[CR] ไปญี่ปุ่นกับเพื่อนแฟน นอนSunnide ดูวิวฟูจิ เที่ยวนิกโก้ กินขาปูยักษ์ 5 วัน ทั้งทริป 27,000 บาท แบบนี้ก็ได้เหรอ


กล้องที่ใช้ถ่ายภาพส่วนใหญ่มาจากมือถือ IPHONE 5S


ต้องขอออกตัวเลยว่าทริปนี้เดินทางกันตั้งแต่ 2-6 ตุลาคม เมื่อปีที่แล้วแต่เพิ่งมีเวลามารีวิวให้เพื่อนๆได้ชมกัน ถ้ามีข้อมูลอะไรที่ไม่อัพเดทหรือผิดพลาดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ทริปนี้เกิดจากการรวมตัวกันของเพื่อนของแฟนเรา (สรุปคือเพื่อนแฟน) ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลเราเลยขอไปด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่าขอไปดู “ภูเขาไฟฟูจิ” กับตาสักครั้ง และอยากรู้ว่าประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของ “โดราเอม่อน” มันหน้าตาเป็นยังไงกันนะ (ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 6 คน)


หลังจากสรุปกันได้ว่าเราจะไปไหนก็จองตั๋วเครื่องบินก่อนอันดับแรกจากนั้นก็ศึกษาข้อมูลในการเดินทาง และเช่นเคยแหล่งเรียนรู้ของพวกเราคงจะไม่พ้น “Pantip” อีกตามเคย (และนี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราอยากมา “รีวิว” เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนเพื่อน เหมือนที่เราได้รับความรู้จากที่นี่เช่นกัน)

โดยทริปนี้พวกเรามีเป้าหมายไว้ว่าจะไปกันที่ โตเกียว-คาวาคูชิโกะ-นิกโก้ เรียกได้ว่าออกนอกเมืองกันทุกวันแทบไม่มีเวลาได้อยู่ในเมืองกันเลยทีเดียว แบบนี่แหละอายุอานามก็เยอะกันแล้วเลยชอบใช้ชีวิตตามต่างจังหวัดมากกว่าในเมือง


เรามาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่าเนอะ
2 ตุลาคม 2559
เดินทางมาถึงสนามบินนาริตะด้วยเจ้า XJ606 ในเวลาหนึ่งทุ่มตรง (ประเทศญี่ปุ่นเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง)
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบเสียวเสียว เพราะเคยได้ยินมาว่า ตม.ที่นี่เคร่งครัดกับคนไทยเป็นพิเศษ และนี่คือการมาญี่ปุ่นของเราครั้งแรกประกอบกับเปลี่ยนพาสปอร์ตเล่มใหม่มาแบบขาวขาวเลย เลยกลัวล่วงหน้าไปเยอะมาก แต่ไปไปมามาปรากฏว่ามาเสียเวลาตรงสุลากากรมากกว่า ถามคำถามพวกเรา 6 คนอยู่หลายนาทีกว่าจะปล่อยให้ผ่านออกมา


จากนั้นพวกเราก็ไปซื้อตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางเข้าเมืองกัน ใช้บริการของ N’EX Narita Express
ซื้อที่เคาเตอร์ของ JR East Travel Service Center ช่วงเวลาที่จำหน่าย 08.15-20.00น. เวลาทำการทุกวัน
การซื้อตั๋วต้องระบุที่นั่งทั้งขาไปและกลับด้วย ส่วนเรื่องความสะดวกสบายบนเครื่องเรียกได้ว่าสบายมากมาก ที่นั่งกว้างขวางและที่สำคัญที่เสียบสายชาร์จแบตโทรศัพท์ และมีป้ายบอกสถานีเป็นระยะไม่ต้องกลัวหลงเลย


20.47น. เราเดินทางออกจากสนามบินนาริตะ ถึงที่ชินจูกุ 22.11น. (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 45 นาทีโดยประมาณ)
ภาพจำแรกที่เท้าได้สัมผัสสถานีชินจูกุ คือ ตัวเราที่หยุดนิ่งแล้วมีคนเคลื่อนไหวไปมาแบบไม่หยุด ประกอบกับสายตาที่มองไปรอบสถานีแล้วเห็นรางรถไฟที่มันดูสับสนวุ่นวาย ผู้คนดูเร่งรีบยกเว้นเรานี่แหละที่ยืนงงอยู่ ไม่ใช่ไม่รีบนะแต่แบบมึนไงจะไปทางไหนต่อดีหว่ะ พอตั้งสติได้ก็เอาเว้ยเดินหน้าต่อ อย่าไปกลัวเคยมาแล้วจำไม่ได้เหรอ (เดิน Google Street View อยู่ทุกวัน)


