เรื่องนี้ไม่แท็กการเมืองเพราะมีโอกาสที่กระทุ้จะเบี่ยงเบนกลายเป็นถกเถียง
ผมอยากเอาเรื่องนี้มาคุย เพราะอยากเห็นมุมมองผุ้เล่นหุ้น. เจ้าของกิจการ. และนักกฏหมาย. ว่าเห็นด้วยหรือขัดแย้งส่วนไหนกับสิ่งที่อาจารย์ของผมเขียนขึ้นในเฟสครับ
(หมายเหตุ ถ้าอาจารย์มาเห็น ผมขออนุญาตวิสาสะตัดข้อความยั่วยุบางจุดนะครับ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนความเห็นมีประสิทธิภาพครับ)
*บทความยาวมาก. แต่อยากให้อ่านจนจบครับ
#ล่มสลายอย่างแท้จริง
ทันทีที่มีข่าวออกมาว่ามีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อันเกิดจากพวกมโนต่อยอดเอาจากเรื่องการเก็บภาษีจากการขายหุ้นของคุณทักษิณ วินาทีแรกๆ ที่ได้รู้ว่ามีแนวคิดแบบนี้เกิดขึ้นจากคนของรัฐบาล ผมก็นึกเชียร์ทันทีแบบจำเป็นต้องเขียนขยายความว่าทำไมผมถึงเชียร์
แต่ผมเชียร์ขนาดนี้แล้ว ท่านจะกล้าออกกฏหมายบังคับการจัดเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า และถ้ากล้า ก็อย่าออกเป็น พรบ.เลยนะครับเพราะมันจะล่าช้าเกินไป ท่านต้องออกเป็น พรก.บังคับใช้ทันทีก่อน จากนั้นค่อยให้ สนช.รับรอง พรก.นั้นภายหลังแล้วเปลี่ยนให้เป็น พรบ.ในที่สุด
ถ้าทำสำเร็จจริงๆ ประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่บังคับเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สำเร็จ (ไม่นับกรณีที่นิติบุคคลขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แล้วมีกำไรที่ต้องเสียภาษี ตามเงื่อนไขของประมวลรัษฏากร)
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากมีกฏหมายออกมาบังคับใช้
- นักลงทุนคงรีบเทขายหุ้นกันอย่างรวดเร็ว คือคาดได้ว่าราคาหุ้นจะร่วงแบบไม่รู้ว่าก้นเหวจะอยู่ที่ไหน ใครหนีตายได้ก่อนก็ต้องทำก่อน ดัชนีหุ้นคงตกต่ำสุดๆ ในแต่ละวัน ย่อมหมายความว่าผู้ถือหุ้นต่างๆ บริษัทต่างๆ จะจนลงกันอย่างรวดเร็วแบบเสมอภาค
- เงินบาทจะไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป เงินที่นักลงทุนขายหุ้นได้เป็นเงินบาท จะถูกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นแล้วโยกเงินออกไปจากประเทศไทยเพื่อเอาไปลงทุนในตลาดหุ้นแห่งอื่นๆ ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ประชาชนคนไทยทุกคนจะจนลงโดยอัตโนมัติเมื่อเทียบค่าเงินบาทที่มีอยู่เทียบกับเงินต่างประเทศ
- เงินบาทในตลาดเงินทั่วโลกจะถูกเทขายทิ้งเหมือนขยะ สินค้าทางการเงินต่างๆ เช่นพันธบัตร หุ้นกู้ หรือตั๋วสัญญาใช้เงินต่างๆ จะถูกเทขายทิ้งเช่นกัน
- เศรษฐีจากการถือหุ้นต่างๆ จะจนลงอย่างเฉียบพลัน อันเกิดจากราคาหุ้นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่กู้เงินมาลงทุนซื้อหุ้นก็คงฆ่าตัวตายกันระเนระนาดอันเกิดจากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั่นเอง
- คนที่ลงทุนซื้อกองทุนต่างๆ ก็จะรับกรรมแบบปฏิเสธอะไรไม่ได้ เงินที่คิดว่าจะเก็บออมไว้ในการซื้อกองทุน แล้วกองทุนนั้นก็เอาไปลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดเงิน ผลก็จะออกมาขาดทุน ถ้าขายออกได้ทันก็จะโดนเรียกเก็บภาษีซ้ำเติมเข้าไปอีก ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็โดนหมด หากถือไว้ไม่ถึงกำหนดที่กฏหมายภาษีกำหนดเงื่อนไขการลดหย่อนเอาไว้
- สินค้านำเข้าทุกรายการจะมีราคาแพงขึ้น ขณะที่คนที่มีรายได้เป็นเงินบาทจะมีกำลังซื้อลดลง บรรดาลูกจ้างทั้งหลายจะจนลงกันถ้วนหน้า
- กิจการต่างๆ ที่เคยระดมทุนได้จากตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำไม่ได้อีกต่อไป ต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้น ผลประกอบการจะแย่ลง
