คุนิมิตซึ คนจริงจอมกะล่อน
เป็นการ์ตูนเก่า ถ้าจำไม่ผิด น่าจะสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง ของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ยังไม่มีทีท่าว่าจะพิมพ์ซ้ำ

โดยเรื่องนี้เป็นผลงานของคนเขียน ไซโครเมทเลอร์ เอย์จิ ตัวเอก คุนิตมิตซึ ก็เป็นตัวละครในนั้น เป็นตอน silent bomber
แต่ถึงจะเป็นการ์ตูนเก่า แต่หลายๆ อย่างก็ยังร่วมสมัยอยู่ วันนี้ผมจึงอยากจะแนะนำการ์ตูนนี้ไปพร้อมๆ กับชายผู้ชื่นชอบ งานวัด(การเมือง) เป็นชีวิตจิตใจ
การเมือง
ธีมหลักของเรื่อง คือ การเมือง
แน่นอน เมื่อพูดถึงการเมือง ก็คือ การเลือกตั้ง การหาเสียง นักการเมือง ในการ์ตูนนี้ อัดแน่นไปถึงการเลือกตั้ง กลยุทธต่างๆ ความรู้เกี่ยวกับการเมืองอัดแน่นเต็มไปหมด

เรื่องพื้นๆ ในการเลือกตั้งประธานนักเรียน อย่างการติดโปสเตอร์ การแจกใบปลิว ก็เต็มไปด้วยกลยุทธ เพื่อชิงคะแนนเสียง

แม้แต่การช่วงชิง การปราศรัย ที่ดูไม่มีอะไรก็มีการใส่กลยุทธเพื่อชิงความได้เปรียบ
ทั้งเรื่องเราจะเห็นผู้สมัครตัวเก็ง ฟูวะ ชูอิจิ และ ซากากามิ เรียวมะ ต่างมีจุดยืนที่แตกต่างกัน

โดยฟูวะ จะเป็นหัวก้าวหน้า ต้องการเปลี่ยนเมืองแบบก้าวกระโดด อาศัยความเป็นมืออาชีพ ดึงคนจากภายนอกมาทำให้เมืองคึกคัก ทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยว
แต่ทางซากากามิ อยากให้คงสภาพเมือง แต่การปลุกเมืองควรเริ่มจากประชาชนในเมือง ทำให้เมืองที่เคยเงียบเชียบ ครื้นเครงขึ้น

นี่เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันแลกหมัด อาศัยกลยุทธ บางครั้งก็ลูกบ้าของคุนิมิตซึ ความเข้าถึงผู้คนได้ง่าย เพื่อจุดมุ่งหมายเดียว คือ การชนะการเลือกตั้ง เพื่อให้เมืองเป็นไปแนวทางตามนโยบายของตัวเอง
การ์ตูนเรื่องนี้ นอกจากการเมืองแล้ว ยังมีจุดน่าสนใจอย่างอื่นอีกมาก เพราะ การเมือง คือทุกสิ่งอย่างของประเทศ การ์ตูนเรื่องนี้สอดแทรกความรู้ด้านอื่นๆ มาอย่างเข้าใจง่าย เช่น
การศึกษา

การลงโทษเด็ก
ที่ไทย ก็มีปัญหาแบบนี้เช่นกัน การลงโทษเด็กของครู บางครั้งมักถูกมองว่าเกินกว่าเหตุ ซึ่งการต้องมานั่งอธิบายเหตุผลทุกครั้งให้ผู้ปกครองฟังก็ไม่ใช่เรื่อง แถมยังถูกกดดันจากทั้งภายในองค์กรอีก
จนสุดท้ายครูเลิกที่จะสนใจเด็ก ไม่ว่าเด็กจะทำผิดแค่ไหน ก็ไม่สนใจ ปล่อยเลยตามเลย ธุระไม่ใช่ ขี้เกียจหาเรื่องใส่ตัว
สุดท้ายผล ก็ตกมาที่เด็ก เมื่อไม่มีใครชี้แนวทางที่เหมาะสม เด็กก็ยิ่งเตลิดไปในทางที่ผิด