ภาพแรกหลังจากที่ออกจาสถานีชินจูกุมา



หลังจากที่ออกจากสถานีชินจูกุเป้าหมายของเราในคืนนี้ คือ ไปหาที่พักที่เราจะพักกันคืนนี้ Shinjuku Kuyakushomae Capsulte Hotel  
ตั้งอยู่ที่ Toyo Building 3F 1-2-5 Kabukicho ชินจูกุ 160-0021 (ที่พักอยู่ไม่ไกลจาก ดองกี สาขาชินจูกุ ละแหวกนั้นมี 7Eleven Lawson และ Familymart )

ตัวโรงแรมจะตั้งอยู่ที่ชั้น 3-8  // ชั้น 3 จะเป็น Counter Check IN และจุดที่เป็น Locker เก็บรองเท้า (คือทุกคนที่เข้าพักต้องเปลี่ยนรองเท้าที่โรงแรมจัดไว้ให้แล้วเก็บรองเท้าของตัวเองใส่ Locker ไว้ที่ชั้นนี้) ในส่วนของที่พักที่นี่จะแยกระหว่างชายหญิงนะคะ หลังจากที่พวกเรารับกุญแจแล้วก็ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 8 ได้เลย และก่อนเข้าไปด้านในก็ต้องใส่รหัสก่อนเข้าประตูด้วย พอเดินเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นจะเป็นชั้นวางของซึ่งสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้อย่างสบาย ใกล้ๆกันมีห้อง Locker Room เอาไว้เก็บของ (เป็นตู้ล็อกเกอร์ที่มีกุญแจให้) และพอเดินมาอีกหน่อยจะเป็นห้องอาบน้ำ (ที่นี่เป็นห้องอาบน้ำรวม) และถัดมาจะเป็นที่นอนที่เราจะนอนกันคืนนี้


คั่นเวลาแป๊ป “ว่าด้วยเรื่องของห้องน้ำที่ญี่ปุ่น”

ทำธุระอยู่จู่จู่ น้ำฉีดขึ้นมาเฉยเลย (นี่ยังไม่ได้ทำการร้องขอเลยนะ) ว่าแล้วต้องหาทางทำให้มันหยุด แต่ประเด็นมันยังไม่หยุดจะต้องทำอย่างไร ก็เลยลองลุกขึ้นยืนเพื่อเซนเซอร์มันจะทำให้น้ำหยุด (อันนี้คิดเอง) พอลุกปุ๊ปนอกจากจะไม่หยุดน้ำที่ฉีดขึ้นมาก็พุ่งด้วยความเร็วสูงไปที่ประตูเลย (นั่งแทบไม่ทัน) คราวนี้ความโกลาหลบังเกิดกดแทบทุกปุ่มที่มี กดไปเจอเสียงดนตรีก็ยิ่งลน เหลือปุ่มสุดท้ายคราวนี้ถ้าไม่หยุดจะตะโกนให้คนช่วย ปรากฏว่า “หยุด” เว้ย โลกสงบสุขอีกครั้ง (สรุปคืออีปุ่มตัว STOP ที่เป็นสี่เหลี่ยม ก็ใครจะไปรู้หล่ะนึกว่าเป็นปุ่มหยุดเสียงดนตรี) และอีกอันที่เป็นปัญหาคือถังขยะอัตโนมัติที่อยู่ข้างข้าง เปิดปุ๊ปพอกำลังทิ้งหนีบมือปั๊ปตลกไปอีก   


บรรยากาศในโรงแรมคืนแรก
ภายในแคปซูล มีหมอน ผ้าห่ม ทีวี ปลั๊กไฟสำหรับมือถือ (สำหรับเรา 950 บาทเนี่ยคุ้มเกินคุ้ม)


ภาพบรรยากาศ "ชินจูกุ" ยามค่ำคืน


สรุปค่าใช้จ่ายในวันนี้
ค่า Pocker Wifi คนละ 250 บาท (หาร 3)
ค่าตั๋วเครื่องบิน คนละ 9,290 บาท (รวมค่าโหลดกระเป๋า)
ค่าข้าวที่สนามบิน ซื้อใน 7Eleven คนละ 150 บาท
ค่าตั๋ว N’EX Narita Express ไปกลับสนามบินคนละ 4,000เยน (เงินไทย 1,360บาท)
ค่าที่พักที่ Shinjuku Kuyakushomae Capsulte Hotel  คนละ 950 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายในวันแรก 12,000 บาท


#weegavinheartjapan
เดี๋ยวมาต่อ
ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น บันทึกนักเดินทาง เที่ยวต่างประเทศ บันทึกนักเดินทาง โตเกียว นิกโกะ คาวาคูจิโกะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่