- เมื่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแย่ลงแบบคาดการณ์ได้ บริษัทข้ามชาติต่างๆ ก็คงทะยอยย้ายฐานออกไป คนจะตกงานถ้วนหน้า หนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินจะติดปัญหาที่ไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ได้ NPL จะเกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง สถาบันการเงินจะล้มละลาย ทรัพย์สินของชาติจะด้อยค่าลงแบบประเมินความเสียหายไม่ได้
ฯลฯ
สำหรับผมที่ถือเงินบาทไว้น้อยมากจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มๆ จากการอ่อนค่าของเงินบาท ขณะที่ไม่ได้มีทรัพย์สินใดๆ เลยที่จะได้รับผลกระทบ
ส่วนคนไทยทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินฝากอะไรมากมาย ไม่ได้เล่นหุ้น ไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ก็จะได้เพื่อนใหม่ที่ตกสวรรค์อันเกิดจากการจนเฉียบพลันอีกมากมายก็ได้
ถ้าอยากให้คนไทยทัดเทียมกันแบบถ้วนหน้าก็รีบๆ ออกกฏหมายบังคับใช้โดยเร็วเถอะครับ
ด้วยความเคารพ
จากบทความนี้ท่านเห็นด้วยหรือคัดค้านส่วนไหนสามารถเพิ่มเติมได้นะครับ
และผมมีคำถามเพิ่มเติมนะครับ
1.ท่านคิดว่าบทความนี้เป็นจริงทุกประการหรือมีจุดไหนที่คิดว่าเป็นการมองโลกแง่ร้ายเกินไป
2.ท่านคิดว่ารัฐบาลที่ห้าวหาญใช้ ม.44. กับธรรมกาย ทำไมเคสนายกทักษิณถึงใช้เวลานานเหลือเกินในการเล่นงาน
3.สมมติว่ารัฐบาลยึดทรัพย์ได้จริงๆ. ท่านมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะนำเงินหมุนหมื่นล้านส่วนนี้ไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศได้หรือไม่
ขอบคุณที่อ่านจนจบและหวังว่าจะได้รับการแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างผุ้มีอารยะครับ
สอบถามเรื่องการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังนายกทักษิณ
ผมอยากเอาเรื่องนี้มาคุย เพราะอยากเห็นมุมมองผุ้เล่นหุ้น. เจ้าของกิจการ. และนักกฏหมาย. ว่าเห็นด้วยหรือขัดแย้งส่วนไหนกับสิ่งที่อาจารย์ของผมเขียนขึ้นในเฟสครับ
(หมายเหตุ ถ้าอาจารย์มาเห็น ผมขออนุญาตวิสาสะตัดข้อความยั่วยุบางจุดนะครับ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนความเห็นมีประสิทธิภาพครับ)
*บทความยาวมาก. แต่อยากให้อ่านจนจบครับ
#ล่มสลายอย่างแท้จริง
ทันทีที่มีข่าวออกมาว่ามีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อันเกิดจากพวกมโนต่อยอดเอาจากเรื่องการเก็บภาษีจากการขายหุ้นของคุณทักษิณ วินาทีแรกๆ ที่ได้รู้ว่ามีแนวคิดแบบนี้เกิดขึ้นจากคนของรัฐบาล ผมก็นึกเชียร์ทันทีแบบจำเป็นต้องเขียนขยายความว่าทำไมผมถึงเชียร์
แต่ผมเชียร์ขนาดนี้แล้ว ท่านจะกล้าออกกฏหมายบังคับการจัดเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า และถ้ากล้า ก็อย่าออกเป็น พรบ.เลยนะครับเพราะมันจะล่าช้าเกินไป ท่านต้องออกเป็น พรก.บังคับใช้ทันทีก่อน จากนั้นค่อยให้ สนช.รับรอง พรก.นั้นภายหลังแล้วเปลี่ยนให้เป็น พรบ.ในที่สุด
ถ้าทำสำเร็จจริงๆ ประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่บังคับเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สำเร็จ (ไม่นับกรณีที่นิติบุคคลขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แล้วมีกำไรที่ต้องเสียภาษี ตามเงื่อนไขของประมวลรัษฏากร)
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากมีกฏหมายออกมาบังคับใช้
- นักลงทุนคงรีบเทขายหุ้นกันอย่างรวดเร็ว คือคาดได้ว่าราคาหุ้นจะร่วงแบบไม่รู้ว่าก้นเหวจะอยู่ที่ไหน ใครหนีตายได้ก่อนก็ต้องทำก่อน ดัชนีหุ้นคงตกต่ำสุดๆ ในแต่ละวัน ย่อมหมายความว่าผู้ถือหุ้นต่างๆ บริษัทต่างๆ จะจนลงกันอย่างรวดเร็วแบบเสมอภาค
- เงินบาทจะไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป เงินที่นักลงทุนขายหุ้นได้เป็นเงินบาท จะถูกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นแล้วโยกเงินออกไปจากประเทศไทยเพื่อเอาไปลงทุนในตลาดหุ้นแห่งอื่นๆ ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ประชาชนคนไทยทุกคนจะจนลงโดยอัตโนมัติเมื่อเทียบค่าเงินบาทที่มีอยู่เทียบกับเงินต่างประเทศ
- เงินบาทในตลาดเงินทั่วโลกจะถูกเทขายทิ้งเหมือนขยะ สินค้าทางการเงินต่างๆ เช่นพันธบัตร หุ้นกู้ หรือตั๋วสัญญาใช้เงินต่างๆ จะถูกเทขายทิ้งเช่นกัน
- เศรษฐีจากการถือหุ้นต่างๆ จะจนลงอย่างเฉียบพลัน อันเกิดจากราคาหุ้นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่กู้เงินมาลงทุนซื้อหุ้นก็คงฆ่าตัวตายกันระเนระนาดอันเกิดจากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั่นเอง
- คนที่ลงทุนซื้อกองทุนต่างๆ ก็จะรับกรรมแบบปฏิเสธอะไรไม่ได้ เงินที่คิดว่าจะเก็บออมไว้ในการซื้อกองทุน แล้วกองทุนนั้นก็เอาไปลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดเงิน ผลก็จะออกมาขาดทุน ถ้าขายออกได้ทันก็จะโดนเรียกเก็บภาษีซ้ำเติมเข้าไปอีก ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็โดนหมด หากถือไว้ไม่ถึงกำหนดที่กฏหมายภาษีกำหนดเงื่อนไขการลดหย่อนเอาไว้
- สินค้านำเข้าทุกรายการจะมีราคาแพงขึ้น ขณะที่คนที่มีรายได้เป็นเงินบาทจะมีกำลังซื้อลดลง บรรดาลูกจ้างทั้งหลายจะจนลงกันถ้วนหน้า
- กิจการต่างๆ ที่เคยระดมทุนได้จากตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำไม่ได้อีกต่อไป ต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้น ผลประกอบการจะแย่ลง
- เมื่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแย่ลงแบบคาดการณ์ได้ บริษัทข้ามชาติต่างๆ ก็คงทะยอยย้ายฐานออกไป คนจะตกงานถ้วนหน้า หนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินจะติดปัญหาที่ไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ได้ NPL จะเกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง สถาบันการเงินจะล้มละลาย ทรัพย์สินของชาติจะด้อยค่าลงแบบประเมินความเสียหายไม่ได้
ฯลฯ
สำหรับผมที่ถือเงินบาทไว้น้อยมากจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มๆ จากการอ่อนค่าของเงินบาท ขณะที่ไม่ได้มีทรัพย์สินใดๆ เลยที่จะได้รับผลกระทบ
ส่วนคนไทยทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินฝากอะไรมากมาย ไม่ได้เล่นหุ้น ไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ก็จะได้เพื่อนใหม่ที่ตกสวรรค์อันเกิดจากการจนเฉียบพลันอีกมากมายก็ได้
ถ้าอยากให้คนไทยทัดเทียมกันแบบถ้วนหน้าก็รีบๆ ออกกฏหมายบังคับใช้โดยเร็วเถอะครับ
ด้วยความเคารพ
จากบทความนี้ท่านเห็นด้วยหรือคัดค้านส่วนไหนสามารถเพิ่มเติมได้นะครับ
และผมมีคำถามเพิ่มเติมนะครับ
1.ท่านคิดว่าบทความนี้เป็นจริงทุกประการหรือมีจุดไหนที่คิดว่าเป็นการมองโลกแง่ร้ายเกินไป
2.ท่านคิดว่ารัฐบาลที่ห้าวหาญใช้ ม.44. กับธรรมกาย ทำไมเคสนายกทักษิณถึงใช้เวลานานเหลือเกินในการเล่นงาน
3.สมมติว่ารัฐบาลยึดทรัพย์ได้จริงๆ. ท่านมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะนำเงินหมุนหมื่นล้านส่วนนี้ไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศได้หรือไม่
ขอบคุณที่อ่านจนจบและหวังว่าจะได้รับการแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างผุ้มีอารยะครับ