37/2017
Beauty and the beast
สปอยทั้งเรื่อง มีจุดปมต่างจากการ์ตูนนิดนึง
ขออภัยล่วงหน้าสำหรับคนที่อาจจะเห็นต่าง โดยเฉพาะแฟนคลับเอมม่า วัตสัน เราติ่งเรื่องนี้หนักมาก และความรู้สึกหลังดูมันเยอะมากค่ะ
อย่างแรก คือ เราชอบนะ ดูบ่อยๆได้เรื่อยๆ แต่ประเด็นหนักๆเลยคือ มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้ ด้วยความคาดหวังสูงมากระดับลิบลิ่ว บวกความติ่ง ความหายใจเข้าออกเป็นบิวตี้ ดูจนท่องไดอาล็อกได้ ดูฉบับบรอดเวย์ อ่านนิยายออริจินัล อ่านนิยายเวอร์ชั่นหนัง อ่านเบื้องหลัง อ่านการ์ตูน ดูภาคแยก คือทุกอย่างของชีวิตเราเป็นบิวตี้ เรารักเรื่องนี้ที่สุดในชีวิต เลยคิดไว้แล้วไงว่าหนังมันต้องเยี่ยมสิ นี่ไง คิดแบบนี้ มันเลยเฟลเมื่อหนังมันทำไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น
จุดที่ดี ที่ทำให้เราชอบ แน่นอนว่าคือความสวยงามแบบสุดๆของฉากและคอสตูมรวมถึงบรรยากาศและโทนสีของหนังทั้งหมด อันนี้ชื่นชมจริงๆ ยิ่งดู imax3d มาเพิ่มยิ่งเห็นถึงความสวยของรายละเอียดพวกนี้ เหมือนเห็นภาพความสวยงามจากการ์ตูนมาเป็นอะไรที่ดูมีจริงและจับต้องได้
งานดนตรีทำได้ดี แม้จะสู้ของเก่าไม่ได้บ้าง แต่เข้าใจว่าของเก่าขึ้นหิ้งแล้ว แต่มันเป็นส่วนประกอบใหญ่ของเรื่องแล้วงานดนตรีโดนดึงให้ดรอปลงด้วยการตัดต่อที่ไม่เวิร์ค
ซึ่งการตัดต่อที่ไม่เวิร์คนี่แหละ มันเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งทำให้หนังไม่พีค ไม่สามารถสร้างความรู้สึกร่วมหรืออินกับตัวละครอย่างที่ปกติเราอิน มันฉับๆๆ บางฉากจะยืดก็ยืดๆๆ เสียที่จุดนี้ไปเยอะเลย
จุดที่ไม่ดีอีกอย่างคือด้วยเนื้อเรื่องสมัยการ์ตูนมันมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่หลายประเด็น หนังเลยพยายามที่จะปรับและเปลี่ยน หรือเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว แต่ไอ้ที่เพิ่มอ่ะ พอมาใส่ปุ๊ป มันดูเกินๆ มันดูเหมือนตัดแปะใส่ มันไม่สมูทไปกับเส้นเรื่องเดิมเท่าไหร่
ซึ่งจริงๆเราอ่านตัวนิยายที่ดัดแปลงจากบทหนังนะ ตอนอ่านนิยายเราไม่รู้สึกแปลก เรากลับชอบด้วย พอเป็นงี้ เลยเห็นได้ชัดว่าการเอาเรื่องมาใส่หนังแล้วตัดต่อไม่ดี คัดบทพูดมาไม่ครบหรือไม่เหมาะกับฉาก มันทำให้หนังดูหลุดไปบางฉาก ถ้าจะเป็นแบบนี้ ไหนๆก็คิดจะเคารพต้นฉบับ ก็ลอกต้นฉบับไปทั้งเรื่องเลย ไม่สมเหตุสมผลก็ช่างมัน ความไม่สมเหตุสมผลของปี 1991 มันพาให้การ์ตูนเรื่องนี้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเลยนะ
เราเป็นติ่งที่ไม่อวยเรื่องนี้จนออกนอกหน้า แม้จะบ่น แต่เราชอบเพราะยังไงเสน่ห์ของความเป็นบิวตี้ก็ยังคงมีอยู่เยอะ นี่พยายามลดๆการเปรียบเทียบกับการ์ตูน และมองให้เป็นหนังเรื่องบิวตี้ที่ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูน มันทำให้ใจชื้นขึ้น โดยเฉพาะการดูรอบสองเมื่อคืน รู้สึกดีกว่าเมื่อวานซืนที่ไปดูรอบสื่อมาก
จบรีวิวช่วงแรกแล้ว หลังจากบรรทัดนี้ลงไปคือรีวิวเปรียบเทียบแยกรายตัวละคร+นักแสดงหลักๆ เพลงทุกเพลงในหนัง แม้เราจะบอกว่าถ้าดูแบบไม่เปรียบเทียบจะสนุกกว่า แต่ด้วยความติ่งและอินกับการ์ตูน เราอดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ ต่อในคอมเม้นด้านล่างนะคะ
**************
รีวิวฉบับติ่ง ที่ไม่ให้ความติ่งบังตา Beauty and the beast 2017