การไม่สนใจว่าเด็กรู้เรื่องหรือไม่ ที่ไทยก็มีปัญหานี้ไม่ต่างกัน เราไม่มีการซ้ำชั้น เด็กเรียนแย่แค่ไหนก็ไม่มีการตก เพราะ ถ้าเด็กตก คือ โรงเรียนตกการประเมิน
ทุกโรงเรียน จึงดันเด็กขึ้น ไม่ว่าเด็กจะเรียนห่วยแค่ไหน รู้หรือไม่รู้เรื่องที่เรียนก็ช่าง ผลักภาระไปก่อน
จนสุดท้าย จากเด็กที่ไม่เข้าใจบทเรียนตั้งแต่แรกๆ ยิ่งถูกดันขึ้นไประดับสูง เจอบทเรียนที่ยากยิ่งๆ ขึ้นไป ก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง จนเป็นไม่อยากเรียนไป เป็นปัญหาการศึกษาที่ไทยก็กำลังเผชิญอยู่
คอรัปชันในงานก่อสร้าง

สมัยเด็ก ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ทำไมทางเท้าแถวบ้านถึงปูใหม่บ่อย ครึ่งปีปูทีๆ ทางเท้าก็ดีๆ ทำไมต้องปูบ่อย ผมก็ต้องเดินลงไปถนนให้รถเมล์เฉี่ยวเล่น
จนโตขึ้น จึงรู้ว่า มันคือการใช้งบประมาณให้หมด ถ้าใช้ไม่หมดก็จะถูกตัดงบในปีถัดไป ดังนั้น เพื่อไม่ให้ถูกตัดงบ ก็ต้องหางานมาทำ แม้ของมันจะดีๆ อยู่ เช่นทางเท้า ถนน ก็จัดการทุบรื้อทำใหม่ จนกลายเป็นสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

การก่อสร้างของราชการก็เช่นกัน
มีการกีดกันด้วย TOR หรือ สัญญาก่อสร้างที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้บริษัทที่ตัวเองอยากได้ รับงาน เพื่อที่ตัวเองจะได้เงินค่าส่วนแบ่ง
การกีดกันนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น การล็อคเสป็ค ผมเคยไปประมูลงานนึง เห็นรายชื่ออุปกรณ์แปลกๆ ชื่อไม่คุ้นเลย เลยโทรไปถามพบว่า 3 เจ้าที่มีในรายชื่อ ปิดกิจการ ไม่ก็เลิกผลิตไปแล้ว เหลือแค่เจ้าเดียว ที่ยังผลิตอยู่ มันคือการล็อคเสป็คให้เจ้าที่ตัวเองต้องการได้งาน
การกำหนดงวดเบิกจ่ายให้เนิ่นนาน ล่าช้า แม้งานจะเสร็จไปเยอะ ก็เบิกไม่ได้ เพื่อกันบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีเงินทุนมากออกไป เหลือแต่บริษัทใหญ่ๆ สายป่านยาว ทุนหนาเท่านั้น
นอกจากนั้นก็มี พวกเงินจดทะเบียน ประสพการณ์การทำงาน รายชื่อเครื่องจักร จำนวนบุคลากร ฯลฯ ที่จงใจใส่เพื่อกันบริษัทอื่น ไม่ให้เข้ามาแข่งราคาได้
การเกษตร

ปัญหาการใช้ยาในฟาร์มไก่ หมู ผมไม่ทราบว่าดีขึ้นหรือไม่ แต่สมัยก่อนเราก็มีปัญหาการอัดยาปฏิชีวนะลงไปในสัตว์ เพื่อจัดการโรค จนผลผลิตที่ได้ปนเปื้อนไปด้วยยา
ปัญหายาฆ่าแมลงในพืชผลการเกษตรของไทยก็มี แถมยังปัญหาการอัดปุ๋ยวิทยาศาสตร์ลงดิน จนดินเสีย จนต้องพึ่งพาแต่ปุ๋ยและยา ไปเรื่อยๆ จนเกษตรกรไทย เป็นหนี้เป็นสิน ยิ่งทำยิ่งแย่ เงินทุนหมดไปกับค่ายาค่าปุ๋ย แถมผลผลิตก็ปนเปื้อน เป็นภัยต่อผู้บริโภค จะส่งออกก็ลำบาก เพราะ ถูกกีดกันเรื่องยาฆ่าแมลง
แนวทางเกษตรสมัยใหม่ จึงเน้นการใช้สารอินทรีย์ ลดการพึ่งพายาฆ่าแมลง เพื่อผลผลิตที่ดี ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ ยังยั่งยืนด้วย เพราะ ดินและน้ำไม่เสียจากยาฆ่าแมลง
การแพทย์

