ระบบโรเตชั่นในทางฟุตบอลเบื้องต้นก็คือการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวผู้เล่นในทีม เพื่อรักษาสภาพความสดไม่ให้ผู้เล่นเหนื่อยล้าเกินไปหรือรักษาฟอร์มโดยรวมของทีมให้มีความพร้อมที่จะไล่ล่าถ้วยแชมป์ในแต่ละฤดูกาลที่ต้องลงเตะกันหลายนัด หรือเพื่อเปล่งประสิทธิภาพของทีมให้อยู่บนจุดสุดยอดสูงสุด
ในทางการเมืองของบางประเทศเองก็ได้มีการเอาระบบโรเตชั่นนี้มาใช้ จะเพื่อมะเขือยาวอะไรก็ไม่ทราบได้แต่ก็เป็นงี้มาเกือบๆสิบปีแล้ว หรือในทางเทคนิคก็อาจพูดได้ว่าโรเตชั่นกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าแล้วก็ได้เหมือนกัน
ซึ่งระบบหมุนเวียนที่ว่านี้ในวงการฟุตบอลก็นับว่าประสบความสำเร็จในระดับต้นๆ จึงมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
แต่ถ้าเอามาใช้กับการเมืองมันจะเป็นอย่างงั้นได้รึเปล่า?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จขกท เองเคยอ่านหลายๆความเห็นของเพื่อนสมาชิกที่ว่า ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นกับว่าจะเป็นระบบอะไร
อย่างเช่น จีน หรือ รัซเซีย ที่เป็น คอม ก็ยังสามารถพัฒนาจนก้าวมาเป็นผู้นำเบอร์ต้นๆทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ เทียบเคียง อเมริกา เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่นได้
แต่หากเรามองดีๆถึงความสำเร็จของพวกเขาแล้ว ก็จะเห็นเคล็ดลับอย่างนึงที่แม้จะต่างระบบกันแต่มีจุดร่วมที่เหมือนกันนั่นก็คือ ความต่อเนื่อง.... นั่นเอง
ประเทศผู้นำเหล่านี้ต่างก็มีความต่อเนื่องในระบบของพวกเขา โดยไม่ค่อยมีเหตุแทรกซ้อนทางการเมืองจนถึงขั้นเกิดอีเว้น"ขอเวลาอีกจิ้ดนึง"กันเลย อย่างน้อยๆก็ในรอบ 20 ปี อย่างเช่น จีน รัซเซีย เป็นคอมก็เป็นไปเลย 20-30 ปียาวๆไป เมกา เกาหลี ญี่ปุ่น เป็น ปชต ก็เป็นไปเลย 80-90 ปีไม่ต่องมีโรเตชั่น
ซึ่งต่างกับบางประเทศที่เป็นไอนี่ 4 ปี ละก็เป็นไอนั้นอีก 2 ปี แล้วต่อด้วยขอเวลาอีกจิ้ดนึงซัก 8 ปี ?? ความสำเร็จจึงดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านั้นมีแต่ก้าวไปข้างหน้า บางประเทศที่ว่ากลับลุ่มๆดอนๆ แม้เคยมีข่าวว่าจะเป็นเสือเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ยังเป็นแค่ข่าวจนถึงทุกวันนี้
ทั้งที่ประเทศอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เคยประสบภาวะสงครามจนมีสภาพเละเทะเรียกได้ว่าจุดเริ่มต้นเขาติดลบยิ่งกว่าบางประเทศแถวนี้ แต่ทุกวันนี้กลับก้าวหน้าจนทิ้งห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่น ความแตกต่างขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะบางประเทศที่ว่ามัวแต่เล่นโรเตชั่นกันเพลินจนหาฟอร์มแท้ๆของตัวเองไม่เจอกันแน่
เพื่อนๆสมาชิกมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
การเมืองในระบบโรเตชั่น
ในทางการเมืองของบางประเทศเองก็ได้มีการเอาระบบโรเตชั่นนี้มาใช้ จะเพื่อมะเขือยาวอะไรก็ไม่ทราบได้แต่ก็เป็นงี้มาเกือบๆสิบปีแล้ว หรือในทางเทคนิคก็อาจพูดได้ว่าโรเตชั่นกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าแล้วก็ได้เหมือนกัน
ซึ่งระบบหมุนเวียนที่ว่านี้ในวงการฟุตบอลก็นับว่าประสบความสำเร็จในระดับต้นๆ จึงมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
แต่ถ้าเอามาใช้กับการเมืองมันจะเป็นอย่างงั้นได้รึเปล่า?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จขกท เองเคยอ่านหลายๆความเห็นของเพื่อนสมาชิกที่ว่า ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นกับว่าจะเป็นระบบอะไร
อย่างเช่น จีน หรือ รัซเซีย ที่เป็น คอม ก็ยังสามารถพัฒนาจนก้าวมาเป็นผู้นำเบอร์ต้นๆทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ เทียบเคียง อเมริกา เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่นได้
แต่หากเรามองดีๆถึงความสำเร็จของพวกเขาแล้ว ก็จะเห็นเคล็ดลับอย่างนึงที่แม้จะต่างระบบกันแต่มีจุดร่วมที่เหมือนกันนั่นก็คือ ความต่อเนื่อง.... นั่นเอง
ประเทศผู้นำเหล่านี้ต่างก็มีความต่อเนื่องในระบบของพวกเขา โดยไม่ค่อยมีเหตุแทรกซ้อนทางการเมืองจนถึงขั้นเกิดอีเว้น"ขอเวลาอีกจิ้ดนึง"กันเลย อย่างน้อยๆก็ในรอบ 20 ปี อย่างเช่น จีน รัซเซีย เป็นคอมก็เป็นไปเลย 20-30 ปียาวๆไป เมกา เกาหลี ญี่ปุ่น เป็น ปชต ก็เป็นไปเลย 80-90 ปีไม่ต่องมีโรเตชั่น
ซึ่งต่างกับบางประเทศที่เป็นไอนี่ 4 ปี ละก็เป็นไอนั้นอีก 2 ปี แล้วต่อด้วยขอเวลาอีกจิ้ดนึงซัก 8 ปี ?? ความสำเร็จจึงดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านั้นมีแต่ก้าวไปข้างหน้า บางประเทศที่ว่ากลับลุ่มๆดอนๆ แม้เคยมีข่าวว่าจะเป็นเสือเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ยังเป็นแค่ข่าวจนถึงทุกวันนี้
ทั้งที่ประเทศอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เคยประสบภาวะสงครามจนมีสภาพเละเทะเรียกได้ว่าจุดเริ่มต้นเขาติดลบยิ่งกว่าบางประเทศแถวนี้ แต่ทุกวันนี้กลับก้าวหน้าจนทิ้งห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่น ความแตกต่างขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะบางประเทศที่ว่ามัวแต่เล่นโรเตชั่นกันเพลินจนหาฟอร์มแท้ๆของตัวเองไม่เจอกันแน่
เพื่อนๆสมาชิกมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