Beauty and the beast
สปอยทั้งเรื่อง มีจุดปมต่างจากการ์ตูนนิดนึง
ขออภัยล่วงหน้าสำหรับคนที่อาจจะเห็นต่าง โดยเฉพาะแฟนคลับเอมม่า วัตสัน เราติ่งเรื่องนี้หนักมาก และความรู้สึกหลังดูมันเยอะมากค่ะ
อย่างแรก คือ เราชอบนะ ดูบ่อยๆได้เรื่อยๆ แต่ประเด็นหนักๆเลยคือ มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้ ด้วยความคาดหวังสูงมากระดับลิบลิ่ว บวกความติ่ง ความหายใจเข้าออกเป็นบิวตี้ ดูจนท่องไดอาล็อกได้ ดูฉบับบรอดเวย์ อ่านนิยายออริจินัล อ่านนิยายเวอร์ชั่นหนัง อ่านเบื้องหลัง อ่านการ์ตูน ดูภาคแยก คือทุกอย่างของชีวิตเราเป็นบิวตี้ เรารักเรื่องนี้ที่สุดในชีวิต เลยคิดไว้แล้วไงว่าหนังมันต้องเยี่ยมสิ นี่ไง คิดแบบนี้ มันเลยเฟลเมื่อหนังมันทำไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น
จุดที่ดี ที่ทำให้เราชอบ แน่นอนว่าคือความสวยงามแบบสุดๆของฉากและคอสตูมรวมถึงบรรยากาศและโทนสีของหนังทั้งหมด อันนี้ชื่นชมจริงๆ ยิ่งดู imax3d มาเพิ่มยิ่งเห็นถึงความสวยของรายละเอียดพวกนี้ เหมือนเห็นภาพความสวยงามจากการ์ตูนมาเป็นอะไรที่ดูมีจริงและจับต้องได้
งานดนตรีทำได้ดี แม้จะสู้ของเก่าไม่ได้บ้าง แต่เข้าใจว่าของเก่าขึ้นหิ้งแล้ว แต่มันเป็นส่วนประกอบใหญ่ของเรื่องแล้วงานดนตรีโดนดึงให้ดรอปลงด้วยการตัดต่อที่ไม่เวิร์ค
ซึ่งการตัดต่อที่ไม่เวิร์คนี่แหละ มันเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งทำให้หนังไม่พีค ไม่สามารถสร้างความรู้สึกร่วมหรืออินกับตัวละครอย่างที่ปกติเราอิน มันฉับๆๆ บางฉากจะยืดก็ยืดๆๆ เสียที่จุดนี้ไปเยอะเลย
จุดที่ไม่ดีอีกอย่างคือด้วยเนื้อเรื่องสมัยการ์ตูนมันมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่หลายประเด็น หนังเลยพยายามที่จะปรับและเปลี่ยน หรือเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว แต่ไอ้ที่เพิ่มอ่ะ พอมาใส่ปุ๊ป มันดูเกินๆ มันดูเหมือนตัดแปะใส่ มันไม่สมูทไปกับเส้นเรื่องเดิมเท่าไหร่
ซึ่งจริงๆเราอ่านตัวนิยายที่ดัดแปลงจากบทหนังนะ ตอนอ่านนิยายเราไม่รู้สึกแปลก เรากลับชอบด้วย พอเป็นงี้ เลยเห็นได้ชัดว่าการเอาเรื่องมาใส่หนังแล้วตัดต่อไม่ดี คัดบทพูดมาไม่ครบหรือไม่เหมาะกับฉาก มันทำให้หนังดูหลุดไปบางฉาก ถ้าจะเป็นแบบนี้ ไหนๆก็คิดจะเคารพต้นฉบับ ก็ลอกต้นฉบับไปทั้งเรื่องเลย ไม่สมเหตุสมผลก็ช่างมัน ความไม่สมเหตุสมผลของปี 1991 มันพาให้การ์ตูนเรื่องนี้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเลยนะ
เราเป็นติ่งที่ไม่อวยเรื่องนี้จนออกนอกหน้า แม้จะบ่น แต่เราชอบเพราะยังไงเสน่ห์ของความเป็นบิวตี้ก็ยังคงมีอยู่เยอะ นี่พยายามลดๆการเปรียบเทียบกับการ์ตูน และมองให้เป็นหนังเรื่องบิวตี้ที่ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูน มันทำให้ใจชื้นขึ้น โดยเฉพาะการดูรอบสองเมื่อคืน รู้สึกดีกว่าเมื่อวานซืนที่ไปดูรอบสื่อมาก
จบรีวิวช่วงแรกแล้ว หลังจากบรรทัดนี้ลงไปคือรีวิวเปรียบเทียบแยกรายตัวละคร+นักแสดงหลักๆ เพลงทุกเพลงในหนัง แม้เราจะบอกว่าถ้าดูแบบไม่เปรียบเทียบจะสนุกกว่า แต่ด้วยความติ่งและอินกับการ์ตูน เราอดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ ต่อในคอมเม้นด้านล่างนะคะ
**************