เรามักจะชื่นชอบหมอที่ให้ยาเราเยอะๆ เพราะคิดว่าหมอเก่ง กลับกัน หมอที่ให้ยาเท่าที่จำเป็นกลับถูกมองว่า งก หมอเลี้ยงไข้ ไม่อยากจ่ายยาดีๆให้คนไข้
ทั้งที่ โรคบางโรค เช่น ไข้หวัด สามารถหายเองได้โดยร่างกายเราเอง สร้างภูมิคุ้มกันกำจัดไวรัส แค่ดื่มน้ำมากๆ กินแค่ยาพาราเซตามอล นอนพักผ่อนเยอะๆ ไม่กี่วันก็หาย
แต่เรามักจะอยากได้ยาเยอะๆ กินยาเยอะๆ เพื่อที่จะหายเร็วๆ หมอที่ขาดจรรยาบรรณ ก็สนอง เพราะ มันวินวิน ทั้งสองฝ่ายนี่ ฝ่ายนึงขายยาได้ ฝ่ายนึงสบายใจที่ได้ยาเยอะ
จนเกิดการใช้ยาเกินจำเป็น Reye syndrome หรือ การแพ้ยาแอสไพรินในเด็ก ก็คือ หนึ่งในปัญหานั้น
รวมทั้งเชื้อดื้อยา จากการใช้ยาปฏิชีวนะแบบเกินจำเป็น ทั้งที่โรคหวัดเกิดจากไวรัส ก็ยังอัดยาฆ่าเชื้อ ที่มีฤทธิ์จัดการแบคทีเรีย มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยิ่งทำให้เขื้อดื้อยา จนต้องใช้ยาแรงยิ่งขึ้นไปอีก
มาที่จุดด้อยของการ์ตูนเรื่องนี้ ที่ทำให้ความดีงามที่ทำมาตลอดแทบจะหายไป 5555 นั่นก็คือ
อาชูระ

