงเหนือตูมตามเป็นโกโก้ครั้นช์แน่นอน เพราะเป็นช่วงพีคสุดของปี และคนมาก่อนหน้าอาทิตย์เดียว เจอกันแบบจังๆทุกคืน...แต่ตอนเรามาเอง แม้แต่แสงพระอาทิตย์ขึ้นก้อไม่ได้เห็น ที่เจอเต็มๆคือฝน หิมะ และหมอกสี่วันรวด....แสงเหนือหรอ...เจอแต่ติ่งแสงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
อยู่ 3 คืนได้เท่านี้จริงๆ T.T
- ถนนมีเส้นหลักเส้นเดียว คือ E10 ไปมันทั้งเกาะ จะมีถนนย่อยๆแยกเข้าไปตามจุดต่างๆ
- ถนนเป็นเลนสวน ไม่มีเส้นกลาง
- ถนนย่อยส่วนมากเรียกได้ว่ามี 1 เลน หรือ 1.5 เลน จะสวนแต่ละทีต้องแบ่งๆกันไป จะมี curve ให้เข้าไปหลบเป็นช่วงๆ
- Curve ที่ว่ามาเมื่อกี๊ มีประโยชน์อีกอย่างคือ มักเป็นจุดให้แวะถ่ายรูป
- คิดจะขับรถบนเกาะนี้หน้าหนาว ต้องมี skill พอตัว ห้ามขี้ตกใจ เดี๋ยวจะตกถนน เพราะทางส่วนใหญ่เป็นถนนเลียบเขา ประมาณซ้ายเขา ขวาทะเล
- ถนนเส้นหลักหลังหิมะตก จะมีรถมาเคลียร์ทางอย่างรวดเร็ว แต่ถนนย่อยนั้นแล้ว...รถเก๋งสี่ล้อ ก้อแปลงร่างเป็นโฟร์วีลปีนน้ำแข็งไส
- ที่รู้สึกทึ่งสุดๆคือ การเจาะอุโมงค์ลอดเขาทำเป็นถนนทั่วทั้งเกาะ และมีการวางโทรศัพท์ฉุกเฉินแทบจะทุก 200 เมตร ในอุโมงค์หลักๆ
- หากไม่ได้วางแผนการขับรถ ขับเล่นไปเล่นมา ผ่านไป4 วัน เจอไป 6xx กม. - -' (ส่วนใหญ่มี limit ที่ 400km ถ้าเกินกว่านั้นโดนชาร์ตอ่วมอรทัย)
Tromsø
- เมืองใหญ่ (กว่าที่คิด) มากกก
- มีประชากรอยู่หนาแน่นกว่า Lofoten เยอะเลย
- ถนนขับรถยากกว่ามากตามประสาเมืองใหญ่
- บางช่วงตึกมีช่องระหว่างตึกมีรถเข้าออกตลอด (นึกถึงตึกแถวบ้านเราแต่มีช่องระหว่างตึกให้เข้าไปจอดด้านหลัง) แต่เปล่าเลย...มันคือทางทะลุเข้าอุโมงค์มุดทะลุไปอีกเกาะได้
- เป็นเมืองที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือกว่า Lofoten (เค้าบอกว่า) แม้ KP0 ในวันที่ฟ้าโปร่ง ก้อสามารถมองเห็น
- อยากลองอาหารท้องถิ่น (อีกแล้ว) ไม่เข็ด เจอสเต๊กเรนเดียร์ กับสเต๊กปลาวาฬเข้าไป ยอมแพ้ขยาดกับอาหารไปเป็นวัน....ยอมแล้วจ้า 🤢🤢🤢
- จุดถ่ายรูปที่ไปเก็บแสงเหนือมาคือ ทางไป Sommarøy ก่อนถึงสะพาน
- อีกจุดที่คิดว่าดีมากๆคือ ทางไป Belvika จะเจออุโมงค์ อย่าเข้าไป จะมีทางเบี่ยงไปที่จอดรถทางด้านซ้ายมือ ไปตามทางนั้นเลยจ้า ถ้าจอดรถที่สุดลาน เดินตรงลุยหิมะเข้าไปเลยสัก 200 เมตร จะได้วิวไกลๆเป็นช่องระหว่างเขาสองลูก และทะเล สวยมากกก แต่แสงเหนือเกิดทิศนั้นหรือเปล่านี่ไม่รับประกัน ตอนเราไปเกือบตีสามแหล่วแสงเหนือที่เหลือตรงนั้นมันเลือนลางและจางหาย...ความรักของเราก้อเช่นกัน...เฮ้ย!! ไปไหน กลับมา
สรุป
- บินตรงจากกรุงเทพโดยป้าเอื้องลงออสโล ต่อเครื่องในประเทศไป Svolvær โดย transit ที่ Bodo
- พักที่ Lofoten Islands 3 คืน เห็นแสงเหนือ อยู่ ครึ่ง ชม. (หลังจากไปรอเกือบสามชม.) แค่คืนเดียว นอกนั้น เมฆ/ฝน/ลม/หิมะ อะไรที่เราไม่อยากเจอนั่นแหละมาเต็มแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ
- เดินทางต่อไป Tromsø โดยเรือของ Hertigruten ก้อนอนมันบนนั้นแหละเพราะมันเป็น cruise ตอนนอนๆอยู่ถ้ามีแสงเหนือ เค้าจะมี intercom มาบอกถึงในห้องด้วยนะเอ้อ สะดวกไปอีก...แต่แน่นอน...คนดวงดีอย่างเราต้องไม่เจอ นอนยาวววววไปค่ะ
- สองคืนสุดท้ายอยู่ Tromsø คืนแรก forecast มาเลย ได้เห็นแน่นอน 97% ออกตามล่าสิคะ...รออะไร...กลับมาตีสามอย่างกับเพิ่งกลับจากผับ คืนสุดท้ายเราละไว้...ไม่ต้องพูดถึงมัน...จบนะ
ฝากติดตาม page จ้าา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้