เป็นตัวละคร ที่ปูบทมาอย่างเทพ เป็นเสนาธิการเลือกตั้ง ที่สามารถโค่นปู่ของอาสึมะได้
ผมก็นึกว่าจะได้เห็นศึกสามเส้า ในการเลือกตั้ง ชิงไหวพริบกันไปมา
แต่เปล่าเลย อาชูระ ทำเป็นอย่างเดียวคือขัดขาคู่แข่ง แถมบางครั้งก็ใช้วิธีการโง่ๆ เช่น ปาขี้ แอบยัดเงินให้โดนข้อหาซื้อเสียง
อาชูระ ถูกลดลงมาเป็นตัวร้ายเกรดสอง แทนที่จะเป็นบอสหลักของเรื่อง รวมทั้งปู่หัวหน้าด้วย ปูมาเทพ มีเงินเป็นฟ่อนๆ สุดท้ายแพ้ง่อยๆ
ถึงแม้จะมีจุดด้อยบ้าง แต่การ์ตูนเรื่องนี้ก็มีจุดดีหลายอย่าง ที่อยากแนะนำให้ลองอ่านดู (ถ้ายังหาซื้อได้นะ 55555)
ผมขอปิดท้ายด้วยภาพนี้ ที่สะท้อนภาพ เราด่าแต่นักการเมือง แต่เรา ไม่เคยมองตัวเองเลย เพราะ พวกเราต่างหากที่ไม่สนใจ แม้แต่จะเลือกตั้งนั่นแหละ ที่ทำให้นักการเมืองเลวๆ ได้ใจต่างหาก
แนะนำการ์ตูน คุนิมิตซึ คนจริงจอมกะล่อน การเมือง คือ งานวัด spoil
เป็นการ์ตูนเก่า ถ้าจำไม่ผิด น่าจะสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง ของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ยังไม่มีทีท่าว่าจะพิมพ์ซ้ำ
โดยเรื่องนี้เป็นผลงานของคนเขียน ไซโครเมทเลอร์ เอย์จิ ตัวเอก คุนิตมิตซึ ก็เป็นตัวละครในนั้น เป็นตอน silent bomber
แต่ถึงจะเป็นการ์ตูนเก่า แต่หลายๆ อย่างก็ยังร่วมสมัยอยู่ วันนี้ผมจึงอยากจะแนะนำการ์ตูนนี้ไปพร้อมๆ กับชายผู้ชื่นชอบ งานวัด(การเมือง) เป็นชีวิตจิตใจ
การเมือง
ธีมหลักของเรื่อง คือ การเมือง
แน่นอน เมื่อพูดถึงการเมือง ก็คือ การเลือกตั้ง การหาเสียง นักการเมือง ในการ์ตูนนี้ อัดแน่นไปถึงการเลือกตั้ง กลยุทธต่างๆ ความรู้เกี่ยวกับการเมืองอัดแน่นเต็มไปหมด
เรื่องพื้นๆ ในการเลือกตั้งประธานนักเรียน อย่างการติดโปสเตอร์ การแจกใบปลิว ก็เต็มไปด้วยกลยุทธ เพื่อชิงคะแนนเสียง
แม้แต่การช่วงชิง การปราศรัย ที่ดูไม่มีอะไรก็มีการใส่กลยุทธเพื่อชิงความได้เปรียบ
ทั้งเรื่องเราจะเห็นผู้สมัครตัวเก็ง ฟูวะ ชูอิจิ และ ซากากามิ เรียวมะ ต่างมีจุดยืนที่แตกต่างกัน
โดยฟูวะ จะเป็นหัวก้าวหน้า ต้องการเปลี่ยนเมืองแบบก้าวกระโดด อาศัยความเป็นมืออาชีพ ดึงคนจากภายนอกมาทำให้เมืองคึกคัก ทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยว
แต่ทางซากากามิ อยากให้คงสภาพเมือง แต่การปลุกเมืองควรเริ่มจากประชาชนในเมือง ทำให้เมืองที่เคยเงียบเชียบ ครื้นเครงขึ้น
นี่เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันแลกหมัด อาศัยกลยุทธ บางครั้งก็ลูกบ้าของคุนิมิตซึ ความเข้าถึงผู้คนได้ง่าย เพื่อจุดมุ่งหมายเดียว คือ การชนะการเลือกตั้ง เพื่อให้เมืองเป็นไปแนวทางตามนโยบายของตัวเอง
การ์ตูนเรื่องนี้ นอกจากการเมืองแล้ว ยังมีจุดน่าสนใจอย่างอื่นอีกมาก เพราะ การเมือง คือทุกสิ่งอย่างของประเทศ การ์ตูนเรื่องนี้สอดแทรกความรู้ด้านอื่นๆ มาอย่างเข้าใจง่าย เช่น
การศึกษา
การลงโทษเด็ก
ที่ไทย ก็มีปัญหาแบบนี้เช่นกัน การลงโทษเด็กของครู บางครั้งมักถูกมองว่าเกินกว่าเหตุ ซึ่งการต้องมานั่งอธิบายเหตุผลทุกครั้งให้ผู้ปกครองฟังก็ไม่ใช่เรื่อง แถมยังถูกกดดันจากทั้งภายในองค์กรอีก
จนสุดท้ายครูเลิกที่จะสนใจเด็ก ไม่ว่าเด็กจะทำผิดแค่ไหน ก็ไม่สนใจ ปล่อยเลยตามเลย ธุระไม่ใช่ ขี้เกียจหาเรื่องใส่ตัว
สุดท้ายผล ก็ตกมาที่เด็ก เมื่อไม่มีใครชี้แนวทางที่เหมาะสม เด็กก็ยิ่งเตลิดไปในทางที่ผิด
การไม่สนใจว่าเด็กรู้เรื่องหรือไม่ ที่ไทยก็มีปัญหานี้ไม่ต่างกัน เราไม่มีการซ้ำชั้น เด็กเรียนแย่แค่ไหนก็ไม่มีการตก เพราะ ถ้าเด็กตก คือ โรงเรียนตกการประเมิน
ทุกโรงเรียน จึงดันเด็กขึ้น ไม่ว่าเด็กจะเรียนห่วยแค่ไหน รู้หรือไม่รู้เรื่องที่เรียนก็ช่าง ผลักภาระไปก่อน
จนสุดท้าย จากเด็กที่ไม่เข้าใจบทเรียนตั้งแต่แรกๆ ยิ่งถูกดันขึ้นไประดับสูง เจอบทเรียนที่ยากยิ่งๆ ขึ้นไป ก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง จนเป็นไม่อยากเรียนไป เป็นปัญหาการศึกษาที่ไทยก็กำลังเผชิญอยู่
คอรัปชันในงานก่อสร้าง
สมัยเด็ก ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ทำไมทางเท้าแถวบ้านถึงปูใหม่บ่อย ครึ่งปีปูทีๆ ทางเท้าก็ดีๆ ทำไมต้องปูบ่อย ผมก็ต้องเดินลงไปถนนให้รถเมล์เฉี่ยวเล่น
จนโตขึ้น จึงรู้ว่า มันคือการใช้งบประมาณให้หมด ถ้าใช้ไม่หมดก็จะถูกตัดงบในปีถัดไป ดังนั้น เพื่อไม่ให้ถูกตัดงบ ก็ต้องหางานมาทำ แม้ของมันจะดีๆ อยู่ เช่นทางเท้า ถนน ก็จัดการทุบรื้อทำใหม่ จนกลายเป็นสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
การก่อสร้างของราชการก็เช่นกัน
มีการกีดกันด้วย TOR หรือ สัญญาก่อสร้างที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้บริษัทที่ตัวเองอยากได้ รับงาน เพื่อที่ตัวเองจะได้เงินค่าส่วนแบ่ง
การกีดกันนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น การล็อคเสป็ค ผมเคยไปประมูลงานนึง เห็นรายชื่ออุปกรณ์แปลกๆ ชื่อไม่คุ้นเลย เลยโทรไปถามพบว่า 3 เจ้าที่มีในรายชื่อ ปิดกิจการ ไม่ก็เลิกผลิตไปแล้ว เหลือแค่เจ้าเดียว ที่ยังผลิตอยู่ มันคือการล็อคเสป็คให้เจ้าที่ตัวเองต้องการได้งาน
การกำหนดงวดเบิกจ่ายให้เนิ่นนาน ล่าช้า แม้งานจะเสร็จไปเยอะ ก็เบิกไม่ได้ เพื่อกันบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีเงินทุนมากออกไป เหลือแต่บริษัทใหญ่ๆ สายป่านยาว ทุนหนาเท่านั้น
นอกจากนั้นก็มี พวกเงินจดทะเบียน ประสพการณ์การทำงาน รายชื่อเครื่องจักร จำนวนบุคลากร ฯลฯ ที่จงใจใส่เพื่อกันบริษัทอื่น ไม่ให้เข้ามาแข่งราคาได้
การเกษตร
ปัญหาการใช้ยาในฟาร์มไก่ หมู ผมไม่ทราบว่าดีขึ้นหรือไม่ แต่สมัยก่อนเราก็มีปัญหาการอัดยาปฏิชีวนะลงไปในสัตว์ เพื่อจัดการโรค จนผลผลิตที่ได้ปนเปื้อนไปด้วยยา
ปัญหายาฆ่าแมลงในพืชผลการเกษตรของไทยก็มี แถมยังปัญหาการอัดปุ๋ยวิทยาศาสตร์ลงดิน จนดินเสีย จนต้องพึ่งพาแต่ปุ๋ยและยา ไปเรื่อยๆ จนเกษตรกรไทย เป็นหนี้เป็นสิน ยิ่งทำยิ่งแย่ เงินทุนหมดไปกับค่ายาค่าปุ๋ย แถมผลผลิตก็ปนเปื้อน เป็นภัยต่อผู้บริโภค จะส่งออกก็ลำบาก เพราะ ถูกกีดกันเรื่องยาฆ่าแมลง
แนวทางเกษตรสมัยใหม่ จึงเน้นการใช้สารอินทรีย์ ลดการพึ่งพายาฆ่าแมลง เพื่อผลผลิตที่ดี ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ ยังยั่งยืนด้วย เพราะ ดินและน้ำไม่เสียจากยาฆ่าแมลง
การแพทย์
เรามักจะชื่นชอบหมอที่ให้ยาเราเยอะๆ เพราะคิดว่าหมอเก่ง กลับกัน หมอที่ให้ยาเท่าที่จำเป็นกลับถูกมองว่า งก หมอเลี้ยงไข้ ไม่อยากจ่ายยาดีๆให้คนไข้
ทั้งที่ โรคบางโรค เช่น ไข้หวัด สามารถหายเองได้โดยร่างกายเราเอง สร้างภูมิคุ้มกันกำจัดไวรัส แค่ดื่มน้ำมากๆ กินแค่ยาพาราเซตามอล นอนพักผ่อนเยอะๆ ไม่กี่วันก็หาย
แต่เรามักจะอยากได้ยาเยอะๆ กินยาเยอะๆ เพื่อที่จะหายเร็วๆ หมอที่ขาดจรรยาบรรณ ก็สนอง เพราะ มันวินวิน ทั้งสองฝ่ายนี่ ฝ่ายนึงขายยาได้ ฝ่ายนึงสบายใจที่ได้ยาเยอะ
จนเกิดการใช้ยาเกินจำเป็น Reye syndrome หรือ การแพ้ยาแอสไพรินในเด็ก ก็คือ หนึ่งในปัญหานั้น
รวมทั้งเชื้อดื้อยา จากการใช้ยาปฏิชีวนะแบบเกินจำเป็น ทั้งที่โรคหวัดเกิดจากไวรัส ก็ยังอัดยาฆ่าเชื้อ ที่มีฤทธิ์จัดการแบคทีเรีย มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยิ่งทำให้เขื้อดื้อยา จนต้องใช้ยาแรงยิ่งขึ้นไปอีก
มาที่จุดด้อยของการ์ตูนเรื่องนี้ ที่ทำให้ความดีงามที่ทำมาตลอดแทบจะหายไป 5555 นั่นก็คือ
อาชูระ
เป็นตัวละคร ที่ปูบทมาอย่างเทพ เป็นเสนาธิการเลือกตั้ง ที่สามารถโค่นปู่ของอาสึมะได้
ผมก็นึกว่าจะได้เห็นศึกสามเส้า ในการเลือกตั้ง ชิงไหวพริบกันไปมา
แต่เปล่าเลย อาชูระ ทำเป็นอย่างเดียวคือขัดขาคู่แข่ง แถมบางครั้งก็ใช้วิธีการโง่ๆ เช่น ปาขี้ แอบยัดเงินให้โดนข้อหาซื้อเสียง
อาชูระ ถูกลดลงมาเป็นตัวร้ายเกรดสอง แทนที่จะเป็นบอสหลักของเรื่อง รวมทั้งปู่หัวหน้าด้วย ปูมาเทพ มีเงินเป็นฟ่อนๆ สุดท้ายแพ้ง่อยๆ
ถึงแม้จะมีจุดด้อยบ้าง แต่การ์ตูนเรื่องนี้ก็มีจุดดีหลายอย่าง ที่อยากแนะนำให้ลองอ่านดู (ถ้ายังหาซื้อได้นะ 55555)
ผมขอปิดท้ายด้วยภาพนี้ ที่สะท้อนภาพ เราด่าแต่นักการเมือง แต่เรา ไม่เคยมองตัวเองเลย เพราะ พวกเราต่างหากที่ไม่สนใจ แม้แต่จะเลือกตั้งนั่นแหละ ที่ทำให้นักการเมืองเลวๆ ได้ใจต่างหาก